
Teshima Island : เทชิมะเกาะสวาทหาดสวรรค์ของคนรักงานศิลปะและธรรมชาติ

TESHIMA: The Art Island
เวลาพูดถึงการเที่ยวเกาะในจังหวัดคางาวะ (Kagawa) หลายๆ คนคงนึกถึงแต่เกาะนาโอชิมะ (Naoshima) กับฟักทองลายจุดลูกยักษ์ของคุณป้ายาโยอิ คุซามะ (Yayoi Kusama) แต่ความจริงแล้วยังมีอีกเกาะหนึ่งใกล้ๆ กันที่มีจุดเด่นเรื่องงานศิลปะไม่เป็นสองรองใครและมีประวัติความเป็นมาน่าสนใจ แต่กลับถูกมองข้ามไปเสมอๆ นั่นก็คือ เกาะเทชิมะ (Teshima Island)
สาเหตุที่ทำให้ฟักทองบนเกาะนะโอะชิมะโด่งดังจนใครๆ ก็ต้องเดินทางไปเซลฟีกันถึงประเทศญี่ปุ่น เพราะที่นั่นเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาล Setouchi Triennale เทศกาลศิลปะยิ่งใหญ่บนหมู่เกาะใน Seto Inland Sea ที่จัดขึ้นทุกๆ 3 ปี ซึ่งจริงๆ แล้วเทศกาลนี้มีเกาะที่เข้าร่วมมากกว่า 10 เกาะ แต่ละเกาะก็มีดี (จนต้องกรี๊ดลั่นทะเล) แตกต่างกันไป และเกาะเทชิมะ (Teshima Island) เองก็เป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลนี้เช่นกัน
บรรยากาศบนเกาะเทชิมะ (Teshima Island) นั้นสวยงามตามสไตล์ชนบทแบบญี่ปุ่น มีภูเขาอยู่ตรงกลางเป็นแหล่งกำเนิดน้ำจืดที่สำคัญ ทำให้พื้นที่ใจกลางเกาะยังคงอุดมสมบูรณ์ มีหมู่บ้านเล็กๆ กระจายตัวอยู่รอบๆ มีพิพิธภัณฑ์ศิลปะดีไซน์ล้ำสมัยหลายแห่ง และอาคารไม้โบราณอายุหลายสิบปี สร้างภูมิทัศน์สวยงามที่ทำให้การท่องเที่ยวที่นี่ได้ซึมซับทั้งงานศิลปะ ธรรมชาติ และวิถีชีวิตเรียบง่าย แต่ใครเลยจะเชื่อว่าในอดีตเกาะเทชิมะ (Teshima Island) เคยเป็นแหล่งทิ้งขยะอุตสาหกรรมผิดกฎหมาย และเมื่อประชาชนเคลื่อนไหวจนเกิดการเปลี่ยนแปลง จากแหล่งทิ้งขยะกลายมาเป็นเกาะแห่งงานศิลปะได้อย่างไร เราจะมาเล่าให้ฟังกัน
SETO INLAND SEA
งานศิลปะติดเกาะ
ออกเดินทางไปชมงานศิลปะที่หลอมรวมเข้ากับภูมิประเทศของหมู่เกาะ Seto Inland Sea ได้เป็นอย่างดี และทำให้เกาะเทชิมะกลายเป็นหนึ่งในจุดหมายสำคัญของคนรักงานศิลปะทั่วโลกด้วยกันนะ
Exploring Setouchi
เปิดประตูสู่เกาะศิลปะด้วยรถไฟขบวนพิเศษ
ฉันขอเล่าตั้งแต่เริ่มออกเดินทางจากโอคายาม่า (Okayama) เพื่อไปท่าเรืออุโนะ (Uno) รถไฟที่นั่งออกไปนอกเมืองสายนี้ค่อนข้างพิเศษ เป็นรถไฟวินเทจที่ฉันไม่ค่อยเจอที่ไหนในญี่ปุ่น เวลาขึ้น-ลงรถไฟเราต้องกดปุ่มเปิด-ปิดที่ประตูเองไม่ได้เป็นประตูอัตโนมัติเหมือนทั่วไป บรรยากาศในรถไฟ ก็ค่อนข้างเงียบ จากคนแออัดในตัวเมือง พอเปลี่ยนขบวนมาขึ้นสาย Uno Line คนก็น้อยลงเรื่อยๆ จนแทบไม่เหลือใครเมื่อถึงสถานีอุโนะ
ระหว่างทางฉันเห็นสถานีรถไฟหน้าตาแปลกๆ หลายสถานี อาคารสถานีสีขาวโดนลายเส้นกราฟิกวาดทับสลับไปมาจนดูคล้ายภาพลวงตา พอเปิดหาข้อมูลดูจึงพบว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจกต์พิเศษที่ชื่อว่า La Malle de Bois ซึ่งจริงๆ แล้วจะมีขบวนรถไฟนำเที่ยวสีขาวดำสุดน่ารัก ด้านในมีที่นั่งแบบพิเศษ มีตู้รถไฟที่เก็บจักรยานได้ มีอาหารและเครื่องดื่มขายบนรถ แต่น่าเสียดายที่รถไฟขบวนนี้มีให้บริการเฉพาะวันเสาร์ เวลา 10:11 น. เท่านั้น ฉันเลยพลาดโอกาสสำคัญ ถ้าใครอยากลองขึ้น ขอแนะนำให้รีบจองตั๋วสำรองที่นั่งล่วงหน้าที่ออฟฟิศขายตั๋วของ JR ไม่อย่างนั้นที่นั่งอาจจะเต็มได้
เมื่อถึงสถานีอุโนะ ฉันเดินออกไปท่าเรือโดยที่ไม่เจอพนักงานสักคน เป็นสถานีเงียบๆ ที่พบเพียงเพื่อนร่วมทางเป็นฝรั่ง 2-3 คนให้พอใจชื้นว่าไม่ได้มาผิดที่ รอบเรือที่ฉันจะนั่งไปเกาะเทชิมะเป็นเรือเฟอร์รีลำใหญ่มีสีสันน่ารักๆ ที่สามารถขนส่งรถยนต์ข้ามเกาะได้ ใช้เวลาเดินทางราว 40 นาที ช้ากว่าเรือธรรมดาที่ให้เฉพาะคนขึ้นได้ซึ่งใช้เวลาเพียง 20 นาทีก็ไปถึง แต่เสน่ห์ของเรือเฟอร์รีคือมีดาดฟ้าให้ขึ้นไปนั่งรับลมชมวิวกว้างๆ ได้ และด้านในยังมีที่นั่งโซฟาแบบพิเศษที่มีหน้าต่างกระจกบานใหญ่ให้มองวิวกว้างได้เช่นกัน เรือทั้ง 2 ประเภทนี้จะออกสลับกันทิ้งช่วง 1-2 ชั่วโมง ตลอดทั้งวัน
ฉันลงเรือที่ท่าเรืออิเอะอุระ (Ieura) เมื่อไปถึงเกาะเทชิมะบรรยากาศแบบชนบทน่ารักๆ ก็ปรากฏทันที ฉันเห็นรถตู้สีขาวคันเล็กจอดอยู่ ด้านหลังรถติดป้ายภาษาญี่ปุ่นที่พอจะดูออกว่าให้บริการเช่าจักรยานในราคาถูก แน่นอนว่าคุณลุงพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่ภาษามือไม้และภาษาใจทำให้เราเดินทางไปได้ทุกที่ที่เราต้องการ คุณลุงพาฉันขึ้นรถตู้เขาไปที่ออฟฟิศซึ่งอยู่ในปั๊มน้ำมัน Akeda Gas Station ก่อนจะสอนวิธีใช้จักรยานมอเตอร์ไฟฟ้าแล้วฉันก็ออกไปท่องเกาะสวาทหาดสวรรค์แห่งนี้ด้วยใจเป็นสุข
Story of Teshima
การเปลี่ยนแปลงสู่เกาะศิลปะที่โลกต้องจำ!
เกาะเทชิมะตั้งอยู่ในจังหวัดคางาวะ เป็นเกาะเล็กๆ ที่มีพื้นที่แค่ 14.5 ตารางกิโลเมตร มีถนนสายหลักเพียงสายเดียววนรอบเกาะแห่งนี้ แม้ปัจจุบันจะมีคนอาศัยอยู่บนเกาะนี้เพียง 1,000 คน แต่มีหลักฐานการอยู่อาศัยของมนุษย์บนเกาะนี้มานานกว่า 9,000 ปีแล้ว อีกทั้งยังมีศาลเจ้าสร้างจากหินโบราณที่คาดการณ์ว่ามีอายุมากกว่า 700 ปี ที่ยังคงหลงเหลือมาถึงปัจจุบัน
อาชีพดั้งเดิมของชาวบ้านที่นี่คือทำเหมืองหิน ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นเกษตรกรรมและการประมงในช่วงร้อยปีให้หลัง แต่พอถึงยุคอุตสาหกรรมในญี่ปุ่นเฟื่องฟู เทชิมะกลับต้องเจอปัญหาหนักจากการลักลอบทิ้งขยะอุตสาหกรรม ในปี ค.ศ. 1975-1990 มีรายงานว่าชาวบ้านที่นี่เคลื่อนไหวหลายสิบปีถึงจะเป็นผลและมีการเคลื่อนย้ายขยะออกจากเกาะในปี ค.ศ. 2003 จนขยะชิ้นสุดท้ายเพิ่งถูกนำออกไปจนหมดในปี ค.ศ. 2017 ที่ผ่านมานี้เอง
การเปลี่ยนแปลงของเกาะนี้เป็นการส่งสัญญาณต่อโลกใบนี้ที่สำคัญของญี่ปุ่น เพื่อที่จะย้ำเตือนว่ามนุษย์เราได้ทำลายสิ่งแวดล้อมมาเนิ่นนานแล้ว เราต่างผ่านประวัติศาสตร์อันเลวร้ายมาด้วยกัน แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่เราจะอยู่ร่วมกับธรรมชาติและทำสิ่งใหม่ให้ดีขึ้นกว่าเดิมจนเปลี่ยนเกาะนี้ให้กลายเป็นเกาะสุดอาร์ตที่เต็มไปด้วยพิพิธภัณฑ์ ร้านอาหาร และคาเฟ่เก๋ๆ รวมไปถึงชุมชนที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายได้อย่างปลอดภัย
ฉันคิดว่าการท่องเที่ยวที่นี่จะสนุกมากขึ้นถ้ามาแบบไม่ต้องวางแผนอะไรมาก แค่เช็กรอบเรือไป-กลับให้ดีๆ และตัดสินใจว่าจะนอนค้างพักบนเกาะสักคืนดีไหม แล้วก็แค่ขี่จักรยานไปเรื่อยๆ เพราะที่นี่มีถนนสายหลักเพียงเส้นเดียวเท่านั้น ส่วนซอยเล็กๆ ที่ลัดเลาะไปในหมู่บ้านก็ไม่ได้พาหลงไปไหน อีกทั้งยังมีสถานที่ลึกลับให้ค้นหาทั่วทั้งเกาะ ที่สำคัญบริเวณท่าเรือจะมีแผนที่แบบละเอียดแจกบวกกับ Google Map ในมือ ฉันเชื่อว่าทุกคนสามารถรับมือกับเกาะนี้ได้อย่างสบายๆ อย่างแน่นอน แค่ทิ้งการวางแผนไปซะแล้วปล่อยให้จักรยานพาเราไปซึมซับบรรยากาศของเกาะ ลองแวะร้านแปลกๆ ดูพิพิธภัณฑ์ที่ไม่เคยรู้จัก จะต้องสนุกมากแน่นอน
Teshima Yokoo House
ศิลปะเซอร์เรียลสุดสยอง
ขี่จักรยานมาไม่ไกล ฉันก็ได้เจอบ้านไม้โบราณที่กรุกระจกสีแดงตั้งเด่นอยู่กลางสามแยก แค่เห็นด้านนอกก็พอเดาได้ถึงความเจ๋ง ที่ผสมผสานระหว่างความใหม่และความเก่าเข้าด้วยกัน Teshima Yokoo House ก่อตั้งโดยศิลปินทะดะโนะริ โยะโคะโอะ (Tadanori Yokoo) และสถาปนิกยูโกะ นะงะยะมะ (Yuko Nagayama) ภายในจัดแสดงงานจิตรกรรมของคุณทะดะโนะริ โยะโคะโอะ สีสันฉูดฉาดลายเส้นคลาสสิกสะท้อนให้เห็นถึงการมีชีวิตและความตาย ล้อไปกับสถาปัตยกรรมไม้แบบญี่ปุ่นดั้งเดิมในทุกๆ อณู ด้วยแสง สี และเงาสะท้อน ไปจนถึงสวนหย่อมด้านนอก ที่มี Installation Art จัดจ้านแทนที่สวนญี่ปุ่นธรรมดาด้วยบ่อปลาคาร์ปสีแดงฉาน แม้แต่ห้องน้ำก็ยังถูกเคลือบเมทัลลิกสีเงินเงาวับตั้งแต่พื้นจรดเพดาน ให้เราตั้งคำถามหาคำตอบแม้กระทั่งตอนปลดทุกข์
Info
Hours: 10:00-17:00 น. (มี.ค.-ต.ค.), 10:00-16:00 น. (พ.ย.-ก.พ.) อนุญาตให้เข้าชมก่อนเวลาปิด 30 นาที
Holiday: อ. (มี.ค.-พ.ย.), อ.-พฤ. (ธ.ค.-ก.พ.)
Entrance Fee: 510 เยน (อายุต่ำกว่า 15 ปีเข้าฟรี)
Website: benesse-artsite.jp/en/art/teshima-yokoohouse.html
Shokudou 101
กินอาหารในบ้านครูใหญ่
ร้านอาหาร Shokudou101 ตั้งอยู่ในซอยเล็กๆ ขึ้นไปบนเนินเขา ภายนอกของร้านมีรั้วไม้ล้อมรอบดูเหมือนบ้านคนธรรมดามากกว่าจะเป็นร้านอาหาร พอเดินเข้าไปฉันก็เจอกับเอ็งงะวะ (Engawa) หรือเฉลียงไม้หน้าบ้านแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมที่มีประตูบานเลื่อนกั้นก่อนถึงห้องที่ปูเสื่อทาทามิ พอถึงหน้าร้อนคนญี่ปุ่นก็จะเปิดประตูบ้านชวนกันมานั่งที่เอ็งงะวะนี้แล้วกินขนมพูดคุยกัน แบบที่เห็นบ่อยๆ ในการ์ตูนญี่ปุ่นหลายๆ เรื่อง
บ้านหลังนี้อายุกว่า 70 ปีแล้ว เคยเป็นบ้านพักอาศัยของครูใหญ่โรงเรียนมัธยมต้นแห่งหนึ่ง ก่อนจะถูกดัดแปลงเป็นร้านอาหาร แต่ยังคงบรรยากาศแบบดั้งเดิมเอาไว้ ด้านในร้านตั้งโต๊ะแบบโคทัตสึ (Kotatsu) โต๊ะอาหารเตี้ยๆ ของญี่ปุ่นที่มีฮีตเตอร์อยู่ข้างใน เป็นโต๊ะให้ความอบอุ่นแบบดั้งเดิมที่ไม่ค่อยเห็นแล้วในสมัยนี้ อีกทั้งยังมีสวนญี่ปุ่นโบราณเป็นวิวสวยงามแกล้มอาหารสไตล์โฮมเมดปรุงด้วยพืชผักบนเกาะกับชาหอมๆ และนานๆ ครั้ง ที่นี่ก็จะมีนิทรรศการศิลปะมาจัดแสดงด้วย
Info
Hours: 11:30-16:00 น., 18:00-20:00 น.
Holiday: พฤ.
Website: shokudou101.life
Mamma Guest House
สำหรับคนที่อยากเที่ยวให้ทั่วเกาะจริงๆ อาจต้องนอนค้างที่นี่สักคืน ฉันขอแนะนำ “Mamma” เกสต์เฮ้าส์เล็กๆ ที่แสนน่ารัก บรรยากาศเป็นมิตร ที่ดัดแปลงอาคารมาจากบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าเก่า และมีห้องพักให้เลือกทั้งแบบห้องส่วนตัวและห้องนอนรวม ราคาเริ่มต้นที่ 3,500 เยน/คน
Teshima Art Museum
เมื่อศิลปะ สถาปัตยกรรม และธรรมชาติกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน
ถ้าขี่จักรยานรอบเกาะมาเรื่อยๆ จะเห็นอาคารสีขาวโค้งขึ้นมาจากเนินเขาโดดเด่นอยู่ริมทะเลทางฝั่งตะวันออกของเกาะ ที่นี่คือ Teshima Art Museum พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่มีชื่อเสียง ด้วยดีไซน์ล้ำสมัยแต่รวมตัวเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว
อาคารสีขาวทรงโค้งที่ดูคล้ายบ้านเทเลทับบี้นี้ ออกแบบโดยศิลปินสาวเร ไนโตะ (Rei Naito) และสถาปนิกชื่อดังริวเอะ นิชิซะวะ (Ryue Nishizawa) เปิดเมื่อปี ค.ศ. 2010 ตัวอาคารแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือส่วนที่เป็นอาร์ตสเปซและส่วนที่เป็นคาเฟ่ พอจอดจักรยานเรียบร้อย ซื้อตั๋วด้านหน้า ฟังคำอธิบายจากเจ้าหน้าที่ที่พูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว (เป็นอีกหนึ่งความประทับใจบนเกาะนี้ ที่เจ้าหน้าที่ดูแลด้านศิลปะทุกคนสามารถสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างไม่ติดขัด) แล้วก็เดินออกสู่ทางเส้นเล็กที่ทอดยาวบนเนินเขา มองเห็นบรรยากาศโดยรวมของเกาะทั้งท้องนาขั้นบันได ทะเลใส และแนวป่า ก่อนจะนำเข้าสู่อาร์ตสเปซที่เป็นตัวอาคารหลักจัดแสดงงานศิลปะที่ผสมผสานการออกแบบสถาปัตยกรรมชั้นเลิศ
ฉันถอดรองเท้าแล้วใส่สลิปเปอร์เพื่อเข้าไปด้านในที่เงียบสนิทจนได้ยินเสียงลมและน้ำ เพดานโค้งของอาคาร มีช่องเปิดวงกลมด้านบน ปล่อยให้ ลม เสียง และแสงจากธรรมชาติเข้ามาถึงด้านใน พื้นปูนเรียบมีแอ่งน้ำเล็กๆ ที่หยดน้ำกำลังเคลื่อนไหวอย่างอิสระ เป็นการจัดแสดงงานศิลปะที่ดีมากจนฉันไม่อยากเฉลยว่าหยดน้ำขยับได้อย่างไร เพราะอยากให้ทุกคนมาสัมผัสความมหัศจรรย์นี้ด้วยตัวเอง แต่คงพอจะบอกได้ว่า ที่นี่ทำให้เราเห็นการหลอมรวมของสถาปัตยกรรมและธรรมชาติที่สัมพันธ์กัน แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของความสมดุลทางธรรมชาติ รวมไปถึงการหลอมรวมตัวเราเองเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชิ้นงานด้วย และเราสามารถแปลความหมายของสิ่งที่พบเห็นด้านในได้มากมายหลายอย่างในแบบฉบับของตัวเอง จนทำให้ที่นี่เป็นการแสดงงานที่น่าประทับใจที่สุดในการเดินทางมาญี่ปุ่นครั้งนี้ของฉันเลยก็ว่าได้
เล่ากันว่าการก่อสร้างอาคารแบบนี้ยากเอาการ ต้องเริ่มต้นจากเนินดินจริงๆ เป็นรูปทรงโค้งอย่างที่เห็น แล้วเทคอนกรีตหนาทับลงบนเนินดินนั้น เมื่อคอนกรีตแห้งแข็งแรงดีจึงขุดเอาดินข้างในออก ซึ่งต้องใช้เวลาถึง 6 สัปดาห์ จึงนำออกได้หมด จนได้อาคารทรงโค้งที่ไม่สมมาตรแต่กลับตั้งเด่นได้โดยไม่ต้องมีเสาค้ำ พอเดินออกมานอกอาร์ตสเปซ ทางเดินเส้นเล็กก็นำฉันไปสู่ส่วนของคาเฟ่ที่มีโครงสร้างอาคารเป็นทรงโค้งคล้ายอาคารหลัก ด้านในคาเฟ่จะมีข้อมูลการออกแบบทางสถาปัตยกรรมเฉลยเป็นตัวเลขแบบเป็นวิทยาศาสตร์ มีสินค้าที่ระลึกขาย และมีที่นั่งให้เราในซึมซับบรรยากาศได้อย่างเต็มที่
Info
Hours: 10:00-17:00 น. (มี.ค.-ต.ค.), 10:00-16:00 น. (พ.ย.-ก.พ.) อนุญาตให้เข้าชมก่อนเวลาปิด 30 นาที
Holiday: อ. (มี.ค.-พ.ย.), อ.-พฤ. (ธ.ค.-ก.พ.)
Entrance Fee: 1,540 เยน (อายุต่ำกว่า 15 ปีเข้าฟรี)
Website: benesse-artsite.jp/en/art/teshima-artmuseum.html
Electric Bicycle
บนเกาะมีร้านจักรยานมอเตอร์ไฟฟ้าให้เช่าหลายที่ ราคาอยู่ที่ 1,000-2,000 เยน แต่ที่เราแนะนำคือที่ Akeda Gas Station เพราะราคาถูกกว่าที่อื่นนิดหน่อย อยู่ที่ 4 ชั่วโมง 1,000 เยน หรือเต็มวัน (8:00-17:00 น.) 1,500 เยน และมีบริการรอรับจากท่าเรือเลย
การเดินทางไปเกาะเทชิมะ
จากโอคายาม่า ไปท่าเรืออุโนะ: นั่งรถไฟสาย Seto-Ohashi Line แล้วต่อสาย Uno Line ที่สถานีชะยะมะชิ (Chayamachi) ค่าโดยสาร 580 เยน, รถไฟนำเที่ยว La Malle de Bois ค่าโดยสาร 1,350 เยน
จากท่าเรืออุโนะ ไปท่าเรืออิเอะอุระ บนเกาะเทชิมะ: มีเรือออกทุกวันตั้งแต่เวลา 6:45-19:30 น. ขากลับ 6:00-18:40 น. ค่าโดยสาร ผู้ใหญ่ 770 เยน, เด็ก 390 เยน