หลังจาก Tokyo DisneySea ได้เคยประกาศเลื่อนการเปิดโซนนี้ไปในช่วงปลายปี 2565 แต่ข่าวดี! เร็วๆ นี้อีกไม่กี่อึดใจเดียวแฟนๆ ดิสนีย์จะได้ยลโฉมโซนใหม่ Fantasy Springs เเล้ว เพิ่มเติมคือไม่กี่เดือนที่ผ่านมาทางช่อง Official YouTube ของ Tokyo DisneySea ก็ได้ลงคลิปวิดีโออัปเดตความคืบหน้าของแต่ละโซนพอเป็นน้ำจิ้มไว้ด้วย แบบนี้ยิ่งเพิ่มพูนความอยากไปให้กับแฟนๆ ดิสนีย์มากเข้าไปอีก วันนี้คิจิเลยจะมาอัปเดตรายละเอียดทั้ง 3 โซนใน Fantasy Springs ให้กับทุกคนก่อนนับถอยหลังเตรียมพบกับความสนุกที่รอเราอยู่ในวันที่ 6 มิถุนายน 2567🧚‍♂️✨

Fantasy Springsภาพ:https://www.fashion-press.net/

Fantasy Springs

โซนใหม่ Fantasy Springs ถูกสร้างขึ้นภายใต้ธีม “a world of Disney fantasy led by magical springs” หรือโลกแห่งจินตนาการของดิสนีย์ที่ถูกนำพาโดยฤดูใบไม้ผลิที่น่าอัศจรรย์ โดยโซนนี้จะรวมแอนิเมชั่นเรื่องดังทั้ง 3 เรื่องเอาไว้ด้วยกัน ได้แก่ ”Frozen Kingdom” จากเรื่อง Frozen (ผจญภัยแดนคำสาปราชินีหิมะ), “Rapunzel Forest”  จากเรื่อง Tangled (ราพันเซล เจ้าหญิงผมยาวกับโจรซ่าจอมแสบ) เเละ “Peter Pan’s Neverland” จากเรื่อง Peter Pan (ปีเตอร์ แพน)  นอกจากนั้นยังมีโรงแรมเปิดใหม่ภายใต้โซนใหม่นี่ด้วยคือ “Tokyo DisneySea Fantasy Springs Hotel” เฉลี่ยรวมพื้นที่สร้างใหม่นี้อยู่ที่ประมาณ 140,000 ตารางเมตร ซึ่งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ Tokyo DisneySea เปิดดำเนินการมา 

Fantasy Springs

Fantasy Springs’ Entrance

เริ่มจากทางเข้าโซน เมื่อทุกคนเดินเข้ามาเเล้วจะได้รับการต้อนรับจากน้ำพุมหัศจรรย์ที่มีหินรูปร่างของปีเตอร์แพน แอนนา เอลซ่า ราพันเซล และอื่นๆ อีกมากมาย เเละไม่ได้มีแค่ทางเข้าเท่านั้น ยังมีน้ำพุมหัศจรรย์ที่มีรูปร่างเป็นตัวละครดิสนีย์ถูกติดตั้งอยู่ทั่วบริเวณเลย 

Fantasy Springsภาพ:https://www.fashion-press.net/

Frozen Kingdom

”Frozen Kingdom” คืออาณาจักร Arendelle ในช่วงเวลาหลังจากที่เอลซ่า ราชินีหิมะ ยอมรับเวทมนตร์แห่งน้ำแข็งเเละสามารถควบคุมพลังได้ ทำให้อาณาจักรแห่งนี้กลับมาอบอุ่นอีกครั้งและล้อมรอบไปด้วยบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง ตั้งแต่สะพานที่ทอดไปสู่ปราสาท รวมถึงทิวทัศน์เมืองและทะเลสาบที่มีผู้คนอาศัยอยู่ 

Fantasy Springs Fantasy Springs

จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งเลยที่เราจะไม่พูดถึงไม่ได้ นั่นก็คือหน้าผาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะและภูเขาของฟยอร์ดอยู่ไกลๆ เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่าครั้งหนึ่งเคยมีหิมะปกคลุมที่อาณาจักร Arendelle เเละถ้าสังเกตดีๆ ก็จะมองเห็นปราสาทน้ำแข็งของเอลซ่าเเละระเบียงที่เอลซ่ายืนร้องเพลงท่อนสุดท้ายของ ”Let It Go” ด้วย

ภาพ: https://www.youtube.com/@waltdisneyimagineering

เครื่องเล่น

เครื่องเล่น ”Anna and Elsa’s Frozen Journey” เป็นเครื่องเล่นทางน้ำที่เราจะได้เพลิดเพลินไปกับเรื่องราวสุดผจญภัยและอบอุ่นใจของสองพี่น้อง แอนนาเเละเอลซ่าที่ “รักแท้” สามารถละลายหัวใจที่เยือกแข็งได้ 

Fantasy Springs Frozenภาพ: https://disney.fandom.com/

นอกจากนั้นในระหว่างที่เราเดินเที่ยวเล่นในโซนนี้ เราจะได้ยินเพลงประกอบภาพยนตร์ที่คอยเปิดคลออยู่เรื่อยๆ อย่าง Do You Want to Build a Snowman? Love is an open door หรือ Let it go เป็นต้น

ร้านอาหาร

“Arendelle Royal Banquet” เปิดให้บริการเป็นร้านอาหารรูปแบบเคาน์เตอร์เซอร์วิสภายในปราสาท Arendelle โดยมีที่นั่งประมาณ 570 ที่นั่ง การออกแบบของร้านอาหารชวนให้เราจินตนาการว่าเป็นแขกที่ถูกเชิญมางานเลี้ยงเปิดพระราชวังยังไงอย่างงั้นเลย เเละถ้าหากยังดื่มด่ำบรรยากาศภายในปราสาทไม่จุใจหล่ะก็ ที่นี่ยังมีพื้นที่รับประทานอาหารกลางแจ้งให้ทุกคนได้ชมทิวทัศน์ของหน้าผาฟยอร์ดและภูเขาในระยะไกลด้วย 

ภายในร้านอาหารก็ยังเต็มไปด้วยงานศิลปะ ของตกแต่งต่างๆ หรือหนังสือที่เกี่ยวข้องกับตัวละครที่ปรากฏในภาพยนตร์ให้เราได้ชมพลางรับประทานอาหารไปด้วย อย่างเช่นภาพวาดมากมายที่ปรากฏในฉากที่แอนนาร้องเพลง “For the First Time in Forever”

ภาพ: https://www.youtube.com/@waltdisneyimagineering

ไม่ใช่แค่สถาปัตยกรรมที่สวยอย่างเดียว เมนูชุดอาหารกลางวันเเละอาหารเย็นของเขาก็น่ารับประทานไม่แพ้กันนะ

Oken's OK FoodsArendelle Royal Set

นอกจากนี้ยังมีร้าน “Oken’s OK Foods” ซึ่งเป็นร้านอาหารที่ดำเนินการโดย Oken เจ้าของกระท่อมร้านขายของชำบนภูเขาที่มีบริการห้องซาวน่าที่ปรากฏในภาพยนตร์ เมนูเด่นของร้านนี้คือ “ขนมปัง Fufu ของ Oken” ซึ่งเป็นการดัดแปลงมาจากขนม ”Cardamom Rolls” สูตรพิเศษของสแกนดิเนเวีย ขนมปังเนื้อนุ่มปรุงรสด้วยกระวานและยัดไส้ด้วยเนื้อที่ผ่านการปรุงด้วยเครื่องเทศสแกนดิเนเวีย ตบท้ายด้วยแยมแอปเปิ้ลเบอร์รี่

Oken's OK Foodsภาพ:https://www.fashion-press.net/

ของที่ระลึก

ภาพ:https://www.fashion-press.net/

*สินค้าออฟฟิเชียลจะเริ่มวางจำหน่ายที่ร้านขายของที่ระลึก Emporio ภายในสวนสนุก ตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป

Rapunzel’s Forest

เมื่อเราเดินเข้ามาในโซนผืนป่าของราพันเซล แน่นอนว่าอย่างแรกที่เราจะสะดุดตาก่อนเลยคือหอคอยอันสูงเสียดฟ้าที่มีราพันเซลอาศัยอยู่

Fantasy Springs Rapunzel's Forest ภาพ: https://www.youtube.com/@waltdisneyimagineering

ในตอนกลางวันว่าสวยเเล้ว เมื่อตกเย็นทุกคนจะได้เห็นแสงไฟส่องสว่างจากบนหอคอยยาวมาจนถึงตะเกียงที่เรียงรายไปตามทางเดิน ร้านอาหาร เเละโรงเก็บเรือ รวมถึงแสงสว่างจากโคมไฟที่ห้อยตรงเรือด้วย ทำให้ผืนป่าแห่งนี้ปกคลุมไปด้วยแสงระเรื่ออันอบอุ่นสวยงามไม่แพ้ตอนกลางวันเลย

Fantasy Springs Fantasy Springsภาพ:https://www.fashion-press.net/

เครื่องเล่น

“Rapunzel’s Lantern Festival” เป็นเครื่องเล่นทางน้ำที่บรรยายการเดินทางโดยเรือไปยังเทศกาลโคมไฟประจำปีวันเกิดของเจ้าหญิง ในระหว่างที่เรานั่งล่องเรือไปนั้น จะทำให้เราหวนนึกถึงการผจญภัยเเละความรักระหว่างราพันเซลเเละฟลินน์ ไรเดอร์ รู้ตัวอีกทีคือรอบตัวเราจะถูกห้อมล้อมไปด้วยบรรยากาศสุดโรแมนติกเเละโคมลอยที่ส่องแสงจำนวนนับไม่ถ้วน พร้อมกับเพลง “I see the light” ที่เปิดคลอไปด้วย 

ภาพ:https://www.fashion-press.net/

ร้านอาหาร

ใครที่เคยดู Tangled คงจำกันได้ดีกับร้าน Snuggly Duckling เพราะเป็นร้านที่ปรากฎในภาพยนตร์ที่ซึ่งราพันเซลได้พบกับเหล่าอันธพาลที่ต่างมีความฝันเเละได้ร่วมร้องเพลงกับพวกเขาอย่างสนุกสนาน

Snuggly Duckling Fantasy Springs

ร้าน Snuggly Duckling เป็นร้านอาหารแบบเคาน์เตอร์เซอร์วิส มีที่นั่งประมาณ 620 ที่นั่ง บรรยากาศเเละกลิ่นอายภายในร้านเรียกได้ว่าไม่ต่างกับฉากในภาพยนตร์เลย เช่น พื้นที่จำลองของบาร์ หรือแม้แต่คอกม้า

ภาพ: https://www.youtube.com/@waltdisneyimagineering

เมนูที่พลาดไม่ได้เมื่อมาร้านนี้คือ ”Duckling Dream Cheeseburger” แฮมเบอร์เกอร์ชีสที่มีทั้งเนื้อเเละไส้กรอกชุ่มฉ่ำ

Snuggly Duckling Fantasy Springs

และ ”Sweets Ever After (เลมอนและสตรอว์เบอร์รี)” พายอบที่โปะด้วยครีมซอสเลมอนเเละสตรอว์เบอร์รีลูกโตๆ เป็นของหวานที่ตั้งชื่อตามคำพูดของราพันเซลในตอนท้ายของภาพยนตร์ว่า ”เเละเราก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป”

Snuggly Duckling Fantasy Springsภาพ:https://www.fashion-press.net/

ของที่ระลึก

ภาพ:https://www.fashion-press.net/

*สินค้าออฟฟิเชียลจะเริ่มวางจำหน่ายที่ร้านขายของที่ระลึก Emporio ภายในสวนสนุก ตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป

Peter Pan’s Neverland

สำหรับโซนที่ 3 “Peter Pan’s Neverland” ดินแดนเนเวอร์เเลนด์ที่เฝ้ารอเด็กหลงทางหรือ Lost Boys จากทุกสารทิศมาเยือน เพราะที่แห่งนี้ทุกคนจะไม่มีวันโตขึ้น เเละการผจญภัยสุดน่าตื่นเต้นที่ทุกคนจะได้พบนั้นก็มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินชมรอบๆ เรือโจรสลัดขนาดใหญ่, หินกระโหลก,  การเผชิญหน้ากับโจรสลัด, Pixie Hollow หุบเขาแห่งนางฟ้าที่ทิงเกอร์เบลล์อาศัยอยู่ เเละหมู่บ้านชาวอินเดียแดง ที่อยู่อาศัยของไทเกอร์ลิลลี่ เป็นต้น

Peter Pan's Neverland Fantasy Springs Peter Pan's Neverland Fantasy Springs Peter Pan's Neverland Fantasy Springsภาพ: https://www.youtube.com/@waltdisneyimagineering

เครื่องเล่น 

เครื่องเล่น “Peter Pan’s Neverland Adventure” เป็นเครื่องเล่นเเนว 3 มิติที่เราจะได้แล่นอยู่บนเรือ ผจญภัยไปกับเรื่องราวของ ปีเตอร์ แพนและทิงเกอร์เบลล์ในการช่วยเหลือจอห์น น้องชายของเวนดี้ ที่ถูกกัปตันฮุคและโจรสลัดลักพาตัวไปไว้ที่เนเวอร์แลนด์ นอกจากนั้นความมหัศจรรย์ในระหว่างการล่องเรือคือเมื่อไรก็ตามที่ทิงเกอร์เบลล์โรยผงวิเศษนางฟ้า หรือ Pixie dust ผงเหล่านั้นก็จะลอยขึ้นไปบนฟ้าด้วย 

Peter Pan's Neverland Fantasy Springsภาพ:https://www.fashion-press.net/

เครื่องเล่นที่สองคือ “Fairy Tinker Bell’s Busy Buggies” ใน Pixie Hollow หุบเขาแห่งนางฟ้า เราจะได้เห็นแต่ละขั้นตอนของนางฟ้าในการช่วยทิงเกอร์เบลล์ส่งพัสดุไปยังสถานที่ต่างๆ ทั้งสี่ฤดูกาล ได้แก่ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว เเละที่สำคัญคือเมื่อทุกคนเหยียบเข้ามาในโซนนี้เเล้ว ทุกคนจะรู้สึกราวกับว่าร่างกายถูกย่อส่วนให้เล็กลงเท่ากับนางฟ้าเลยหล่ะ

Peter Pan's Neverland Fantasy Springs Peter Pan's Neverland Fantasy Springsภาพ: https://www.youtube.com/@waltdisneyimagineering

ร้านอาหาร

เเละเมื่อถึงเวลาต้องเติมพลัง ก็อย่าลืมไปแวะทานอาหารกันที่ “Look out Cookout” ร้านอาหารแบบบริการตนเองที่มีที่นั่งราว 200 ที่นั่ง เปรียบเสมือนกับที่ซ่อนของพวกเด็ก Lost Boys ทั้ง 6 คน เเละถ้าหากมองไปรอบๆ ร้านเราจะเห็นว่ามีซากเรือและวัตถุลอยน้ำอยู่มากมาย ซึ่งทำให้ได้บรรยากาศเหมือนเราอยู่เนเวอร์แลนด์จริงๆ

Look out Cookout Peter Pan's Neverland Fantasy Springs

เมนูแนะนำเลยก็คือ “Lost Kids Snack Box” ภายในเซ็ทจะมีกล้วยทอด กุ้งทอด และอื่นๆ อีกมากมาย เหมาะที่จะนำมาทานขณะชมทิวทัศน์ของเนเวอร์แลนด์ไปด้วย

Look out Cookout Peter Pan's Neverland Fantasy Springsภาพ:https://www.fashion-press.net/

ป๊อปคอร์นรสชาติใหม่

ป๊อปคอร์นรสเนื้อย่างจะมีจำหน่ายเป็นครั้งแรกที่ Tokyo Disney Resort โดยเราสามารถไปสัมผัสความหอมของเนื้อย่างและน้ำเกรวี่ได้ตามจุดขายป๊อปคอร์นที่มีลักษณะเป็นเกวียนคล้ายเรือที่ทำจากกระดานเก่าหลากสี 

Look out Cookout Peter Pan's Neverland Fantasy Springsภาพ:https://www.fashion-press.net/

ของที่ระลึก

ภาพ:https://www.fashion-press.net/

*สินค้าออฟฟิเชียลจะเริ่มวางจำหน่ายที่ร้านขายของที่ระลึก Emporio ภายในสวนสนุก ตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป

Disney Hotel “Tokyo DisneySea Fantasy Springs Hotel”

โซนสุดท้ายที่เราอยากจะแนะนำคือโรงแรมดิสนีย์แห่งที่ 6 ในญี่ปุ่น “Tokyo DisneySea Fantasy Springs Hotel” ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งน้ำพุมหัศจรรย์ของโซน Fantasy Springs เนื่องจากโรงแรมแห่งนี้อยู่ภายในสวนสนุกเลย ดังนั้นจึงสามารถเป็นสถานที่ที่ทุกคนสามารถเข้ามาเยี่ยมชมหรือเข้าพักหลังจากเดินเที่ยวในสวนสนุกมาทั้งวันได้

ภาพ:https://www.fashion-press.net/

ประเภทห้อง

ประเภทห้องพักจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ “Fantasy Chateau”  เเละ “Grand Chateau” นอกจากนั้นตำแหน่งแต่ละประเภทของห้องยังแบ่งออกเป็น 4 ฝั่งได้แก่ ฝั่งบริเวณอ่าว ฝั่งทางเข้าโรงแรม ฝั่งสวนไม้ และฝั่งน้ำพุ 

Tokyo DisneySea Fantasy Springs Hotel ห้องพักประเภท Fantasy Chateau

Lounge “Fantasy Chateau” 

ห้องดีลักซ์ “Fantasy Chateau” ธีมของห้องคือวอลเปเปอร์และแสงไฟในห้องพักจะถูกตกแต่งด้วยลวดลายดอกไม้และตัวละครจากภาพยนตร์ดิสนีย์ เช่น Tangled หรือ Bambi เป็นต้น ส่วนห้องพักแบบที่สองคือแบบ Luxury  ที่มีชื่อว่า ”Grand Chateau” ถือว่าเป็นประเภทห้องที่หรูเเละดีที่สุดของโรงแรมแห่งนี้เลยก็ว่าได้ เพราะการตกแต่งที่ดูหรูหราโอ่อ่าอลังการ

Tokyo DisneySea Fantasy Springs Hotel Tokyo DisneySea Fantasy Springs Hotel ห้องพักประเภท Grand Chateau

ถึงแม้ว่าจากห้องพักทั้งหมด 475 ห้อง มีห้อง “Fantasy Chateau” อยู่ 419 ห้องเเละห้อง “Grand Chateau” เพียง 56 ห้อง ก็ตาม แต่เราสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์อันงดงามของ Fantasy Springs ได้จากระเบียงของห้องพักทุกห้องเลย เเละที่ดีไปกว่านั้นคือราคาห้องพักได้รวมตั๋วเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวและตั๋วชมการแสดงต่างๆ ไว้เรียบร้อยเเล้วด้วย

ห้องอาหาร

ห้องอาหารของโรงแรมจะมีทั้งหมด 3 แห่งด้วยกัน ซึ่งต่างหันหน้าไปทางสวนสาธารณะ ได้แก่ 1.Fantasy Springs Restaurant ห้องอาหารบุฟเฟ่ต์ที่เปิดให้บริการตลอดทั้งวัน 2. Grand Paradis Lounge ล็อบบี้เลานจ์ที่หันหน้าไปทางแฟนตาซีสปริงส์ สามารถเพลิดเพลินกับมื้ออาหารพร้อมชมทิวทัศน์ผ่านหน้าต่างบานใหญ่ได้ 3. La Liberure ร้านอาหารฝรั่งเศสที่คัดสรรมาวัตถุดิบมาอย่างดีโดยเชฟ เเละให้บริการเฉพาะแขกที่เข้าพักที่ “Grand Chateau” เท่านั้น

Fantasy Springs Restaurant

Grand Paradis Lounge

La Liberure

ร้านขายของที่ระลึก

ร้านขายของที่ระลึกในโซนนี้จะมีอยู่ 2 แห่งด้วยกันคือ “Fantasy Springs Gifts” เเละ “Springs Treasures” โดยร้านแรกจะตั้งอยู่ชั้น 1 ของโรงแรม Tokyo DisneySea Fantasy Springs เเละร้านที่สองนั้นจะตั้งอยู่ริมทางเดินบริเวณโซน Arabian Coast 

ภาพ:https://www.fashion-press.net/

วิธีเข้าชมเเละประเภทบัตร

วิธีเข้าชม

-ใช้ตั๋วเข้า Tokyo DisneySea park พร้อมกับบัตร Standby Pass (ไม่เสียค่าธรรมเนียมเพิ่ม) หรือ Disney Premier Access (เสียค่าธรรมเนียมเพิ่ม) อย่างใดอย่างหนึ่ง

บัตร Standby Pass เเละ Disney Premier Access

  • หลังจากเข้าสู่สวนสนุก ผู้เยี่ยมชมต้องกดรับบัตรประเภทใดประเภทหนึ่งนี้ผ่านแอพ Tokyo Disney Resort
  • ผู้เยี่ยมชมจะต้องระบุเวลาในการเยี่ยมชมโซนต่างๆ เมื่อใช้บริการนี้
  • บัตร Disney Premier Access และ Standby Pass มีจำหน่ายในจำนวนจำกัดในแต่ละวัน
  • ความแตกต่างของบัตรสองประเภทนี้ก็คือ บัตร Disney Premier Access เวลาในการต่อคิวจะน้อยกว่า

*สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Official Website Tokyo DisneySea 

ที่มา:https://www.fashion-press.net/news/40559

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ