Road Trip in Niigata : ลัดเลาะรอบเกาะซาโดะสู่ Echigo-Tsumari Art Field เส้นทางที่คนรักธรรมชาติและศิลปะต้องเช็คอิน
สารบัญ
นีงาตะ (Niigata) เป็นจังหวัดติดชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น มีพื้นที่ราบสลับภูเขาสูง เต็มไปด้วยพื้นที่เกษตรกรรม ความสวยงามของนีงาตะจะเปลี่ยนไปตามทุกฤดูกาล เราจะได้พบกับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละฤดู มีสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมต่างๆ ให้ได้ทำตลอดทั้งปี อาทิ สร้างกระท่อมหิมะ เดินป่า ล่องแก่ง แน่นอนว่าด้วยความที่อุดมไปด้วยธรรมชาติ สภาพอากาศจะแตกต่างจากจังหวัดที่มีแต่ตึกสูงอย่างสิ้นเชิง ความสงบของนีงาตะนี้น่าหลงใหลอย่างยิ่งเมื่อได้ไปสัมผัสด้วยตัวเอง ใช้เวลาเนิบช้าซึมซับกับบรรยากาศที่คงหาได้ยาก จะทำให้หลงรักนีงาตะอย่างถอนตัวไม่ขึ้น และด้วยบางพื้นที่ในนีงาตะนั้นไม่มีรถไฟเข้าถึง เนื่องจากภูมิประเทศที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา แนะนำให้เช่ารถยนต์ขับเที่ยวเองจะสะดวกกว่า พื้นถนนและเส้นทางขับง่ายไม่ซับซ้อนรับรองจะประทับใจกับโรดทริปสุดชิลที่นีงาตะอย่างแน่นอน
01 Sado Island | ร้อนนี้ที่เกาะซาโดะ
มีคนเคยบอกเราว่าคนที่มาทะเล ไม่หนีร้อน ก็หนีรัก แต่ถ้าได้เที่ยวทั้งทะเลและภูเขาในที่เดียวกันล่ะ คงเป็นการหนีร้อนและหนีรักแบบคุ้มสุดๆ ซึ่งเกาะซาโดะแห่งจังหวัดนีงาตะ มีครบทั้งสอง อะไรจะดีไปกว่าการขับรถชิลๆ ที่มีวิวด้านหนึ่งเป็นทะเลสีครามกับอีกฟากเป็นภูเขาสีเขียวสด ตัดสลับกับทุ่งข้าวเป็นระยะๆ
“สูดอากาศดีดีให้เต็มปอดแล้วออกไปขับรถวนรอบเกาะกัน!”
Tarai Bune
ล่องลอยไปในท้องทะเล
ใครที่มาเยือนเกาะซาโดะ กิจกรรมภาคบังคับของที่นี่ก็คือการนั่งเรืออ่างชมวิวหรือที่เรียกกันว่า Tarai Bune ซึ่งเรือรูปร่างเหมือนอ่างนี้ชาวซาโดะมีไว้สำหรับหาสาหร่ายวากาเมะ, หอยเป๋าฮื้อ, ฯลฯ สาเหตุที่มีรูปทรงกลมก็เพื่อง่ายต่อการพายเข้าถึงในจุดที่ยากๆ อย่างโขดหินหรือจุดที่แคบๆ อย่างแนวหินปะการังนั่นเอง
เมื่อซื้อตั๋วเรียบร้อยมุ่งตรงไปที่ท่าเรือ ก็พบกับคุณป้าที่แต่งตัวได้น่ารักเหลือเกินยืนส่งยิ้มรอต้อนรับ เราค่อยๆ ก้าวลงเรืออย่างระมัดระวัง ใต้ท้องเรือมีกระจกใสให้เราได้ดูโลกใต้น้ำด้วย และเมื่อนั่งเข้าที่เข้าทาง คุณป้าก็เริ่มพายเรือออกจากท่า
ความพิเศษนอกเหนือจากรูปทรงเรือที่ไม่เหมือนใคร คือวิวของที่นี่ทำให้เราเพลิดเพลินจนละสายตาไม่ได้เลย ท้องฟ้าสีฟ้าสด ทะเลใสๆ ตัดกับสะพานสีแดงกลางน้ำที่เป็นแลนด์มาร์คของที่นี่ทุกอย่างช่างลงตัวเหลือเกิน คุ้มค่าแก่การมาเยือนจริงๆ
เรือหน้าตามินิมัลแบบนี้ขอบอกว่าพายยากกว่าที่คิด เราแอบกระซิบขอคุณป้าลองพายดูบ้าง ซึ่งคุณป้าก็ใจดีให้ลองพายไปเรื่อยๆ แต่คิดว่าคงเอาดีทางด้านนี้ไม่ได้เลยต้องคืนไม้พาย ยกให้เป็นหน้าที่ของคุณป้าเหมือนเดิมจะดีกว่า
เมื่อถึงเวลาต้องบอกลา เรายืนมองวิวที่นี่อีกครั้งและจดไว้ว่าได้มานั่งเรืออ่างแล้ว
info
Yajima Experience & Exchange Centre
Open : เมษายนถึงตุลาคม 8:00-17:00 น.
Holiday : 21 ตุลาคมและพฤศจิกายนถึงมีนาคม
price: ผู้ใหญ่ 500 เยน, เด็ก (6-12 ปี) 300 เยน
Tel. : 0259-86-2992
Website : www.sumasui.jp
Onogame
ความสดชื่นบนไหล่เขา
ภูเขาโอโนกาเมะ (Onogame) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะซาโดะ เดินทางจากท่าเรือเรียวซึ (Ryotsu) โดยรถยนต์ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง บนเส้นทางลัดเลาะริมทะเลและภูเขาที่ต้องขอบอกว่าอย่าเผลอหลับเป็นอันขาด เพราะอาจจะพลาดวิวสวยๆ ระหว่างทางได้ขับไปแวะถ่ายรูปกันเพลินๆ เผลอแป๊บเดียวเราก็มาถึงที่ระดับความสูง 167 เมตรจากระดับน้ำทะเล
ความดีงามของที่นี่คือมีเส้นทางเดินเที่ยวชมภูเขาที่เดินง่าย เป็นเส้นทางระยะสั้นๆ จอดรถปุ๊บก็สามารถสัมผัสทัศนียภาพรอบๆ ได้เลย เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ใครที่ไม่ใช่สายลุยก็มาได้อยู่ และถ้ามาในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมถึงต้นเดือนมิถุนายน ก็จะได้เห็นทุ่งดอกลิลลี่สีเหลืองบานสะพรั่งไปทั่วภูเขา เพิ่มสีสันให้ภูเขาโอโนกาเมะน่ารักขึ้นไปอีกเท่าตัว ซึ่งการันตีระดับ 2 ดาวโดย Michelin Green Guide
เรายืนมองท้องฟ้าและภูเขาสูงใหญ่สีเขียวสบายตา หลับตาฟังเสียงคลื่นลมที่กระทบกับชายฝั่ง เดินลัดเลาะไหล่เขา เป็นโมเมนต์ที่ใช่ว่าจะสัมผัสกันได้บ่อยๆ
info
Onogame
Open : 24 ชั่วโมง
Holiday : –
Price : ฟรี
Tel. : –
Website : –
Sado Kinzan Gold Mine
เล่าเรื่องเหมืองแร่
ในอดีตอุตสาหกรรมใหญ่ของเกาะซาโดะคือเหมืองทอง พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จึงได้บอกเล่าเรื่องราวประวัติความเป็นมา ขั้นตอนการขุดเจาะ ตลอดจนวิถีความเป็นอยู่ของชาวเหมือง ซึ่งนำเสนอผ่านสถานที่จริงและในแต่ละจุดต่างๆ จะมีหุ่นจำลองคอยบอกเล่าเรื่องราวแต่ละขั้นตอนที่สมจริงราวกับพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต ด้วยบรรยากาศภายในถ้ำบวกกับอากาศเย็นชื้น ทำให้เหมือนได้ย้อนเวลาอยู่ในโลกของเหมืองทอง ที่นี่จึงเป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่สำคัญ ถ้าอยากรู้จักเกาะซาโดะให้มากขึ้นก็เพิ่มที่นี่ลงในลิสต์ที่ต้องมาเยือนได้เลย
สำหรับเส้นทางศึกษาประวัติศาสตร์เหมืองทองนั้นมีให้เลือกหลายคอร์สด้วยกัน แตกต่างกันที่สถานที่และระยะเวลาในการเดินเยี่ยมชม สามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์
info
Sado Kinzan Gold Mine
Open : เมษายนถึงตุลาคม 8:00-17:30 น. และ พฤศจิกายนถึงมีนาคม 8:30-17:00 น.
Holiday: –
Price : Edo คอร์ส ผู้ใหญ่ 900 เยน เด็ก 450 เยน, Meiji คอร์ส ผู้ใหญ่ 900 เยน เด็ก 450 เยน, Edo & Meiji คอร์ส ผู้ใหญ่ 1,400 เยน เด็ก 700 เยน
Tel. : 0259-74-2389
Website : www.sado-kinzan.com/en/
Senkakuwan Bay
สุดยอดจุดชมวิวที่ห้ามพลาด
หน้าผาและโขดหินรูปทรงแปลกตาตัดกับน้ำทะเลสีน้ำเงินเข้ม เสียงคลื่นลมที่กระทบชายฝั่งเป็นระลอกๆ ทางเดินอันยาวเหยียดและประภาคารโดดเด่นเห็นแต่ไกล ทำให้ที่นี่เป็นจุดชมวิวอีกแห่งหนึ่งบนเกาะที่เรายกให้เป็นเดอะเบสท์ ซึ่งนอกเหนือจะเป็นจุดชมวิวแล้ว ที่นี่ยังคงเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องราวใต้ท้องทะเล เพราะมีอควาเรียมเล็กๆ ให้เข้าไปเดินเล่นเยี่ยมชม ใครที่อยากเห็นอ่าวในแบบมุมกว้างๆ ก็สามารถซื้อตั๋วเรือท้องกระจกออกไปล่องทะเลชมวิวเกาะ ส่วนสายช็อปปิ้งของฝากก็ไปเดินชิมช็อปกันได้ที่โซนขายของซึ่งรวบรวมของดีเกาะซาโดะเอาไว้มากมาย มาที่เดียวได้ครบทุกมู้ด ไม่แวะไม่ได้แล้ว
info
Senkakuwan Bay
Open: มีนาคมถึงเมษายน 8:00-17:00 น., พฤษภาคมถึงตุลาคม 8:00-17:30 น., พฤศจิกายน 8:30-17:00 น., ธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ 8:30-16:30 น.
Holiday: –
Price: ผู้ใหญ่ 550 เยน เด็ก (6-12 ปี) 280 เยน (หากนั่งเรือท้องกระจก ผู้ใหญ่ 1,100 เยน เด็ก (6-12 ปี) 550 เยน)
Tel.: 0259-75-2311
Website: www.ageshima.eek.jp/
Toki Forest Park
เรื่องนกนก
นกโทคิ (Toki) เป็นสัตว์หายากที่เคยสูญพันธุ์ไปแล้วในญี่ปุ่น แต่ได้มีการเพาะเลี้ยงกันใหม่ ที่นี่จึงเป็นศูนย์อนุรักษ์นกโทคิที่หาดูได้แค่ที่นี่ที่เดียว ทำให้เจ้านกสายพันธุ์นี้เป็นสัตว์ที่สำคัญบนเกาะซาโดะ สังเกตได้จากผลิตภัณฑ์ของฝากมากมายบนเกาะที่จะเป็นรูปนกโทคินี่แหละ ใครที่สนใจศึกษาเรื่องราวของน้องๆ ที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูแบบนี้ ก็สามารถแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมกันได้อย่าลืมแวะชิมซอฟต์ครีมที่ขายอยู่ด้านหน้าสวนนะ มีให้เลือกหลากหลายรสชาติที่อร่อยจนเราต้องขอเบิ้ลเลยล่ะ
info
Toki Forest Park
Open : 8:30-17:00 น.
Holiday : วันจันทร์ในเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์
Price : ผู้ใหญ่ 400 เยน เด็ก 100 เยน
Tel. : 0259-22-41233
Website : www.tokinotayori.com/en/
Shukunegi Village
ลัดเลาะหมู่บ้านวัฒนธรรม
บ้านเรือนดีไซน์สะดุดตาดึงดูดให้เราต้องมาที่นี่ หมู่บ้านชุคุเนะงิอดีตเคยเป็นแหล่งต่อเรือและเป็นท่าเรือที่รุ่งเรืองของเกาะซาโดะในสมัยเอโดะ ซึ่งยังคงอนุรักษ์ไว้ให้เราได้ชมกันอยู่ ทางเดินเล็กๆ ตามตรอกซอกซอยพาเราย้อนไปสัมผัสเรื่องราววิถีความเป็นอยู่ของชาวประมงในยุคนั้น ความพิเศษของบ้านเรือนที่นี่คือวัสดุที่นำมาสร้างนำมาจากไม้กระดานเรือนั่นเอง ซึ่งบางหลังสามารถเข้าไปเยี่ยมชมภายในบ้านได้ เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่ต้องจดไว้
info
Shukunegi Village
Open : พ.-จ. 9:00-17:00 น.
Holiday : วันอังคาร
Price : ฟรี (แต่ถ้าอยากเข้าชมภายในบ้านต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม)
Tel. : 0259-86-2077
Website : www.shukunegi.com/en
Photo Spot Sado Hidden Place
การเที่ยวในเกาะซาโดะถ้าจะให้สะดวกสุดก็ต้องขับรถยนต์ ซึ่งข้อดีของการขับรถเที่ยวคือเจอจุดไหนน่าสนใจก็แวะลงได้เลย ซึ่งเกาะนี้มีมุมสวยๆ เพียบ จากที่เราแวะมาตลอดทาง ขอแนะนำ 3 จุดที่ต้องจอด แชะ ชิล ถ่ายรูปเชื่อเถอะว่าได้รูปสวยๆ กลับไปอย่างแน่นอน
Minimal Bus Stop
ระหว่างที่เราขับรถเลาะริมชายหาดอยู่เพลินๆ ผ่านป้ายรถเมล์สีขาวมินิมัลตัดกับสีฟ้าและผืนน้ำดูสะดุดตาขึ้นมา เลยอดไม่ได้ที่ต้องหาที่จอดรถเก็บรูปโปรไฟล์ นอกจากป้ายรถบัสสีขาวแล้ว ขับรถไปอีกนิด
ก็จะเจออีกป้ายรถเมล์สีน้ำตาลที่น่ารักไม่แพ้กัน
📍 พิกัด
Sawata Beach (ป้ายรถเมล์สีขาว)
Sobama Beach (ป้ายรถเมล์สีน้ำตาล)
Free as a Bird
จุดนี้อยู่ทางฝั่ง Maehama Coast ระหว่างที่เรากำลังจะมุ่งหน้าไปท่าเรือเรียวซึ (Ryotsu) ก็เห็นกลุ่มคุณลุงคุณป้ากำลังให้ขนมกับฝูงนกที่อยู่ ซึ่งนอกเหนือจะมีฝูงนกสีขาวน่ารักๆ แล้ว ยังมีโขดหินรูปร่างแปลกตาเป็นพื้นหลัง สวยจนเราต้องเก็บภาพเอาไว้
📍 พิกัด
ฝั่ง Maehana Coast
Somewhere Beyond The Sea
สะพานคอนกรีตทอดยาวไปในท้องทะเลที่เราพบเจอโดยบังเอิญขณะกำลังหาที่กลับรถ แล้วก็พบว่าเป็นอ่าวที่มีเรือประมงขนาดเล็กจอดอยู่เต็มไปหมด เลยแวะเดินเล่นสักหน่อย พูดเลยว่าบรรยากาศดีมาก ใครผ่านแถวนี้แวะมาเดินเล่นกันได้
📍 พิกัด
ฝั่ง Mano bay
02 Niigata City | จุดน่าแวะพักระหว่างทาง
เมืองท่าที่ใครจะมาเกาะซาโดะก็ต้องเจอเขาก่อนแหละ ซึ่งเรื่องอาหารการกินของเมืองนี้ก็ไม่เป็นสองรองใคร นอกจากจะดังเรื่องข้าวที่พรีเมียมขึ้นชื่อแล้ว อาหารอื่นๆ ก็ต้องขอบอกว่าเด็ดไม่แพ้เมืองไหนเลยทีเดียวเราเลยขอชี้พิกัดแหล่งอาหารแห่งเมืองนีงาตะ ที่เราพิสูจน์มาแล้วว่าดีจนต้องบอกต่อ
Pier Bandai
ใครที่เป็นสายซีฟู้ดห้ามพลาดเลย เพราะตลาดแห่งนี้เป็นแหล่งรวมอาหารทะเลสดๆ ราคาย่อมเยา ให้เราได้เลือกซื้อมากมาย สำหรับนักท่องเที่ยวสามารถเลือกวัตถุดิบและให้ทางร้านปรุงทานที่นี่ได้เลย นอกจากจะมีอาหารทะเลแล้วยังมีผักผลไม้สดจากฟาร์ม, ข้าวจากนีงาตะ และของฝากมากมาย มาที่เดียวได้ครบทุกอย่าง และถ้าเดินไปด้านหลังอาคารก็จะพบกับวิวท่าเรือ สามารถมาเดินเล่นชิลๆ ชมวิวได้
info
Pier Bandai
Open : 9:00-22:00 น.
Holiday : –
Tel. : 025-249-2560
Website : www.bandai-nigiwai.jp/en
Bandai Soba
เมื่อเราเอ่ยปากว่าจะมาเที่ยวนีงาตะ เพื่อนชาวญี่ปุ่นก็แนะนำข้าวแกงกะหรี่ที่ Bandai City Bus Center แถมย้ำว่าต้องมาลองให้ได้นะเพราะดังมากจริงๆ เลยต้องขอแวะหน่อย ร้านเล็กๆ ที่อยู่ใต้อาคารท่ารถบัสแห่งนี้มีผู้คนแวะเวียนมาไม่ขาดสาย ซึ่งปริมาณที่ได้ก็คุ้มค่าคุ้มราคาเพราะให้เยอะมาก แต่ถ้ากลัวกินไม่หมดก็มีแบบมินิให้เลือก เราว่ารสชาติเผ็ดร้อนที่เป็นเอกลักษณ์นี่แหละที่ทำให้มัดใจคนที่นี่ได้ ชาวแกงกะหรี่เลิฟเวอร์ห้ามพลาดเลยนะ
info
Bandai Soba
Open : 8:00-19:00 น.
Holiday : 1 มกราคม
Tel. : 025-246-6432
Website : www.bandaicity.com/shop/bus_center
Niigata Ninjo Yokocho
ตลาดเก่าสไตล์โลคัลแห่งนี้เปิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1950 ถนนสายเล็กๆ แต่เต็มไปด้วยร้านค้าเก่าแก่ที่ขายวัตถุดิบท้องถิ่น, อาหาร และของจิปาถะอื่นๆ อย่างร้านขายปลาย่าง Hamayaki ที่เราได้แวะไปชิมก็ขายมาตั้งแต่ตลาดเปิดจนตอนนี้เป็นรุ่นที่ 3 แล้ว และร้าน Shiyama Shoten ที่ขายวัตถุดิบและอาหารแห้งก็มีเมนู Tokoroten เป็นเส้นแก้วญี่ปุ่นใส่โชยุ รสชาติเปรี้ยวๆ ช่วยให้สดชื่นในวันอากาศร้อน ใครที่รักบรรยากาศแบบโลคัลเราว่าที่นี่แหละตอบโจทย์
info
Niigata Ninjo Yokocho
Open : 10:00-18:00 น. (แต่ละร้านค้าแตกต่างกันออกไป)
Holiday : ไม่แน่นอน (แต่ละร้านค้าแตกต่างกันออกไป)
Tel. : 025-222-0303
Website : www.ninjo-yokocho.com/
03 Echigo-Tsumari Art Field | ชมงานอาร์ตในชนบท
ชวนเที่ยวชมงานอาร์ตที่กระจายตัวอยู่ในชนบทของเมืองโทคามาจิ (Tokamachi) ซึ่งอยู่ทางใต้ของจังหวัดนีงาตะ ที่ได้รับความร่วมมือกันระหว่างศิลปินชื่อดังระดับนานาชาติกับชาวบ้านในชนบท จัดแสดงงานศิลปะกว่า 200 ชิ้นในทั้งหมด 6 แอเรียให้ตามไปชมได้ทั้งปี ผลงานคุณภาพแต่ละชิ้นท่ามกลางบรรยากาศสดชื่น แลนด์สเคปสวยๆ สร้างด้วยคอนเซ็ปต์หลักของ Echigo Tsumari Art คือ มนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ
*ควรตรวจสอบเวลาเปิด-ปิดของชิ้นงานที่จัดแสดงแต่ละพื้นที่ในเว็บไซต์ www.echigo-tsumari.jp/eng ก่อนเดินทาง*
Tunnel of Light
Kiyotsu Gorge Tunnel เป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ Joshinetsu Kogen หุบเขาหินขนาดใหญ่ที่มีแม่น้ำไหลผ่าน สถานที่สำหรับสัมผัสธรรมชาติด้วยมุมมองที่แตกต่างออกไป Ma Yansong สถาปนิกจาก MAD Architects ได้ทำการปรับปรุงอุโมงค์นี้ใหม่จนออกมาเป็น “Tunnel of Light” หนึ่งในชิ้นงาน Installation Art ที่ Echigo Tsumari Art Field โดยใช้ธาตุทั้ง 5 ในธรรมชาติ (ดิน น้ำ ไฟ ไม้ โลหะ) มาเป็นคอนเซ็ปต์หลักในการดีไซน์ เป็นการแสดงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติได้อย่างลงตัว ความยาวของอุโมงค์กินพื้นที่ทั้งหมด 750 เมตร แบ่งเป็น 4 แพลตฟอร์ม ซึ่งเป็นจุดหลักสำหรับชมทิวทัศน์ของหุบเขาที่ติดอันดับท็อปทรีของญี่ปุ่น ตามทางเดินที่ทอดยาวในอุโมงค์จะมีการใช้สีต่างๆ จากหลอดไฟสร้างมู้ดให้กับบรรยากาศในคอนเซ็ปต์ “Expression of Color” เพื่อนำทางไปสู่แต่ละแพลตฟอร์ม
➢ แพลตฟอร์ม 1 อุโมงค์ปูนเปลือยที่เห็นวิวด้านข้างของหุบเขาและแม่น้ำ Kiyotsu ไหลผ่าน
➣ แพลตฟอร์ม 2 “Invisible Bubble” จะพบกับวัตถุคล้ายแคปซูลสีเงินตั้งเด่นอยู่ตรงกลาง ไม่ต้องแปลกใจไปเพราะนี่คือห้องน้ำสาธารณะที่ให้เข้าใช้ได้จริง ด้านในสามารถมองออกมาเห็นวิวของหุบเขาได้
➢ แพลตฟอร์ม 3 “Drop” กระจกสีเงินคล้ายหยดน้ำที่ถูกแช่แข็ง ติดตั้งอยู่ด้านบนผนังอุโมงค์ เมื่อมองเข้าไปที่กระจกนูนนี้จะเห็นภาพสะท้อนของบริเวณโดยรอบ
➣ แพลตฟอร์ม 4 “Light Cave” จุดที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่ อุโมงค์สเตนเลสสีเงินโค้งกว้างสะท้อนกับผิวน้ำในสระบนพื้น มองเห็นวิวของหุบเขา Kiyotsu ถอดรองเท้าแล้วเดินผ่านสระน้ำเข้าไปชมวิวใกล้ๆ นับว่าตรงนี้เป็นจุดชมวิวที่ดีเลยล่ะ
ความพิเศษของ Tunnel of Light แห่งนี้คือ ทิวทัศน์ของหุบเขาจะเปลี่ยนไปในแต่ละฤดู สวยและไม่ซ้ำกันเลย
ก่อนกลับอยากให้แวะคาเฟ่และร้านขายของที่ระลึกด้านหน้าทางเข้าสักพัก นั่งจิบกาแฟในอาคารเล็กๆ บรรยากาศไม้สีอ่อนที่ออกแบบโดยสถาปนิกเอง หรือจะขึ้นไปแช่ออนเซ็นเท้า (ฟรี) ที่ชั้น 2 เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากการเดิน และจะผ่อนคลายสายตาด้วยงานดีไซน์ขณะแช่เท้าก็ได้เช่น
info
Kiyotsu Gorge Tunnel
Open : 8:30-16:30 น.
Holiday : –
Price : ผู้ใหญ่ (มัธยมปลายขึ้นไป) 600 เยน, เด็ก (ประถมและมัธยมต้น) 300 เยน
Tel. : 025-763-4800
Website : www.nakasato-kiyotsu.com/en
Hachi & Seizo Tashima Museum of Picture Book Art
จากโรงเรียนประถมที่โดนทิ้งร้างถูกปรับปรุงให้เป็นมิวเซียมหนังสือภาพ โดย Seizo Tashima ผู้เป็นนักเขียนร่วมมือกับอาสาสมัครในหมู่บ้าน Hachi อาคารไม้เก่าสีน้ำตาลทั้งหลังนี้มีชิ้นงานศิลปะติดตั้งอยู่ตั้งแต่โถงทางเข้า ตามทางเดิน และกระจายอยู่ทั่วทั้งอาคาร บรรยากาศด้านในเหมือนหลุดเข้าไปเดินอยู่ในหนังสือภาพของ Seizo เล่มที่ชื่อว่า “โรงเรียนที่ไม่ว่างเปล่าอีกต่อไป” มีตัวละครหลัก 3 คน เป็นนักเรียนรุ่นสุดท้ายของโรงเรียน คือ ยูกิ ยูกะ และเคนตะ พวกเขามาโรงเรียนหลังจากที่โรงเรียนปิดภาคเรียนและพบกับประสบการณ์อันแสนอัศจรรย์ ลองคิดว่าเราคือเด็กในหนังสือนี้ดูสิ จะยิ่งสนุกกับการเที่ยวชมโรงเรียนนี้มากขึ้น สามารถเดินชมผลงานศิลปะได้ทั้ง 2 ชั้น งานศิลปะของที่นี่แทบทั้งหมดสร้างมาจากวัสดุจากธรรมชาติ จำพวกเศษไม้ เมล็ดพืช วาชิ (กระดาษสา) เนื่องจากบริเวณที่ตั้งของมิวเซียมนี้อยู่ท่ามกลางหุบเขาและทุ่งนา วัสดุที่ใช้สร้างชิ้นงานจึงมีความเชื่อมโยงถึงสภาพแวดล้อมโดยรอบ ช่วงที่เราได้ไปชมมีงาน Maoshan Connie “Beginning” จัดแสดงเป็นงานครบรอบ 10 ปีของมิวเซียมนี้พอดี ภาพวาดลายเส้นน่ารักเฉพาะตัวเล่าเรื่องราวของหมู่บ้าน Hachi ที่ศิลปินประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่มาเป็นอาสาสมัครของ Echigo Tsumari Art Triennale เมื่อ 10 ก่อนจนถึงปัจจุบันที่เขาได้กลายมาเป็นศิลปินเอง เดินไล่ดูไปทีละภาพจะทำให้หลงรักหมู่บ้านนี้อย่างไม่รู้ตัว
อีกโซนหนึ่งที่ไม่ควรพลาดคือ Hachi Café คาเฟ่เล็กๆ ที่รองรับผู้มาเยือนโลกแห่งหนังสือภาพ บรรยากาศชวนให้ย้อนนึกถึงสมัยประถมที่กำลังนั่งเรียนอยู่ในห้องเรียน คาเฟ่ตกแต่งด้วยชุดโต๊ะและเก้าอี้ไม้ของโรงเรียน มีเคาน์เตอร์ไม้ยาวเป็นที่สำหรับพนักงานเตรียมอาหาร แนะนำให้นั่งชมวิวจากหน้าต่างจะเห็นภูเขาล้อมรอบโรงเรียน เมนูต่างๆ ของคาเฟ่ล้วนใช้ผักตามฤดูกาลที่เก็บเกี่ยวได้ในหมู่บ้าน มีทั้งเครื่องดื่มและของหวาน รวมถึงเมนู Lunch Set ตามฤดูกาลอีกด้วย
ติดกันกับร้าน Hachi Café คือร้านหนังสือ Kusamura ซึ่งเป็นร้านเพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่มีหนังสือภาพและผลงานของ Seizo Tashima ขายสำหรับเป็นของที่ระลึก เช่น ตุ๊กตา Toperatoto (ตัวละครจากหนังสือของ Seizo) เสื้อยืด กระเป๋าผ้า เป็นต้น
info
Hachi & Seizo Tashima Museum of Picture Book Art
Open : ปลายเมษายน-ปลายพฤศจิกายน 10:00-17:00 น., ตุลาคม-พฤศจิกายน 10:00-16:00 น.
Holiday : วันพุธ, วันพฤหัสบดี และฤดูหนาว
Price : ผู้ใหญ่ 800 เยน, เด็กมัธยมต้นและต่ำกว่า 300 เยน, ต่ำกว่าประถมฟรี
Tel. : 025-752-0066
Website : www.ehontokinomi-museum.jp
Echigo-Tsumari Satoyama Museum of Contemporary Art KINARE
อาคารคอนกรีตทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีเทา ผ่านประตูทางเข้ามาจะสะดุดตากับพื้นที่ที่ตรงกลางเปิดโล่งให้เห็นบรรยากาศของท้องฟ้าและมีสระน้ำขนาดใหญ่อยู่ บริเวณรอบๆ สระจะมีอีเว้นท์และกิจกรรมต่างๆ ตลอดทั้งปี
ในอาคารชั้น 2 มีจุดชม “Palimpsest: Pond of Sky” ผลงานชิ้นใหญ่ที่เป็นไฮไลท์ของมิวเซียม สร้างโดยศิลปินชาวอาร์เจนตินาชื่อว่า Leandro Erlich เป็นการทำเงาสะท้อนของอาคารสี่เหลี่ยมกับท้องฟ้าที่อยู่ในสระว่ายน้ำ ศิลปินตั้งใจเล่นกับการมองเห็นของผู้ชมคล้ายกับว่าสระน้ำคือกระจกแผ่นใหญ่ที่สะท้อนตัวมิวเซียมอยู่ตลอดเวลานั่นเอง นอกจากนี้ยังมีห้องนิทรรศการถาวรรวมผลงานของศิลปินจากนานาชาติจัดแสดงอยู่ 12 ชิ้น
เดินชมงานศิลปะเสร็จ อยากให้แวะ Echigo Shinanogawa Bar ลองนั่งด้านริมหน้าต่างแล้วมองผลงานศิลปะในสระน้ำไปด้วย เพลินตาอย่างบอกไม่ถูกเชียวล่ะ ในคาเฟ่มีโซนห้องสมุดเล็กๆ ที่มีหนังสือผลงานศิลปะของศิลปินญี่ปุ่นและต่างชาติให้อ่านได้ฟรี ถัดจากคาเฟ่จะเป็น Museum Shop ขายของที่ระลึกจากงาน Echiho Tsumari Art Field และสินค้าท้องถิ่นที่ผลิตจากจังหวัดนีงาตะเอง
info
Echigo-Tsumari Satoyama Museum of Contemporary Art KINARE
Open : 10:00-17:00 น.
Holiday : ปิดวันพุธ
Price : ผู้ใหญ่ 800 เยน, เด็ก 400 เยน, เด็กต่ำกว่าประถมเข้าฟรี
Tel. : 025-761-7767
Website : www.smcak.jp/en-log
House of Light
บ้านไม้หลังใหญ่สไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมเป็นผลงานของศิลปินชื่อว่า James Turrell ในบ้านจะมีการจัดแสงไว้ตามทางเดินและห้องต่างๆ ชั้น 1 มีห้องอาบน้ำที่ตอน-เช้าจะมีแสงธรรมชาติส่องผ่านหน้าต่างมองจนเห็นวิวด้านนอกได้และมีแสงสีต่างๆ ในบ่อออนเซ็นสำหรับตอนกลางคืน (Light Bath) ชั้น 2 จะมีห้องจัดแสดงหลักชื่อว่า “Outside-in” แนะนำว่าให้ใช้เวลานานๆ กับห้องนี้ เพราะจะมีการจัดแสงแบบออโตเมติกตามการขึ้นและตกของพระอาทิตย์ หลังคาบ้านสามารถเปิดสไลด์ออกแล้วนอนบนเสื่อทาทามิเพื่อมองท้องฟ้าได้ แสงและสีในห้องจะเปลี่ยนไปตามแต่ละช่วงเวลาของแสงด้านนอกด้วย ความพิเศษของบ้านหลังนี้ขึ้นอยู่กับแสงทั้งสิ้น ถ้าอยากเห็นแสงในบ้านที่ชัดเจนควรมาช่วงเย็นจะสวยมาก (กลางคืนจะสวยที่สุด)
บ้านหลังนี้เปิดให้เข้าพักได้ หากมีโอกาสอยากให้ลองจองมาพักสักคืนจะได้ดื่มด่ำกับแสงและสีทุกขณะที่ใช้เวลาอยู่ที่ House of Light ความพิเศษสำหรับคนที่จองเข้ามาพักในฤดูหนาวช่วงเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์สามารถใช้พื้นที่ของบ้านทั้งหลังโดยที่ไม่ต้องแชร์กับคนอื่น ใครที่สนใจพักสามารถจองได้ผ่านทางเว็บไซต์
info
House of Light
Open: 11:30-15:00 น.
Holiday: –
Price: ผู้ใหญ่ 600 เยน (มัธยมต้นขึ้นไป), เด็กประถม 300 เยน
Tel: 025-761-1090
Website: www.hikarinoyakata.com/eng
ในอนาคตอันใกล้จะมี Echico-Tsumari Art Triennale ในปี ค.ศ. 2021 เป็นหนึ่งใน Contemporary Art Festival ที่ใหญ่สุดในโลกซึ่งจัดทุกๆ 3 ปีครั้ง มีผลงานจากศิลปินนานาชาติชื่อดังทั่วโลกเข้าร่วมแสดง ใครที่สนใจอยากชมงานอาร์ตสุดอลังการนี้ อย่าลืมติดตามข่าวสารเช็คเวลาและอีเว้นท์ต่างๆ ให้ดีล่ะ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.echigo-tsumari.jp/eng
Facebook: tsumari.artfield
04 JR East Hotel Mets Niigata
Hotel Mets Niigata โรงแรมโลเคชั่นโดดเด่น เดินทางสะดวกสุดๆ ที่ตัดสินใจเลือกพักที่นี่อย่างไม่ลังเลก็เพราะโรงแรมมีทางเชื่อมกับประตูทางออกทิศตะวันตกของสถานีรถไฟนีงาตะ (JR Niigata Station) เดินเท้าเพียงแค่ 1 นาที ก็เข้าถึงตัวล็อบบี้ของโรงแรมแล้ว หรือใครที่เช่ารถยนต์ขับ บริเวณด้านหน้าโรงแรมมีที่จอดรถให้ด้วย คอนเซ็ปต์การออกแบบของโรงแรมคือ สายน้ำ ซึ่งเชื่อมโยงกับธรรมชาติของนีงาตะ อีกทั้งยังนำน้ำดื่มอิเล็คตรอนประจุลบมาใช้ภายในโรงแรม ซึ่งถูกรับรองว่าสะอาดและมีค่า pH ที่เหมาะแก่การดื่มเป็นที่สุด
ส่วนห้องพักมีหลายแบบให้เลือกไม่ว่าจะมาคนเดียว เป็นคู่ หรือครอบครัวก็มีห้องพักพร้อมรองรับ ทุกห้องจะมาพร้อมกับโต๊ะทำงาน เตียงนุ่มหลับสบายของบริษัท Simmons และภายในห้องก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็น เครื่องรีดกางเกง, ตู้เย็น และไดร์เป่าผม เป็นต้น ถ้าใครลืมพกสิ่งของเครื่องใช้มาอาทิ แชมพู แปรงสีฟัน ไม่ต้องไปหาซื้อให้เสียเวลา เพราะทางโรงแรมได้เตรียมทุกอย่างไว้ให้หมดแล้ว ช่างใส่ใจในทุกรายละเอียดจริงๆ ตื่นเช้ามาไม่ต้องทนหิวเพราะมีอาหารเช้าให้บริการอยู่ที่ชั้น 1 ซึ่งได้รวมกับค่าห้องพักเรียบร้อย ณ Uonuma Kamakura ห้องอาหารสไตล์บุฟเฟ่ต์มีทั้งอาหารญี่ปุ่นหรือตะวันตกให้เลือกกินได้จนอิ่มท้อง
อีกหนึ่งความพิเศษของโรงแรมที่ทำให้รู้สึกประทับใจอยู่ที่เลานจ์ชั้น 3 ซึ่งเป็นโซนหนังสือที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับนีงาตะในฤดูกาลต่างๆ และยิ่งกว่านั้นคือมีพิพิธภัณฑ์ Ponshukan ที่รวบรวมเครื่องดื่มท้องถิ่นขึ้นชื่อของนีงาตะไว้ให้ได้ลองชิมกัน ไม่ต้องห่วงหากอยากออกไปเดินเล่น ช็อปปิ้ง หรือหาอาหารอร่อยกินก็สามารถเดินไปได้ไม่ไกลจากโรงแรม ใครที่กำลังมองหาที่พักโลเคชั่นดีๆ ในเมืองนีงาตะ ขอแนะนำให้เลือก Hotel Mets Niigata ดูสิคุ้มค่าแน่นอน
Recommended Sightseeing
The Niigata Saitou Villa
บ้านไม้เก่าสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม เดินชมสวนขนาดใหญ่ซึมซับบรรยากาศและวัฒนธรรมญี่ปุ่นขนานแท้
Pier Bandai
ตลาดสดขนาดใหญ่ติดทะเลขายวัตถุดิบชั้นเลิศของนีงาตะ เช่น ข้าว, อาหารทะเล, ผักผลไม้ เป็นต้น
Tarai Bune (Sado Island)
นั่งเรือ Tarai Bune รูปทรงพิเศษคล้ายอ่างไม่เหมือนที่ไหนพร้อมกับชมวิวทะเลใสฟ้าสวยได้ที่เกาะซาโดะ
รายละเอียดโรงแรมเพิ่มเติมที่ www.hotelmets.jp/en/niigata
05 Sado Island & Echigo-Tsumari Art Field Map
คลิกที่รูปเพื่อดาวน์โหลดแผนที่
06 เช่ารถพร้อมรับส่วนลดกับ ToCoo
อยากไปเที่ยวญี่ปุ่นแต่ว่าโลเคชันที่จะไปรถไฟเข้าไม่ถึงรถบัสก็ไม่ผ่าน และอยากจัดทริปเองไม่อยากซื้อทัวร์อีก จะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร เรามีทางออกดีๆ มาแนะนำ ลองขับรถยนต์เที่ยวดูสิจะทำให้ทริปของคุณสะดวกสบายขึ้นมาทันที รู้ไหมว่าการขับรถในญี่ปุ่นง่ายกว่าที่คิดเยอะเพราะที่ญี่ปุ่นถนนหนทางดีมาก กฎจราจรก็เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน ขับรถทางด้านซ้ายของถนน พวงมาลัยคนขับอยู่ทางด้านขวาเหมือนไทยเลยนะ ถ้าอยากมีโรดทริปสุดเจ๋งเป็นของตัวเอง เช่ารถยนต์ขับเที่ยวดูสิเพลินแน่นอน
การเช่ารถยนต์ขับในประเทศญี่ปุ่นต้องทำอย่างไร เตรียมเอกสารอะไรบ้าง ค่าเช่าแพงไหม? เราจะมาตอบทุกคำถามที่ทุกคนสงสัยเกี่ยวกับการขับรถในญี่ปุ่นให้เอง
การจะขับรถยนต์ในญี่ปุ่นได้นั้นสิ่งแรกที่จะต้องทำจากประเทศไทยไปคือ “ใบอนุญาตขับขี่ระหว่างประเทศ” ซึ่งสามารถติดต่อทำได้ที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 และสำนักงานขนส่งจังหวัดทุกจังหวัด ใช้เวลาดำเนินการเพียงแค่ไม่ถึง 15 นาที ก็รับใบขับขี่ระหว่างประเทศกลับไปได้เลย รายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.dlt.go.th
ขั้นตอนการ เช่า-รับ-คืน รถ
ควรเลือกเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถืออย่างที่เราใช้คือ ToCoo! ซึ่งเป็นเว็บไซต์จองรถเช่าสำหรับชาวต่างชาติที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีการทำสัญญากับบริษัทรถเช่ากว่า 55 แห่ง (บริษัทใหญ่ๆ เช่น : TOYOTA, Nippon, Nissan ฯลฯ) สามารถจองรถเช่าจากสาขาได้กว่า 3,000 แห่งทั่วญี่ปุ่น การจองจะเป็นแบบเรียลไทม์ มีออพชั่นเสริมให้เลือกมากมาย อาทิ WiFi Router และ ETC Card (สำหรับขึ้นทางด่วน) ที่สำคัญมีส่วนลดให้สูงสุดถึง 60% (ถือว่าถูกมากๆ) จองง่ายๆ ผ่านที่นี่ www2.tocoo.jp/th เว็บไซต์ภาษาไทยใช้งานสะดวก เลือกวัน-เวลา-สถานที่รับและจุดคืนรถเมื่อกรอกข้อมูลต่างๆ ในการเช่าเรียบร้อยจะมีอีเมลยืนยันการจองส่งมา วันที่รับรถให้นำบัตรเครดิต ใบ-ขับขี่สากล พาสปอร์ตยื่นให้กับพนักงานเพื่อเป็นการยืนยันตัวตนและชำระค่าเช่า ก่อนรับรถพนักงานจะพาตรวจสภาพรถภายนอกโดยรอบคันและอธิบายการใช้งานต่างๆ พร้อมกับให้คู่มือการเช่ารถมาด้วย รายละเอียดและข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับการเช่ารถจะอยู่ในคู่มือที่ได้รับมาทั้งหมด เมื่อถึงเวลาส่งรถคืนสิ่งที่ต้องทำก่อนคืนรถคือจะต้องเติมน้ำมันให้เต็มถังและแสดงใบเสร็จค่าน้ำมันให้กับร้านเช่ารถด้วย
วิธีใช้ GPS
ในรถเช่าจะมีเครื่อง GPS มาให้เป็นระบบนำทางสำหรับรถยนต์ทุกประเภทซึ่งไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ตัว GPS จะเซ็ตโลเคชั่นได้แค่เมื่อรถจอดอยู่เท่านั้น ระหว่างที่ขับรถจะไม่สามารถใช้งานได้ เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุระหว่างขับขี่นั่นเอง อันดับแรกก่อนออกรถต้องตั้งค่าการใช้งานเป็นภาษาอังกฤษก่อน GPS ของญี่ปุ่นใช้งานง่ายมากเพียงแค่ใส่เบอร์โทรศัพท์ของสถานที่ที่ต้องการจะไป GPS ก็จะแสดงโลเคชั่นของที่นั้นๆ ให้เลย เพราะง่ายและแม่นยำกว่ากรอกตัวอักษร *ที่สำคัญเลยผู้ขับขี่ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือระหว่างขับรถยนต์นะ เพราะผิดกฎจราจรของญี่ปุ่น*
รายละเอียดเพิ่มเติมที่ www2.tocoo.jp/th