หลังจากที่ฮันนี่ได้ลองฝังเข็มบนใบหน้า และเคยรีวิวไปครั้งหนึ่งแล้วในฉบับที่ 11 ก็ยังมีอีกหนึ่งโปรแกรมไคโรแพรกติกที่ดูน่าสนใจ ทีแรกเราก็ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไรเหมือนกัน แต่พอสอบถามคุณหมอแล้วก็ได้ความว่า ‘ไคโรแพรกติก’ ก็คือการรักษาความผิดปกติของโครงสร้างและการเคลื่อนไหวของร่างกาย โดยในกรณีของฮันนี่มีอาการปวดร้าวเรื้อรังที่ไหล่ซ้ายจากโรคนอนกัดฟันขณะหลับที่ควบคุมไม่ได้มาหลายปี ประกอบกับการทำงานในออฟฟิศที่ต้องนั่งโต๊ะแทบทั้งวัน เลยมักจะรู้สึกปวดเมื่อยหรือตึงๆบริเวณคอ ไหล่ หลัง เข้าไปอีก อีกทั้งยังไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกายเท่าไร มีวงจรชีวิตแบบนี้มาหลายปีแล้ว แต่มาปีนี้รู้สึกจะเริ่มทนไม่ไหว เหมือนร่างจะพังอยู่บ่อยครั้ง ก็เลยเริ่มหันไปใช้บริการร้านนวด (ฟังดูแก่เนอะ) ทั้งที่ก่อนจะเริ่มทำงานออฟฟิศไม่เคยมีความคิดเรื่องอะไรแบบนี้

ก่อนเริ่มนวดยอมรับว่าไม่มีความรู้อะไรเลย รู้แค่ว่ามีนวดแผนไทยและนวดแบบสปา ซึ่งก็ไม่ได้เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์อะไรกับชีวิตเท่าไร และก็มีแค่นั้นจริงๆค่ะ เริ่มจากการถามคนรอบๆตัว โดยเริ่มที่พ่อแม่ก่อน แม่แนะนำให้ไปนวดแผนไทยที่ร้านนวดใกล้บ้าน ซึ่งเพียงแค่ยืนอยู่หน้าประตูร้านก็ได้กลิ่นฉุนของยาหม่องจนแสบจมูกแสบตาไปหมดแล้ว แต่ที่ไม่ไหวจริงๆคือตอนนวดนี่แหละ รู้สึกเจ็บระบมไปทั้งตัว ครั้งแรกคิดว่าเป็นเพราะไม่เคยนวดมาก่อน แต่เมื่อกลับมาถึงบ้านจึงได้เห็นรอยช้ำเป็นจ้ำๆทั่วทั้งตัวเลย โดยเฉพาะบริเวณไหล่ซ้ายที่เราบอกให้หมอนวดเน้นเป็นพิเศษ ขึ้นเป็นรอยนิ้วหมอนวดจนแทบครบห้านิ้วเลยจ้า… เห็นทีการนวดแผนไทยน่าจะไม่เหมาะกับเรา

ทีนี้เลยลองเปลี่ยนแนวมานอนสปาที่นุ่มนวลขึ้นมาหน่อย ได้มีโอกาสลองนวดสปามาหลายแบบตั้งแต่ระดับทั่วไปจนถึงระดับห้าดาว ถึงอย่างนั้นบางครั้งนวดเสร็จแล้วก็ยังมีรอยช้ำจางๆบ้างบางทีอยู่ดี และไหล่ซ้ายที่เราปวดอยู่เป็นประจำก็ดีขึ้นนิดหน่อยแค่ไม่กี่วันก็กลับมาปวดเหมือนเดิม เพราะเรายังต้องนั่งทำงานนานๆและนอนกัดฟันแทบทุกคืนเหมือนเดิม การนวดตามสปาเป็นการนวดผ่อนคลายอาการเบื้องต้นเท่านั้นแถมยังไม่ได้นวดต่อเนื่อง ส่วนการนวดแผนโบราณทั่วไปก็ไม่ใช่การรักษาที่น่าอภิรมณ์เท่าไรนัก ถึงอย่างนั้นจะให้ต้องมาทรมานแบบนี้ไปเรื่อยๆอยู่ทุกวันที่ดูจะมีแต่รุนแรงขึ้นก็คงไม่ไหวเช่นกัน

กลับมาที่เรื่องการนวดบำบัดของเราในครั้งนี้ที่ดีกว่ามาก ขั้นแรกของการรักษา คุณหมอจะตรวจดูกระดูกต่างๆทั่วร่างกายของเรา ผลตรวจคือกระดูกเชิงกรานด้านซ้ายบิดไปข้างหน้ามากเกินไป ทำให้ร่างกายซีกซ้ายของเรานำร่างกายซีกขวาเวลาเดินมากไป น้ำหนักของเราถูกกระจายไปอย่างไม่สมดุล กล้ามเนื้อขาด้านซ้ายก็เลยไม่ค่อยแข็งแรงอีก และยังรองรับน้ำหนักช่วงหลังได้ไม่ค่อยดีด้วย ทำให้เริ่มเมื่อยหลังบ้างแล้ว ซึ่งเราไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าท่าทางที่เราเดินแบบเดิมๆมาตลอดตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน จะมีส่วนทำให้เราปวดเมื่อยบริเวณอื่นที่ไม่ใช่แค่บริเวณขาได้ด้วย วิธีการรักษาจึงเน้นไปที่การจัดกระดูกเชิงกรานให้เข้าที่เข้าทางด้วยการนวดที่กดสะโพกและขา จนสบายตัวแบบที่ไม่ได้รู้สึกมานานแล้วเลยค่ะ

ถึงจะรู้ตัวว่าถ้าพูดแบบนี้แล้วต้องฟังดูแก่แน่เลย แต่ก็เป็นความรู้สึกที่มาจากใจจริงหลังนวดเสร็จเรียบร้อย ส่วนบริเวณไหล่ซ้ายที่มีอาการกล้ามเนื้อหดเกร็งตัว ทำให้รู้สึกเจ็บปวดหรือตึงๆอยู่ตลอดเวลาก็ได้รับการนวดเช่นกัน ไม่มีรอยช้ำหรืออาการระบมหลังการนวดบำบัดเลยค่ะ แต่สิ่งที่เรารู้สึกประทับใจมากที่สุดคือ คลินิกไม่ได้คิดจะเอาแต่นวดให้เสร็จแล้วปล่อยให้ลูกค้ากลับบ้านเพียงอย่างเดียว แต่ยังช่วยแนะนำท่าบริหารร่างกายง่ายๆที่เราสามารถกลับไปทำเองที่บ้านต่อได้อีก ตรงนี้แหละที่เราคิดว่าเขาใส่ใจเรา อยากให้เราอาการดีขึ้นและหายเป็นปกติจริงๆ เป็นความรู้สึกที่เราไม่เคยได้สัมผัสเลยเวลาเดินเข้าร้านนวดหรือสปาไหนๆเลย  พอกลับมาถึงบ้านแล้วได้ลองบริหารร่างกายตามที่คุณหมอแนะนำ เมื่อผ่านไป 4 วันแล้ว อาการปวดไหล่ก็ยังไม่กลับมาเลย

ช่วงนี้คลินิกยังใจดีสุดๆ ลดราคา 50% ทุกคอร์สเลยนะจ๊ะ

 

 

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ