ถึงจะไม่ได้ชื่นชอบกิจกรรมคาเฟ่ฮ็อปปิ้งเป็นพิเศษ แต่ครั้งหนึ่งในชีวิตก็ได้ไปตระเวนชิมกาแฟในโตเกียวเมื่อผู้ร่วมเดินทางของฉันนั้นหายใจเข้าออกเป็นกาแฟ แม้จะมีข้อมูลเกี่ยวกับร้านกาแฟต่างๆในโตเกียวจากการอ่านผ่านตาในหนังสือหรือสื่อต่างๆ มาบ้าง แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจข้อมูลเชิงลึกมากนัก ประกอบกับโดยส่วนตัวไม่ชอบเที่ยวตามไกด์บุ๊ค ไม่ชอบตามรอยเพจดัง คนดัง หรือตามรีวิว เมื่อการไปโตเกียวครั้งนั้นไม่มีเรื่องงานมาเกี่ยวข้อง ฉันยิ่งไม่สนใจหาข้อมูลล่วงหน้า แต่เน้นเที่ยวแบบด้นสด ตัดสินใจเอาข้างหน้า ชอบที่สุดเวลาได้เดินออกนอกเส้นทาง แล้วได้เจออะไรดีๆ ที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้

เราไปแถวชิบูย่า (Shibuya) โอโมเตะซันโดะ (Omotesando) กินซ่า (Ginza) เที่ยวชิมกาแฟร้านดังหลายร้าน ฉันไม่รู้ข้อมูลอะไรนัก มีหน้าที่เดินตาม ช่วยดูทาง และดื่มด่ำกับรสชาติของกาแฟกับบรรยากาศร้านเท่านั้น สิ่งหนึ่งที่รู้สึกได้คือทุกร้านกาแฟต้อนรับขับสู้นักท่องเที่ยวดี ถ่ายรูปได้ แต่งร้านสวย โดยเฉพาะร้านดังที่เป็นดาวในโซเชียลมีเดีย ก็ดูราวกับออกแบบร้านมาเพื่อให้ “ขึ้นกล้อง” มีมุมต้องห้ามพลาดที่ผู้มาเยือนควรจะถ่ายรูปเป็นที่ระลึกไว้ว่าครั้งหนึ่งได้มาแล้ว แม้จะรับรู้มาตลอดว่าชาวญี่ปุ่นรักความเป็นส่วนตัวและการถ่ายรูปติดใบหน้าของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นเป็นสิ่งไม่สมควร แต่ร้านกาแฟและบาริสต้าทุกร้านก็ยังยินดีให้เราทำเช่นนั้น

หน้าร้าน Bear Pond Espresso

วันหนึ่งเราออกจากที่พักกันมาแต่เช้า ตั้งใจจะมากินกาแฟดังย่านชิโมะคิตะซาว่า (Shimokitazawa) บ้าง ย่านนี้เป็นที่รู้กันว่าเป็นย่านอินดี้ มีโรงหนังโรงละครเล็กๆ และร้านเสื้อผ้าวินเทจเยอะแยะ น่าจะมีบรรยากาศแตกต่างจากย่านอื่นๆ ของโตเกียวชัดเจน และหนึ่งในร้านที่แวะคือ Bear Pond Espresso เราสองคนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับร้านนี้มากนัก อาจเพราะมุ่งความสนใจไปหาร้านกาแฟที่ชงแบบสโลว์บาร์มากกว่าร้านกาแฟที่ชงด้วยเครื่องเอสเพรสโซ่ แต่ก็รู้ว่านี่คือร้านดังของย่านนี้ที่ไม่น่าพลาด

บรรยากาศภายในร้าน Bear Pond Espresso จ.โตเกียว

ตอนมาถึงในร้านไม่มีลูกค้าอื่นนอกจากเรา คนที่อยู่หลังเคาน์เตอร์คือเจ้าของร้านชายวัยกลางคนซึ่งตอบคำถามเราเมื่อขออนุญาตถ่ายรูปว่าให้ถ่ายได้เฉพาะฝั่งโต๊ะนั่งไม่ให้ถ่ายฝั่งเคาน์เตอร์ ปกติฉันไม่ดื่มกาแฟเย็นเพราะเจ็บคอง่าย ถ้าเข้าร้านกาแฟสโลว์บาร์ก็มักสั่งกาแฟดริปร้อน แต่ช่วงที่ไปโตเกียวอากาศร้อนเกือบ 40 องศา ทริปนั้นฉันจึงต้องพึ่งกาแฟดริปเย็นแทน แต่ถ้าเข้าร้านที่ชงกาแฟด้วยเครื่องปกติฉันก็จะจบที่ลาเต้ร้อนหรือคาปูฯ ร้อนไปเลย เพราะไม่ชอบกาแฟรสเข้ม แต่ที่นี่มี “Dirty” ในเมนูด้วย ฉันจึงเลือกโดยไม่รีรอ ฉันรู้จักกาแฟเดอร์ตี้จากร้านในเมืองไทย ซึ่งจะว่าไปช่วงนั้น (ปี 2018) ร้านกาแฟต่างๆ ยังไม่ค่อยทำเมนูนี้ มันคือกาแฟเอสเพรสโซ่ช็อตเข้มข้นสุดๆ ผสมกับนมสดที่แช่เย็นจัด เสิร์ฟโดยไม่ใส่น้ำแข็งและจะไม่คนให้นมกับกาแฟผสมเข้ากัน เป็นเมนูที่ได้รสเข้มหอมของกาแฟชัด ได้ความมันของนมและได้ความเย็นที่ไม่ทำให้เจ็บคอแบบกาแฟใส่น้ำแข็ง กาแฟเดอร์ตี้ของแบร์พอนด์ฯ เสิร์ฟมาในแก้ว Ball ใส ต่างจากเมนูอื่นที่ใช้แก้วเซรามิกพิมพ์ชื่อร้านสีทอง นอกจากกาแฟรสชาติเข้มข้นและเย็น ฉันชอบที่นี่ตรงเฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งร้าน แผ่นไม้เก่าที่ยึดติดกับผนังแทนโต๊ะ เก้าอี้ขาเหล็ก ผนังสีถลอก มันดูขัดแต่เข้ากันดีกับชื่อร้านสกรีนสีทอง

“Dirty” กาแฟรสเข้มของร้าน Bear Pond EspressoBear Pond Espresso คาเฟ่ในโตเกียว

เราใช้เวลาอยู่ที่นั่นไม่นานแต่ฉันรู้สึกชอบที่นี่ ชอบที่ไม่มีนักท่องเที่ยวคนอื่น ชอบที่ร้านดูเป็นตัวของตัวเองไม่ต้องพยายามเป็นร้านที่ถ่ายรูปขึ้น แต่กลับมีรายละเอียดที่น่าสนใจ ชอบตัวหนังสือสกรีน I ♥ B.P ที่ก้นถ้วยกาแฟ ชอบที่ร้านตั้งอยู่ในย่านชิโมะฯ ที่ให้อารมณ์ขบถไม่ตามกระแส และชอบที่เจ้าของร้านเป็นคนทำกาแฟให้เราด้วยตัวเอง ทุกครั้งที่มีใครถามว่าประทับใจร้านไหนจากทริปคาเฟ่ฮ็อปปิ้งโตเกียว ชื่อของ Bear Pond Espresso จะเป็นหนึ่งในนั้นเสมอ แล้วก็มักจะได้รู้ความเห็นที่แตกต่างหลากหลายชวนให้แปลกใจตามมา เช่น ร้านนี้เจ้าของดุ อัธยาศัยไม่ดี ไม่ปรับตัวตามยุคสมัย กฎระเบียบเยอะ แม้แต่ Lonely Planet ยังบอกว่าแพชชั่นของร้านนี้คือกาแฟ ไม่ใช่การบริการ ช่วงปีที่ผ่านมา ร้านกาแฟในบ้านเราเปิดใหม่กันเยอะมากและแทบทุกร้านมีเมนูกาแฟเดอร์ตี้

จนวันหนึ่งฉันอ่านไปเจอบทความว่าด้วยที่มาของเมนูกาแฟยอดฮิตชนิดนี้ จึงเพิ่งรู้ว่าคนที่ชงกาแฟเดอร์ตี้ให้ฉันที่ร้าน Bear Pond Espresso คือคุณทานากะ คัตสึยุกิ (Katsuyuki Tanaka) คนที่ให้กำเนิดเมนูนี้นั่นเอง ฉันลองหาข้อมูลของเขาเพิ่มเติมจึงรู้ว่าความสนใจด้านกาแฟของคุณคัตสึยุกิเกิดขึ้นตอนที่เขาอยู่นิวยอร์ค ซึ่งเป็นช่วงยุค 90’s ที่ร้านกาแฟคลื่นลูกที่สามเริ่มถือกำเนิดขึ้น จากนั้นเขาก็เริ่มไปฝึกทำกาแฟ นั่งรถไฟไปสามชั่วโมงเพื่อเรียนเทคนิคการชงกาแฟอยู่เป็นปีๆ จนได้ “Perfect Cup” แบบที่เขาพอใจ ในที่สุดเขาตัดสินใจกลับมาเปิดร้านที่โตเกียว เลือกทำเลย่านชิโมะฯ ที่เต็มไปด้วยศิลปิน คนทำงานศิลปะ ร้านเสื้อผ้ามือสอง ซึ่งเขารู้สึกสบายใจคล้ายกับย่านอีสต์วิลเลจในนิวยอร์คที่เขาจากมา นอกจาก “Dirty” เมนูที่เป็นซิกเนเจอร์ของเขาอีกอย่างคือ “Angel Stain” กาแฟเอสเพรสโซ่แบบเข้มข้นสุดๆ เสิร์ฟในถ้วยสีขาวใบเล็กพิมพ์ชื่อร้านสีทองและต้องมีรอยหยดกาแฟที่ขอบแก้วเป็นลายเซ็น ซึ่งในแต่ละวันเขาจะเสิร์ฟเมนูนี้ถึงแค่ประมาณบ่ายสองโมงเท่านั้น คุณคัตสึยุกิไม่สนใจเทรนด์ ไม่สนคู่แข่ง และอาจไม่สนที่จะเอาใจลูกค้าด้วย เขาจริงจังและทำกาแฟทุกแก้วอย่างพิถีพิถัน คงน่าเสียดายถ้าเราอ่านความเห็นแง่ลบมากมายเกี่ยวกับตัวเขาก่อนที่จะได้มาเจอตัวจริง

Info
Location: เขตเซตากายะ (Setagaya) กรุงโตเกียว
Hours: พ.-จ. 10:30-18:00 น.
Holiday: วันอังคาร
Nearest Station: สถานีชิโมะคิตาซาว่า (Shimo-Kitazawa Station)
Access: จากสถานีชิโมะคิตาซาว่า เดินประมาณ 3 นาที
Website: bearpondespressoroasters.com

 

อ่านคอลัมน์ญี่ปุ่นแบบบ้านบ้านอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ