ถึงจะได้ยินได้อ่านเกี่ยวกับวัฒนธรรมการอาบน้ำรวมของชาวญี่ปุ่นมาเยอะ แต่การไปญี่ปุ่นหนแรกของฉันคือการไปทำงาน ใครเล่าจะนึกว่าการอาบน้ำครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่นจะเป็นการอาบใน ห้องอาบน้ำรวม !! ไม่มีเวลาให้เตรียมตัวเตรียมใจกันเลย

เมื่อเดินทางถึงสนามบินนาริตะ ฉันต้องนั่งรถฝ่าการจราจรอันคับคั่งในชั่วโมงเร่งด่วนท่ามกลางฝนโปรยปรายทั่วโตเกียวตรงไปยังเมืองฟูจิโนะ จังหวัดคานางาวะทันที กว่าจะถึงที่พักก็เกือบสี่ทุ่ม และได้รับแจ้งให้ทราบว่าห้องอาบน้ำจะปิดบริการเวลาสี่ทุ่มฉันและเพื่อนที่เดินทางกันมาอย่างเหน็ดเหนื่อย จึงรีบรุดไปอาบน้ำแล้วก็พบว่า ห้องอาบน้ำของที่พักเป็น ห้องอาบน้ำรวม แบบที่ต้องนั่งอาบก่อนแล้วค่อยลงไปแช่ในบ่อน้ำร้อน  ครั้นจะยกยอดไปอาบพรุ่งนี้เช้าทีเดียวก็ทำไม่ได้เพราะห้องอาบน้ำไม่เปิดให้บริการตอนเช้า ไปถึงวันแรกก็ Culture Shock กันเลย คนไทยเราชินกับการอาบน้ำอย่างน้อยวันละสองมื้อเช้าเย็นเพิ่งรู้วันนั้นเองว่านี่ไม่ใช่วัฒนธรรมสากล อย่างไรก็ตามไม่มีเวลาให้ทำใจแล้ว ห้องอาบน้ำกำลังจะปิดบ่ายเบี่ยงไปก็ไร้ประโยชน์ อาบก็อาบ 

ความรู้สึกก่อนและหลังอาบน้ำคืนนั้นต่างกันลิบ แค่ตอนแช่ในบ่อน้ำร้อนจัดๆ ฉันก็รู้สึกได้ถึงความผ่อนคลายแบบสุดๆ ยิ่งหลังแต่งตัวเสร็จแล้ว ยิ่งสบายตัวขึ้นไปอีก เลือดลมสูบฉีด ร่างกายอุ่นสบายพร้อมนอน และพบว่าหลงรักการแช่น้ำร้อนในบ่อรวมเข้าแล้ว

นอกจากความสบายตอนแช่ตัวในบ่อ อีกสิ่งหนึ่งของวัฒนธรรมการอาบน้ำแบบญี่ปุ่นที่ฉันแอบติดใจคือ การนั่งอาบน้ำ หลังจากเราผลัดเสื้อผ้าในห้องล็อคเกอร์แล้ว ก่อนลงไปแช่เราจะต้องชำระร่างกายให้สะอาด ล้างเครื่องสำอาง สระผมเผ้า ล้างเท้ากันก่อน ห้องอาบน้ำรวม จะมีบริเวณให้เราอาบน้ำ โดยมีเก้าอี้เตี้ยและกะละมังใบเล็กเตรียมไว้ให้ หลังจากเลือกทำเลแล้วว่าจะอาบก๊อกไหน ก็หยิบเก้าอี้กับกะละมังส่วนตัวไปวาง แล้วนั่งอาบน้ำโดยหันหน้าเข้าหากำแพง ก๊อกน้ำก็จะมีให้เราเลือกปรับให้น้ำออกมาจากฝักบัว หรือออกจากก๊อกน้ำด้านล่างก็ได้  ห้องอาบน้ำสาธารณะมักจะมีสบู่และแชมพูให้กดใช้ได้ฟรี หรือเราอาจจะเตรียมของส่วนตัวใส่ตะกร้าไปอาบเองก็ได้ กะละมังใบเล็กมีไว้สำหรับผสมน้ำร้อนให้พอดีเพื่อราดตัว ห้องอาบน้ำสาธารณะมักจะให้ผ้าอาบน้ำผืนเล็กๆ ยาวๆ มาด้วย  ผ้าอาบน้ำแบบนี้เยี่ยมยอดที่สุด เพราะขนาดที่ค่อนข้างผอมยาวทำให้ใช้ขัดถูหลังได้สะดวก เมื่อผสมสบู่กับน้ำ ฟองจะยิ่งนุ่มฟู การนั่งอาบทำให้เราได้ใกล้ชิดส่วนต่างๆ ของร่างกายได้มากกว่ายืน โดยเฉพาะส่วนเท้าการใช้ผ้าขัดผิวยังช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกโดยไม่แสบผิว และช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้นเหมือนเป็นการเตรียมผิวก่อนจะลงซึมซับแร่ธาตุในบ่อน้ำร้อน การอาบน้ำก่อนลงแช่ยังช่วยปรับอุณหภูมิร่างกายเพื่อให้ชินกับน้ำร้อนๆ ในบ่อได้ดีขึ้นด้วย

 

ห้องอาบน้ำรวม ญี่ปุ่น Japanese bath sento

 

การอาบน้ำรวมครั้งแรกที่เริ่มต้นอย่างกระอักกระอ่วน จบลงด้วยอาการโหยหาบ่อน้ำร้อนในทุกที่ที่ไป จนกลับมาเมืองไทยแล้ว แม้ไม่มีบ่อน้ำร้อนให้แช่แต่ฉันก็หันมานั่งอาบน้ำบ่อยๆ และใช้ผ้าอาบน้ำเป็นกิจวัตร ยิ่งใช้ก็ยิ่งรู้สึกว่า เจ้าผ้าอาบน้ำนี่เป็นสิ่งประดิษฐ์ของญี่ปุ่นที่ฉันประทับใจเสียยิ่งกว่าอุปกรณ์ไฮเทคใดๆ ยิ่งมาระยะหลัง ฉันเปลี่ยนมาใช้สบู่ก้อนแทนสบู่เหลว ก็ยิ่งเลิฟผ้าอาบน้ำไปกันใหญ่ เพราะสบู่ก้อนแบบธรรมชาติฟองไม่เยอะ บางทีอาบเสร็จแล้วอาจยังไม่ฟิน แต่ถ้านำสบู่ก้อนไปถูกับผ้าอาบน้ำก่อนแล้วใช้ผ้ามาถูตัวผ้าที่มีผิวสัมผัสหยาบนิดๆ และการทอให้มีช่องว่างระหว่างเส้นใย ทำให้ฟองสบู่ที่ได้นั้นนุ่มและฟูขึ้น ล้างฟองออกก็ง่าย รู้สึกผิวสะอาด แถมยังไม่เปลืองสบู่ 

คนไทยเราคงไม่ค่อยนิยมใช้ผ้าอาบน้ำ เพราะไม่ค่อยเห็นมีขาย แต่ฉันเคยซื้อผ้าอาบน้ำทอด้วยใยกัญชงมาไว้ก่อนที่จะไปญี่ปุ่น กลับมาคราวนั้นจึงได้โอกาสหยิบออกมาใช้ ถูกใจมาก เพราะผ้าผิวหยาบกำลังดีและให้ฟองนุ่มฟู มาระยะหลังถ้ามีโอกาสไปประเทศญี่ปุ่น และได้เจอร้านขายอุปกรณ์เกี่ยวกับการอาบน้ำ ฉันก็มักมองหาผ้าอาบน้ำ ซึ่งแต่ละแบรนด์ได้พัฒนาการออกแบบผ้าอาบน้ำกันอย่างเอาจริงเอาจัง เช่น เทคนิคการทอที่ทำให้ได้ฟองนุ่ม หรือเลือกใช้เส้นใยจากธรรมชาติ อย่างเส้นใยกล้วย หรือเส้นใยไผ่ แถมยังมากับดีไซน์สีสันน่าใช้ ฉันมักซื้อเป็นของฝาก เพราะน้ำหนักเบา ไม่เปลืองที่ในกระเป๋า ใช้งานได้ดีจริง และอัดแน่นไปด้วยเรื่องราววัฒนธรรม 

การอาบน้ำรวมอยู่ในวิถีชีวิตชาวญี่ปุ่นมาช้านาน แต่ยุคทองของห้องอาบน้ำสาธารณะคือยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เนื่องจากบ้านเรือนประชาชนเสียหาย ผู้คนจึงต้องพึ่งพาห้องอาบน้ำสาธารณะ คนมีเงินมากๆ เท่านั้นจึงจะมีห้องอาบน้ำส่วนตัวในบ้าน ในโตเกียวจึงมีห้องอาบน้ำสาธารณะหรือเซ็นโตเกิดขึ้นจำนวนมาก และเหตุผลที่ห้องอาบน้ำสาธารณะส่วนมากไม่เปิดบริการตอนเช้า นอกจากเพราะอากาศที่หนาวเย็นแล้ว ยังเป็นเรื่องของการบริหารเวลาของคนญี่ปุ่นด้วย เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นเริ่มต้นเช้าวันใหม่ ทุกคนก็เริ่มภารกิจประจำวันของตัวเอง ผู้ชายรีบออกไปทำงาน เด็กๆ รีบไปโรงเรียน คุณแม่บ้านรีบทำอาหารเช้า จนเมื่อจบวันเสร็จสิ้นการงานแล้วนั่นล่ะ ถึงเป็นเวลาส่วนตัว อาบน้ำชำระคราบเหงื่อไคล แช่น้ำร้อนผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่เหนื่อยล้าจากการงาน ทุกครั้งที่มีโอกาสฉันชอบไปอาบน้ำที่ห้องอาบน้ำสาธารณะ แม้จะยังเขินอายแต่ช่วงเวลาที่อยู่ในนั้นให้ความรู้สึกพิเศษ คล้ายกับว่านอกจากทำความสะอาดร่างกายแล้ว เรายังได้ชำระล้างจิตใจ ความขุ่นมัวหรือความไม่สบายใจใดๆ ออกไป และรับเอาพลังงานดีๆ เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมเริ่มวันพรุ่งนี้อีกครั้ง 

 

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ