Tohoku Maple Hunter : ตะลุยล่าใบไม้เปลี่ยนสีในภูมิภาคโทโฮคุ แบบรัวกินฟินกิจกรรมตลอด 6 วัน 5 คืน
สารบัญ
- Day 1
Aomori
- Find my Don ที่ Aomori Gyosai Center ตลาดปลาที่สร้างสรรค์ข้าวหน้าปลาดิบได้เอง
- ไต่เขาสูงชมวิวสวยด้วย Hakkoda Ropeway
- Jogakura Ohashi สะพานที่เชื่อมเรากับธรรมชาติไว้ด้วยกัน
- แวะช็อปของดังในท้องถิ่นที่ Rest Area Oirase, Shikisaikan
- BBQ in Tanesashikaigan Camping Ground
- Miroku Yokocho ท่องไนท์ไลฟ์กลางใจเมืองฮาจิโนเฮะแบบวินเทจ
- Day 2 Aomori – Iwate
- Day 3 Iwate
- Day 4
Akita
- เติมความหวานให้ชีวิตด้วยน้ำผึ้ง Made in Japan คุณภาพดีที่ Yama no Hachimitsuya
- เติมความสดชื่นด้วยเหล่าดอกไม้และเฮิร์บนานาชนิดที่ Tazawako Herb Garden Heart Herb
- เติมพลังชีวิตด้วยพลังธรรมชาติอันงดงามที่หุบเขา Dakigaeri
- เติมความคึกคักให้ชีวิตด้วยการใช้เวลากับน้องหมาพันธุ์อาคิตะแสนรู้ที่ Hostel Enishi
- เติมความรู้เชิงประวัติศาสตร์และสังคมของซามูไรที่ Kakunodate Bukeyashiki
- Day 5
Akita – Miyagi
- ทำความรู้จักกับอาคิตะในที่เดียวแบบครบวงจรที่ Akita Furusato-mura
- ส่อง Uchi-gura โกดังซ่อนสมบัติแห่งสมัยเมจิใน Hinomaru Brewery
- ลองชิมอุด้งเส้นเล็กหนึบ อินานิวะอุด้ง ที่ Sato Yosuke Shoten
- ไหว้พระที่วัด Motsuji มรดกโลกที่ขึ้นชื่อเป็นสวรรค์บนดิน
- Date no Gyutan แน่นอนว่ามื้อเย็นต้องเป็นลิ้นวัว
- เพลิดเพลินยามค่ำ Sendai Nightlife & Shopping Street
- Day 6 Miyagi
เข้าสู่ฤดู ใบไม้เปลี่ยนสี ทั้งที ต้องตีรถขึ้นเหนือไปชมธรรมชาติแสนบริสุทธิ์อันเลื่องชื่อของ โทโฮคุ ครั้งนี้จัดเต็มขับรถเที่ยวแบบยาวๆ 6 วัน 5 คืน กับ 4 จังหวัด ได้แก่ อาโอโมริ อาคิตะ อิวาเตะ และมิยากิ
ซึ่งการตะลอนเที่ยวใน โทโฮคุ ครั้งนี้ เราเดินทางมาในช่วงปลายเดือนตุลาคม (26-31 ตุลาคม) นอกจากจะตามส่องหาจุดชม ใบไม้เปลี่ยนสี สวยแจ่มดูเพลินเดินสนุก เรายังเน้นกินอร่อย แวะย่อยความรู้ทางประวัติศาสตร์ และสัมผัสงานคราฟต์เบาๆ แบบเสริมสร้างประสบการณ์ชีวิต
ผ่านไป 6 วันใบไม้อาจเปลี่ยนสี แต่เราไม่เปลี่ยนใจจากภูมิภาคนี้แน่นอน
Day 1
Aomori
Find my Don ที่ Aomori Gyosai Center ตลาดปลาที่สร้างสรรค์ข้าวหน้าปลาดิบได้เอง
วันแรกเริ่มกันที่จังหวัดอาโอโมริ ซึ่งอยู่เหนือสุดของภูมิภาค กะเวลามาถึงเที่ยงพอดี ต้องแวะมากินข้าวที่ตลาดสดอาโอโมริ (Aomori Gyosai Center) หรือมีอีกชื่อหนึ่งว่าตลาดฟุรุคาวะ (Furukawa Fish Market) เติมพลังก่อนเลย
ที่นี่เป็นเหมือนตลาดปลา แต่พิเศษกว่าตรงที่เราสามารถซื้อข้าวแล้วเดินเลือกช็อปปลาดิบมาโปะหน้าแบบคัสตอไมซ์ตามใจตัวเองได้สุดๆ ชาวอาโอโมริเรียกสิ่งนี้ว่า นกเกะด้ง (Nokke Don) แปลตรงๆ ได้ว่าข้าวโปะนู่นนี่ (ที่เธอชอบ)
ชั้น 1 มีร้านค้าเรียงรายให้เลือกซื้อราว 30 ร้าน (รวมร้านขายอาหารแห้งและของฝาก) ส่วนชั้น 2 เป็นที่นั่งกินอาหารซึ่งมีอุปกรณ์ป้องกันโควิด-19 พร้อมสรรพ กินเสร็จมีถังขยะและอ่างล้างมือให้บริการ ใครชอบเดินตลาดและกินปลาดิบสดอร่อยห้ามพลาดเลย เพราะบรรยากาศคึกคัก มีความโลคอลสมกับเป็นตลาดแบบฉบับที่เราคาดหวัง แต่เดินสบายและสะอาดสุดๆ ที่สำคัญมีร้านเนื้อวัววากิวชั้นดีและเนื้อหมูให้เลือกกินด้วย ต่อให้เพื่อนไม่กินปลาดิบก็ยังอร่อยไปพร้อมกันได้
วิธีซื้อนั้นง่ายมาก ก่อนอื่นต้องซื้อเซ็ตคูปองสำหรับนำไปแลกอาหาร มี 2 ราคา ราคา 750 เยนได้คูปอง 5 ใบและ 1,500 เยนได้คูปอง 10 ใบ จากนั้นจึงนำไปแลกของชอบที่ร้านที่มีธงสีส้ม เช่น ข้าวสวยใช้ 1 ใบ ปลามากุโร่ใช้ 1 ใบ ไข่หวานใช้ 1 ใบ อูนิใช้ 3 ใบ เป็นต้น
นี่แหละความอร่อยและความสนุกในราคามิตรภาพที่แท้จริง
Info
Aomori Gyosai Center / Furukawa Fish Market (Nokkedon)
Location: เมืองอาโอโมริ (Aomori) จังหวัดอาโอโมริ
Hours: พ.-จ. 7:00-16:00 น.
Holiday: วันอังคาร และวันหยุดช่วงปีใหม่
Nearest Station: สถานีอาโอโมริ (Aomori Station)
Access: เดินจากสถานีอาโอโมริ ใช้เวลาประมาณ 4 นาที
Website: nokkedon.jp
ไต่เขาสูงชมวิวสวยด้วย Hakkoda Ropeway
ท้องอิ่มแล้วก็มีแรงเที่ยว สำหรับจังหวัดอาโอโมริห้ามพลาด ฮักโกดะโรปเวย์ (Hakkoda Ropeway) ที่เราสามารถชมวิวภูเขาเรียงรายสลับสีส้มอมเหลืองเขียวอย่างสวยงามจากมุมสูงแบบ 360 องศา รถเคเบิลเคลื่อนตัวอย่างเนิบช้าให้เราได้ชมวิวธรรมชาติเต็มที่ตลอด 10 นาที แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้เห็นใบไม้แดง แต่พูดเลยว่าวิวจากมุมนี้สวยแทบขาดใจ
แต่ความฟินไม่ได้จบแค่นั้น!
ด้านบนมีระเบียงไม้จุดชมวิวเทือกเขา Hakkoda ซึ่งทำเพิ่มเพื่อให้คนที่ใช้รถเข็นหรือผู้สูงอายุได้ชมวิวสวยๆ แบบไม่ต้องลำบาก สำหรับสายลุยที่นี่มีทางเดินป่าแบบเบาๆ ชื่อ Gourd Line ให้สัมผัสธรรมชาติแบบใกล้ชิดขึ้นอีกนิด จะเลือกเดินแบบ 30 นาทีหรือ 60 นาที แล้วแต่กำลังขาและกำลังใจ ระหว่างทางมีจุดชมวิวอีกอันให้แวะชมวิวเทือกเขาแบบเต็มๆ
ภาพ “ใบไม้เปลี่ยนสี” จากบนโรปเวย์ที่ภูเขาฮักโกดะ โทโฮคุ
จริงๆ แล้วที่นี่สวยทุกฤดู ยิ่งฤดูหนาวมีหิมะปกคลุมเทือกเขาต่างๆ กว้างสุดลูกหูลูกตา มีปีศาจหิมะ (Snow Monster) หรือ Juhyo ในภาษาญี่ปุ่นซึ่งเป็นหิมะที่จับตัวแข็งบนต้นไม้มองคล้ายสัตว์ประหลาด มีลานสกีด้วย ส่วนฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนมีความเขียวชอุ่มของพรรณไม้ที่มองแล้วสบายตาเป็นจุดขาย และได้ดอกไม้นานาชนิดมาแต่งแต้มสีสันเพิ่มความสดใสให้กับหัวใจนักท่องเที่ยว ถ้าอยากมาดู ใบไม้เปลี่ยนสี ย่านนี้เริ่มเปลี่ยนสีตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน ถ้าอยากดูหิมะขอให้มาหลังกลางเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป แต่ถ้าชอบเดินป่าด้วยอินเนอร์สาวน้อยชมดอกไม้เล็กๆ กุ๊กกิ๊กน่ารัก แนะนำช่วงเดือนมิถุนายน
Info
Hakkoda Ropeway
Location: เมืองอาโอโมริ (Aomori) จังหวัดอาโอโมริ
Hours: 9:00-16:20 น. (ฤดูหนาวเปิดถึง 15:40 น.)
Holiday: ไม่มี
Fee: ไป-กลับ ผู้ใหญ่ 2,000 เยน, เด็ก 700 เยน
Access: นั่งรถบัสจากด้านหน้าสถานีอาโอโมริ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที
Website: www.hakkoda-ropeway.jp/english
Jogakura Ohashi สะพานที่เชื่อมเรากับธรรมชาติไว้ด้วยกัน
ถ้าบอกว่าจะพาไปเที่ยวสะพาน เชื่อว่าหลายคนคงแบบ เอ่อ ไม่เป็นไร แต่ขอบอกเลยว่าถ้ามาเที่ยว โทโฮคุ ควรข้ามสะพานที่นี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงฤดู ใบไม้เปลี่ยนสี
ขับรถผ่านวิวสวยๆ สองข้างทางมาจากโรปเวย์ไม่ไกลก็จะได้พบกับสะพานโจกาคุระ (Jogakura Bridge) ซึ่งเชื่อมระหว่างโซนซึงารุ (Tsugaru) และนัมบุ (Nambu) ของจังหวัดอาโอโมริไว้ด้วยกัน ความพิเศษระดับประเทศของพี่เขาคือเป็นสะพานที่ส่วนโค้งยาวที่สุดในประเทศญี่ปุ่นด้วยความยาว 255 เมตร! (ส่วนความยาวของสะพานคือ 360 เมตร สูง 122 เมตร)
สะพานโจกาคุระเป็นหนึ่งในจุดชม ใบไม้เปลี่ยนสี ชื่อดังของภูมิภาค โทโฮคุ
เราสามารถชมวิวธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ของอุทยานแห่งชาติโทวาดะ ฮาจิมันไต (Towada-Hachimantai) ได้แบบพาโนรามาจากระเบียงที่ทำไว้ให้ชมวิวโดยเฉพาะ เทือกเขาน้อยใหญ่ไล่ระดับดูสวยงาม ยิ่งได้เห็นลำธารโจกาคุระ (Jogakura River) ไหลเอื่อยๆ ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนหัวใจได้รับการปลอบประโลม
ที่นี่สะดวกมากสำหรับผู้ที่มาด้วยรถยนต์ เพราะมีที่จอดรถและห้องน้ำให้เข้า ใครกระหายก็มีตู้ขายน้ำให้กด เป็นจุดพักรถที่สวยอลังมากจริงๆ และถ้าขับรถไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร จะได้พบกับโจกาคุระออนเซ็น (Jogakura Onsen) ให้ลงแช่ยกระดับการพักผ่อนระหว่างทาง
Info
Jogakura Bridge
Location: เมืองอาโอโมริ (Aomori) จังหวัดอาโอโมริ
Website: www.tohokukanko.jp/en
แวะช็อปของดังในท้องถิ่นที่ Rest Area Oirase, Shikisaikan
โอเค ถ้าตู้กดน้ำเมื่อกี้ยังไม่สามารถทำให้จิตวิญญาณนักช็อปสงบลง ขอแนะนำจุดพักรถโออิราเสะ ซึ่งเป็นทั้งจุดพักรถและศูนย์รวมสินค้าเด่นดีในท้องถิ่น ที่นี่มีครบจบทุกหมวด เช่น ของสดอย่างผักผลไม้, เครื่องดื่ม-นมสด น้ำผลไม้, คราฟต์เบียร์, ขนมกรุบกริบทั้งคาวหวาน, น้ำผึ้ง, สกินแคร์, งานคราฟต์ในท้องถิ่นต่างๆ ใครงงเพราะทุกอย่างช่างละลานตา เขามีมุมของดังยอดนิยมด้วยนะ เผื่อจะตัดสินใจได้ง่ายขึ้น โดยส่วนตัวขอแนะนำผลิตภัณฑ์นมจากฟาร์มในท้องถิ่น เช่น โยเกิร์ต ไอศกรีม เป็นต้น
อย่างที่บอกที่นี่คือจุดพักรถ ห้องน้ำดี มีร้านอาหาร ร้านกาแฟ ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ สวนสาธารณะเล็กๆ และมุมให้ข้อมูลครบถ้วน
Info
Rest Area Oirase, Shikisaikan
Location: เมืองโทวาดะ (Towada) จังหวัดอาโอโมริ
Hours: 9:00-18:00 น.
Holiday: 31 ธ.ค., 1 ม.ค.
Website: www.michi-no-eki.jp
BBQ in Tanesashikaigan Camping Ground
ตะลอนมาทั้งวัน ท้องเริ่มร้องอีกครั้ง ตอนกลางวันกินซูชิไปแล้ว ตอนเย็นถึงคิวของเนื้อย่าง!
เนื้อย่างวันนี้ไม่ธรรมดา เพราะเป็นการกินบาร์บีคิวกลางแจ้งท่ามกลางอุทยานแห่งชาติริมชายฝั่งทาเนซาชิ จึงมีทั้งเนื้อวัวและอาหารทะเล!
อย่าเพิ่งคิดว่าเราแอบมาบุกรุกป่าเขา อุทยานแห่งชาตินี้มีพื้นที่สำหรับแกลมปิ้งโดยเฉพาะ (การตั้งแคมป์แบบ Glamorous คืออยู่สบายแต่ได้บรรยากาศความผจญภัยตามสมควร) แม้จะไม่ได้เป็นแขกที่มาพักที่นี่ก็สามารถแวะมากินคอร์ส BBQ ได้ อาหารที่นี่เน้นใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นเป็นส่วนประกอบหลัก และมีเมนูอาหารท้องถิ่นให้ลองด้วย ใครไม่กินเนื้อวัวหรืออื่นๆ สามารถแจ้งล่วงหน้าได้
ถ้าเป็นฤดูร้อนเราจะได้เห็นสนามหญ้าธรรมชาติสีเขียวสดใสตัดกับสีฟ้าของน้ำทะเลและท้องฟ้า ตกค่ำได้แหงนมองดาวเต็มฟ้าที่หาดูในตัวเมืองแสนยาก สวยจับใจมาก
นอกจากการกินและนอนเต็นท์เก๋ๆ อุทยานแห่งนี้ยังมีกิจกรรมให้ทำอีกมากมาย เช่น เทรกกิ้ง เดินเทรลริมหาด ขี่จักรยาน พายเรอคายัค แม้แต่โยคะก็มี! หรือสนใจทัวร์ตัวเมืองฮาจิโนเฮะ (Hachinohe) ก็จัดให้ได้ ว่ามาเลยว่าสนใจอะไร เช่น ทัวร์บาร์ฮ็อปปิ้งตามตรอกดัง หรือทัวร์พาเดินตลาดเช้า
Info
Tanesashikaigan Camping Ground
Location: เมืองฮาจิโนเฮะ (Hachinohe) จังหวัดอาโอโมริ
Hours: เปิด 24 ชั่วโมง
Holiday: ไม่มี
Nearest Station: สถานีทาเนซาชิไคกัง (Tanesashikaigan Station)
Access: เดินจากสถานีทาเนซาชิไคกัง ใช้เวลาประมาณ 5 นาที
Website: visithachinohe.com/en
Miroku Yokocho ท่องไนท์ไลฟ์กลางใจเมืองฮาจิโนเฮะแบบวินเทจ
สนใจไนท์ไลฟ์สไตล์วินเทจไหมคะ? ถ้าคำตอบคือใช่ เราขอแนะนำมิโรกุ โยโกะโจ (Miroku Yokocho) ตรอกอิซากายะสไตล์วินเทจชื่อดังแห่งเมืองฮาจิโนเฮะ ในจังหวัดอาโอโมริ
ตรอกเล็กๆ ความยาว 80 เมตรแห่งนี้มีร้านอิซากายะหลากสไตล์กว่า 26 ร้านอัดรวมตัวกันให้เลือกแบบจุกๆ ทั้งซูชิ ซีฟู้ด ราเมน ยากิโทริ อาหารท้องถิ่นต่างๆ ฯลฯ แต่ละร้านพื้นที่ค่อนข้างแคบประมาณ 3-4 ตารางเมตร เฉลี่ยแล้วรับลูกค้าได้ไม่เกิน 10 คน จึงทำให้บรรยากาศแสนเป็นกันเอง สิ่งที่อร่อยไม่แพ้อาหารและเครื่องดื่ม คือมิตรภาพที่เกิดขึ้นกับเจ้าของร้านหรือลูกค้าท่านอื่นๆ นั่นเอง
ด้วยความที่ตรอกนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมือง จึงเดินทางสะดวก เที่ยวเสร็จแล้วแวะมาก็ดี กินเสร็จแล้วเดินทางกลับโรงแรมก็ง่าย หรือจะไปแวะชิลล์ต่อที่ตรอกอื่นใกล้ๆ กันก็ลงตัว เพราะบรรยากาศอิซากายะแบบนี้คือความพิเศษของยามค่ำคืนในอาโอโมริจริงๆ
Info
Miroku Yokocho
Location: เมืองฮาจิโนเฮะ (Hachinohe) จังหวัดอาโอโมริ
Hours: แต่ละร้านเปิด-ปิดไม่พร้อมกัน
Holiday: แต่ละร้านวันหยุดแตกต่างกัน
Nearest Station: สถานีฮงฮาจิโนเฮะ (Hon-Hachinohe Station)
Access: เดินจากสถานีฮงฮาจิโนเฮะ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที
Website: www.tohokukanko.jp/en
Day 2
Aomori – Iwate
Kabushima เสริมดวงรับโชคที่ศาลเจ้าริมชายฝั่ง Tanesashi
เริ่มต้นวันที่ 2 ด้วยความสิริมงคล เราจะไปไหว้พระที่ศาลเจ้าชื่อดังอย่างศาลเจ้าคาบุชิมะ (Kabushima Shrine)
คาบุชิมะเป็นเกาะที่อยู่ริมชายฝั่งทาเนซาชิในเมืองฮาจิโนเฮะและเป็นเขตอนุรักษ์สัตว์คือนกนางนวลหางดำ (Umineko) ด้วย เพราะเจ้านกมักแวะมาทำรังขยายพันธุ์ที่ย่านนี้ทุกปี ใครมาช่วงที่มีนกเยอะๆ ต้องระวังขี้นกกันหน่อย แต่ท่านเจ้าอาวาสบอกว่าวัยรุ่นสมัยนี้เชื่อว่าถ้าโดนขี้นกตกใส่จะโชคดี เพราะว่าขี้ (อุน) พ้องเสียงกับคำว่าโชคพอดี แต่ไม่ต้องกังวลถึงมาไม่เจอนกก็ยังมีสิทธิ์ลุ้นรับโชค เพราะที่นี่มี Lucky Spot อยู่ด้านหน้าศาลเจ้าให้เราไปยืนเงยหน้ากางแขนรับโชคลาภจากท่านเทพเจ้าได้โดยตรง เพื่อให้ได้ผลสูงสุด เราต้องเดินวนขวารอบศาลเจ้าทั้งหมด 3 รอบด้วยจึงจะครบกระบวนการ
แต่จริงๆ แล้ว ที่นี่โด่งดังเรื่องความปลอดภัยเวลาออกเรือไปทำประมง ส่งเสริมการค้าขายและงานในวงการบันเทิง จึงมีดารา เซเลบ และเจ้าของกิจการแวะมาไหว้สักการะเสมอ ท่านเทพเจ้าที่ศาลเจ้าคาบุชิมะ บูชาคือ Benzaiten ซึ่งเป็นที่พึ่งทางจิตใจของชาวประมงและชาวบ้านมายาวนาน สังเกตได้จากภาพมังกรในศาลเจ้าที่ปกติศิลปินจะไม่วาดหาง แต่ที่นี่หางมีเพราะหางเปรียบเหมือนหางเรือ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการเดินเรือในท้องทะเล
นอกจากที่นี่จะถูกใจสายมู สายติสท์ที่ชอบชมอาคารสวยๆ ก็น่าจะอินไม่น้อย เพราะอาคารไม้ของศาลเจ้าเพิ่งบูรณะเสร็จไปหลังจากโดนไฟไหม้ มีเสาไม้ต้นใหญ่ที่สมัยนี้หาชมได้ยากและที่สำคัญได้ชมความประณีตของช่างไม้ญี่ปุ่นด้วย อ้อ! ลืมบอก เซียมซีที่นี่น่ารักมาก เป็นตุ๊กตานกนางนวลหางดำที่คำทำนายถูกม้วนเก็บไว้ด้านใน
Info
Kabushima Shrine
Location: เมืองฮาจิโนเฮะ (Hachinohe) จังหวัดอาโอโมริ
Hours: เปิด 24 ชั่วโมง
Holiday: ไม่แน่นอน
Nearest Station: สถานีซาเมะ (Same Station)
Access: เดินจากสถานีซาเมะ ใช้เวลาประมาณ 12 นาที
Website: www.visithachinohe.com/en/
Sanriku Railway ชมวิวทะเลสวยๆ จากริมหน้าต่างรถไฟ
สมัยนี้การนั่งรถไฟกรุบกริบก็ถือเป็นการท่องเที่ยวที่แสนเพลิดเพลินใจ รถไฟที่เราไปนั่งวันนี้เป็นรถไฟของ Sanriku Railway ที่แม้จะไม่ตกแต่งขบวนรถไฟหวือหวา แต่มีความพิเศษที่เรื่องราวระหว่างทางและวิวสวยๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของรถไฟเลียบชายฝั่งทะเลเส้นนี้
Sanriku Railway เป็นรถไฟที่เชื่อมระหว่างเมืองคุจิและโมริโอกะไว้ด้วยกัน โดยวิ่งเลียบชายหาดฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกตลอดระยะทาง 163 กิโลเมตร ในปี ค.ศ. 2011 ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวและสึนามิจนต้องใช้เวลา 3 ปีเพื่อฟื้นฟู บางช่วงของรถไฟเราจะได้เห็นกำแพงน้ำที่สร้างขึ้นมาใหม่ให้สูงกว่าเดิมจาก 10 เมตรเป็น 14 เมตรเพื่อเตรียมรับมือภัยพิบัติ
จุดเด่นอันเป็นเสน่ห์ของรถไฟเส้นนี้คือความวินเทจ การได้ชมวิวจากริมหน้าต่างที่มีทั้งมหาสมุทรแปซิฟิกอันยิ่งใหญ่และการได้ชมจุดเพาะเลี้ยงปลาแซลมอนซึ่งถือเป็นวิวเก๋สำหรับหน้าต่างรถไฟเลยทีเดียว ใครเป็นแฟนละคร Ama-chan ห้ามพลาดสถานีโฮรินาอิ (Horinai Station) ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำในเรื่องด้วย ที่ชานชาลายังมีป้ายชื่อสถานีโซเดกาฮามะ (Sode ga Hama Station) ที่ใช้ตอนถ่ายละครวางประดับไว้ แต่ที่ประทับใจเราที่สุดคือ โมเดลรถไฟจำลองที่ตั้งอยู่บนสันประตูน้ำ! น่ารักแบบเวรี่เจแปนนีส
วันนี้เราเลือกนั่งจากสถานีต้นทางคือสถานีคุจิ (Kuji Station) มาลงที่สถานีอิวาอิซุมิโอโมโตะ (Iwaizumiomoto Station) ระยะทางกำลังดี ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง มีวิวสวยๆ ที่ว่ามาให้ชมครบถ้วน ใครชอบอูนิห้ามพลาด เพราะที่สถานีคุจิมีเบนโตะข้าวหน้าหอยเม่นที่เป็นของดังขายอยู่ด้วย
ร้านเบนโตะข้าวหน้าไข่หอยเม่นชื่อดังในสถานีรถไฟคุจิ
Info
Route: ระหว่าง Kuji Station กับ Iwaizumiomoto Station
Website: www.sanrikutetsudou.com/en
ชิมเมนูดังประจำย่านที่ Zensukeya Shokudo
ร้าน Zensukeya Shokudo เป็นร้านอาหารเล็กๆ ในจุดพักรถที่อยู่ใกล้ๆ กับสถานีชินทาโร่ ที่นี่แอบมีของเด็ดซ่อนอยู่คือ Donko Karaagedon ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเมนูประจำย่านทาโร่อย่างเป็นทางการหลังเกิดสึนามิเมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 2011 วันนี้เราจัดเต็มสั่งแบบเซ็ตที่เสิร์ฟพร้อม Wakame Ramen
ฟังดูเยอะ (ซึ่งก็เยอะจริง) แต่อร่อยแบบเซอร์ไพรส์หลายอย่าง ข้อแรกน้องของทอดที่โปะอยู่บนข้าวนั้นไม่ใช่ไก่อย่างที่เราคิด มันคือปลา! ปลาดงโกะชื่อเมนูนั่นเอง! รสสัมผัสนุ่มๆ กับแป้งกรอบๆ เค็มๆ เข้ากันได้ดีกับข้าวสวยร้อนๆ ส่วนราเมนสาหร่ายเส้นขนาดกำลังดี มีความลื่นๆ เหมือนเส้นก๋วยเตี๋ยวบ้านเรา น้ำซุปใสหอมๆ ทำให้ข้าวและราเมนกลมกล่อมไปด้วยกันได้ดี คุณภาพและความอร่อยมาเต็มขนาดนี้ ราคาเพียงเซ็ตละ 1,200 เยนเท่านั้น
Info
Zensukeya Shokudo
Location: เมืองมิยาโกะ (Miyako) จังหวัดอาโอโมริ
Hours: พ.-ส.,จ. 11:30-15:00 น., 17:30-20:00 น., อา. 11:30-15:00 น.
Holiday: วันอังคาร, 31 ธ.ค., 1 ม.ค.
Nearest Station: สถานีชินทาโร่ (Shintaro Station)
Access: เดินจากสถานีชินทาโร่ ใช้เวลาประมาณ 8 นาที
Website: www.sanriku-travel.jp
ล่องเรือไปลอด Ao no Dokutsu ถ้ำสีฟ้าใสใกล้ Jodogahama Beach
โอเค ญี่ปุ่นอาจจะไม่ค่อยมีหาดทรายขาวนวลละเอียดแบบบ้านเรา แต่ทะเลของเขาสวยใสไม่น้อยหน้าใครทั้งนั้น ตัวอย่างที่พิสูจน์คำพูดนั้นได้ดีคือชายหาดโจโดโกฮามะ (Jodogahama Beach) แห่งอิวาเตะ เพราะที่นี่มีสีเขียวของต้นสนและสีขาวของโขดหินมาช่วยเสริมความสมบูรณ์ของวิวทะเลให้สวยแปลกตาจนได้รับเลือกเป็นหนึ่งในทิวทัศน์สุดเลิศของญี่ปุ่น อีกทั้งเป็นภาพตัวแทนชายฝั่งซันริกุ (Sanriku Coast) เลยทีเดียว
กิจกรรมแสนสนุกที่นี่มีหลายอย่าง ใครชอบเดินเทรล เส้นทางแถวนี้คือสวยขาดใจ หรือถ้าชอบทางน้ำ อยากลองชวนมานั่งเรือชมวิวเกาะน้อยใหญ่แบบชัดๆ และแวะชมถ้ำสีน้ำเงิน (Ao no Dokutsu) หรือ Blue Cave ของดังในย่านนี้ เรือที่พานั่งชมวิวเป็นเรือเล็กๆ ที่นั่งได้ประมาณ 4-5 คน ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที ราคา 1,500 เยนต่อคน พอได้อยู่บนเรือจะเห็นชัดเลยว่าน้ำทะเลสีฟ้าอมเขียวนี้ใสมาก! ร่องรอยการถูกน้ำกัดเซาะหินก็ดูยิ่งใหญ่ รับกับความสง่าของต้นสนที่อยู่บนเกาะได้ดี เมื่อเรือพาเราไปถึงในถ้ำเราก็พบว่าที่มาของชื่อถ้ำนั้นมาจากการเปลี่ยนสีตามอุณหภูมิของน้ำทะเล ดังนั้นสีของน้ำในแต่ละวันจึงไม่เหมือนกันเลย ลุ้นสนุกไปอีกแบบ
ส่วนคนที่แย่งซีนพระเอกอย่างวิวทะเลและถ้ำแสนสวยคือเหล่านกนางนวล! แถวนี้นกเยอะมาก และเฟี้ยสมาก! ก่อนลงเรือ เจ้าหน้าที่จะแจกขนมให้พวกเราคนละถุงไว้ให้อาหารนก ลืมภาพน้องนางเอกให้อาหารสัตว์อย่างนุ่มนวลไปได้เลย เพราะเพียงแค่เรายกถุงขึ้นมา น้องก็พร้อมจะโฉบมาคาบขนมทันทีที่พ้นปากถุง! และถ้าเราโยนให้มันกลางอากาศ มั่นใจได้เลยว่าพี่เขาเอาอยู่ คาบได้หมด ดังนั้นตลอดการล่องเรือชมทะเลสวยๆ จึงมีเหล่านกบินตามคุมราวกับเป็นองค์รักษ์พิทักษ์นักท่องเที่ยว สนุกไปอีกแบบ (แต่ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย เขามีชูชีพและหมวกนิรภัยให้ครบ)
Info
Ao no Dokutsu (Blue Cave) Boat Service
Location: เมืองมิยาโกะ (Miyako) จังหวัดอาโอโมริ
Hours: มี.ค.-พ.ย.
Holiday: ธ.ค.-ก.พ.
Fee: 1,500 เยนต่อคน (20-30 นาที)
Nearest Station: สถานีมิยาโกะ (Miyako Station)
Access: นั่งแท็กซี่จากสถานีมิยาโกะ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที
Website: sanriku-travel.jp
Day 3
Iwate
Morioka Castle Site Park เดินตามร่องรอยอดีตและส่องงานหินที่แม้แต่ Rolex ยังปลาบปลื้ม
ปราสาทโมริโอกะ (Morioka Castle) ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1598 เพื่อเป็นที่พำนักของท่านผู้ครองแคว้นนัมบุ เมื่อยุคซามูไรสิ้นสุดลง ปราสาทจึงถูกทำลายในปี ค.ศ. 1874 เหลือเพียงสวนสวยและกำแพงหินตั้งตระหง่านเป็นร่องรอยแห่งความรุ่งเรืองในอดีต
แม้ตัวปราสาทจะไม่อยู่ให้เราชมแล้ว แต่ตัวกำแพงหินน่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะมันเป็นหนึ่งในงานฝีมือเก่าแก่ที่ต้องอาศัยช่างที่มีความชำนาญ หินแต่ละก้อนถูกคัดเลือกและเรียงอย่างบรรจงโดยไม่ใช่กาวหรือตัวยึดใดๆ แต่มีความแข็งแกร่งที่แม้แต่แผ่นดินไหวยังทำอะไรไม่ได้ ทั่วประเทศเหลือช่างฝีมือเพียงไม่กี่กลุ่มเท่านั้นที่ยังทำได้ หนึ่งในนั้นคือกลุ่ม Anoshu ที่ได้มีโอกาสไปสร้างฐานราก Rolex Tower ที่เมือง Dallas ประเทศสหรัฐอเมริกาให้กับบริษัทนาฬิกาหรูอย่าง Rolex ด้วย!
นอกจากนั้นที่นี่ยังเป็นหนึ่งในจุดชม ใบไม้เปลี่ยนสี และซากุระที่สวยมากในภูมิภาค โทโฮคุ เพราะมีทั้งความงดงามทางธรรมชาติและวิวเมืองให้ชมแบบ 360 องศา สมแล้วที่ชาวเมืองเรียกร้องให้ปรับปรุงพื้นที่แห่งนี้ให้เป็นสวนสาธารณะจากที่ในอดีตเคยถูกทิ้งร้าง การเดินทางก็แสนสะดวกแม้ไม่มีรถยนต์ เดินจากสถานี Morioka ใช้เวลา 20 นาที หรือหากขี้เกียจเดิน แนะนำนั่งรถบัสซึ่งใช้เวลาแค่ 10 นาที
Info
Morioka Castle Site Park (Iwate Park)
Location: เมืองโมริโอกะ (Morioka) จังหวัดอาโอโมริ
Hours: เปิด 24 ชั่วโมง
Holiday: ไม่มีวันหยุด
Nearest Station: สถานีโมริโอกะ (Morioka Station)
Access: เดินจากสถานีโมริโอกะ ใช้เวลาประมาณ 16 นาที
Website: visitiwate.com
สายแข็งมาวัดกัน! รัวกิน Wanko Soba โซบะดังแห่งอิวาเตะไม่อั้นที่ร้าน Azumaya
ถ้าพูดอาหารท้องถิ่นยอดฮิตของอิวาเตะ ต้องมีชื่อของวังโกะโซบะ (Wanko Soba) ขึ้นมาแน่นอน!
Wanko Soba เป็น 1 ใน 3 เมนูเส้นดังประจำจังหวัดเคียงบ่าเคียงไหล่มากับจาจาเมน (Jajamen) และโมริโอกะเรเมน (Morioka Reimen) ต้นกำเนิดของวังโกะโซบะที่หลายทฤษฎี บ้างก็ว่าที่เมืองโมริโอกะ (Morioka) บ้างก็ว่าเมืองฮานะมากิ (Hanamaki) แต่ที่นี่ๆ ของจังหวัดอิวาเตะแน่นอน เพราะจังหวัดนี้อยู่ทางเหนือของโทโฮคุ ปลูกข้าวยาก ชาวเมืองจึงเน้นปลูกธัญพืช เช่น โซบะ เลยมีวัฒนธรรมการกินเส้นที่แข็งแกร่งและโดดเด่น
ภาพ: wankosoba.jp
วังโกะ เป็นภาษาถิ่นหมายถึงถ้วยไม้เล็กๆ วังโกะโซบะคือโซบะที่อยู่ในถ้วยเล็กๆ ใส่เส้นได้พอดีกับปริมาณ 1 คำ เมื่อเรากินเส้นที่อยู่ในถ้วยหมด พนักงานร้านจะเติมให้เราทันทีด้วยความรวดเร็วและจะเติมไปเรื่อยๆ จนกว่าเราจะปิดฝาถ้วยยอมล่าถอยไปเอง! ที่มาของการเสิร์ฟแบบนี้คือการแสดงความเอาใจใส่ลูกค้าที่มาจากเมืองหลวง
ภาพ: twitter.com/azumayahonten
แค่ฟังก็รู้สึกท้าทายแล้วใช่ไหมล่ะ วันนี้เราไปทดสอบความแข็งแกร่งของกระเพาะที่ Azumaya ร้านดังเก่าแก่ในเมืองโมริโอกะ ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1907 ปัจจุบันทายาทรุ่นที่ 5 เป็นผู้บริหารร้านโดยมีทั้งโซบะของขึ้นชื่อและอาหารสไตล์คัปโป (Kappo Ryori) ซึ่งเป็นอาหาร Fine Dining แบบญี่ปุ่นดั้งเดิม พิเศษสุด! ถ้าใครกินถึง 100 ถ้วยจะมีแผ่นไม้บันทึกชื่อและบันทึกจำนวนแห่งความสำเร็จมอบให้เป็นที่ระลึกด้วย
สำหรับวิธีนับทางร้านจะมีกล่องไม้ขีดเล็กๆ ให้เราใช้แท่งไม้จิ๋วช่วยนับง่ายๆ เช่น 1 แท่งแทนบะหมี่ 5 ถ้วย พออิ่มค่อยมาดูว่าเราทดไว้กี่แท่ง (เราแทนค่าได้ตามใจชอบและต้องนับเอง กินเก่งไม่พอ ต้องเก่งเลขด้วย) และไม่ต้องกลัวว่าจะต้องกินแต่เส้นเปล่าๆ เขามีเครื่องเคียงแสนอร่อยมาให้กินด้วย เช่น ไก่สับปรุงรส ซาชิมิ และซอสต่างๆ ส่วนใครไม่ชอบกินเส้นไม่ต้องกังวล ที่ร้าน Azumaya มีเมนูอื่นๆ อีกมากมายให้เลือกด้วยเช่นกัน
Info
Azumaya Honten
Location: เมืองโมริโอกะ (Morioka) จังหวัดอาโอโมริ
Hours: 11:00-15:00 น., 17:00-18:30 น.
Holiday: ไม่มีวันหยุด
Nearest Station: สถานีโมริโอกะ (Morioka Station)
Access: เดินจากสถานีโมริโอกะ ใช้เวลาประมาณ 26 นาที
Website: wankosoba.jp
Hoonji Temple วัดเก่าแก่ที่รวบรวมรูปแกะสลักพระอรหันต์กว่า 500 รูป
กินเที่ยวอย่างหนักหน่วงมา 2 วัน เราควรพักหาความสงบบ้าง สถานที่ที่ตอบโจทย์ได้ดีก็คือวัดไม้เก่าแก่ที่มีชื่อว่า โฮออนจิ (Hoonji Temple)
วัดนี้เป็นวัดในนิกายโซโต (Soto) สร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1394 ในย่านซันโนเฮะ (Sannohe) ก่อนจะย้ายมาที่นี่ในปี ค.ศ. 1601 ในอุโบสถหลักมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ตั้งเด่น เมื่อเดินไปทางซ้ายและจ่ายเงินเพิ่ม 300 เยน จะพบกับทางเดินเล็กๆ พาเราไปยังอีกอาคารซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของรูปไม้แกะสลักพระอรหันต์ 500 รูปซึ่งเป็นไฮไลท์ของที่นี่
ตรงกลางห้องนี้มีพระพุทธรูปใหญ่ 16 องค์ ส่วนพระอรหันต์ทั้ง 500 ถูกเรียงอยู่บนชั้นรอบๆ ห้อง ทั้งหมดทำจากไม้ด้วยวิธีการเข้าลิ่มและติดทองคำเปลวโดยช่างฝีมือจากเกียวโต การบูชาพระอรหันต์นั้นเป็นสิ่งที่นิกายโซโตยึดถือปฏิบัติ จึงหาชมพระพุทธรูปจำนวนมากแบบนี้ได้ยาก แต่ละองค์มีสีหน้าท่าทางที่แตกต่างกันไป ซึ่งเป็นสไตล์ที่ได้รับอิทธิพลจากจีน หลายคนมักมามองหาองค์ที่หน้าคล้ายตนเองหรือคนรู้จัก
แม้คนที่ไม่อินกับศาสนาและพระพุทธรูปก็เอ็นจอยที่นี่ได้ เพราะสวนภายในวัดนั้นมีต้นไม้ใหญ่มากมายแสนร่มรื่น ประตูไม้อันใหญ่โต น่าเกรงขามด้านหน้าวัดก็สวยวิจิตรน่าประทับใจสุดๆ
Info
Hoonji Temple
Location: เมืองโมริโอกะ (Morioka) จังหวัดอาโอโมริ
Hours: 9:00-16:00 น.
Holiday: ไม่มีวันหยุด
Nearest Station: สถานีคามิโมริโอกะ (Kami-Morioka Station)
Access: เดินจากสถานีคามิโมริโอกะ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
Website: visitiwate.com/en
ชมชิมช็อปงานคราฟต์เด็ดของโทโฮคุที่ Morioka Handi-Works Square
แค่ฟังชื่อสถานที่ก็รู้แล้วว่าเต็มไปด้วยงานคราฟต์เจ๋งๆ ของจังหวัดแน่ๆ ด้านหน้าของหมู่บ้านงานฝีมือโมริโอกะ (Morioka Handi-Works Square) เป็นโซนร้านขายสินค้าและคาเฟ่ ส่วนด้านในเป็นสตูดิโองานคราฟต์ต่างๆ ที่มีช่างฝีมือมานั่งทำงานให้ดูกันจริงๆ ทุกขั้นตอนและบ้าน Nambu Magariya ซึ่งเป็นบ้านไม้มุงหญ้าแฝกแบบโบราณ ด้านในสุดมองไปเห็นทะเลสาบแสนสวย บรรยากาศดี นอกจากจะดูและเรียนรู้ ที่นี่มีงานคราฟต์หลากหลายให้ลองทำ เช่น เส้นเรเมน การวาดรูประบายสีจานด้วยนะ วันนี้เราจะได้ลองทำสิ่งที่น้องกวางโปรดปราน ขนมเซมเบ้นั่นเอง!
เราเลือกทำเซมเบ้เพราะว่ามันคือ Nambu Sembe ซึ่งไม่เหมือนที่อื่นเพราะไม่ได้ทำจากข้าว เพราะตามที่เคยเล่าไปว่าย่านนี้ปลูกข้าวได้น้อย เขาจึงใช้แป้งสาลีผสมน้ำแทน ผลออกมาคือรสอร่อยหวานนิดๆ เหมือนคุกกี้ไม่ผิด เลิฟมาก! วิธีทำไม่ยากเท่าที่คิด เพราะคุณพี่คนสอนนวดแป้งเตรียมทุกอย่างให้เราเสร็จสรรพหมดแล้ว เรามีหน้าที่แค่ดู เรียนรู้ แล้วพลิกแม่พิมพ์ตามระยะเวลาที่กำหนด เท่านี้ก็ได้เซมเบ้แสนอร่อยมากินตอนยังร้อนๆ
ถ้ากินแล้วติดใจแวะไปซื้อเพิ่มเติมได้ที่ร้านขายสินค้า เขารวมเซมเบ้เจ้าดังไว้มากมาย แถมยังมีสินค้าและงานคราฟต์อื่นๆ ของท้องถิ่นครบถ้วนรวมแล้วกว่า 4,000 ชิ้น! ถ้าใครยังกินไหว อยากให้ลองแซนด์วิชไอศกรีมที่ทำจากเซมเบ้ของคาเฟ่ด้วย เพราะนอกจากเซมเบ้จะอร่อยชัวร์ๆ ไอศกรีมเป็นเจลาโตเจ้าดังที่สาขาแรกสุดอินดี้ไปตั้งอยู่ในป่า หากินยากเชียวล่ะ
Info
Morioka Handi-Works Square
Location: เมืองโมริโอกะ (Morioka) จังหวัดอาโอโมริ
Hours: 8:40-17:00 น.
Holiday: 31 ธ.ค., 1 ม.ค.
Nearest Station: สถานีโคอิไว (Koiwai Station)
Access: นั่งแท็กซี่จากสถานีโคอิไว ใช้เวลาประมาณ 5 นาที
Website: visitiwate.com/en
Day 4
Akita
เติมความหวานให้ชีวิตด้วยน้ำผึ้ง Made in Japan คุณภาพดีที่ Yama no Hachimitsuya
มาถึงอาคิตะซึ่งผลิตน้ำผึ้งได้ติดท็อปทรีของญี่ปุ่นทั้งที ก็ต้องแวะมาซื้อน้ำผึ้ง!
Yama no Hachimitsuya คือร้านน้ำผึ้งของบริษัท Bee Sketp แห่งจังหวัดอาคิตะซึ่งปลูกดอกไม้นานาชนิดและเลี้ยงผึ้งเองจนได้ผลิตภัณฑ์จากน้ำผึ้งคุณภาพดีหลากหลายชนิดมาวางจำหน่ายให้ทั้งคนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวบริโภคทั้งทางออนไลน์และวางขายตามร้านค้าต่างๆ มากว่า 50 ปี
Yama no Hachimitsuya ที่เราแวะมาวันนี้คือร้านใหญ่ของแบรนด์ที่อยู่ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวอย่างทะเลสาบทาซาวะ (Lake Tazawa) ที่นี่มีทั้งคาเฟ่ ร้านพิซซ่า และร้านขายสินค้าเกี่ยวกับน้ำผึ้งทั้งหมด น้ำผึ้งที่นี่มีให้เลือกเยอะมาก ส่วนมากแบ่งตามชนิดดอกไม้ มีทั้งน้ำผึ้ง Made in Japan และน้ำผึ้งนำเข้าจากต่างประเทศ ร้านน้ำผึ้งทั่วไปขายน้ำผึ้งนำเข้า 80% ของสินค้า แต่ที่นี่มีทั้งสองแบบครึ่งๆ เลยทีเดียว ถ้าดูยอดขายต่อร้าน Yama no Hachimitsuya คือที่หนึ่งในวงการร้านน้ำผึ้งทีเดียว!
น้ำผึ้งยอดนิยมได้แก่ Acacia เพราะนำไปทำสินค้าได้หลากหลาย กินเปล่าๆ รสก็ถูกใจ ไม่ว่าทาขนมปังหรือใส่โยเกิร์ต หลายคนบอกว่าน้ำผึ้ง Acacia ของอาคิตะนั้นดีที่สุดในญี่ปุ่นเลยนะ นอกจากน้ำผึ้ง แยม ลูกอม สกินแคร์ น้ำผึ้งเข้มข้นปรุงรสสำหรับผสมน้ำดื่ม (ซึ่งมีให้ชิมฟรีเกือบทุกรส) และที่นี่มีไอศกรีมด้วย! ใครทอยลูกเต๋าได้ 7 ก็เอาไปเลยน้องผึ้งช็อกโกแลต 7 ตัว สายหวานถูกใจสิ่งนี้แน่นอน
Info
Yama no Hachimitsuya
Location: เมืองเซมโบกุ (Semboku) จังหวัดอาคิตะ
Hours: 9:00-17:30 น. (หน้าหนาวเปิดถึง 17:00 น.)
Holiday: 1 ธ.ค., 1 ม.ค.
Nearest Station: สถานีทาซาวะโกะ (Tazawako Station)
Access: เดินจากสถานีทาซาวะโกะ ใช้เวลาประมาณ 2 นาที
Website: tazawako-kakunodate.com
เติมความสดชื่นด้วยเหล่าดอกไม้และเฮิร์บนานาชนิดที่ Tazawako Herb Garden Heart Herb
ทะเลสาบทาซาวะโด่งดังในฐานะทะเลสาบที่ลึกที่สุดในประเทศและใสติดท็อป 5 ถ้ามาแถวนี้ต้องแวะมาชมต้นไม้ดอกไม้สวยๆ ที่สวนสมุนไพรทะเลสาบทาซาวะ ฮาร์ทเฮิร์บ (Tazawako Herb Garden Heart Herb) ด้วย เพราะที่นี่มีสวนดอกไม้และสมุนไพรสวยๆ ให้ชมทั้ง 4 ฤดู แถมยังมีเรือนกระจกและเรือนขายต้นไม้ที่รวบรวมของสวยๆ ไว้เพียบ
ถ้ามีเวลาอยากชวนมาลองทำพิพิธภัณฑ์พืช (Herbarium) หลังได้ชมดอกไม้สวยๆ มาเรียนจัดดอกไม้ในขวดก็น่าสนุกใช่ไหมล่ะ คุณครูค่อยๆ สอนอย่างใจเย็นทำให้เราได้เห็นความสวยงามของดอกไม้อีกรูปแบบผ่านการจัดวาง แถมได้ของสวยๆ ติดมือกลับบ้านเป็นที่ระลึกในราคามิตรภาพเพียง 1,500 เยน (ไม่รวมภาษี) และใช้เวลาแค่ 30 นาที นอกจาก Herbarium ที่นี่ยังมีอีกหลายเวิร์คชอปให้เลือกทำ เช่น ทำสบู่ ทำพวงดอกไม้ ทำแฮนด์ครีมหรือเทียนหอม
และถ้าชอบกินไก่หรือจิบชาละก็อาหารกลางวันของที่นี่ก็ไม่เลวเลย เมนูยอดฮิตที่อยากแนะนำคือ Oyako Don หรือข้าวหน้าไก่กับไข่ ไก่อาคิตะที่ชื่อฮิไนจิโดริ (Hinai Jidori) เป็นไก่ดัง 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น สายชิมต้องลองด้วยประการทั้งปวง ที่สำคัญชาเป็นแบบ All You Can Drink ที่เต็มไปด้วยชานานาชนิดให้เลือก Mix & Match ตามใจชอบ ได้ดื่มชา Original Blend ไปพร้อมกับอาหารขึ้นชื่อในท้องถิ่นนี่ดีมาก
Info
Tazawako Herb Garden Heart Herb
Location: เมืองเซมโบกุ (Semboku) จังหวัดอาคิตะ
Hours: จ.-ศ. 10:00-16:00 น., ส.-อา.และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 9:00-17:00 น.
Holiday: วันธรรมดาในฤดูหนาว (ราวกลางเดือน พ.ย.-ต้น เม.ย.)
Nearest Station: สถานีทาซาวาโกะ (Tazawako Station)
Access: นั่งแท็กซี่จากสถานีทาซาวาโกะ ใช้เวลาประมาณ 12 นาที
Website: tazawako-kakunodate.com/en
เติมพลังชีวิตด้วยพลังธรรมชาติอันงดงามที่หุบเขา Dakigaeri
บอกก่อนเลยว่านี่คือการเดินป่าที่สบาย สวยและสนุกมากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต
‘ดาคิ’ คือกอดหรืออุ้ม ‘กาเอริ’ คือหันกลับ หุบเขาดาคิกาเอริ (Dakigaeri Gorge) ได้ชื่อนี้มาเพราะทางเดินแคบมากจนถ้าจะเดินสวนกัน ต้องอุ้มอีกคนแล้วหันหลังกลับ แม้ทางจะแคบแต่เดินง่ายมาก แถมความยาวแค่ 1.5 กิโลเมตร ไปกลับใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ที่สำคัญมีธารน้ำสีฟ้าสดใสและเทือกเขาสีส้มสลับเหลืองและเขียวสวยอยู่เคียงข้างตลอด ยิ่งทำให้เป็นการเดินป่าเบาๆ ที่น่าประทับใจ ใช้คำว่าสวยจนลืมหายใจได้เลย
แลนด์มาร์คของที่นี่คือสะพานสีแดงสดใสและน้ำตกมิคาเอริ (Mikaeri Falls) อันยิ่งใหญ่ที่อยู่ปลายทางอันเป็นหมุดหมายสำคัญของเรา ทุกอย่างที่มารวมกันในเทรลสั้นๆ ที่ไม่ค่อยมีเนินนี้คือ Fast Charge แบตเตอร์รี่ชีวิตของมนุษย์ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ
Info
Dakigaeri Gorge
Location: เมืองเซมโบกุ (Semboku) จังหวัดอาคิตะ
Hours: 24 ชั่วโมง
Holiday: ปลายเดือนพฤศจิกายนถึงปลายเดือนเมษายน
Nearest Station: สถานีจินได (Jindai Station)
Access: เดินจากสถานีจินได ใช้เวลาประมาณ 7 นาที
Website: www.tohokukanko.jp/en
เติมความคึกคักให้ชีวิตด้วยการใช้เวลากับน้องหมาพันธุ์อาคิตะแสนรู้ที่ Hostel Enishi
มาถึงจังหวัดอาคิตะ เราต้องไปหาเจ้าถิ่นไม่งั้นเหมือนไปไม่ถึง ซึ่งเจ้าถิ่นสุดน่ารักของที่นี่คือเจ้าหมาพันธุ์อาคิตะนั่นเอง!
ที่โฮสเทลเอนิชิ (Enishi Hotel) มีน้องหมาอาคิตะชื่อสุและฟุจิโกะซึ่งเป็นแฟนกันคอยต้อนรับแขกที่มาพักด้วยความคึกคักและเป็นมิตร ยามปกติที่ไม่มีโควิดที่นี่เปิดให้คนทั่วไปที่ไม่ได้มาพักแวะเข้ามาเล่นกับน้องๆ ได้ โดยขอบริจาคค่าขนมเพียงคนละ 100 เยนเท่านั้น ส่วนตอนนี้สงวนสิทธิ์ให้เฉพาะแขกที่มาพักไปก่อน ใครสนใจแวะมานอนที่นี่ได้ ห้องหับกว้างขวางนอนสะดวกสบายและสะอาด มีทั้งแบบนอนฟูกนอนเตียงให้เลือกราคาเบาๆ เพียงคืนละ 5,000-7,000 เยน เว็บไซต์อาจจะเป็นภาษาญี่ปุ่นแต่ส่งอีเมลมาจองเป็นภาษาอังกฤษได้
Info
Hostel Enishi
Location: เมืองเซมโบกุ (Semboku) จังหวัดอาคิตะ
Hours: เปิด 24 ชั่วโมง
Holiday: ไม่แน่นอน (1 ปีเปิดไม่เกิน 180 วัน)
Nearest Station: สถานีคาคุโนะดาเตะ (Kakunodate Station)
Access: เดินจากสถานีคาคุโนะดาเตะ ใช้เวลาประมาณ 18 นาที
Website: enishimusubi.com (ภาษาญี่ปุ่น)
เติมความรู้เชิงประวัติศาสตร์และสังคมของซามูไรที่ Kakunodate Bukeyashiki
เวลาเดินเล่นแถวนี้ เหมือนได้นั่งไทม์แมชชีนย้อนอดีต ปีนี้เมือง Kakunodate ครบรอบ 400 ปีพอดี ไม่น่าเชื่อว่าบรรยากาศแถวหมู่บ้านซามูไรคาคุโนะดาเตะ (Kakunodate Bukeyashiki) ยังดูเก่าแก่เหมือนสมัยก่อนแต่ไม่ซอมซ่อ แถมยังคึกคักสดใสรับกับ ใบไม้เปลี่ยนสี สุดๆ ถ้ามาเที่ยว โทโฮคุ ช่วงฤดูใบไม้ผลิ ซากุระแถวนี้ก็สวยสะพรั่งไม่แพ้ใคร
ในภูมิภาค โทโฮคุ คนนิยมมาคาคุโนะดาเตะในช่วงฤดู ใบไม้เปลี่ยนสี
แถวนี้คือย่านที่อยู่อาศัยของซามูไรในอดีต ที่น่าสนใจคือเรียงตามลำดับยศหน้าที่การงาน ยิ่งตำแหน่งใหญ่บ้านยิ่งอยู่ใกล้ปราสาท แถมได้สิทธิพิเศษมากมาย เช่น รั้วบ้านสูงกว่า ต้นไม้ก็สูงกว่า! ส่วนทางทิศใต้จะเป็นโซนของพ่อค้า ซึ่งที่ทำให้รู้ว่าศักดินาต่างกันคือถนนแคบกว่าแถวบ้านซามูไร! อีกพาร์ทที่อยากให้ดูคือช่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่ผนังรั้ว รูนั้นไว้สำหรับสตรีแอบดูผู้สูงศักดิ์จากด้านใน เรียกได้ว่าถ้าเดินสังเกตรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ มีเรื่องน่าสนใจเต็มไปหมด
เราได้มีโอกาสเข้าไปสำรวจบ้านตระกูลอิชิกุโระด้วย ตระกูลนี้ไม่ได้เป็นซามูไรสายต่อสู้ธรรมดา แต่มีหน้าที่ดูแลเรื่องการเงินด้วย วันนี้ท่านเจ้าบ้านรุ่นที่ 13 ออกมาต้อนรับด้วยตัวเองแถมพาชมจุดต่างๆ อย่างใจดี บ้านหลังนี้มีอายุ 210 ปีแล้ว แม้แถวนี้จะมีบ้านซามูไรหลายหลัง แต่ที่นี่เป็นบ้านที่เก่าแก่ที่สุดและเป็นหลังเดียวที่ลูกหลานยังอยู่อาศัยจนยุคปัจจุบัน ความน่าสนใจเกี่ยวกับบ้านหลังนี้มีมากมาย เช่น การแบ่งแยกทางเข้าสำหรับคนทั่วไป ซามูไรและเจ้านายตำแหน่งสูง การปูเสื่อทาทามิเป็นเส้นตรงเพื่อให้นั่งเรียงตามฐานะได้ง่าย งานแกะสลักไม้ประดับบริเวณเพดานที่เมื่อมีแสงเทียนส่องจะสร้างลวดลายแสนสวยบนผนัง รวมไปถึงสวนที่รวมต้นไม้เก่าแก่ไว้มากมาย
แต่ถ้ามาแถวนี้เราอยากแนะนำให้นั่งรถคนลากด้วย รถคนลากนี้เป็นนวัตกรรมของยุคเมจิที่เริ่มแพร่หลายในสมัยไทโช เดินชมเองก็สนุกดี แต่วิวจากบนรถลากก็สวยไปอีกแบบ แถมมีคนช่วยเล่าเรื่องสนุกต่างๆ ให้ฟังแบบกำลังพอดี ต่อให้ไม่สนใจประวัติศาสตร์ก็สนุกไปด้วยได้ ระยะทางไม่ไกลมาก สนุกกำลังดี ราคาไม่แพงด้วยนะ ประมาณ 2,000 เยน
Info
Kakunodate Bukeyashiki
Location: เมืองเซมโบกุ (Semboku) จังหวัดอาคิตะ
Hours: เปิด 24 ชั่วโมง
Holiday: ไม่มี
Nearest Station: สถานีคาคุโนะดาเตะ (Kakunodate Station)
Access: เดินจากสถานีคาคุโนะดาเตะ ใช้เวลาประมาณ 17 นาที
Website: tazawako-kakunodate.com
Day 5
Akita – Miyagi
ทำความรู้จักกับอาคิตะในที่เดียวแบบครบวงจรที่ Akita Furusato-mura
หมู่บ้านอาคิตะ ฟุรุซาโตะสำหรับเราเป็นเหมือนงานคราฟต์วันเดอร์แลนด์แสนครบวงจร เพราะที่นี่มีทั้งโซนนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับงานศิลปะ งานคราฟต์ในท้องถิ่น โซนเวิร์คช็อปให้เราได้ลองทำงานหัตถกรรมจริงๆ มีศูนย์รวมสินค้าโอท็อปของอาคิตะที่มีครบทั้งอาหารคาวหวานของแห้งของสดสินค้ากุ๊กกิ๊กต่างๆ มีร้านอาหารให้ลองชิมของดีในท้องถิ่นแบบไม่ต้องตระเวนหาเอง นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยและท้องฟ้าจำลองที่ใหญ่ที่สุดในแถบโทโฮคุ! ถ้าแค่นี้ยังน่าสนุกไม่พอ เขามี Wonder Castle ปราสาทที่เหมือนหลุดมาจากโลกนิยาย สไลเดอร์ยาว 5 เมตร และ Trick Art ด้วย ถ้าเป็นช่วงหน้าหนาวก็มีโซนให้เล่นหิมะอีกต่างหาก สมแล้วที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ขนาด 4 โตเกียวโดมเลยทีเดียว
เราเลือกลองทำ Mage Wappa ภาชนะที่ทำจากไม้สนของดังประจำจังหวัดอาคิตะ ดูเหมือนยากแต่คุณครูสอนได้เข้าใจง่ายมากๆ ไม่น่าเชื่อเลยว่าเราจะสามารถดัดไม้ทำชามสำเร็จ นอกจากงานไม้ยังมีงานแก้ว งานเครื่องเงินต่างๆ อีกด้วย ใครสนใจลองแวะไปทำกันดูนะ
Info
Akita Furusato-mura
Address: 62-46 Tomigasawa, Akasaka , Yokote-shi, Akita-ken
Hours: 9:30-17:00 น.
Holiday: ไม่แน่นอน
Nearest Station: สถานีโยโกเตะ (Yokote Station)
Access: นั่งแท็กซี่จากสถานีโยโกเตะ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
Website: www.tohokukanko.jp/en
ส่อง Uchi-gura โกดังซ่อนสมบัติแห่งสมัยเมจิใน Hinomaru Brewery
ที่ไหนข้าวดังที่นั่นมักจะทำสาเกอร่อย ไม่น่าแปลกใจเลยที่โรงกลั่นฮิโนมารุ (Hinomaru Brewery) ในย่านมาสึดะมาจิ (Masudamachi) แห่งเมืองโยโกเตะ (Yokote) จังหวัดอาคิตะทำเครื่องดื่มท้องถิ่นคุณภาพดีให้ชาวอาคิตะและชาวญี่ปุ่นดื่มมายาวนานกว่า 320 ปี แม้จะไปเยือนโรงกลั่นแต่บอกเลยว่าสนุกสุดยอด เพราะอาคารนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกของประเทศ สวยและเต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ Uchi-gura โกดังด้านในที่เหมือนเป็นตู้เซฟขนาดใหญ่สไตล์วินเทจแต่สวยวิจิตรแบบญี่ปุ่น จะมองว่าเป็นบ้านซ้อนบ้านก็ได้
บ้านลับนี้ทำมาจากดิน ต้องใช้ดินทั้งหมด 400-500 ตัน ผนังหนา 60 เซนติเมตร หลังนี้ถือว่าเพดานสูง สมัยก่อนจะทำเพดานและทางเข้าเตี้ยและแคบเพื่อให้คนใช้ดาบไม่ได้ สมัยก่อนมีไฟไหม้บ่อย จึงต้องสร้างบ้านดินอันทนทานต่อไฟแบบนี้มาเก็บสมบัตินั่นเอง ถ้าชอบดูสถาปัตยกรรมแนวนี้ บอกได้เลยว่ามาถูกที่ ย่านมาสึดะมาจิ มี Uchi-gura ประมาณ 50 หลัง แค่เดินมองตามท้องถนนก็เพลินแล้ว
Info
Hinomaru Brewery
Location: เมืองโยโกเตะ (Yokote) จังหวัดอาคิตะ
Hours: จ.-ส. 10:00-16:00 น.
Holiday: วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์
Nearest Station: สถานีจูมงจิ (Jumonji Station)
Access: นั่งแท็กซี่จากสถานีจูมงจิ ใช้เวลาประมาณ 7 นาที
Website: www.hinomaru-sake.com
ลองชิมอุด้งเส้นเล็กหนึบ อินานิวะอุด้ง ที่ Sato Yosuke Shoten
ถ้าใครยังอินกับ Uchi-gura ขอให้ตามเรามากินอาหารกลางวันที่ Sato Yosuke Shoten ซึ่งเป็นร้านอาหารที่ขายอินานิวะอุด้ง (Inaniwa Udon) อุด้งที่มีชื่อเสียงของจังหวัด แค่ก้าวเข้ามาในร้านเห็นความอลังการทางสถาปัตยกรรมก็รู้เลยว่าร้านนี้ประวัติศาสตร์ยาวนานแน่ๆ บ้านหลังนี้สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยเอโดะจนปัจจุบันถึงรุ่นที่ 8 นอกจากจะมีอุด้งแสนอร่อยให้กิน ที่นี่ยังเปิดโกดัง Urushigura Shiryokan ให้ชมงานศิลปะและงานไม้อันแสนประณีตที่ใช้เวลาเลือกไม้ 8 ปี แปรรูปไม้ 8 ปี และใช้เวลาก่อสร้างอีก 8 ปี!
เรื่องอาหารก็ดีงามไม่น้อยหน้าอาคาร อินานิวะอุด้งเส้นเล็กแต่เหนียวหนึบได้เนื้อสัมผัสที่ดี จะกินกับน้ำซุปใสรสอ่อนก็อร่อย หรือจะลองกินกับอาหารไทยอย่างแกงเขียวหวานหรือต้มยำกุ้งก็ดีงามมากๆ ไว้แวะมาเลือกชิมได้ตามใจชอบ กินแล้วถูกใจ ซื้อเส้นกลับไปเป็นของฝากก็ได้ เบาๆ พกพาสะดวก
Info
Sato Yosuke Shoten (Flagship Store)
Location: เมืองโยโกเตะ (Yokote) จังหวัดอาคิตะ
Hours: ร้านอาหาร 11:00-15:00 น., ร้านขายของฝากและโซนทัศนศึกษา 9:00-17:00 น.
Holiday: 31 ธ.ค., 1 ม.ค.
Nearest Station: สถานีโจมงจิ (Jomonji Station)
Access: นั่งแท็กซี่จากสถานีโจมงจิ ใช้เวลาประมาณ 18 นาที
Website: www.sato-yoske.co.jp
ไหว้พระที่วัด Motsuji มรดกโลกที่ขึ้นชื่อเป็นสวรรค์บนดิน
แวะไปเที่ยว World Heritage กันบ้าง วัดโมสึจิ (Motsuji Temple) แห่งเมืองฮิราอิซุมิ (Hiraizumi) จังหวัดอิวาเตะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 2011 พร้อมกับวัด สวน และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อื่นๆ ในละแวกเดียวกันที่เกี่ยวข้องกับดินแดนสุขาวดีในพุทธศาสนา วัดนี้บูชาพระยาคุชิเนียวไรซึ่งดังเรื่องการรักษาโรคภัย ในมือพระพุทธรูปจึงถือถุงยาด้วย
Motsuji วัดดังมรดกโลกในภูมิภาค โทโฮคุ แห่งนี้ก็ขึ้นชื่อในการเดินทางมาชม ใบไม้เปลี่ยนสี
ตัววัดสวยงามตามท้องเรื่อง บรรยากาศร่มรื่นชวนให้ใจสงบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสวนสวยที่อยู่ติดกัน ซึ่งมีอายุเก่าแก่กว่า 1,000 ปี และถูกสร้างขึ้นตามขนบความนิยมทางความงามแบบดั้งเดิมของสวนญี่ปุ่นตั้งแต่สมัยเฮอัน ได้แก่ การผสมผสานกันระหว่างน้ำ ต้นไม้ และภูเขา นี่เป็นความพยายามจำลองดินแดนบริสุทธิ์ตามความเชื่อทางพุทธศาสนาขึ้นมาบนโลกมนุษย์ เนื่องจากสมัยก่อนชาวเมืองกำลังเหนื่อยล้าและห่อเหี่ยวเพราะสงครามกับแคว้นอื่นที่ยืดเยื้อมายาวนาน ผู้ครองแคว้นในตอนนั้นจึงอยากสร้างขวัญกำลังใจให้ทุกคนเชื่อว่าความสงบสุขมีอยู่จริง และนี่คือสรวงสวรรค์ที่มนุษย์สามารถเข้ามาเยือนได้นั่นเอง สำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเราได้ชมวิวใบไม้แดงสวยๆ กับสวนที่แสนสง่างามและเงียบสงบแบบนี้ ก็รู้สึกว่าเหมือนได้ชำระจิตใจให้บริสุทธิ์
Info
Motsuji Temple
Location: แขวงนิชิอิวะ (Nishiiwa) จังหวัดอิวาเตะ
Hours: 5 มี.ค.-4 พ.ย. 8:30-17:00 น., 5 พ.ย.-4 มี.ค. 8:30-16:30 น.
Holiday: ไม่มีวันหยุด
Nearest Station: สถานีฮิราอิซุมิ (Hiraizumi Station)
Access: เดินจากสถานีฮิราอิซุมิ ใช้เวลาประมาณ 9 นาที
Website: www.motsuji.or.jp
Date no Gyutan แน่นอนว่ามื้อเย็นต้องเป็นลิ้นวัว
นั่งรถกลับมาถึงเมืองเซนได แน่นอนว่ามื้อเย็นต้องเป็นลิ้นวัว! ร้าน Date no Gyutan เป็นร้านลิ้นวัวชื่อดังในท้องถิ่น ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1991 ตอนนี้มีหลายสาขาทั่วประเทศ ร้านที่เรามาคือสาขาแรกที่เพิ่งรีโนเวทใหม่สวยแจ่มทั้งตึก มีทั้งชั้นที่ตกแต่งแบบโมเดิร์นมีห้องส่วนตัวและชั้นที่บรรยากาศโลคอลเห็นเตาปิ้งลิ้นได้กลิ่นหอมๆ
วันนี้เราเลือกกินแบบคอร์สเลยได้ลองลิ้นวัวหลายรูปแบบ เช่น ลิ้นวัวดิบที่เสิร์ฟแบบซาชิมิ ซึ่งกรุบๆ เด้งๆ สู้ฟันกว่าแบบย่าง แบบ Slow Cook จนเปื่อยแบบสตูว์และแน่นอนแบบย่างหอมๆ กลมกล่อม อาหารอื่นๆ ในเซ็ตที่ไม่ใช่ลิ้นวัวก็อร่อยไม่แพ้กัน ใครไม่กินเนื้อวัวหรือลิ้นวัวก็อิ่มอร่อยได้เช่นกัน
Info
Date no Gyutan (Main Store)
Location: เมืองเซนได (Sendai) จังหวัดมิยากิ
Hours: 11:00-22:00 น.
Holiday: ไม่มีวันหยุด
Nearest Station: สถานีเซนได (Sendai Station)
Access: เดินจากสถานีเซนได ใช้เวลาประมาณ 2 นาที
Website: www.dategyu.jp/en/restaurant
เพลิดเพลินยามค่ำ Sendai Nightlife & Shopping Street
เซนไดเป็นเมืองใหญ่ เรียกว่าเป็นเมืองหลวงของแถบโทโฮคุก็ว่าได้ ดังนั้นเชื่อใจเรื่องความเจริญต่างๆ และการช็อปปิ้งได้เลย ใกล้ๆ สถานีเซนไดมี Shopping Street หรือ Shotengai มากมาย ร้านดังจากทั้งในและนอกญี่ปุ่นต่างมารวมตัวกันแถวนี้ รอบๆ สถานีมีห้างสรรพสินค้าอีกหลายแบรนด์ให้เลือกช็อป แต่ถ้าเดินจนเหนื่อยแล้ว แวะหาที่จิบยามค่ำคืนในบรรยากาศแบบโลคอลหน่อยๆ มีตรอกอิซากายะที่น่าสนใจ เช่น Iroha Yokocho และ Bunka Yokocho ซึ่งอยู่ในซอยระหว่าง Shopping Street นั่นเอง
Day 6
Miyagi
ตื่นสายๆ ไปเดินตลาดเช้าแบบชิลล์ๆ ที่ Sendai Asaichi Morning Market
กล้าพูดได้เต็มปากว่านี่คือตลาดเช้าที่ถูกใจเราที่สุด เพราะไม่ต้องตื่นเช้าก็มาได้!
Sendai Asaichi Morning Market อยู่ห่างจากสถานีเซนไดแค่ 5 นาที เดินมาง่ายนิดเดียว เปิดให้บริการตั้งแต่ 8:00-18:00 น. เป็นตลาดสดเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ยังดูสวยสะอาดและสะดวก ขนาดไม่ใหญ่มาก ยาวประมาณ 100 เมตร แต่มีร้านผักผลไม้เนื้อสัตว์ต่างๆ ครบครัน แน่นอนว่าสดใหม่และราคามิตรภาพ ไฮไลท์ของที่นี่คือผัก 3 เกลอของดีประจำเซนได เนกิแบบโค้งเพราะกดให้ลงดินเพื่อป้องกันจากหิมะ ผักกาดขาวและผักยูกินะ แม้นักท่องเที่ยวอย่างเราจะไม่สะดวกซื้อของสดไปทำอาหาร แต่ผลไม้คือตอบโจทย์สุดๆ
ที่ห้ามพลาดเด็ดขาดคือ ไก่คาราอาเกะของร้านแผงเล็กๆ ที่ทอดไปหั่นไปยื่นให้ลูกค้าชิมไปอย่างอารี ร้านนี้ไม่ไก่กานะจ๊ะ ได้ออกทีวีมาแล้วด้วย คอนเฟิร์มว่าอร่อยเด็ดทั้งรสชิโอะ (เกลือ) และมิโซะ (เต้าเจี้ยว) ที่ใช้มิโซะเซนไดมีรสหวานหน่อยๆ ได้ขนมปังจากร้านชิคๆ Marmo และกาแฟกรุบกริบจาก 110 Coffee มาเสริม แค่นี้ก็จบมื้อเช้าแบบโลคอลพาเพลิน
Info
Sendai Asaichi Morning Market
Location: เมืองเซนได (Sendai) จังหวัดมิยากิ
Hours: จ.-ส. 8:00-18:00 น.
Holiday: วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์
Nearest Station: สถานีเซนได (Sendai Station)
Access: เดินจากสถานีเซนได ใช้เวลาประมาณ 2 นาที
Website: www.tohokukanko.jp/en
Sendai City Agriculture & Horticulture Center
ถ้าซื้อผลไม้ที่ตลาดมันง่ายไปไม่ท้าทาย มาเก็บผลไม้กันที่ศูนย์พืชกรรมสวนและเกษตรกรรมเมืองเซนไดกันเถอะ
ที่นี่เพิ่งเปิดได้ 4 ปีแต่มีผลไม้ให้เก็บตลอดปีเลยนะ เช่น แอปเปิ้ล สาลี่ บลูเบอร์รี่ องุ่น ลูกฟิก และมะเขือเทศ สิ่งที่จุดประกายให้เขาริเริ่มทำสวนที่เมืองเซนไดคือ ที่นี่มีประชากรกว่า 1 ล้านคนแต่ไม่มีสวนผลไม้ที่นักท่องเที่ยวแวะเข้ามาเก็บได้เลย อีกทั้งยังอยากให้ลูกค้าได้รู้สึกและสัมผัสถึงรสชาติที่แท้จริงของผลไม้ก่อนถูกส่งไปขายในเชลฟ์ รวมถึงให้ที่นี่เป็นสถานที่ใช้เวลาร่วมกันในครอบครัว เขาจึงวางแปลนให้เดินเก็บง่าย ตกแต่งพื้นที่สวยงามและมีโซนคาเฟ่ที่ขายไอศกรีมเจลาโต้แสนอร่อยให้ไปนั่งพักผ่อนกันได้
เรามาช่วงที่มีแอปเปิ้ลพอดี แอปเปิ้ลที่นี่เด็ดมาก มีน้ำหวานฉ่ำๆ ที่คนไทยมักเรียกว่าน้ำผึ้งเพิ่มความอร่อยอยู่ตรงกลางลูกด้วย น้ำหวานนี้เป็นความพิเศษที่เกิดขึ้นจากใบไม้เก็บสะสมแร่ธาตุไว้จนล้นส่งต่อไปยังลูกแอปเปิ้ลด้วย จนได้รสหวานอร่อยกว่าแอปเปิ้ลทั่วๆ ไป โซนแอปเปิ้ลมีหลายพันธุ์ วันนี้ได้ลองเก็บสีแดง Koutoku และสีเหลือง Gumma Meigetsu ซึ่งหวานอร่อยพอๆ กัน น้ำหวานฉ่ำมาก ฟินสุดๆ นอกจากนี้ยังมีสายพันธุ์ใหม่ที่เขาเพิ่งพัฒนาสำเร็จชื่อ Haruka ซึ่งมีความหวานระดับสูงสุด เวลาส่งไปขายในห้างราคาต่อลูกขึ้นหลักพัน (เยน) เลยทีเดียว นำเงิน 1,500 เยนมาจ่ายค่าเก็บแอปเปิ้ลที่นี่คุ้มกว่ามาก ราคานี้สามารถเก็บ Koutoku ได้ 6 ลูก หรือจะเลือกเก็บ Gumma Meigetsu 4 ลูกก็ได้
หลายคนชอบที่นี่เพราะคนน้อยไม่หนาแน่นเหมือนสวนดังๆ ตามหัวเมืองใหญ่อย่างเกียวโต โอซาก้า แถมยังได้บรรยากาศแบบธรรมชาติที่คนในท้องถิ่นก็แวะมาเที่ยวกันจริงๆ
Info
Sendai City Agriculture & Horticulture Center
Location: เมืองเซนได (Sendai) จังหวัดมิยากิ
Hours: อ.-อา. 9:00-16:00 น. (พ.ย.-ก.พ.), 9:00-17:00 น. (มี.ค.-ต.ค.)
Holiday: วันจันทร์ (กรณีที่ตรงกับวันหยุดจะย้ายไปหยุดวันอังคารแทน)
Nearest Station: สถานีอาราอิ (Arai Station)
Access: นั่งแท็กซี่จากสถานีอาราอิ ใช้เวลาประมาณ 5 นาที
Website: www.sendai-nogyo-engei-center.jp (ภาษาญี่ปุ่น)
Shoukeikaku เปิดลิ้นชักกินหรูอยู่อย่างซามูไรในบ้านไม้เก่าแก่
สำหรับมื้อกลางวัน วันนี้ขอพาไปสัมผัสชีวิตซามูไรด้วยการกินข้าวในร้านอาหารไม้ซึ่งเป็นอดีตบ้านของตระกูลดาเตะ นอกจากบ้านจะสวยแจ่ม สวนญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมก็วิจิตรไม่แพ้กัน แต่ที่ประทับใจสุดต้องยกให้ “ตู้กับข้าวมินิ” ที่บรรจุอาหารสุดไฮโซมาให้เรากินในทุกช่องลิ้นชัก
ตู้กับข้าวที่ว่านั้นมีชื่อเรียกว่า Sendai Tansu Ryori เป็นงานฝีมือดั้งเดิมของจังหวัดมิยากิ ว่ากันว่ามีที่มาจากการที่ซามูไรเริ่มมีงานน้อยลง จึงหันมาเป็นช่างทำตู้แต่ด้วยศักดิ์ศรีในฐานะซามูไรอันเกรียงไกรจะทำของชุ่ยๆ ไม่ได้เด็ดขาด ตู้นี้จึงเป๊ะประณีตเป็นที่สุด ปัจจุบันกลายเป็นของล้ำค่าราคาแพง การที่เราได้กินอาหารญี่ปุ่นแท้ๆ ในตู้จำลองงานคราฟต์เก่าแก่ถือเป็นเรื่องน่ายินดียิ่ง แถมยังมีความสนุกจากการลุ้นอาหารในแต่ละช่องอีกต่างหาก
แค่กินในบ้านท่านยังไม่พอ ไปให้สุดด้วยการขอยืมชุดเกราะซามูไรจากทางร้านมาใส่เพิ่มอินเนอร์ด้วยก็สนุกดีนะ ที่นี่ขายทั้งอาหารกลางวันและเย็น แต่แนะนำกลางวันเพราะอาคารและสวนสวยจับใจ
Info
Shoukeikaku
Location: เมืองเซนได (Sendai) จังหวัดมิยากิ
Hours: 11:30-15:00 น., 17:00-21:00 น.
Holiday: ไม่มี
Website: sendai-travel.jp
เดินทางข้ามเวลาด้วย VR ที่ Sendai Castle (Aoba Castle Ruins)
ปิดท้ายทริปด้วยการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์แบบล้ำสมัยสุดๆ เพราะเราจะไปเที่ยวปราสาทเซนไดด้วย VR!
ปราสาทเซนได (Sendai Castle) หรือปราสาทอาโอบะ (Aoba Castle) ถูกสร้างขึ้นเมื่อ 400 ปีก่อนโดยดาเตะ มาซามูเนะ ขุนศึกและผู้ครองแคว้นชื่อดังของญี่ปุ่น โลเคชั่นของปราสาทนี้ดีมาก นอกจากจะตั้งอยู่บนเขาเห็นวิวเมืองสวย ยังล้อมรอบด้วยแม่น้ำและภูเขาเหมาะกับการทำศึก แม้ในปัจจุบันจะไม่มีตัวปราสาทให้ชมแล้ว แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะเขามี VR เตรียมไว้ให้เราเดินตามจุดต่างๆ เพื่อชมปราสาทในสภาพสมบูรณ์แบบ 360 องศา ซึ่งเขาสร้างใหม่แบบใส่ใจดีเทลทุกจุด โดยศึกษาจาก Drawing ของจริงที่ยังหลงเหลืออยู่ จนแอบคิดไม่ได้ว่าสนุกกว่าดูของจริงอีก! ราคา VR ย่อมเยามาก 500 เยนเท่านั้น ถ้าสนใจประวัติศาสตร์ ซื้อเป็นเซ็ตตั๋ว VR+ตั๋วพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับปราสาทด้วย ราคายิ่งถูกลงไปอีก
VR นี้ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีเท่านั้น เมื่อกลับสู่โลกปัจจุบัน เราก็เดินชมรูปปั้นท่านดาเตะและวิวเมืองแบบพาโนรามาต่อได้อย่างเพลิดเพลิน ที่นี่มีร้านอาหาร และร้านขายของฝากขนาดใหญ่ด้วย ชมช็อปจบในที่เดียว
Info
Sendai Castle (Aoba Castle Ruins)
Location: เมืองเซนได (Sendai) จังหวัดมิยากิ
Hours: 9:00-17:00 น. (สถานการณ์โควิด-19 ปิด 16:00 น.)
Holiday: ไม่มี
Fee: VR 500 เยนต่อคน
Nearest Station: สถานีอินเตอร์เนชั่นแนลเซนเตอร์ (International Center Station)
Access: เดินจากสถานีอินเตอร์เนชั่นแนลเซนเตอร์ ใช้เวลาประมาณ 18 นาที
Website: www.tohokukanko.jp/en