Kinosaki Checkpoint : รวมจุดเช็คพ้อยท์ห้ามพลาดในย่าน คิโนะซากิ

Kinosaki, Hyogo ไป คิโนะซากิ ทั้งทีจะพลาดสถานที่เหล่านี้ได้ไง

คิโนะซากิ ออนเซ็น (Kinosaki Onsen) คือหมู่บ้านออนเซ็นที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือ ของภูมิภาคคันไซ (Kansai) มีตำนานการค้นพบน้ำพุร้อนในบริเวณนี้ตั้งแต่เมื่อ 1,400 ปีที่แล้ว จึงเป็นย่านออนเซ็นเก่าแก่ของญี่ปุ่นที่ยังคงอนุรักษ์อาคารโบราณไว้ได้อย่างสวยงาม ตั้งเรียงรายทั้งสองข้างทางขนานไปกับแม่น้ำโอตานิ (Otani) ภายในแม่น้ำมีปลาคราฟว่ายเวียนวนตามฤดูกาล สะพานหินแบบโบราณก็ยังคงมีอยู่ให้เป็นจุดถ่ายรูปสวยๆ พร้อมต้นหลิวเรียงรายเป็นฉากหลัง ที่สำคัญในฤดูใบไม้ผลิยังมีซากุระออกดอกบานสะพรั่งริมน้ำอีกด้วย ทุกอย่างที่นี่ดูสวยไปหมดจนได้รับคะแนน 2 ดาว จากกรีนมิชลินเลยทีเดียว

นอกจากออนเซ็นทั้ง 7 บ่อแล้ว คิโนะซากิยังมีสถานที่อีกมากมายให้เราแวะเที่ยว แต่สำหรับบางคนที่อาจมีเวลาไม่มากนัก สถานที่ต่อไปนี้คือ Checkpoint สำคัญที่ห้ามพลาดเด็ดขาดเมื่อมาเยือนที่นี่

01 Sozoro

Sozoro คือ จุดบริการนักท่องเที่ยวของคิโนะซากิ ใครนั่งรถบัสมาจะลงรถบริเวณด้านหน้าอาคารพอดี หรือหากเดินทางมาด้วยรถไฟ เพียงเดินออกมาข้างหน้าสถานีก็จะเจอ Sozoro ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องไปทางขวามือ เราสามารถขอข้อมูลการท่องเที่ยวของ คิโนะซากิ ทั้งหมดได้จากที่นี่ อีกทั้งยังมีแผนที่ภาษาไทยแจก มีไวไฟให้ใช้ มีของฝากวางขาย และยังสามารถซื้อตั๋วรสบัสเพื่อเดินทางต่อไปเมืองต่างๆ ได้จากที่นี่ด้วย

ส่วนที่ฝากกระเป๋าจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ Sozoro และสถานีรถไฟ เราควรฝากกระเป๋าไว้ก่อน เพราะโรงแรมที่นี่ส่วนใหญ่จะสามารถเช็คอินได้เวลา 15:00 น. หากมาถึงแต่เช้าจะได้ไม่ต้องลำบากลากกระเป๋าทั้งวันเพื่อรอเช็คอิน แถมทางร้านยังนำกระเป๋าไปส่งให้เราถึงโรงแรมอีกด้วย
Info
ค่าบริการฝากกระเป๋า:
200 เยน (สำหรับคนที่เข้าพักโรงแรมในย่านคิโนะซากิ)
500 เยน (สำหรับคนทั่วไป ถึงเวลา 17:00 น.)
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม Sozoro: global.kinosaki-info.com

02 Kinosaki Straw Craft Museum

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จัดแสดงประวัติความเป็นมาของ “มูกิวาระ” หรือ งานศิลปะจากฟาง ภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาว คิโนะซากิ ที่สืบทอดมากว่า 300 ปี ที่ปัจจุบันมีศิลปินผู้เชียวชาญเฉพาะด้านนี้เป็นจริงๆ เพียง 3 ท่านเท่านั้น ภายในมีทั้งวัตถุโบราณโดยฝีมือช่างสมัยก่อน ไปจนถึงเวิร์กช็อปง่ายๆ ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวฝึกทำด้วยตัวเอง ใช้เวลาทำ 30-60 นาที ก็จะได้งานประดิษฐ์น่ารักๆ เป็นของที่ระลึก

Info
ค่าเข้า: 300 เยน นักเรียน 200 เยน
เวลา: 10:00-16:00 น.
(ปิดทุกวันพุธ หรือ ปิดวันพฤหัสบดีหากวันพุธตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์จะเปิดทำการ) (อนุญาตให้เข้าชมก่อนเวลาปิด 30 นาที)

03 Ropeway Station

จุดชมวิวที่สูงที่สุดของคิโนะซากิ สามารถมองเห็นเมืองทั้งเมืองได้จนถึงชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น เป็นวิวที่สวยงานจนได้คะแนน 1 ดาวจากกรีนมิชลิน บนนี้จะมีศาลเจ้าเล็กๆ และคาเฟ่น่ารักๆ ให้เรานั่งจิบกาแฟพักผ่อนเคล้าบรรยากาศได้อย่างเต็มที่ พอลงไปด้านล่างก็จะมีจุดให้ต้มไข่จากน้ำพุร้อนจี๋ด้วย

Info
ค่าบริการ: เที่ยวเดียว 460 เยน,  เด็ก 280 เยน // ไป-กลับ 900 เยน, เด็ก 460 เยน
เวลา: 9:00-17:00 น. ปิดทุกวันพฤหัสที่ 2 และ 4 ของเดือน

04 Foot Bath แบบฟรีๆ

หากได้รับแผนที่ของ คิโนะซากิ แล้ว เราจะเห็นสัญลักษณ์รูปเท้ากระจายตัวอยู่ทั่วทั้งย่านคิโนะซากิ บอกตำแหน่งบ่อแช่เท้าและมือที่ทุกคนสามารถนั่งแช่ได้ฟรีๆ ซึ่งแต่ละบ่อจะตกแต่งไม่เหมือนกัน มีตั้งแต่แบบธรรมดา ไปจนถึงบ่อที่แกะสลักหินไว้อย่างดี หากมีเวลาลองไปตามจุดต่างๆ ให้ครบก็น่าสนุกดี

05 Nishimuraya Honkan

Nishimuraya Honkan  คือ ที่พักแบบเรียวกังที่ว่ากันว่าหรูหราไฮโซที่สุดในย่านคิโนะซากิ แต่ความหรูหราของที่นี่ไม่ใช้ความเงางามหรือมีประกายวิบวับ แต่คือการตกแต่งแบบคลาสสิก บรรยากาศลุ่มลึก สถานที่โออ่าใหญ่โต และเพียบพร้อมด้วยบริการชั้นเลิศ ภายในห้องพักตกแต่งด้วยเสื่อทาทามิกับประตูบานเลื่อนที่ทำจากกระดาษโชจิ เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง จะเห็นสวนญี่ปุ่นขนาดใหญ่ที่ถูกจัดวางไว้อย่างประณีตตามระบบจักรวาลของธรรมชาติ สะท้อนให้เห็นสัจธรรมของฤดูกาล

พอถึงเวลาอาหารเย็น ที่นี่ก็ยกมาเสริฟแบบจัดเต็ม ทั้งปูมัตสึบะชุดใหญ่ เนื้อย่างหอมหวาน ซาชิมิสดใหม่ เครื่องเคียงกลมกล่อม และอาหารอื่นๆ อีกเกือบ 10 จาน ถ้าใครเคยคิดว่าสั่งอาหารของโรงแรมแล้วไม่คุ้มคงต้องคิดใหม่ เพราะที่นี่จัดมาให้คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม

สิ่งพิเศษอีกอย่างของคิโนะซากิ คือ ที่พักแต่ละที่จะใช้ยูกาตะไม่เหมือนกัน เวลาเดินไปไหนมาจึงเห็นยูกาตะหลากหลายสี และยังรู้อีกว่าใครพักอยู่ที่ไหน ยูกาตะของ Nishimuraya เป็นชุดสีน้ำตาลสุดคลาสสิกแบบที่ใส่แล้วรู้สึกเป็นผู้ดีเก่าเหมือนหลุดมาจากยุคเอโดะเลยหละ.
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
www.nishimuraya.ne.jp/honkan/english