เมษายน 2015
บนท้องฟ้าเหนือเกาะเมกิในจังหวัดคางาวะ
สายรุ้งเหยียดตัวตรง ลอยล่องอยู่ตรงหน้า

เสียงเพลงประกอบหนังเรื่อง Rainbow Song ดังแว่วในหัว คล้ายว่าบางร่องรอยในความรู้สึกถูกปลุกจากนิทรา ฉันหวนนึกถึงบางเสี้ยวของช่วงเวลาในอดีต รุ้งกินน้ำโดยทั่วไปจะโค้งตัวข้ามลัดจากฟ้าฟากหนึ่งไปสู่อีกฟาก แต่รุ้งที่ฉันเห็นนี้ไม่เหมือนกัน มันเป็นรุ้งเส้นตรงที่มีหน้าตาเหมือนรุ้งจากฉากสำคัญในหนังที่ฉันเคยดูกับใครบางคน

Rainbow Song เริ่มลงโรงเข้าฉายที่ประเทศญี่ปุ่นในปี .. 2006 และถูกส่งออกมาฉายที่เมืองไทยในช่วงปลายปี .. 2007 หนังเล่าถึงเรื่องราวความรักของเพื่อนสนิทชายหญิงที่ไม่เคยเปิดเผยและรับรู้ความในใจระหว่างกัน อาจเพราะความรักนั้นมองเห็นได้ลำบากหากเราไม่สังเกต ในบางโอกาสมันก็เลยลอยคว้างโดยไม่มีใครเอื้อมคว้าไว้ได้ทัน 

 

 

ภาพสายรุ้งในเรื่องทำให้ฉันจดจำหนังได้แม่นพอๆ กับดนตรีประกอบที่ฟังแล้วผนึกติดเข้าไปในความทรงจำได้ในทันที ตัวละครนำทั้งสองเป็นหนุ่มสาวในวัยเรียนจบใหม่หมาดๆ ทั้งคู่อยู่ในช่วงแสวงหาทั้งตัวตนของตัวเองและเส้นทางที่ใช่ของชีวิตการงาน ฝ่ายหญิงหลงรักฝ่ายชายทั้งที่รู้ดีว่าเขาเป็นคนไม่เอาไหนและคบใครๆ แบบฉาบฉวยผิวเผิน อาจเป็นเพราะความไม่เดียงสาหรืออะไรบางอย่าง ความสัมพันธ์แบบเพื่อนที่เริ่มพัฒนาเป็นความสัมพันธ์อีกแบบกลับไม่ได้รับการสานต่อ ชายหนุ่มมาสัมผัสได้ถึงความรักระหว่างกันในวันที่สายเกินไป และมันไกลเกินกว่าจะจบลงที่ความสมหวัง

สำหรับฉันแล้ว ถ้าเปรียบหนังเรื่องนี้เป็นสี มันคือสีที่ดูเรืองรองทว่าจืดจางในคราวเดียว ความรักของตัวละครในช่วงวัยเปลี่ยนผ่าน (Coming of Age) เรื่องนี้ ดูเรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ แต่ก็ชวนให้ขบคิด ซับซ้อนเหมือนสายรุ้งที่ปรากฏตัวเป็นสีสวยแต่ก็พร้อมจะแตกสลายไร้ตัวตนเมื่อไขว่คว้า เหมือนท้องฟ้าในช่วงเวลาที่เป็นรอยต่อของความเศร้ากับความสุข เหมือนสายรุ้งที่ปรากฏตัวหลังสายฝน คงอยู่ชั่วขณะหนึ่งแล้วจางหาย ปล่อยให้แสงเจิดจ้าเข้ามาแทนที่ เหมือนความรักของหนุ่มสาวที่มักต้องผ่านความเจ็บปวดก่อนจะได้พานพบแสงสว่างแห่งการตระหนักรู้

ในฐานะที่ฉันก็เคยผ่านช่วงเปลี่ยนผ่านของวัยและเคยผ่านช่วงเวลาสั้นๆ ระหว่างความเป็นเด็กกับความเป็นผู้ใหญ่มาก่อน ฉันก็พอจะเข้าใจและจินตนาการถึงความว้าวุ่นสับสนทั้งหลายเหล่านั้นได้ไม่ยาก ทั้งการค้นหาตัวตน การเลือกเส้นทางเดิน การคบเพื่อน การรักษาความสัมพันธ์ ฯลฯ มันไม่ง่าย มันประดักประเดิด มันทั้งเป็นตัวเราและไม่ใช่ตัวเรา ในบางครั้งวันเวลาของมนุษย์ในวัยเปลี่ยนผ่านทั้งเดินเร็วและเดินช้า เป็นช่วงรอยต่อของทุกข์กับสุข ได้ทำความเข้าใจตัวเองและทะเลาะกับตัวเองไปพร้อมๆ กัน

ในเรื่องความรัก บางทีเราก็เฝ้าแสวงหาในสิ่งที่เราไม่เคยรู้เลยว่าจะไม่มีวันพบเจอด้วยวิธีการแสวงหาใดๆ สัมพันธภาพกับคนบางคนที่ดูพิเศษก็อาจจะไม่ลงเอยที่ความพิเศษเสมอไป คล้ายกับความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับใครคนนั้นที่ไปดูหนังเรื่องนี้ด้วยกัน

สายรุ้งไม่เคยปรากฏให้เห็นเพราะความต้องการของใคร
มันปรากฏให้เราเห็นผ่านหลายเงื่อนไขของธรรมชาติ
องศาแสงที่พอดี
มุมมองที่ถูกต้อง
ในช่วงเวลาและสถานที่ที่ใช่และเหมาะสม

บางปรากฏการณ์ก็ทำให้เราเข้าใจอะไรมากขึ้น
บางประสบการณ์ทำให้เราเติบโตขึ้น

 

 

ทำไมถึงไปถ่ายภาพรุ้งไกลถึงญี่ปุ่น?” เวลาฉันได้ยินคำถามนี้ คำตอบที่ดังโดยอัตโนมัติก็คือ “ฉันไม่ได้ไปถ่ายรุ้งที่นั่นสักหน่อย สายรุ้งต่างหากที่มาให้เห็นตอนนั้นพอดีมันเป็นเรื่องของจังหวะเวลาและส่วนผสมที่ลงตัว และฉันไปอยู่ตรงนั้นในตอนนั้น โดยอาจจะบวกกับความช่างสังเกตที่ฉันมีติดตัวเพิ่มมาอีกเล็กน้อยหลังจากชีวิตเคยพลาดอะไรไปหลายอย่างเพราะไม่ค่อยสังเกตให้ดี ในฐานะของคนที่เคยมีประสบการณ์ชีวิตมาบ้าง ในเมื่อไม่อยากมานั่งเสียดายในภายหลัง ฉันก็ต้องรีบยกกล้องขึ้นมาเก็บภาพไว้โดยพลัน คนถือกล้องบางคนอาจเป็นคล้ายๆ กัน คือบางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถ้าไม่กดชัตเตอร์ไว้ให้ทัน มันก็แค่ผ่านไป และเราย้อนเวลากลับไปไม่ได้ 

ถ้าจะให้ทันก็ต้องคว้าเอาไว้

เหมือนกับสายรุ้งรูปร่างแสนพิเศษที่มีช่วงเวลาของมัน เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนจะเลือนหาย เป็นช่วงเวลาที่ถ้าเราจดจำและเรียนรู้อะไรบางอย่างจากมันได้ ไม่ว่าระหว่างนั้นจะสุขหรือเศร้า ก็ล้วนเป็นประสบการณ์ที่มหัศจรรย์ครั้งหนึ่งในชีวิต

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ