Yamanote Line X Cafe Hopping Trip : ทัวร์ 30 คาเฟ่ใกล้ 30 สถานีรถไฟสายยามาโนเตะ | EP1

30 สถานี / 30 คาเฟ่ ใกล้รถไฟสายยามาโนเตะ (Yamanote) 🍰

หลายคนที่เคยไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นโดยเฉพาะเมืองใหญ่อย่างโตเกียวแล้ว คงจะทราบกันดีในเรื่องชื่อเสียงของเส้นทางรถไฟอันสลับซับซ้อน อีกทั้งแยกออกเป็นหลายสายหลายประเภท แต่ยังมีสายรถไฟที่เรียกได้ว่าใช้งานง่ายและยังเป็นที่นิยมทั้งสำหรับนักท่องเที่ยวและคนญี่ปุ่นเอง นั่นคือรถไฟเจอาร์สายยามาโนเตะ (JR Yamanote Line) หรือสายสีเขียวอ่อนในโตเกียวที่หลายๆ คนคุ้นเคยกันดีนี่เอง ด้วยเส้นทางของรถไฟที่วิ่งวนเป็นวงกลมผ่านย่านการค้าที่มีร้านอาหาร คาเฟ่ และย่านท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสถานีโตเกียว อากิฮาบาระ อุเอโนะ ชินจูกุ ฮาราจูกุ และชิบูย่า จากทั้งหมด 30 สถานี ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงในการวนครบ 1 รอบ 

ภาพ: tblg.k-img.com

แต่ในบทความนี้เราไม่ได้จะพามารู้จักกับรถไฟสาย Yamanote เพียงอย่างเดียว หากแต่เราอยากพาทุกคนไปสำรวจบรรยากาศรอบๆ แต่ละสถานีพร้อมทั้งแวะชมคาเฟ่บรรยากาศดีที่เดินชิลล์ๆ จากสถานีไปถึงได้ในไม่กี่นาที เรียกว่าเป็นทริปคาเฟ่ฮอปปิ้ง (Cafe Hopping) รอบรถไฟสายยามาโนะเตะก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะได้นั่งรถไฟ ยานพาหนะอันเป็นไอคอนของญี่ปุ่นแล้ว ยังได้ไปพักจิบกาแฟ ชิมขนม และลิ้มรสอาหารจานเด็ด พร้อมถ่ายภาพปักหมุดเช็คอินในคาเฟ่สวยๆ ในโตเกียวได้ด้วยนั่นเอง สำหรับอีพีแรกนี้เราจะขอแนะนำ 15 สถานีและ 15 คาเฟ่ก่อน โดยไล่เรียงตามรหัสประจำสถานีเลย

01 สถานีโตเกียว (Tokyo Station)

ที่นี่คือศูนย์กลางสถานีรถไฟแห่งกรุงโตเกียวและประเทศญี่ปุ่น อีกทั้งยังเป็นสถานีแรกในสาย Yamanote ที่ใครเคยมาญี่ปุ่นก็ต้องรู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะเป็นจุดเชื่อมต่อของรถไฟหลายๆ สายแล้ว ยังมีจุดเด่นตรงโครงสร้างขนาดใหญ่ของตัวสถานีที่มาพร้อมกับสถาปัตยกรรมกำแพงอิฐแดงสวยงาม ภายในสถานียังคับคั่งไปด้วยร้านค้า คาเฟ่ และร้านอาหารที่หลากหลายในชั้นใต้ดิน รวมถึงยังมีส่วนที่เป็นโรงแรมอีกด้วย

Marunouchi Cafe Kai

ภาพ: www.tullys.co.jp

นอกจากเอกลักษณ์ของตัวสถานีรถไฟโตเกียวที่เป็นอาคารสไตล์ยุโรปเก่าแก่ เราก็จะขอพาไปแนะนำกับคาเฟ่ที่มาในธีมเดียวกันที่มีชื่อว่า Marunouchi Cafe Kai ด้วยคอนเซ็ปต์การผสานความเป็นคาเฟ่แบบตะวันตกเข้ากับวัฒนธรรมญี่ปุ่น ภายในตกแต่งเป็นโทนสีน้ำตาลเข้ม ติดโคมไฟขนาดใหญ่ด้านบน ดูเป็นคาเฟ่หรูหราสไตล์ยุโรปให้ฟีลเหมือนมานั่งจิบน้ำชายามบ่าย

ภาพ: www.tullys.co.jpภาพ: www.shonan-navi.net

ในส่วนของเมนูนั้นถึงแม้จะนั่งในร้านบรรยากาศแบบตะวันตก แต่ก็ยังคงรูปแบบของเมนูเครื่องดื่มและขนมตามแบบญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นเซ็ตน้ำชาที่สามารถเลือกได้หลากหลาย หรือใครอยากจะลองรสชาติแบบเข้มๆ ที่ร้านก็มีกาแฟจากเมล็ดกาแฟคั่วหอมๆ ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของทางร้าน

Uji Matcha Tiramisu 580 เยน ภาพ: www.shonan-navi.net

เลือกเครื่องดื่มได้แล้วก็ต้องมากินคู่กับขนมสไตล์ญี่ปุ่น ที่พลาดไม่ได้เลยคือเมนูอุจิ มัจฉะ ทีรามิสุ เมนูยอดนิยมประจำร้าน ด้วยรสชาติเข้มข้นจากจากกาแฟของทางร้าน ผสมผสานกับวิปครีมรสกลมกล่อมไม่หวานเลี่ยนจนเกินไป โรยด้วยผงมัจฉะหนาๆ ไม่ว่าจะกินคู่กับชาหรือกาแฟก็อร่อยไม่แพ้กัน

02 สถานีคันดะ (Kanda Station)

หนึ่งสถานีใจกลางย่านคันดะ (Kanda) ที่มักจะเนืองแน่นไปด้วยหนุ่มสาวออฟฟิศและนักเรียนนักศึกษา เนื่องจากที่ตั้งที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยชื่อดังอย่างมหาวิทยาลัยเมจิ และมหาวิทยาลัยโตเกียว นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้ๆ กับวัดยูชิมะเซโด (Yushima Seido) ซึ่งมีชื่อเสียงในการขอพรให้ประสบความสำเร็จด้านการเรียน ทำให้เหล่านักเรียนทั้งหลายมักจะแวะเวียนไปขอพรพร้อมกับซื้อดินสอที่ว่ากันว่าหากใช้ตอนทำข้อสอบจะช่วยให้สอบผ่านด้วย

muromachi cafe HACHI

ภาพ: tabelog.com

muromachi cafe HACHI คาเฟ่ ร้านอาหาร และบาร์ชื่อดังในหมู่นักปาร์ตี้ทั้งหลาย ที่มักจะมาแฮงเอาท์และสนุกไปกับกลุ่มเพื่อน จุดเด่นของร้านนื้คือที่ตั้งของร้านซึ่งอยู่ชั้นใต้ดิน แต่กลับมีบรรยากาศที่ปลอดโปร่งด้วยการทำลานที่นั่งแบบเปิดโล่ง สำหรับภายในตัวอาคารก็ติดกระจกใสให้มองเห็นบรรยากาศด้านนอกได้ อีกทั้งพื้นที่ร้านยังกว้างขวางถึงขนาดรองรับลูกค้าได้มากกว่า 100 ที่ และยังตกแต่งได้มีสไตล์สุดๆ

ภาพ: tabelog.com

ที่ HACHI มีเมนูอาหารและเครื่องดื่มให้เลือกหลากหลายโดยจะเน้นไปที่อาหารคาวสไตล์ตะวันตกโดยเฉพาะอิตาเลียน แต่ถึงอย่างนั้น ขนมหวานของที่ร้านเองก็ไม่น้อยหน้า เรียกได้ว่าครบจบทั้งอาหารจานหลักจุกๆ ตามด้วยของหวานแสนอร่อย และปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มฟินๆ สักแก้ว

ภาพ: tabelog.com

นอกจากนี้ทางร้านยังรับจัดปาร์ตี้และอีเว้นท์ต่างๆ ตั้งแต่งานแต่งงาน งานเลี้ยงสังสรรค์ตามโอกาส รวมไปถึงอีเว้นท์พิเศษเชียร์บอลลีกต่างๆ ที่ถูกใจแฟนบอลทั้งหลายอยู่ไม่น้อย จึงทำให้ร้านนี้เป็นที่นิยมทั้งในหมู่คนทำงานและนักศึกษาที่จะมารวมตัวกันสร้างบรรยากาศคึกคักสุดๆ ไปเลย

03 สถานีอากิฮาบาระ (Akihabara Station)

ย่านช็อปปิ้งเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้า IT ชื่อดัง ทั้งยังเป็นแหล่งรวมสินค้าด้านวัฒนธรรมของญี่ปุ่นที่หลายๆ คนชื่นชอบนั่นคือ เกมส์ มังงะ และสินค้าที่เกี่ยวกับแอนิเมชันต่างๆ เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของเหล่าโอตาคุหรือผู้ที่หลงไหลในสินค้าเหล่านั้นอย่างจริงจัง นอกจากนี้หากใครที่เคยไปอากิฮาบาระก็คงจะเห็นภาพที่คุ้นตากันดีของคนที่แต่งคอสเพลย์หรือการแสดงของกลุ่มไอดอลซึ่งถือเป็นสีสันอย่างหนึ่งของย่านนี้เลย

Honeytoast Cafe

ภาพ: www.pasela.co.jp

สาวกฮันนี่โทสต์ยกมือขึ้น หากใครได้มาอากิฮาบาระแล้วล่ะก็พลาดไม่ได้กับร้าน Honeytoast Cafe สาขาอากิฮาบาระ ร้านโทสต์ชื่อดังของย่านนี้ ด้วยการตกแต่งภายในร้านให้มีสีสันสดใสเข้ากับเมนูขนมหวานหลากสีหลากรสที่ทางร้านภาคภูมิใจ อีกทั้งร้านยังอยู่ริมอาคาร ซึ่งสามารถมองเห็นด้านนอกผ่านกระจกใสให้ได้ชมบรรยากาศสุดคึกคักอย่างเพลิดเพลิน 

Honeytoast Chocolate Banana 1,164 เยน ภาพ: www.pasela.co.jp

เมนูพระเอกของร้านเลยก็คือ Honeytoast Chocolate Banana ฮันนี่โทสต์สุดคิวท์ที่มาในรูปทรงสี่เหลี่ยมลูกบาศก์พร้อมเครื่องแน่นๆ พูนๆ ทั้งกล้วยหอม วิปครีม ช็อกโกแลตดิป และไอศกรีมลูกโต ที่แค่เห็นก็รู้สึกอิ่มไปทั้งใจ

ภาพ: www.pasela.co.jp

ใครเป็นสายขนมหวาน ทางร้านเองก็มีเซ็ตน้ำชายามบ่ายที่มาพร้อมทาวน์เวอร์ขนมหวานแบบจุใจ ทั้งโทสต์รสชาติต่างๆ ทาร์ตผลไม้ และพาร์เฟต์แสนอร่อย รวมไปถึงชาหอมๆ สูตรเฉพาะของร้าน ซึ่งเซ็ตนี้สามารถเลือกขนมหวานแต่ละชิ้นได้เองจากเมนูของหวานมากกว่า 10 รายการ โดยทั้งหมดนี้ราคาเพียง 3,500 เยน (จำกัดเวลา 3 ชั่วโมง)

04 สถานีโอคาจิมาจิ (Okachimachi Station)

สถานีใกล้ตึกทาเคยะ (Takeya) หรือที่เรียกกันว่าตึกม่วง แหล่งช็อปปิ้งในเขตอุเอโนะสุดฮิตของชาวไทย และตัวสถานีนั้นอยู่ไม่ห่างจากสถานีดังที่อยู่ถัดไปอย่างอุเอโนะ ดังนั้นหากใครช็อปปิ้งจนหนำใจแล้วก็ยังเดินไปสถานท่องเที่ยวที่ใกล้ๆ ในย่านอุเอโนะได้ไม่ยากแถมในย่านนี้เองก็ยังมีร้านอาหารไทยอยู่หลายร้านเลยทีเดียว หากใครอยากจะไปลองชิมอาหารไทยในต่างแดนก็ห้ามพลาดเลย

KURIYA OTONA KUROGI

ภาพ: tabelog.com

หลังจากเดินช็อปกันมาเหนื่อยๆ แล้วจะมีอะไรที่ช่วยชาร์จพลังได้ดีกว่าของหวานเย็นๆ สดชื่นอย่าง “คาคิโกริ” หรือน้ำแข็งใสญี่ปุ่นจากร้าน KURIYA OTONA KUROGI ร้านคาคิโกริสุดเท่ที่นอกจากจะเสิร์ฟเมนูของหวานแสนอร่อยให้อิ่มท้อง บรรยากาศในร้านเองก็น่าดึงดูดสายตาไม่ใช่น้อย ด้วยการใช้โทนสีเทาเข้มตกแต่งทั่วร้าน ไม่ว่าจะเป็นสีพื้น ผนัง เคาน์เตอร์ โต๊ะ ถึงจะใช้โทนสีเข้มก็ไม่ได้ทำให้บรรยากาศในร้านดูอึมครึม แต่กลับดูหรูหราแทน

ภาพ: tabelog.comKuromitsu Kinago Kakigori 1,750 เยน ภาพ: Twitter 廚 otona くろぎ

เมนูหลักของทางร้านได้แก่คาคิโกริรสชาติต่างๆ ซึ่งจุดเด่นของแต่ละเมนูที่ Kurogi นั้นจะมีการคิดค้นรสชาติใหม่ๆ ออกมาวางจำหน่ายซึ่งจะเน้นไปที่วัตถุดับตามฤดูกาล แต่ที่เป็นหนึ่งใน Best Seller ของทางร้านคือเมนู Kuromitsu Kinago Kakigori หรือคาคิโกริที่มีส่วนผสมของถั่วคินาโกะด้วยนั่นเอง

ภาพ: Twitter 廚 otona くろぎ

ส่วนใครที่รู้สึกอยากลองเมนูอื่นๆ ที่ร้านยังมีพาร์เฟต์และไอศกรีมหลากรสชาติให้ได้เลือกสั่งมารับประทาน ซึ่งความอร่อยนั้นไม่แพ้ของหวานประจำร้านอย่างคาคิโกริเลย

05 สถานีอุเอโนะ (Ueno Station)

สถานีสำคัญที่เชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟที่หลากหลาย ทั้งรถไฟชินคันเซ็นมุ่งหน้าสู่ภูมิภาคโทโฮคุและเส้นทางรถไฟโตเกียวเมโทรสายกินซ่า (Ginza) อีกทั้งไฮไลท์ของแหล่งท่องเที่ยวใกล้สถานีอย่างสวนสาธารณะอุเอะโนะ (Ueno Park) สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศให้ได้มาพักผ่อนหย่อนใจไปกับบรรยากาศและความสวยงามของธรรมชาติในเมืองหลวงของญี่ปุ่นแห่งนี้ โดยเฉพาะช่วงดอกซากุระบานจะคึกคักที่สุด

Coffee Shop Galant

ภาพ: tabelog.com

ในบริเวณไม่ไกลกันนี้เอง ยังมีร้านลับๆ ที่ไม่ลับสำหรับคนในท้องถิ่นด้วยนั่นคือ Coffee Shop Galant ร้านกาแฟเก่าแก่สไตล์วินเทจยุค 90s ที่เก๋ตั้งแต่บันไดตกแต่งผนังอิฐแดงทางขึ้นสู่ร้าน โดยภายในร้านให้บรรยากาศเหมือนคาเฟ่สมัยก่อน ทั้งโต๊ะพร้อมเบาะหนังขนาดใหญ่นั่งสบาย แถมยังดูมีความเป็นส่วนตัวด้วย

ภาพ: tabelog.comBlend Coffee 600 เยน ภาพ: tabelog.com

ที่เลื่องลือที่สุดในร้าน Galant คงจะหนีไม่พ้นกาแฟที่ได้รับการการันตีจากหลายยุคหลายสมัยด้วยรสชาติหอมเข้มเป็นเอกลักษณ์ ทำให้คอกาแฟหลายๆ คนปักหมุดแวะเวียนมาลิ้มลองกันอยู่เสมอ

Parfait Banana 900 เยน ภาพ: tabelog.com

เมนูในร้านส่วนใหญ่ยังคงความออริจินอลแบบคาเฟ่เก่าแก่ที่มีให้เลือกรับประทานทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน เรื่องราคานั้นก็ยังคงความสมเหตุสมผลเช่นกัน อย่างเช่นไอศกรีมสุดคลาสสิกที่ราคาเพียง 750 เยน หรือพาร์เฟต์กล้วยเมนูของหวานขายดีประจำร้านก็สนนราคาเพียง 900 เยนเท่านั้น

06 สถานีอุกุอิสึดานิ (Uguisudani Station)

สถานีใกล้ย่านที่พักราคาถูกที่ชื่ออาจจะค่อนข้างจำยาก เนื่องจากเป็นสถานีขนาดเล็กและบริเวณรอบๆ นั้นจะเป็นที่พักอาศัยและโรงแรมเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นหากใครกำลังมองหาที่พักในเมืองแต่ราคาต่ำกว่าย่านดังๆ ที่เป็นที่นิยมขอแนะนำแถวนี้เลย การเดินทางเองก็สะดวกเพราะอยู่ห่างกับสถานีอุเอโนะเพียงแค่ 1.3 กิโลเมตร สามารถขึ้นรถโดยสารประจำทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่างวัดเซนโซจิ (Sensoji Temple) ใช้เวลาเพียงราว 15 นาที

Iriya Plus Café

ภาพ: tabelog.com

ไหนๆ ก็มาถึงย่านที่มีบรรยากาศแสนสงบแล้ว เราจะพามารู้จักกับคาเฟ่แสนสงบให้คุณได้มาพักใจกับ Iriya Plus Café จากที่เคยเป็นโกดังเก็บของเก่า ได้ถูกเนรมิตมาเป็นคาเฟ่สุดชิค ที่ให้บรรยากาศสงบร่มรื่น ตกแต่งภายในด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สุดคลาสสิก อีกทั้งยังมีมุมหนังสือเก่าๆ ดูเก๋ ให้ได้มาถ่ายภาพจิบกาแฟไปพลางอ่านหนังสือไปพลางแบบเผลอๆ

ภาพ: trip101.comWhipping Cream Pancake Set 600 ภาพ: Instagram iriya_plus_cafe

เห็นเป็นร้านเล็กๆ สงบๆ แบบนี้แต่บอกได้เลยว่าทั้งรสชาติและหน้าตาของแต่ละเมนูที่นี่ไม่เล็กเลย ซึ่งเราอยากจะแนะนำเมนูขายดีของร้านนั่นคือ Whipping Cream Pancake Set แพนเค้กซูเฟลฟูนุ่มละลายในปาก พร้อมวิปครีมแบบตู้มๆ สะใจคนรักวิปครีมแน่นอน

ภาพ: Instagram pontanative

นอกจากนี้ที่ร้านยังมีเมนูเค้กอบสดใหม่ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นชีสเค้กหน้าไหม้ยอดฮิต เค้กแอปเปิ้ล มอคค่าบัตเตอร์เค้ก และอีกมากมายในราคาเริ่มต้นเพียงชิ้นละ 500 เยนเท่านั้น หรือใครชอบจิบกาแฟหอมๆ พร้อมถ่ายภาพสวยๆ ที่นี่เองก็มีเมนูลาเต้อาร์ตเสิร์ฟในแก้วกาแฟแสนน่ารักให้ได้ลองด้วย

07 สถานีนิปโปริ (Nippori Station)

ในประเทศไทยหากนึกถึงตลาดรวมร้านขายผ้าและสินค้าสำหรับการเย็บปักถักร้อย ก็คงจะนึกตลาดพาหุรัดกันแน่นอน แต่ที่ญี่ปุ่นเองก็มีแหล่งร้านค้าเหล่านี้เหมือนกัน นั่นคือย่านนิปโปริ (Nippori) ที่เหล่าช่างฝีมือในด้านแฟชั่นยกให้เป็นเป็นแหล่งรวมผ้าและอุปกรณ์เครื่องมือตัดเย็บชั้นดี ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีนิปโปริ ใกล้ๆ กันนั้นยังมีสวนสนุกเก่าแก่ที่ชื่อว่า สวนสนุกอาราคาวะ (Arakawa Yuenchi) ซึ่งเปิดมาตั้งแต่ ค.ศ. 1950 และยังคงความคลาสสิกมาจนถึงปัจจุบัน

Cafe Aina

ภาพ: arakawa-story.com

เดินจากสถานีนิปโปริมา 2 นาที ยังมีคาเฟ่ลับๆ อยู่ที่บอกได้เลยว่าพลาดไม่ได้ เพียงเดินขึ้นมาบนชั้น 3 ของอาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง จะพบกับป้ายชื่อร้านคาเฟ่เล็กๆ ชื่อ Cafe Aina อยู่ที่ประตูทางเข้า ทางเข้าซับซ้อนขนาดนี้แต่บอกได้เลยว่าไม่ผิดหวังแน่นอน ด้วยสไตล์การตกแต่งร้านโทนสีฟ้าเหลืองสดใสพร้อมโมเดลคาแรคเตอร์น่ารักๆ วางอยู่ทั่วร้าน

ภาพ: arakawa-story.com

เริ่มกันที่เมนูอาหารกลางวันของทางร้านมาในจานรูปต่างๆ น่ารักแบบนี้เลย ซึ่งในเซ็ตจะประกอบไปด้วยจานหลัก 1 อย่าง สลัด 1 ถ้วย เครื่องเคียง 2 ชนิด เสิร์ฟพร้อมเครื่องดื่ม เรียกได้ว่าคุ้มค่าคุ้มราคามาก ราคาเริ่มต้นเพียงเซ็ตละ 1,100 เยน เท่านั้นเอง

ภาพ: arakawa-story.com

อาหารคาวแล้วลุยกันต่อที่เมนูของหวาน ซึ่งนี้คือช็อกโกแลตเค้กสูตรลับของทางร้านที่ใช้ช็อกโกแลตเข้มข้นเป็นวัตถุดิบหลัก ตกแต่งด้วยวิปครีม สตรอว์เบอร์รีและมาร์ชเมลโล่สุดน่ารัก ให้ได้ถ่ายรูปความคิวท์นี้ลงโซเชียลอวดเพื่อนๆ ได้ไม่มีเบื่อ อีกทั้งเมนูของทางร้านจะแตกต่างกันไปในแต่ละวันหรือแต่ละฤดูกาลให้ลูกค้าได้สัมผัสกับเมนูและรสชาติที่หลากหลายมากขึ้น

08 สถานีนิชิ-นิปโปโริ (Nishi-Nippori Station)

สถานีขนาดเล็กอยู่ถัดจากสถานีนิปโปริเพียงแค่ 600 เมตร หลายๆ คนจึงนิยมใช้บริการสถานีนิปโปริมากกว่า แต่จริงๆ แล้วแถวสถานีนิชิ-นิปโปริเองก็มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ แถมยังไม่ต้องไปเบียดเสียดกับกลุ่มคนมากๆ เหมือนแหล่งท่องเที่ยวดังๆ ที่อื่น เช่น สวนสาธารณะนิชินิปโปริ (Nishi Nippori Park) รวมไปถึงศูนย์ประดิษฐ์งานศิลปะหัตถกรรมต่างๆ หรือใครชอบถ่านภาพแนวสตรีทอาร์ตๆ เองก็พลาดไม่ได้กับวิวของทางรถไฟที่ลอยอยู่เหนือถนนซึ่งสามารถมองเห็นได้จากบริเวณทางออกของสถานีนั่นเอง

Kogetsu-an

ภาพ: kogetsu-an.shop

เดินชมเมืองสงบๆ สไตล์ญี่ปุ่นจนหนำใจแล้ว ใกล้ๆ กับสถานีนี้เองมีคาเฟ่ชาไต้หวัน Kogetsu-an ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีของคนในละแวกนั้นด้วย ทั้งเอกลักษ์การตกแต่งของทางร้านที่มีสไตล์เก๋ไก๋แบบเอเชียๆ ภาพวาดสวยๆ บนกำแพงร้าน อีกทั้งบรรยากาศที่ค่อนข้างปลอดโปร่งจากประตูกระจกที่เปิดโล่งรับแสงสว่างสดใสจากด้านนอก

ภาพ: kogetsu-an.shop

มาถึงร้านชาไต้หวันทั้งทีก็ต้องแนะนำเมนูเซ็ตน้ำชาไต้หวันสูตรต้นตำหรับแท้ๆ ที่ทางร้านนำเข้ามาจากประเทศไต้หวันทั้งใบชา หรือแม้กระทั่งกาน้ำชาที่ใช้ในการชงด้วยนั่นเอง แต่มาเป็นเซ็ตแบบนี้ก็ไม่ต้องกังวลว่าการชงจะซับซ้อนเกินไป เพราะจะมีพนักงานมาสาธิตวิธีการชงให้ในตอนแรกด้วย เพื่อที่ลูกค้าจะได้สัมผัสกับรสชาติและความหอมจากใบชาแบบญี่ปุ่นแท้ๆ

ภาพ: kogetsu-an.shop

แต่ที่ร้านไม่ได้มีแค่เมนูน้ำชาอย่างเดียว แต่ยังมีอาหารและขนมหวานสไตล์ไต้หวันด้วย ไม่ว่าจะเป็นเซ็ตอาหารกลางวันหรือเครื่องดื่มสุดฮิตอย่างชานมไข่มุกแก้วใหญ่ๆ ให้กินกันแบบอิ่มๆ

09 สถานีทาบาตะ (Tabata Station)

สถานีทาบาตะเป็นหนึ่งในสถานีรถไฟสาย Yamanote ที่บรรยากาศเงียบสงบมาก ถึงแม้จะอยู่ในเมืองหลวงแต่บริเวณรอบๆ กลับมีความเงียบสงบเหมือนได้ปลีกวิเวกออกจากความวุ่นวายในตัวเมือง ด้วยเพราะใกล้ชุมชนที่พักอาศัยในเขตคิตะ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมี คาเฟ่ ร้านค้าน่าสนใจอยู่ไม่น้อย อีกทั้งสามารถเดินทางเข้าย่านใหญ่ๆ อย่างอุเอโนะได้อย่างรวดเร็วโดยใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที ดังนั้นหากใครกำลังมองหาที่พักสงบๆ ในโตเกียวแบบนี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน

Kohikiya

ภาพ: itot.jp

เนื่องจากเป็นเขตชุมชน อาจจะไม่ได้เนืองแน่นไปด้วยร้านอาหารหรือคาเฟ่ ดังนั้นเราอยากจะแนะนำร้าน Kohikiya คาเฟ่สไตล์มินิมอลบรรยากาศดีที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากสถานีทาบาตะ เพียงนั่งรถแท็กซี่ต่อมาแค่ 6 นาทีเท่านั้น ก็จะได้พบกับคาเฟ่สีขาวสุดมินิมอลสไตล์ญี่ปุ่น หน้าร้านตกแต่งหลังคากระเบื้องสุดน่ารัก แถมด้านในยังเป็นโทนสีน้ำตาลดูอบอุ่น พร้อมต้นไม้ตกแต่งเล็กๆ ดูเข้ากันเป็นอย่างดี

ภาพ: itot.jpอุด้งสันคอหมู (พร้อมเครื่องเคียงและเครื่องดื่ม) 1,060 เยน ภาพ: tabelog.com

ทางร้านอาหารนั้นจะเปิดให้บริการ 2 รอบต่อวัน โดยรอบแรกจะเป็นรอบมื้ออาหารกลางวัน โดยเมนูหลักก็จะมีอุด้งซุปเข้มข้นประมาณ 3-4 ประเภท ซึ่งเราขอแนะนำอุด้งสันคอหมูคลาสสิก ที่ใช้เตาถ่านในประกอบอาหารทำให้มีกลิ่นและรสชาติที่หอมเตาถ่านเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ และยังมีเมนูประจำวันซึ่งจะผลัดเปลี่ยนไปตามแต่ละวันด้วย

Chiffon Rice Cake 550 เยน ภาพ: tabelog.com

สำหรับรอบที่ 2 จะเป็นรอบเมนูขนมหวานคาเฟ่ ซึ่งเมนูแนะนำคือ Chiffon Rice Cake ตัวแป้งทำจากแป้งข้าวเจ้าผสมเนยอย่างดีจนได้เป็นเนื้อชิฟฟ่อนเค้กฟูแน่น หอมหวาน ในเซ็ตจับคู่เสิร์ฟกับผลไม้สดและผลไม้เชื่อมตามฤดูกาล

10 สถานีโคมาโกเมะ (Komagome Station)

สถานีนี้ตั้งอยู่ในย่านท่องเที่ยวสำหรับคนในท้องถิ่นที่นักท่องเที่ยวต่างชาติอาจจะยังไม่รู้จักมากนัก แต่หากใครมาเที่ยวแบบครอบครัวล่ะก็แนะนำเลย แถวนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ค่อนข้างสงบและผู้คนไม่พลุกพล่าน อย่างสวนสไตล์ดั้งเดิมริคุกิเอน (Rikugien Garden) รวมไปถึงร้านอาหารดั้งเดิมที่เรียงรายกัน ซึ่งความพิเศษของร้านอาหารในย่านนี้จะมีเมนูที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาลให้ได้ไปลิ้มลองกันเพียบเลย

SAKURA Kitchen Cafe & CELI SWEETS

ภาพ: tabelog.com

หนึ่งในคาเฟ่ชื่อดังในย่านนี้ ต้องยกให้กับ SAKURA Kitchen Cafe & CELI SWEETS ร้านอาหารและคาเฟ่สุดคิวท์บนอาคารสีขาวสูง 2 ชั้น ด้วยจุดสังเกตุสุดแสนจะมีเอกลักษณ์อย่างลวดลายซากุระที่บ่งบอกชื่อร้านได้เป็นอย่างดี ภายในร้านตกแต่งเรียบง่ายเน้นเฟอร์นิเจอร์ลายไม้ธรรมชาติ มีที่นั่งให้เลือกถึง 3 ชั้น ตั้งแต่ชั้น 1, 2 และดาดฟ้าด้านบนสำหรับใครที่ชอบนั่งรับประทานอาหารเพลินๆ รับลมเย็นๆ

ภาพ: tabelog.com

ที่ร้าน SAKURA มีทั้งเมนูอาหารคาวและของหวาน โดยอาหารคาวนั้นมีให้เลือกหลากหลายประเภททั้งสไตล์ญี่ปุ่นและตะวันตก เช่น คร็อก-เมอซีเยอ แซนด์วิชฝรั่งเศส สเต๊กไก่สไปซี่ ข้าวแกงกะหรี่เนื้อ และแฮมเบิร์ก

Choux Cream 270 เยน ภาพ: Instagram sakura_kitchen_cafe

ส่วนเมนูของหวานยืนหนึ่งจากทางร้านนั้นก็คือชูครีมกรอบนอกนุ่มในสูตรต้นตำหรับของทางร้าน แป้งด้านนอกจะมีความบางกรอบ ผิวด้านนอกและด้านในจะมีความเหนียวนุ่มเข้ากับตัวครีมตู้มๆ ที่สอดไส้อยู่ด้านใน ถึงจะให้ครีมเยอะขนาดนี้แต่ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องความหวาน เพราะครีมสูตรของร้านจะมีความหวานหอมพอดี ไม่ทำให้รู้สึกเลี่ยนแน่นอน

11 สถานีสึกาโมะ (Sugamo Station)

สำหรับแหล่งช็อปปิ้งในประเทศญี่ปุ่นที่หลายๆ คนรู้จักคงหนีไม่พ้นย่านดังอย่างชิบูย่า ฮาราจูกุ หรืออากิฮาบาระ แต่ใกล้ๆ กับสถานีสึกาโมะนั้นยังมีอีกหนึ่งสายถนนสำหรับนักช็อปที่ชื่นชอบเสื้อผ้าแบบวินเทจจะต้องมาเยือน นั่นคือถนนจิโซะโดริ (Jizo Dori Shopping Street) หรือที่รู้จักกันในนาม “ฮากิฮาบาระของคุณยาย” เพราะมีร้านเสื้อผ้าลวดลายวินเทจอยู่เรียงรายตลอดริมถนนกว่า 800 เมตร แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีเสื้อผ้าสวยๆ ราคาถูกที่ได้เลือกซื้อเลือกมิกซ์แอนด์แมตช์กันแบบเก๋ๆ

French Pound House

ภาพ:  tabelog.com

ร้านที่เราอยากจะแนะนำคือ French Pound House ร้านขนมที่สาวกของหวานห้ามพลาด ด้วยความน่ารักสดใสที่เห็นได้จากบรรยากาศหน้าร้าน ด้วยการตกแต่งเป็นกำแพงอิฐสีขาว ตัดกับประตูสีฟ้าพาสเทลดูละมุนละไม ภายในร้านเองก็สวยงามสดใสไม่แพ้กันโดยการใช้โทนสีฟ้าสลับขาวดูดีแบบสไตล์ตะวันตก สมกับเมนูขนมที่ทางร้านภาคภูมิใจ

ภาพ: tabelog.com

ที่ร้านนี้มีเมนูขนมหวานสไตล์ยุโรปเป็นจุดขายหลัก ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่ามีเมนูยอดนิยมที่ลือกันว่าอร่อยที่สุดในย่านนี้ นั่นคือ Shortcake ซึ่งทางร้านจะวางขายหลักๆ 2 ชนิดด้วยกัน Strawberry Shortcake Bran สูตรผสมรำข้าว และ Strawberry Shortcake Rouge สูตรผสมเมอแรงค์

ภาพ:  tabelog.com

นอกจาก Shortcake แสนอร่อยอันเป็นที่นิยมแล้ว ทางร้านยังมีขนมอบอีกหลากหลายประเภท รวมไปถึงคุกกี้ และชุดน้ำชาที่สามารถสั่งซื้อกลับบ้านได้ด้วย

12 สถานีโอสึกะ (Otsuka Station)

ภาพ: www.city.toshima.lg.jp

สถานีใกล้ย่านสังสรรค์สุดแนวซึ่งถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ โดยตั้งแต่หน้าสถานีทางออกฝั่งทิศเหนือก็มีจุดขึ้นรถแท็กซี่สุดอลังการรวมถึง Ironowa Hiroba สถาปัตยกรรมที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ เดินต่อไปแค่ 2 นาทีก็จะพบกับถนนโอสึกะ โนเร็นไก (Otsuka Norengai) ซึ่งความพิเศษของย่านนี้คือมีการปรับปรุงบ้านสไตล์ญี่ปุ่นเก่าแก่กว่า 10 หลังให้กลายเป็นร้านอาหารและบาร์ยุคเก่าดูแล้ววินเทจสุดๆ ให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศสวยๆ ได้ตลอดทั้งคืน

Eight Days Dining Cafe

ภาพ: tabelog.com

หลังแวะถ่ายภาพที่ Ironowa Hiroba กันแล้ว แวะไปต่อกันที่ Eight Days Dining Cafe คาเฟ่และร้านอาหารตกแต่งสไตล์วอร์มไลท์ สีโทนอุ่น บรรยากาศสบายๆ เป็นร้านตกแต่งกระจกบานใหญ่ติด 4 แยกโอสึกะสังเกตุได้ไม่ยาก ไม่ว่าจะมานั่งถ่ายรูปชิลล์ๆ หรือจะมาดินเนอร์กับครอบครัวก็สามารถดื่มด่ำไปกับบรรยากาศร้านและอาหารอร่อยๆ ได้เช่นกัน

ภาพ: tabelog.comPremium French Toast เริ่มต้น 880 เยน (ฺBreakfast)Demi Glace Omu Rice 1,250 เยน (Lunch/Dinner) ภาพ: eightdays-dining.jp

ร้านจะให้บริการเมนูตามแต่ละช่วงเวลา แบ่งเป็นเมนูอาหารเช้า เที่ยง และเย็น (อาหารเช้าให้บริการเฉพาะวันหยุด) โดยจะมีความพิเศษที่แตกต่างกันไปไม่ว่าจะเป็นอาหารสัญชาติญี่ปุ่น อาหารเอเชีย และอาหารสไตล์ยุโรป ยังมีเมนูประจำวันเพื่อความแปลกใหม่ นอกจากนี้ยังมีเมนูเครื่องดื่มสำหรับการสังสรรค์ที่สามารถเลือกให้เหมาะกับดินเนอร์ของคุณได้

Hot Latte 700 เยนFresh Premium Toast 1,380 เยน ภาพ: tabelog.com

ถึงเมนูของทางร้านจะหนักไปทางอาหารคาว แต่ก็ยังเมนูเครื่องดื่มพร้อมทั้งขนมหวานแบบในคาเฟ่ให้ได้ลิ้มลองเช่นเดียวกัน

13 สถานีอิเคะบุคุโระ (Ikebukuro Station)

อีกหนึ่งสถานีชื่อดังในเส้นทางรถไฟสาย Yamanote อยู่ใกล้แหล่งช็อปปิ้งยอดนิยมในโซนโตเกียวตอนเหนือ ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าโทบุ (Tobu) และห้างสรรพสินค้าเซบุ (Seibu) ที่เต็มไปด้วยร้านสินค้าแฟชั่น เครื่องสำอาง คาเฟ่ ร้านอาหารรสเลิศ และสินค้าเบ็ดเตล็ดอีกนับไม่ถ้วนในราคาสมเหตุสมผล ดังนั้นจึงเป็นที่นิยมของเหล่านักท่องเที่ยวสายช็อปไม่แพ้ย่านอื่นๆ เลย นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมนั่นคือ ซันชายน์ซิตี้ (Sunshine City) ที่มีทั้งโซนช็อปปิ้ง พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ และสวนสนุกด้วย

Sakura Cafe & Restaurant Ikebukuro

ภาพ: tabelog.com

หากเราจะนึกภาพคาเฟ่ในประเทศญี่ปุ่น เราคงจะคุ้นเคยกับคาเฟ่สไตล์มินิมอลกันดี แต่เราจะพามาเปลี่ยนบรรยากาศไปกับ Sakura Cafe & Restaurant Ikebukuro บิสโทรคาเฟ่ คาเฟ่ริมทาง เหมือนพาเราไปอยู่ที่ฝรั่งเศสด้วยอาหารนานาชาติ พร้อมทั้งเครื่องดื่มมากกว่า 60 ชนิด

Cheese Fondue 1,890 เยน / Pastrami Beef Cheese Burger เริ่มต้น 1,180 เยน ภาพ: www.sakura-cafe.asia

ที่ร้าน Sakura นี้เองขึ้นชื่อเรื่องความหลากหลายของอาหารจากนานาประเทศ ทั้งอาหารประจำชาติและอาหารพื้นเมือง ไม่ว่าจะเป็นอาหารจากโซนตะวันตกและยุโรป เช่น อเมริกา ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ หรืออาหารจากทางฝั่งแอฟริกา รวมไปถึงอาหารเอเชีย ทั้งจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ และเมนูจากประเทศไทยอย่างแกงเขียวหวานและผัดกะเพราไข่ดาวก็มีเช่นกัน

Spicy Nachos 780 เยน / Sakura Pancake 750 เยน ภาพ: www.sakura-cafe.asia

ความหลากหลายนี้ยังรวมไปถึงของหวานและของกินเล่นด้วยเช่นกัน ดังนั้นบอกได้เลยว่าแค่มาที่คาเฟ่ Sakura ก็เหมือนได้ไปเที่ยวรอบโลกผ่านอาหารแต่ละจานได้เลยนั่นเอง

14 สถานีเมจิโระ (Mejiro Station)

สถานีเล็กๆ ถัดจากสถานีอิเคะบุคุโระเป็นที่ตั้งโรงเรียนกาคุชูอิน (Gakushuin) โรงเรียนหลวงที่ก่อตั้งขึ้นให้เป็นสถาบันอบรมบุตรหลานของเชื้อพระวงศ์และชนชั้นผู้นำตั้งแต่สมัยเมจิ และยังเป็นที่ตั้งของวิทยาลัยและโรงเรียนหลายแห่ง ดังนั้นในเขตนี้จึงเป็นหนึ่งในย่านที่มีนักวิชาการมากที่สุดในโตเกียวก็ว่าได้

Shimura

ภาพ:  www.enjoytokyo.jp

ในวันที่อากาศร้อนแล้วรู้สึกอยากกินของหวานเย็นๆ สักอย่างละก็เราแนะนำเป็นคาเฟ่บรรยากาศญี่ปุ่นที่เสิร์ฟขนมสไตล์ญี่ปุ่นมากมายกับร้าน Shimura ร้านมีทั้งหมด 3 ชั้นประมาณ 60 ที่นั่ง ไม่ว่าวันไหนก็มักเต็มไปด้วยลูกค้าอยู่เสมอ

ภาพ:  www.enjoytokyo.jpStrawberry Kakigori 1080 เยน ภาพ: co-trip.jp

เมนูขึ้นชื่อที่ทำให้ร้านคาเฟ่ชิมูระกลายเป็นเหมือนสัญลักษณ์ประจำสถานีนี้ก็คงเป็นหน้าผาน้ำแข็งไสหลากรส เมนูขายดีคือ Strawberry Kakigori น้ำแข็งไสสตรอว์เบอร์รีสดราดด้วยน้ำเชื่อมโฮมเมดที่มีความหวานเฉพาะตัวบนน้ำแข็งไสธรรมชาติจากเทือกเขาแอลป์จึงได้รสสัมผัสนุ่มและหวานกำลังพอดี

Kuzumochi 1 ชิ้น 120 เยน / 10 ชิ้น 1,300 เยน (มีของแถม) ภาพ: Instagram  satoshi_ukaji

นอกจากเมนูคลายร้อนอย่างน้ำแข็งไสแล้วยังมีขนมญี่ปุ่นอย่างคุสึโมจิ โมจิเหนียวนุ่มจากแป้งถั่วเหลืองที่ให้รสสัมผัสหนึบและหวานไม่มากนัก หากได้ลองแล้วรับรองว่าต้องถูกใจหลายๆ คนแน่นอน

15 สถานีทาคาดะโนะบาบะ (Takadanobaba Station)

สถานีสุดท้ายในเส้นทางรถไฟสาย Yamanote ของ EP1 นี้คือ สถานีทาคาดะโนะบาบะ บริเวณใกล้เคียงสถานีถือเป็นย่านการศึกษา เพราะเป็นทั้งที่ตั้งของมหาวิทยาลัยอย่างมหาวิทยาลัยวาเซดะ (Waseda University) และโรงเรียนกวดวิชาหลายแห่ง ดังนั้นจึงมีนักเรียนนักศึกษาพลุกพล่านมากกว่าพื้นที่อื่นๆ ในโตเกียว ทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จึงค่อนข้างจะเหมาะกับกลุ่มนักเรียนนักศึกษาโดยเฉพาะราคาที่ไม่แพงจนเกินไปอีกด้วย

Chikyu wo tabi suru Cafe

ภาพ: chikyu-tabi-cafe.com

หนึ่งในร้านชื่อดังในย่านนี้ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในหมู่นักศึกษาและคนทำงานว่าเป็นพื้นที่รวมตัวสังสรรค์กัน นั่นคือร้าน Chikyu wo tabi suru Cafe ร้านที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์อาหารและเครื่องดื่มนานาชาติเหมือนได้พาคุณไปเที่ยวรอบโลก ด้วยขนาดร้านที่ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ดังนั้นจึงมีบรรยากาศที่คึกคักอยู่ตลอดโดยเฉพาะในช่วงเวลาหลังเลิกเรียนเลิกงานนั่นเอง

ภาพ: chikyu-tabi-cafe.comHummus Lunch 980 เยน ภาพ: tabelog.com

เมนูของทางร้านจะมีจุดเด่นที่อาหารส่วนใหญ่จะมีกลิ่นอายแบบเอเชียตะวันออก พวกอาหารที่มีเครื่องแกงร้อนแรงและรับประทานพร้อมกับเครื่องเคียงอย่างผักสลัดต่างๆ ที่จะมาเสิร์ฟในไซส์แบบเครื่องแน่นเยอะจุใจ ซึ่งถือเป็นซิกเนเจอร์ของทางร้านที่จะเสิร์ฟปริมาณอาหารแบบคุ้มราคาสุดๆ

ภาพ: tabelog.com

แถมยังมีของหวานอร่อยๆ ที่จะสับเปลี่ยนเมนูกันไปตามแต่ละวัน รวมไปถึงเครื่องดื่มพื้นเมืองต่างๆ ที่ทางร้านภาคภูมิใจกว่า 20 ชนิด บอกได้เลยว่าถูกใจสายปาร์ตี้แน่นอน

หลังจากดูกันมาถึง 15 คาเฟ่จาก 15 สถานีแล้ว ใครถูกใจที่ไหนกันแล้วอย่าลืมเซฟเก็บไว้ไปทัวร์พร้อมเก็บภาพมาอวดลงโซเชียลกันนะ เพราะนอกจากจะเดินทางไม่ยากแล้ว ยังได้ไปเที่ยวชมประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ย่านดังๆ ไปจนถึงย่านลับที่หลายๆ คนยังไม่รู้จักกันด้วย หรือหากใครยังรู้สึกไม่จุใจ เรายังมี คาเฟ่ อีก 15 ร้านด้วยกันจาก 15 สถานีที่เหลือตามเส้นทางรถไฟสาย Yamanote บอกได้เลยว่าจากย่านดังๆ ที่เรารู้จักกันดีทั้งนั้น ติดตามกันได้ใน EP2 คลิกเลย!