Kamikochi : ทริปเที่ยวป่าญี่ปุ่นคามิโคจิ สูดกลิ่นใบไม้ชุ่มฉ่ำ ตื่นตาตื่นใจกับน้ำใสราวคริสตัลในนากาโน่
ถ้าพูดถึงแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติในญี่ปุ่นช่วงนี้ คงมี ‘คามิโคจิ (Kamikochi)’ เป็นอันดับต้นๆ ในลิสต์ยอดนิยมที่คนไทยชอบไป คามิโคจิ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น (The Northern Japan Alps) ภายในอุทยานแห่งชาติชูบุซังกาคุ (Chubu Sangaku National Park) จังหวัดนากาโน่ (Nagano) เป็นที่เลื่องลือในความสวยงามและอุดมสมบูรณ์ของป่าเขาโดยรอบและเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนที่มีความสุขกับการปีนเขาหรือเดินป่า แม้จะดูเป็นกิจกรรมเข้าถึงยากสำหรับชาว City Lover แต่ถ้าได้ลองไปแล้วก็จะแอบกรี๊ดเบาๆ ในใจแน่นอน จะขอยืนยัน ยืนยัน (ทำนองวง Blackhead) จากหญิงสาวที่โดยพื้นฐานชอบเดินเรื่อยเปื่อยและซุกซ่อนตัวอยู่ในเมืองมากกว่า
หากมีคนถามว่าอะไรที่ทำให้คิดไปคามิโคจิ สาวออฟฟิศผู้รักงานอย่างฉันก็มีบ้างที่รู้สึกหน่ายกับหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือเอกสารตั้งใหญ่ข้างกาย กลิ่นดินชุ่มชื้น สีเขียวสบายตา น้ำสีฟ้าคริสตัล คือสิ่งที่ฉันต้องการ!
เตรียมตัวก่อนไป คามิโคจิ ด้วยการคลิกเว็บ Traveloka เพื่อนออนไลน์ที่ทุกคนรู้กันดีว่าใช้จองตั๋วเครื่องบินและโรงแรมได้ในราคาชวนอมยิ้ม แต่ก็อาจจะมีคนยังไม่รู้ว่าสามารถซื้อบัตรโดยสารรถไฟในญี่ปุ่นได้ด้วย ครั้งนี้ขอแอบบอกต่อความว้าวกว่าเดิมด้วยการซื้อ JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) ผ่านทราเวลโลก้า แนะนำตรงๆ แบบไม่จกตาเลยว่าซื้อจากไทยถูกกว่าซื้อที่ญี่ปุ่น ซึ่งฉันจะใช้เพื่อนั่งรถ Narita Express จากสนามบิน นั่งรถไฟ Asuza ไป คามิโคจิ นั่งรถไฟท้องถิ่นสาย JR EAST Line ในพื้นที่โตเกียวและเพื่อนบ้านในเขตคันโตได้ฟรี คุ้มเว่อร์
• ซื้อบัตรโดยสาร ได้ที่ www.traveloka.com/th-th/train/japan.jp
• ซื้อตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่น ได้ที่ www.traveloka.com/th-th/flight-to-japan
สิ่งที่ควรรู้ก่อนไป คามิโคจิ คือ ที่นี่เปิดให้บริการ 7 เดือนต่อปี ตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ (ปลายเมษายน) ถึงฤดูใบไม้ร่วง (15 พฤศจิกายน) และปิดทำการในช่วงฤดูหนาว ธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์สวยงามรายล้อมไปด้วยภูเขาทำให้คามิโคจิได้รับความนิยมในการมาพักผ่อนตลอดทั้ง 7 เดือนที่เปิดให้บริการ เดือนตุลาคมเป็นช่วงที่คึกคักที่สุด เพราะเป็นเวลาที่ใบไม้กำลังเปลี่ยนจากสีเขียวสื่อถึงความสดชื่นเป็นสีส้มแดงอันอบอุ่นของฤดูใบไม้ร่วง แต่ถ้าชอบเขียวๆ แบบในภาพแนะนำให้ไปช่วงฤดูร้อนนะจ๊ะ
สะพานกัปปะ (Kappa Bridge)
คามิโคจิ มีสถานที่น่าสนใจอยู่เยอะมาก แม่น้ำอาซุสะ (Azusa River) ใสแจ๋วที่ไหลผ่านตลอดหุบเขา ภูเขายาเกะดาเกะ (Mt.Yake-dake) ภูเขาไฟที่ยังคุกร่น ว่ากันว่าเป็นอีกหนึ่งบักเก็ตลิสต์ของคนชอบปีนเขา สะพานกัปปะ (Kappa Bridge) จุดศูนย์กลางและจุดถ่ายรูปยอดฮิตของ คามิโคจิ
อีกทั้งมีบึงน้ำให้แวะชมอยู่หลายแห่ง เช่น บึงไทโช (Taisho Pond) บึงขนาดใหญ่เกิดจากการระเบิดของภูเขายาเกดาเกะ บริเวณนี้มีเรือถีบให้เช่าสำหรับปั่นชมวิวด้วยนะ บึงทาชิโระ (Tashiro Pond) สวรรค์กลางป่าที่คนชอบมาถ่ายรูปภูเขาสะท้อนน้ำ บึงเมียวจิน (Myojin Pond) สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังงานเพาเวอร์สปอต ตั้งอยู่ภายในศาลเจ้าโฮทากะ โอคุมิยะ (Hotaka Shrine Okumiya) เป็นต้น
บึงเมียวจิน (Myojin Pond)
จากโตเกียวสามารถไปคามิโคจิได้หลายวิธี มีทั้งรถบัสวิ่งตรงจากโตเกียว (แต่นาน) หรือนั่งรถไฟไปนอนเล่นในนากาโน่ก่อนแล้วค่อยต่อรถบัสไปอีกที ฉันเลือกอย่างหลังโดยนั่งรถไฟไปลงที่สถานีมัตสึโมโตะ (Matsumoto Station) สำรวจแถวนี้และกลับมานอนที่โรงแรมใกล้ๆ สถานี เช้าอีกวันค่อยนั่งบัสต่อไปที่คามิโคจิ
จาก Mutsumoto Bus Terminal จะนั่งยาวไปลงที่ Kamikochi Bus Terminal เลยก็ได้ แต่ฉันลงก่อนที่ป้าย Taisho Pond (K28) เพราะตรงนี้เป็นจุดเริ่มเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ กิจกรรมห้ามพลาดของที่นี่ เส้นทางยอดนิยมเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นคือเส้นทางระหว่างบึงไทโชกับสะพานกัปปะประมาณ 3 กิโลเมตร จากตรงนี้เดินเลียบแม่น้ำอาซุสะไปเรื่อยๆ จนถึงสระน้ำทาชิโระ ก่อนวกกลับไปสุดที่สะพานกัปปะ ไม่ต้องกังวลเรื่องเส้นทาง ด้วยพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบเดินได้สบาย
ถ้าเกิดว่ายังไม่จุใจแนะนำเส้นทาง 7 กิโลเมตร เริ่มตั้งแต่สระน้ำไทโชยาวไปจนถึงสะพานเมียวจิน (Myojin Bridge) ระหว่างทางคือความงดงามที่เราว่าคุ้มค่ากับการเดิน ทิวทัศน์สวยงามอันสงบเงียบ ป่าเขาสูงใหญ่ โชคดีหน่อยก็จะได้เจอสัตว์อย่างลิงป่า ซึ่งน่าจะถูกใจคนอินกับธรรมชาติ
นอกจากพื้นที่ธรรมชาติแบบจุกๆ ระหว่างยังมีร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร ออนเซ็นแช่เท้า หากติดใจความงามของคามิโคจิขึ้นมา (ติดใจแน่ๆ) ภายในพื้นที่คามิโคจิก็มีโรงแรมให้เลือกเข้าพักอยู่หลายแห่ง แต่ควรจองล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่ง เป็นทริปเที่ยวป่าญี่ปุ่นสั้นๆ สำหรับคนมีเวลาไม่มาก แต่จะตราตรึงในใจไปอีกนาน
การเดินทางไป คามิโคจิ (Kamikochi)
1) Direct Bus วิ่งตรงจากโตเกียว
มีรถบัสวิ่งตรงไป คามิโคจิ ทั้งรอบเช้าและดึกจากหลายสถานีในโตเกียว ได้แก่ ชินจูกุ โตเกียว และชิบูย่า ใช้เวลาประมาณ 5-7 ชั่วโมง แต่ในหนึ่งวันมีจำนวนรอบรถไม่มากนัก จึงควรตรวจสอบให้รอบคอบ ทั้งยังมีบัสที่วิ่งตรงจากโอซาก้าและเกียวโตด้วย สามารถตรวจสอบรอบรถและราคาได้ที่ www.alpico.co.jp
2) นั่งรถไฟ Azusa จากโตเกียวแล้วต่อด้วยรถบัส
วิธีที่ 1: นั่งรถไฟด่วนพิเศษขบวนอาซึสะ (Azusa) จากสถานีชินจูกุ (Shinjuku Station) ไปลงที่สถานีมัตสึโมโตะ (Matsumoto Station) ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 40 นาที (ใช้ JAPAN RAIL PASS และ JR EAST PASS Nagano, Niigata area ได้) จากนั้นให้ต่อรถบัสไป คามิโคจิ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 50 นาที แต่มีเพียง 2 รอบต่อวัน ได้แก่ 5:30 น. และ 10:15 น. โดยซื้อตั๋วได้ที่สถานีมัตสึโมโตะ (ที่ตู้กดซื้อตั๋วรถบัส มีภาษาไทยนะ)
วิธีที่ 2: นั่งรถไฟด่วนพิเศษขบวนอาซึสะ (Azusa) จากสถานีชินจูกุ (Shinjuku Station) ไปลงที่สถานีมัตสึโมโตะ (Matsumoto Station) ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 40 นาที (ใช้ JAPAN RAIL PASS และ JR EAST PASS Nagano, Niigata area ได้) หากไม่ทันรอบรถบัสวิ่งตรงจากสถานีมัตสึโมโตะ (วิธีที่ 1) ให้ต่อรถไฟท้องถิ่นสาย Matsumoto Dentetsu Line ไปลงที่สถานีชินชิมะชิมะ (Shin-Shimashima Station) ใช้เวลา 30 นาที แล้วต่อรถบัสไปคามิโคจิได้ใช้เวลาประมาณ 60 นาที (ที่สถานีชินชิมะชิมะจะมีรอบรถบัสมากกว่าสถานีมัตสึโมโตะ)
สามารถตวจสอบรอบรถและราคาได้ที่ www.alpico.co.jp
หมายเหตุ: ใช้ JAPAN RAIL PASS และ JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) ขึ้นรถขบวนอาซึสะ (Azusa) ได้
3) Direct Bus วิ่งตรงจากทาคายาม่า
นั่งรถ Nohi bus จาก Takayama Bus Center ไปลงที่ Hirayu Onsen ใช้เวลา 60 นาที จากนั้นต่อรถบัสหรือแท็กซี่ไปที่คามิโคจิใช้เวลาประมาณ 25 นาที สามารถตรวจสอบรอบรถและราคาได้ที่ www.nouhibus.co.jp
แผนที่เส้นทางเดินป่าในคามิโคจิ
ภาพ: www.alpico.co.jp