Our Nice Nikko Day : ศึกษาและสำรวจโซนมรดกโลกนิกโก้ในวันอากาศดี
Nikko Day Trip With Ricoh GR III .
น้อยคนนักที่จะรู้จักชื่อจังหวัดโทชิกิแต่ถ้าพูดว่าไปเที่ยว “นิกโก้ (Nikko)” เราเชื่อว่าหลายๆ คนที่อ่านอยู่ตอนนี้น่าจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี อันที่จริง นิกโก้ เป็นเมืองเล็กๆ ของจังหวัดโทชิกิที่มีครบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ทะเลสาบ ป่าเขาเมืองเก่ามรดกโลก หรือคาเฟ่ฮิปๆ ที่มาสนองความต้องการของคนยุคใหม่ก็มีหลายร้านเลยล่ะ อีกทั้งไม่ไกลจากโตเกียวมากประมาณ 2 ชั่วโมงโดยชินคันเซ็น นิกโก้ จึงกลายเป็นสถานที่โปรดของคนที่อยากหาโลเคชั่นสวยๆ เดินถ่ายรูปเล่นเพลินๆ แบบไปเช้าเย็นกลับ
วันนี้ที่ญี่ปุ่นอากาศดี เราตั้งใจตีตั๋วนั่งรถไฟออกไปถ่ายรูปกลับไปฝากคนที่บ้านด้วย Ricoh GR III กล้องดิจิตอล แบรนด์ญี่ปุ่นตัวจิ๋วคู่ใจที่เมืองนิกโก้ เราพกกล้องตัวนี้มาเพราะถูกใจในฟังก์ชันที่ใช้งานง่าย ได้ไฟล์ภาพคุณภาพดี ตัวกล้องมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา จึงไม่เป็นอุปสรรคต่อการเดินตะลอนทั่วเมืองของเราเลยสักนิด รถไฟสายโลคอล แล่นเข้าสถานีช้าๆ พร้อมเสียงประกาศ “Welcome to Nikko” ดังขึ้น ยืนยันว่าเราเดินทางมาถึงนิกโก้แล้ว
แหล่งท่องเที่ยวในเมืองนิกโก้หลักๆ จะแบ่งออกเป็น 2 โซน คือ โซนธรรมชาติ และ โซนมรดกโลก ด้วยความชอบเดินเล่นตามตรอก ลัดเลาะซอกซอย และไม่ได้มีเวลามากสักเท่าไรเราเลยเลือกอย่างหลัง การเดินทางในนิกโก้จะใช้รถบัสเป็นหลัก โดยที่สามารถซื้อพาสท่องเที่ยวราคาประหยัดหรือใช้บัตรเติมเงิน Suica ก็สะดวกเหมือนกัน
เรานั่งรถบัสจากด้านหน้าสถานีนิกโก้ไปลงที่ป้ายชินเคียว (Shinkyo) เพราะโลเคชั่นแรกที่จะไปคือสะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge) สะพานมรดกโลกที่ติดท็อปทรีสะพานที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น ถ้าอยากได้ภาพเต็มสะพาน เราแนะนำให้ถ่ายจากริมถนน จะได้ภาพสะพานสีแดงสดพาดผ่านแม่น้ำไดยะ ในอดีตสะพานนี้เปิดใช้เฉพาะเจ้านายชั้นสูงเท่านั้น แต่ปัจจุบันหากอยากลองเดินบนสถาปัตยกรรมเก่าแก่หลายร้อยปีก็สามารถจ่ายเงินค่าเข้าชมเล็กน้อยเพื่อเข้าชมบนสะพานได้ด้วย
เดินข้ามถนนมาจะพบกับโซนวัด World Heritage เพราะวัดและศาลเจ้าในละแวกนี้ล้วนถูกได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้นั่นเอง ซึ่งมีทั้งพื้นที่ที่ต้องเสียและไม่เสียค่าเข้าชม เลือกแพ็คเกจที่สนใจตรงจุดจำหน่ายตั๋วได้เลย ตั๋วพร้อมเราก็พร้อม! ขอเดินสำรวจและใช้กล้อง GR III ที่พกมาเก็บภาพไปเรื่อยๆ วัดแรกที่เราพบคือ วัดรินโนจิ (Rinnoji Temple) วัดพุทธหนึ่งเดียวของโซนนี้ สถานที่สำคัญของรินโนจิก็คืออาคารซันบุตสึโด (Sanbutsudo) ซึ่งภายในประดิษฐานพระพุทธรูปแกะสลัก, พระพุทธรูปพันมือ (Senju Kannon), พระพุทธรูปที่มีหัวม้าบนศีรษะ (Bato Kannon) ฯลฯ แต่ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปเลยเก็บภาพบรรยากาศรอบๆ แทน
เราชอบทางเดินภายในวัดที่ถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ดูร่มรื่นดี GR III ที่พกมาด้วยก็ทำหน้าที่ได้ดี เพราะในที่แสงน้อยขนาดนี้ ก็ยังได้ภาพสวยๆ เพียบ เดินเลาะตามทางมาเรื่อยๆ ผ่านเสาโทริอิหินเข้ามาก็จะพบเจดีย์แดง 5 ชั้น (Five-Storied Pagoda) สูง 634 เมตร ซึ่งเป็นทางเข้าศาลเจ้าโทโชกุ (Toshoku Shrine) พอดี ถือเป็นอีกไฮไลท์ที่คนชอบแวะมาถ่ายรูป ว่ากันว่าสูงเท่าโตเกียวสกายทรีเชียวนะ จากตรงนี้ไปอีกไม่ไกล ผ่านซุ้มประตูสีแดงจะเจอศาลเจ้าฟุทาระซัง (Futarasan Shrine) ศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดในโซนนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 782 โดยโชโด โชนิน (Shodo Shonin) พระสงฆ์ที่เป็นผู้นำศาสนาพุทธเข้ามาในเมืองนิกโก้และเป็นผู้ก่อตั้งวัดรินโนจิ ก่อนจะไปที่อื่นต่อ เราก็ไม่ลืมขอพร เพราะศาลเจ้าฟุทาระซังขึ้นชื่อในเรื่องโชคลาภและความรักด้วยล่ะ
เพื่อคลายความเหนื่อยล้าที่เดินสั่งสมมา ก็ถึงเวลาตามหาของอร่อย เราได้ยินมาว่าของเด็ดของขึ้นชื่อของที่นี่คือฟองเต้าหู้ ถ้าลองสังเกตดีๆ จะเห็นว่าฟองเต้าหู้ถูกเพิ่มเข้าไปในหลากหลายเมนูของเมือง นิกโก้ เราเลือกเมนูยูบะโซบะ หรือโซบะที่ท็อปด้วยฟองเต้าหู้แผ่นหนา ไม่ได้จืดอย่างที่คิดไว้ อร่อยดีต่อใจดีต่อพุงสุดๆ ไปต่อที่ยูบะมันจู ซาลาเปาฟองเต้าหู้ทอดสอดไส้ถั่วแดงที่ร้านซากาเอยะ (Sakaeya) ร้านดังที่ต้องต่อคิวซื้อ ชิมแล้วก็อร่อยสมชื่อจริงๆ นั่นล่ะ
จบมื้ออาหารด้วยคากิโกริ น้ำแข็งไสแบบญี่ปุ่นที่ร้านนิกโก้คอฟฟี่ (Nikko Coffee) คาเฟ่ในบ้านไม้ที่จำหน่ายทั้งอาหารคาว หวาน และกาแฟรสชาติละมุน คากิโกริที่ตัวน้ำแข็งทำจากน้ำที่ไหลจากภูเขานิกโก้ ราดด้วยซอสและเนื้อสตรอว์เบอร์รีของดีประจำจังหวัดโทชิกิก็เป็นการปิดท้ายวันที่ดีต่อใจมาก
เผลอแป๊บเดียวก็หมดวันซะแล้ว ท้องอิ่มและถ่ายรูปจนพอใจแล้วก็ถึงเวลาเดินทางกลับ ขอบคุณ นิกโก้ และกล้อง Ricoh GR III ที่เติมเต็มวันธรรมดาของเราให้พิเศษกว่าที่คิดเอาไว้มาก ถ้ามีโอกาสเราคงได้พบกันอีก
รู้จัก Ricoh GR III
RICOH บริษัทผลิตกล้องคุณภาพสูงของญี่ปุ่น และล่าสุดกับรุ่น GR III ที่นับเป็นรุ่นที่ 8 ในซีรีส์นี้ซึ่งเป็นกล้องที่ได้รับความนิยม มาตั้งแต่ยุคกล้องฟิล์มจนมีเสียงเรียกร้องให้ผลิตเป็นกล้องดิจิตอล และกล้องดิจิตอล RICOH GR III ก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์ รวมทั้งคุณภาพที่ดีมาตลอดและเป็นที่ชื่นชอบของช่างภาพทั่วโลก หรือนักเดินทางที่ต้องการกล้องขนาดเล็กคุณภาพสูง และเราก็เป็นคนหนึ่งที่หลงรักกล้อง GR III ทันทีที่ได้ลองใช้ ด้วยฟังก์ชั่นที่ใช้ง่าย ขนาดกะทัดรัดสะดวกต่อการพกพาไปได้ทุกที่ นอกจากนี้ยังมีเพื่อนๆ ชาว GR III ที่แบ่งปันประสบการณ์พร้อมภาพถ่ายสวยๆ อยู่ในเฟชบุ๊กกรุ๊ป GRist Snap ใครสนใจตามมาได้เลย…แล้วเจอกันนะ ♥