เวลาที่ชีวิตต้องการคำตอบ หลายครั้งเรามักต้องการใครสักคนไว้เป็นที่ปรึกษา เป็นผู้รับฟัง หรือแม้กระทั่งเป็นคนที่คอยให้กำลังใจและมอบพลังให้ หลายหนที่เรารู้สึกมืดแปดด้าน มองไม่เห็นทางออก หรือเหนื่อยล้าเกินกว่าจะเดินหน้าต่อ เรามักต้องการตัวช่วย…อะไรก็ได้สักอย่างที่ทำให้เรารู้สึกดี ผ่อนคลาย และพร้อมจะสู้ใหม่อีกครั้ง

“ไปทะเลกันดีกว่า” ใครหลายคนชอบไปทะเล ไม่เพียงแค่เพื่อพักร้อน แต่ทะเลยังเหมาะที่จะใช้พักรบด้วย สำหรับชาวเมืองที่ต้องทำสงครามกับการจราจรและหายใจร่วมกับเครื่องปรับอากาศอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการไปสูดอากาศริมชายหาดได้กลายเป็นเรื่องพิเศษของชีวิตไปซะแล้ว บางคนบอกว่าในหนึ่งรอบปี ถ้าได้ไปทะเลสักหนก็เหมือนได้ไปชาร์จแบตเพิ่มพลังชีวิตประจำปี ยิ่งถ้าได้นั่งมองพระอาทิตย์ตกริมหาดด้วยก็ยิ่งแฮปปี้จนพานไม่อยากจะลุกไปไหน… นี่ทำให้ฉันอดคิดไม่ได้ว่าจริงๆ แล้วความสุขของชีวิตเกิดขึ้นได้ง่ายเหมือนกันนะ แค่ได้นั่งเฉยๆ ในที่ที่ดีคนเราก็มีความสุขได้แล้ว

สำหรับฉันเอง ถ้าพูดถึงชายหาดที่ทำให้รู้สึกดีและรู้สึกพิเศษที่สุดในชีวิต ก็จะนึกถึงชายหาดเล็กๆ เงียบๆ แห่งหนึ่งบนเกาะเทชิมะ (Teshima) ในจังหวัดคางาวะ (Kagawa) ซึ่งชายหาดที่ว่านี้เป็นที่ตั้งของ “ห้องเก็บเสียงหัวใจ” หรือ Les Archives du Cœur โปรเจกต์ศิลปะของคริสเตียน โบลแทนสกี (Christian Boltanski) ศิลปินชาวฝรั่งเศสผู้เรืองนาม โบลแทนสกีเก็บเสียงหัวใจของผู้คนมากมายไว้ในบ้านไม้หลังเล็กหน้าตาเรียบๆ ริมชายหาดของทะเลเซโตะใน (Seto Inland Sea) ภายในบ้านแบ่งเป็นห้องย่อยๆ ทำหน้าที่จัดแสดงเสียงหัวใจ, บันทึกเสียงหัวใจ และเปิดให้ฟังเสียงหัวใจที่เก็บบันทึกเอาไว้ บ้านหลังนี้เปิดต้อนรับผู้มาเยือนจากทั่วโลกในลักษณะนิทรรศการถาวร โดยโบลแทนสกีได้นำเอาเสียงหัวใจของผู้คนหลากหลายเพศวัยและเชื้อชาติที่ได้ถูกเริ่มบันทึกไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2008 มาสื่อสารผ่านรูปแบบที่น่าทึ่งเหลือเกิน

ว่ากันในรายละเอียด โบลแทนสกีใช้ห้องมืดในการแสดงงาน ตรงกลางห้องจะมีหลอดไฟแขวนอยู่เพียงหลอดเดียว และผนังโดยรอบจะมีกระจกเงาแผ่นเล็กๆ ติดกระจัดกระจายแต่เว้นระยะให้ดูสวย ไฮไลต์อยู่ตรงที่เสียงหัวใจที่ดังก้องอยู่ในห้องนี้จะทั้งดัง ทุ้ม และลึกเข้าไปในโสตประสาท ยิ่งเป็นเสียงที่ดังประกอบกับแสงไฟที่ติดและดับสลับกันไปในห้องที่มืดสนิทด้วยแล้ว การเสพผลงานก็เลยยิ่งน่าตื่นตาตื่นใจ โดยส่วนตัวฉันรู้สึกว่าการที่โบลแทนสกีเลือกใช้หลอดไฟเพียงหลอดเดียวนั้นทำให้สมาธิในการรับชมถูกโฟกัสมากขึ้นไปอีก เรียกได้ว่าคนที่เดินเข้าไปในห้องไม่มีทางจะวอกแวกได้เลย

อ่านมาถึงตรงนี้ นึกสงสัยไหมคะว่าเสียงหัวใจที่นำมาจัดแสดงนี่เป็นเสียงหัวใจของใครกัน? คำตอบอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล มันคือเสียงหัวใจของผู้ที่มาชมงานและต้องการจะมีส่วนร่วมกับผลงานชิ้นนี้นั่นเอง ฉันเองก็เป็นคนนึงที่พอได้ชมงานจบแล้วก็ต้องขอจองคิวเดินเข้าไปในห้องบันทึกเสียงหัวใจกับเขาด้วย กระบวนการในการบันทึกเสียงไม่ยุ่งยากเลย เจ้าหน้าที่จะให้เราเข้าไปในห้องขนาดเล็กที่มีหน้าจอคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์บันทึกเสียง บนหน้าจอบอกขั้นตอนและวิธีการอย่างละเอียด เราแค่ทำตาม รวมทั้งกรอกข้อมูลต่างๆ ของเราลงไปกำกับ (เพื่อที่จะเก็บบันทึกลงในฐานข้อมูลเอาไว้ใช้ค้นหาเวลาต้องการจะเปิดฟังในภายหลัง) ที่พิเศษคือเขาจะมีช่องโน้ตพิเศษที่เราสามารถพิมพ์ข้อความสื่อสารประกบไว้กับไฟล์เสียงเราได้ด้วย หลังจากบันทึกเสียงเสร็จเรียบร้อย ข้อมูลและเสียงหัวใจของเราก็จะถูกเก็บเข้าสู่ระบบและหมุนเวียนขึ้นไปร่วมจัดแสดง รวมทั้งถูกบันทึกไว้ในแผ่นซีดีให้เรานำกลับบ้านมาด้วย 1 ชุด

ในห้องบันทึกเสียงขนาดจิ๋ว สิ่งที่ฉันชอบที่สุดคือวิวชายหาดกับท้องทะเลด้านนอก ซึ่งมองเห็นได้จากบานหน้าต่างเหนือจอคอมพิวเตอร์ หรือจะพูดอีกอย่างก็คือสิ่งที่ฉันชอบที่สุดในห้อง จริงๆ ไม่ได้อยู่ในห้อง แต่อยู่ข้างนอกโน่นเลย 

 

Teshima Island, Kagawa

 

นักเดินทางที่มาชมงานศิลปะบนเกาะเทชิมะบางคนตั้งข้อสังเกตว่า จุดแสดงงานศิลปะที่เทชิมะหลายๆ จุดจะเน้นเรื่องความสัมพันธ์ของพื้นที่โดยรอบสถานที่มากพอๆ กับตัวสถานที่เอง และหลายๆ สถานที่ก็จะตั้งอยู่ในธรรมชาติที่สวยงาม ทำให้คนที่เดินทางมาเยือนได้ชมทั้งงานศิลปะและธรรมชาติที่โอบล้อมงานศิลปะไว้ ฉันเองก็เห็นด้วยนะ มันทำให้รู้สึกดีมากๆ และเป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ คือในขณะที่บ้านหลังเล็กกำลังห่อหุ้มเสียงหัวใจของผู้คนมากมายไว้ภายใน ด้านนอกก็ยังมีชายหาดที่สงบเงียบโอบอุ้มบ้านหลังนี้ไว้อีกชั้นหนึ่ง และนี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันไม่เคยลืมชายหาดแห่งนี้ได้เลย

สำหรับภาพที่ถ่ายมานี้ ฉันถ่ายไว้ตอนที่ออกมายืนสงบใจอยู่ริมทะเลแล้วเผอิญเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินเงียบๆ ลัดเลาะชายหาดไป ไม่แน่ใจว่าเขาได้เข้ามาบันทึกเสียงหัวใจไว้ด้วยหรือเปล่า ภาพเดินริมทะเลเพียงลำพังของเขาทำให้ฉันเผลอคิดว่าความสงบรอบข้างน่าจะช่วยให้เขามีความสุขมากขึ้นไม่มากก็น้อย เสมือนคลื่นลมจางๆ ได้ช่วยพัดพาความทุกข์และความหนักหน่วงของชีวิตให้เบาบางลง

ฉันเชื่อว่าความสุขสงบสามารถเยียวยา รับฟัง และมอบพลังให้เราได้ 

สำหรับใครบางคนที่ยังไม่เคยได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองมาก่อน ถ้ามีโอกาสฉันอยากชวนให้ลองไปเยือน Les Archives du Cœur ดูสักครั้ง หรืออย่างน้อยที่สุดถ้าคุณไม่สะดวกเดินทางไกลแต่ยังอยากได้ยินเสียงหัวใจของตัวเอง อาจจะลองพาตัวเองไปอยู่ในที่ที่เงียบสงบดู

มันอาจจะช่วยให้คุณได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองชัดขึ้นและให้คำตอบดีๆ กับชีวิตของคุณก็ได้นะ 

 

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ