A Day in Nikko : แพลนหนึ่งวันสุดชิลล์ที่โซนมรดกโลก “นิกโก้” ฉบับคนชอบเดินและเน้นกิน
สารบัญ
- 01 ชมสะพานที่ติดท็อปทรีสวยที่สุดในญี่ปุ่น ณ Shinkyo Bridge
- 02 กินพุดดิ้งร้านดัง Nikko Pudding Tei
- 03 เยี่ยมชมวัดและศาลเจ้าชื่อดังในโซน World Heritage
- 04 พักจิบกาแฟยามบ่าย ฟินกับคากิโกริที่ Nikko Coffee
- 05 ช็อปของฝากที่ร้านเซมเบ้เก่าแก่ Nikko Jingorou Senbei
- 06 สวนอนุสรณ์ Nikko Tamozawa Imperial Villa Memorial Park
- 07 กิน Lemon Milk Soft Cream ให้หายเหนื่อย
- 08 เติมพลังด้วยการซู้ดเส้น Yuba Soba
- 09 แวะกินยูบะมันจู เมนูดังที่ร้าน Sakaeya
- การเดินทางไปนิกโก้
เป็นประจำทุกปีที่คนหลายล้านคนอาจเดินทางมา เที่ยวนิกโก้ (Nikko) เพื่อชมมรดกโลกอันทรงคุณค่า บ้างก็ตั้งใจเอาไว้ว่าอยากไปสูดอากาศบริสุทธิ์ เสพธรรมชาติให้เต็มปอด แต่สำหรับคนรักการกินอย่างฉันแล้ว เรื่องของอร่อยขึ้นชื่อในแต่ละย่านนั้นสำคัญ เพราะอาหารก็เป็นอีกหนึ่งหนทางในเรียนรู้วัฒนธรรมได้เช่นเดียวกัน
ไม่ใช่ว่าจะไม่ไปเที่ยวสถานที่สำคัญของนิกโก้สักหน่อย เพียงแค่ถ้าปล่อยให้ท้องหิว ก็คงไม่มีแรงเดินเที่ยวแน่ๆ ทริปนี้จึงค่อนไปทางเรื่องกินซะส่วนใหญ่ เพราะถือคติที่ว่า Travel Hard, Eat Harder!
และคนส่วนใหญ่คงจะทราบดีอยู่แล้วว่าเมืองนิกโก้ตั้งอยู่ในจังหวัดโทชิกิ แบ่งออกเป็น 2 พื้นที่หลัก ได้แก่ โซนธรรมชาติ และ โซนมรดกโลก แนะนำให้อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ 2 โซนได้ที่นี่ แต่เนื่องด้วยเวลาที่มีจำกัด เราจึงเลือกไปเพียงโซนมรดกโลกที่อยู่ใกล้และใช้เวลาเดินทางน้อยกว่า เหมาะสำหรับแพลน 1 วันชิลล์ๆ แต่เพลินใจและรับรองว่าเพลินพุงด้วย
เพิ่มเติมอีกนิด มีพาสสำหรับ เที่ยวนิกโก้ โดยเฉพาะที่สามารถใช้ขึ้นรถไฟและรถบัสได้ฟรี ทั้งยังมีส่วนลดค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ แต่เพราะนี่เป็นทริปเน้นกิน เดินเข้าร้านนู้น ออกร้านนี้ เราจึงไม่ค่อยได้ใช้บริการรถสาธารณะ ถ้าหากใครสนใจสามารถอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับ Nikko Pass ได้ที่นี่
ราว 50 นาทีโดยชินคันเซ็นมาลงที่สถานีอุตสึโนมิยะ (Utsunomiya Station) และอีกประมาณ 40 นาทีโดยรถไฟท้องถิ่น เราก็เดินทางมาถึงสถานีนิกโก้ (Nikko Station) สถานที่ในโซนมรดกโลกส่วนใหญ่จะกระจุกตัวอยู่ในที่เดียว จากตรงนี้แนะนำให้ขึ้นบัสไปลงที่ใดที่หนึ่งก่อน แล้วค่อยเดินต่อ ส่วนตัวเรานั่งมาลงป้ายสะพาน Shinkyo สำหรับการขึ้นบัสถ้ามีพาสก็แสดงให้พนักงานขับรถ แต่หากไม่มีก็ใช้บัตร Suica ได้เช่นกัน เตรียมตัวพร้อมแล้วก็ไป เที่ยวนิกโก้ กันเลย!
01 ชมสะพานที่ติดท็อปทรีสวยที่สุดในญี่ปุ่น ณ Shinkyo Bridge
สะพานสีแดงสดพาดข้ามแม่น้ำไดยะที่ตั้งอยู่ตรงสามแยกไฟแดง สำหรับเราที่นี่เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของคนที่สำรวจโซนมรดกโลก ในอดีตสะพานนี้เปิดใช้เฉพาะเจ้านายชั้นสูงเท่านั้น แต่ปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวและคนทั่วไปเข้าชมด้านใน มาทั้งทีก็ขอลองเดินสะพานที่ติดท็อปทรีสะพานที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นจนได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกสักครั้ง โดยต้องเสียค่าเข้า 500 เยน
Info
Shinkyo Bridge
Hours: เม.ย. – ก.ย. 8:00 – 17:00 น., ต.ค. – กลางพ.ย. 8:00 – 16:00 น., กลางพ.ย. – มี.ค. 9:00 – 16:00 น.
Holiday: –
Entrance Fee: ผู้ใหญ่ 500 เยน, ชั้นมัธยมปลาย 300 เยน, ชั้นมัธยมต้นและประถม 200 เยน
Website: www.shinkyo.net/english/
02 กินพุดดิ้งร้านดัง Nikko Pudding Tei
เดินจากสะพานมาเล็กน้อยจะพบกับร้าน Nikko Pudding Tei จำหน่ายพุดดิ้งรสชาติละมุน ในบรรยากาศย้อนยุคที่ตัวร้านถูกปรับมาจากบ้านไม้หลังเก่าในสมัยก่อน วัตถุดิบหลักของตัวพุดดิ้งเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นของนิกโก้เอง อาทิ นม ไข่ไก่ ซอสถั่วเหลือง ฯลฯ นอกจากนี้ยังถูกปรับให้มีหลากรสชาติ อาทิ กาแฟ สตรอว์เบอร์รี และมีเมนูพิเศษอย่าง “พุดดิ้งซอฟต์ครีม” พุดดิ้งรสคลาสสิกท็อปมาด้วยซอฟต์ครีมนมเนื้อเนียน กินคู่กันแล้วเติมเต็มท้องส่วนของหวานได้เป็นอย่างดี ซึ่งเมนูนี้จะจำหน่ายหน้าร้านเท่านั้น
Info
Nikko Pudding Tei
Hours: 10:00 – 16:00 น.
Holiday: ไม่แน่นอน (โปรดตรวจสอบทางเฟซบุ๊กเพจ)
Website: http://nikko-pudding.jp/
03 เยี่ยมชมวัดและศาลเจ้าชื่อดังในโซน World Heritage
เดินเลยสะพานชินเคียวและข้ามถนนไปจะพบกับโซน World Heritage เพราะวัดและศาลเจ้าในละแวกนี้ล้วนถูกได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้และมีให้เดินชมหลายแห่งมาก เดินตามทางมาเรื่อยๆ จะเห็นวัดรินโนจิ (Rinnoji Temple) วัดพุทธหนึ่งเดียวของโซนนี้เป็นแห่งแรก วันที่เราไปก็บังเอิญเจองาน Tochigi Coffee Festival บริเวณลานด้านหน้าวัดพอดี เลยได้ชิมกาแฟดังจากหลายๆ ร้านเลย
จากนั้นก็เดินชมสถานที่สำคัญของรินโนจิก็คืออาคารซันบุตสึโด (Sanbutsudo) ซึ่งภายในประดิษฐานพระพุทธรูปแกะสลัก, พระพุทธรูปพันมือ (Senju Kannon), พระพุทธรูปที่มีหัวม้าบนศีรษะ (Bato Kannon) ฯลฯ
เดินเลาะตามทางที่ถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่มาเรื่อยๆ จะพบเจดีย์แดง 5 ชั้น (Five-Storied Pagoda) สูง 634 เมตร (ว่ากันว่าสูงเท่าโตเกียวสกายทรีเชียวนะ) ซึ่งเป็นทางเข้าศาลเจ้าโทโชกุ (Toshoku Shrine) พอดี ถือเป็นอีกไฮไลท์ที่คนชอบแวะมาถ่ายรูป เดินจากตรงนี้ไปอีกหน่อย ผ่านซุ้มประตูสีแดงจะเจอศาลเจ้าฟุทาระซัง (Futarasan Shrine) ศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดในโซนนี้ สร้างขึ้นโดยโชโด โชนิน (Shodo Shonin) พระสงฆ์ที่เป็นผู้นำศาสนาพุทธเข้ามาในเมืองนิกโก้และเป็นผู้ก่อตั้งวัดรินโนจิ คนโสด! อย่าลืมขอพร เพราะศาลเจ้าฟุทาระซังขึ้นชื่อในเรื่องโชคลาภและความรัก
04 พักจิบกาแฟยามบ่าย ฟินกับคากิโกริที่ Nikko Coffee
คาเฟ่ไม้บรรยากาศอบอุ่น ที่ชูโรงด้วยกาแฟหอมกรุ่นคั่วเอง มีทั้งหมด 5 สาขา ซึ่งแต่ละสาขาล้วนอยู่ในจังหวัดโทชิกิ นอกจากเมนูกาแฟก็ยังมีอาหารคาวหนักท้องและของหวานตบท้ายมื้ออาหารให้เลือกสั่งด้วย เราสั่งคากิโกริ (น้ำแข็งไสญี่ปุ่น) มาเพราะทางร้านแนะนำว่าตัวน้ำแข็งทำจากน้ำแร่ธรรมชาติจากเขานิกโก้ ท็อปด้วยซอสสตรอว์เบอร์รีแท้จากโทชิกิ หวานฉ่ำเย็นชื่นใจดีจริง
Info
Nikko Coffee
Hours: 10:00 – 18:00 น.
Holiday: หยุดวันจันทร์(ทุกสัปดาห์) และวันอังคารในสัปดาห์ที่ 1 และ 3 ของเดือน (ถ้าตรงกับวันหยุดนัดขัตฤกษ์จะย้ายไปหยุดวันรุ่งขึ้นแทน)
Website: http://nikko-coffee.com/
05 ช็อปของฝากที่ร้านเซมเบ้เก่าแก่ Nikko Jingorou Senbei
ไม่ไกลจาก Nikko Coffee จะพบกับร้านเซมเบ้โบราณในบ้านเก่า ที่ทั้งร้านจำหน่ายแต่เซมเบ้เพียงอย่างเดียว แต่ความกิ๊บเก๋ที่ทำเราอดใจซื้อไม่ได้ เพราะว่าเซมเบ้ของที่ร้านถูกประยุกต์ให้มีรสชาติแปลกใหม่ เช่น มะเขือเทศ กะเพรา ชีส ฯลฯ ในแพ็กเกจเรียบง่ายดูดี เหมาะกับการซื้อกลับมาเป็นของฝากที่สุด
Info
Nikko Jingorou Senbei
Hours: 9:00 – 17:00 น.
Holiday: –
Website: http://www.jingorou.com/ (ภาษาญี่ปุ่น)
06 สวนอนุสรณ์ Nikko Tamozawa Imperial Villa Memorial Park
เดินต่อมาเรื่อยๆ จนสุดทางจะพบกับสวนอนุสรณ์ทาโมซาวะอิมพีเรียลวิลล่า ในอดีตที่นี่เป็นบ้านพักตากอากาศของคนเก่าคนแก่ เนื่องจากนิกโก้เป็นเมืองอากาศดี ด้วยสถาปัตยกรรมอาคารไม้ที่หลงเหลือไม่กี่แห่งในประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันจึงเปิดให้เข้าชมภายในกว่า 106 ห้อง ซึ่งมีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป รอบๆ อาคารยังถูกจัดให้เป็นสวนสวยสุดร่มรื่นด้วย
Info
Nikko Tamozawa Imperial Villa Memorial Park
Hours: เม.ย. – ต.ค. 9:00 – 17:00 น., พ.ย. – มี.ค. 9:00 – 16:30 น.
Holiday: –
Entrance Fee: ชมอาคาร 510 เยน, สวนชมฟรี
Website: https://www.park-tochigi.com/tamozawa/
07 กิน Lemon Milk Soft Cream ให้หายเหนื่อย
ด้วยความที่นิกโก้เป็นเมืองอากาศดี เราจึงอยากเดินเล่นเลียบริมน้ำที่กำลังไหลเอื่อยๆ มากกว่าการที่จะไปอึดอัดอยู่บนรถบัส เรามาเรื่อยๆ จนถึงบริเวณสะพานชินเคียว แถวนี้มีร้านขนม ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึกให้เลือกเดินชมมากมาย แต่ใจเราปักหลักไปที่ซอฟต์ครีมนมเลมอน เพราะเห็นมีจำหน่ายแทบทุกร้าน รสชาติกำลังดี กลิ่นหอม และไม่ได้เปรี้ยวมาก อาจเพราะมีส่วนผสมของนมที่ทำให้กลมกล่อมขึ้น
08 เติมพลังด้วยการซู้ดเส้น Yuba Soba
จากนั้นเราก็นั่งบัสฝั่งตรงข้ามสะพานชินเคียวไปลงที่ป้ายหน้าสถานีรถไฟโทบุนิกโก้ (Tobu Nikko Station) เพราะตั้งใจแวะมากินของขึ้นชื่อของนิกโก้ซึ่งก็คือ ฟองเต้าหู้ (Yuba) ถูกนำมาสร้างสรรค์เป็นหลากหลายเมนู เช่น “ยูบะโซบะ” หรือโซบะที่ท็อปด้วยฟองเต้าหู้แผ่นหนา ส่วนตัวเราชอบอาหารจำพวกเต้าหู้อยู่แล้วก็เลยชอบมาก มีหลากหลายร้านให้เลือกลองชิม ถูกใจร้านไหนก็ลองเดินเข้าสักร้าน แต่แนะนำเลยว่าต้องลอง!
09 แวะกินยูบะมันจู เมนูดังที่ร้าน Sakaeya
กินคาวแล้วขอตบท้ายด้วยของหวานอีกที ยูบะมันจู (Yuba Manju) หรือซาลาเปาฟองเต้าหู้ทอดชื่อดังของร้านซากาเอยะที่อยู่ใกล้ๆ กับสถานีโทบุนิกโก้ ร้านเล็กๆ ไม่ได้ตกแต่งหวือหวาอะไร แต่หาไม่ยากด้วยจำนวนลูกค้าที่ยืนต่อคิวรอยาวเหยียด ใช่! เราเป็นหนึ่งในคิวนั้น ซาลาเปาสอดไส้ถั่วแดงทอดออกมาได้กรอบพอดี โรยเกลือนิดๆ ด้านบน ตัดกับความหวานของถั่วแดงได้เป็นรสชาติหวานมันพอดี มาเที่ยวนิกโก้เมื่อไร ต้องไปกินให้ได้นะ
Info
Sakaeya
Hours: 9:30 – 17:00 น.
Holiday: –
Website: http://www.sakaeya.net/
การเดินทางไปนิกโก้
1 จากสถานี Tokyo ให้นั่งชินคันเซ็นสาย Tohoku หรือ Yamagata ไปลงที่สถานี Utsunomiya ใช้เวลา 50 นาที จากนั้นเปลี่ยนไปนั่งรถไฟเจอาร์ Nikko Line ไปลงที่สถานี Nikko ใช้เวลา 44 นาที เหมาะสำหรับคนที่ถือ JR Rail Pass, JR East Pass และ JR Tokyo Wide Pass
2 จากสถานี Tobu Asakusa ให้นั่งรถไฟลิมิเต็ดเอ็กเพรสขบวน SPACIA สาย Tobu Skytree ไปลงที่สถานี Tobu-Nikko ใช้เวลา 2 ชั่วโมง เหมาะสำหรับคนที่ถือ Nikko Pass World Heritage Area และ Nikko Pass All Area