Miyajima Island : เกาะมิยาจิม่าจากสายตานก
Miyajima Island
เมื่อพูดถึงเกาะมิยาจิม่า (Miyajima Island) ในจังหวัดฮิโรชิม่า (Hiroshima) ภาพของศาลเจ้าอิซึคุชิม่า (Itsukushima Shrine) และเสาโทริอิสีแดงอันใหญ่โตที่ตั้งอยู่ในน้ำทะเลมักจะเป็นภาพแรกๆ ที่โผล่ปิ๊ง! เข้ามาในหัวสมองของทุกคนใช่ไหมเอ่ย
ไม่ผิดหรอกค่ะที่พอพูดถึงเกาะมิยาจิม่า (Miyajima Island) ใครๆ ก็นึกออกแต่ภาพนี้ เพราะมีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยเลยที่พอหลังจากได้มาเยือนศาลเจ้าแล้ว ก็มักจะเดินเล่นอยู่แถวศาลเจ้าแค่นั้นหรือโซนขายของที่ระลึกไม่ไกลจากชายฝั่งโดยไม่ได้เดินลึกเข้าไปด้านใน ขอบอกตรงนี้เลยค่ะว่าพลาดอย่างแรง เพราะนายกรัฐมนตรีคนแรกของญี่ปุ่นชื่อนายฮิโรบุมิ อิโต้ (Itō Hirobumi) ยังเคยบอกเลยว่าทิวทัศน์บนยอดเขามิเซ็น (Mount Misen) บนเกาะมิยาจิม่านั้น คือหนึ่งในสามสถานที่ชมวิวที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น
แต่ถ้าใครพลาดก็ตามเรามา เข้าไปในป่าและขึ้นเขา ลองมองเกาะที่มุมสูงด้วยสายตาของนกกัน
ตั้งแต่สมัยโบราณมาแล้ว คนญี่ปุ่นเชื่อว่าภูเขามิเซ็นบนเกาะมิยาจิม่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธ์ เว็บไซต์การท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการของเกาะมิยาจิม่ายังบอกเอาไว้เลยค่ะว่า เกาะมิยาจิม่าเป็นสถานที่ซึ่ง “เทพพระเจ้าและมนุษย์อาศัยอยู่ด้วยกัน” จึงมีการอนุรักษ์ธรรมชาติบนเกาะเอาไว้เป็นอย่างดี จนได้รับการจารึกเอาไว้ว่าเป็นหนึ่งในมรดกโลก
แล้วรู้ไหมคะว่า มีเรื่องมหัศจรรย์ 7 อย่างบนภูเขามิเซ็นด้วย
หนึ่งคือไฟ “คิเอสุ โนะ ฮิ” หรือ Eternal Flame ที่ได้รับการจุดขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าเมื่อ 1200 ปีที่แล้ว โดยพระผู้ก่อตั้งวัดไดโชอิน (Dishoin Temple) นามว่าโคโบไดชิ (Kōbō-Daishi) ซึ่งยังลุกโชนอยู่ในหอพระเรอิคาโดในปัจจุบัน
สองคือหินมันดาระ อิวะ ที่ท่านโคโบไดชิ สลักรูปของตัวท่านเองและพระสูตรเอาไว้เป็นภาษาสันสกฤต แต่หินอยู่ริมหน้าผาและทางปิดค่ะ เป็นอันตรายก็เลยอยู่ในเขตห้ามเข้า
สามคือหินคันมัน อิวะ ซึ่งเป็นหินขนาดใหญ่ที่ข้างในกลวงและมีรูขนาดเท่ากำปั้นปรากฎอยู่บนหิน ทั้งๆ ที่หินอยู่บนภูเขา แต่ข้างในรูมีน้ำทะเลซึ่งขึ้นและลงเหมือนน้ำทะเลจริงๆ อันนี้มหัศจรรย์มาก
สี่คือไม้ซีดาร์ ที่พบในบริเวณชายฝั่งตั้งแต่สมัยโบราณ ตอนช่วงปีใหม่ปีหนึ่ง มีแสงประหลาดส่องจ้าขึ้นมาจากบนดินในตอนกลางคืน ผู้คนพากันหาที่มาและพบว่าไฟส่องออกมาจากไม้ซีด้าร์ขนาดใหญ่นี้ จึงเก็บมันเอาไว้
ห้าคือต้นบ๊วยที่เชื่อกันว่าเกิดขึ้นมาจากไม้เท้าของท่านโคโบไดชิ ที่แปลกไปกว่านั้นคือ ปีไหนมีเรื่องแย่ๆ ปีนั้นดอกบ๊วยไม่บานด้วยล่ะ
หกคือเสียงไม้กระทบกันที่คนโบราณจะได้ยินตอนเที่ยงคืน ว่ากันว่าเป็นเสียงที่มาจาก “เทนกุ” เจ้าปีศาจจมูกยาวที่อยู่บนเกาะ
เจ็ดคือต้นซากุระที่กลีบดอกและกลีบใบชุ่มชื้นตลอดเวลาเหมือนเพิ่งโดนฝนกระทั่งในวันที่แดดออก แต่เสียดายที่ตอนนี้ตายเสียแล้วค่ะ
เส้นทางการชมวิวบนเขามิเซ็นมีให้เลือก 2 เส้นทางตามความแข็งแรงของท่อนขา ถ้ามั่นใจว่าขาแข็งแรงดีก็เทรกกิ้งขึ้นไปถึงยอดเขา เส้นทางเทรกกิ้งก็มีให้เลือกอีก 3 สาย สายแรกมีระยะทาง 2.5 กิโลเมตร เริ่มต้นที่สวนโมมิจิดานิ (Momijidani Park) สายที่ 2 มีระยะทาง 3 กิโลเมตร เริ่มต้นที่วัดไดโชอิน และสายที 3 มีระยะทาง 3.2 กิโลเมตรเริ่มต้นที่ศาลเจ้าโอโมโตะ (Omoto Shrine) ตั้งอยู่ด้านตะวันตกของเกาะ
ใครเดินไม่ไหว สามารถขึ้นรถเคเบิลได้นะ แต่ต้องเดินผ่านสวนโมมิจิดานิไปครึ่งทางก่อนแล้วค่อยต่อรถเคเบิลไปลงสถานีชิชิอิวะ (Shishiiwa Station) บนเขา และเพื่อให้ได้อรรถรสของทั้งการเดินและการนั่งรถเคเบิล เราจะใช้เส้นทางนี้กันค่ะ
ทางเข้าสวนโมมิจิดานิอยู่ด้านหลังศาลเจ้าอิซึคุชิม่า โมมิจิแปลตรงๆ ตัวได้ว่า “ใบไม้แดง” เพราะภายในสวนมีต้นเมเปิลกว่า 200 ต้นซึ่งได้รับการปลูกขึ้นที่นี่ตั้งแต่สมัยเอโดะ สายน้ำที่ไหลลงมาจากหุบเขาก็ได้ชื่อว่าโมมิจิดานิเช่นกัน และทางเดินขึ้นเขาส่วนใหญ่ก็เลียบลำน้ำไปเรื่อยๆ ไม่ชันมาก เหมาะสำหรับมือใหม่หัดเทรก
เมื่อถึงสถานีโมมิจิดานิแล้ว ต้องจ่ายค่าตั๋วเพื่อขึ้นรถเคเบิลไปยังสถานีชิชิอิวะค่ะ ค่าตั๋วสำหรับผู้ใหญ่เที่ยวละ 1000 เยน ไป-กลับอยู่ที่ 1800 เยน ส่วนเด็ก (6-12 ปี) ก็เที่ยวละ 500 เยน และไป-กลับ 900 เยน
รถเคเบิลจะเคลื่อนตัวช้าๆ ขึ้นสูงไปเรื่อยๆ ให้ผู้มาเยือนได้ชมป่าและวิวทั้งในเกาะและนอกเกาะมิยาจิม่าอย่างเต็มที่ ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็จะถึงสถานีชิชิอิวะ ใครจะชมวิวที่จุดชมวิวที่สถานีเลยก็ได้ ตรงนี้จะอยู่สูงกว่าน้ำทะเล 430 เมตร แต่ถ้าจะไปให้ถึงยอดเขา ต้องเดินไปอีก และทางเดินเส้นนี้จะผ่านสถานที่สำคัญๆ ต่าง และเป็นจุดที่สิ่งมหัศจรรย์ทั้ง 7 ตั้งอยู่ด้วย (ตามแผนที่เลย) เดินอีกประมาณ 30 นาทีก็จะถึงจุดชมวิวบนยอดเขามิเซ็นซึ่งสูง 535 เมตรเหนือน้ำทะเลแล้วล่ะ
เมื่อถึงยอดเขาแล้วรับรองวิวสวยจนหายเหนื่อยค่ะ มองลงไปด้านล่างจะเห็นน้ำทะเลสีครามที่ราบเรียบของทะเลเซโตะ (Seto Inland Sea) เกาะเล็กเกาะน้อยในทะเลกว่า 3000 เกาะ บ้านเมืองที่มีขนาดเล็กจิ๋วและท้องฟ้าที่กว้างจนสุดลูกหูลูกตา นั่งชมวิวให้เต็มอิ่มเลย ก็ไม่ใช่นกนี่นะ ที่จะได้สัมผัสเรื่องมหัศจรรย์และความงดงามบนยอดเขาอย่างนี้ได้บ่อยๆ จริงมั้ยคะ : )