ไหนขอดูมือคนเป็นแฟนแอนิเมชันจากค่าย จิบลิ หน่อย 🙌 ไม่รู้มีใครเป็นเหมือนกันบ้างไหมเวลาดูหนังจากค่ายนี้ทีไรจะรู้สึกดื่มด่ำไปกับทัศนียภาพที่สวยงาม สถานที่เเละตึกรามบ้านช่องต่างๆ อย่างบอกไม่ถูก ขนาดที่ต้องแอบตั้งคำถามว่ามีสถานที่เหล่านั้นอยู่จริงๆ รึเปล่า  ซึ่งวันนี้คิจิก็ได้ไปรวบรวมเซ็ตติ้งจาก 6 เรื่องดังที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสถานที่จริงในประเทศญี่ปุ่นมาให้แฟนๆ จิบลิ ได้ไปตามรอยกัน จะมีที่ไหนเเละจากเรื่องอะไรบ้างไปดูเลย~

1. Sayama Hills – My Neighbour Totoro (1988)

ขอเปิดประเดิมสถานที่แรกจากภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง My Neighbor Totoro (โทโทโร่เพื่อนรัก) ภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเรื่องหนึ่ง เรื่องราวของสองพี่น้องซัตสึกิและเมกับวิญญาณแห่งป่าแสนน่ารักที่มีลักษณะคล้ายแมวผสมกระต่ายในป่าเขียวขจีที่ผู้กำกับอย่างฮายาโอะ มิยาซากิ ได้แรงบันดาลใจมาจากเนินเขาซายามะ (Sayama Hills) ทางตะวันตกของโทโคโรซาวะ จังหวัดไซตามะ 

Studio Ghibli จิบลิภาพ: https://www.japanfortwo.travel/

Studio Ghibli จิบลิภาพ: https://www.kinolucerna.cz/

Sayama Hills เป็นสวนป่าในจังหวัดไซตามะ เมืองชนบทที่ห่างจากโตเกียวเพียงแค่หนึ่งชั่วโมง ซึ่งที่นี่มีเขตอนุรักษ์ป่าในเนินเขาซายามะที่ตั้งชื่อตามภาพยนตร์ด้วย นั่นก็คือ “Totoro no Mori /トトロの森” (ป่าของโทโทโร่) ที่ก่อตั้งขึ้นโดยมูลนิธิ Totoro no Furusato เพื่ออนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพย์สินทางวัฒนธรรม ซึ่งหนึ่งในสมาชิกองค์กรก็มี ฮายาโอะ มิยาซากิอยู่ด้วย 

ภาพ: https://www.totoro.or.jp/

ในบริเวณนี้ นอกจากเราจะได้เดินป่าย้อนวัยเด็กไปกับซัตสึกิและเมเเล้ว ทุกคนยังสามารถเข้าเยี่ยมชมสถานที่ที่เกี่ยวกับโทโทโร่อื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์, ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว, รูปปั้นโทโทโร่, ร้านค้า Kurosuke’s house (บ้านคุโรสุเกะ) รวมถึงอ่างเก็บน้ำอีก 2 แห่ง นั่นก็คือ ทะเลสาบซายามะและทะเลสาบทามะ 

Studio Ghibli จิบลิภาพ: https://en.japantravel.com/

 

Sayama Lake

ภาพ: https://www.totoro.or.jp/

พูดถึงร้านค้า Kurosuke’s house ที่ตั้งชื่อมาจาก Makkuro kurosuke ชื่อของวิญญาณสีดำหรือเจ้าตัวไรฝุ่นนั่นเอง เป็นอีกที่ที่แฟนตัวยงของโทโทโร่ไม่ควรพลาด เพราะไม่ใช่แค่เป็นบ้านธรรมดาๆ แต่ยังเป็นบ้านที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ของชาติ และยังคงเก็บรักษาร่องรอยพื้นที่โดยรอบในสมัยก่อนเอาไว้เป็นอย่างดี ซึ่งมีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี เเละเนื่องจากบ้านรายล้อมไปด้วยไร่ชา ลำธารและป่าไผ่ ทำให้เราได้สัมผัสกับบรรยากาศเเละวิถีชีวิตชาวไร่ในสมัยก่อน เเละที่สำคัญภายในบ้านยังมีสินค้าโทโทโร่ให้เราได้ช็อปกันอีกด้วย

Studio Ghibli จิบลิภาพ: https://en.japantravel.com/

Info
Sayama Hills
Hours:
Kurosuke’s house เปิดตั้งแต่ 10.00 น. – 15.00 น. ในวันอังคาร วันพุธ และวันเสาร์
Holiday: วันหยุดนักขัตฤกษ์ วันหยุดสิ้นปีและปีใหม่

Location:เมืองโทโกโรซาวะ, จังหวัดไซตามะ
Parking:
Website:
https://www.totoro.or.jp/totorofund/index.html

Nearest Station: สถานีโคเตะซาชิ (Kotesashi Station)
Access: นั่งรถบัสจากสถานีโคเตะซาชิมาลงที่ป้ายไดนิจิโดะ (Dainichido) เเละเดินต่ออีก 3 นาทีไปที่ร้านค้า Kurosuke’s house

 

2. Takase district, Yamagata – Only Yesterday (1991)

ฉากหลังที่มีท้องฟ้าที่สวยงามกับทุ่งดอกคำฝอยหรือเบนิบานิ (ベニバナ) ที่ปรากฏอยู่ในภาพยนตร์เรื่อง Only Yesterday เรื่องราวเกี่ยวกับพนักงานออฟฟิศในโตเกียวที่หวนนึกถึงวัยเด็กของตัวเองในช่วงวันหยุดในเมืองชนบท โดยตัวเอกอย่างทาเอโกะต้องเลือกระหว่างชีวิตพนักงานออฟฟิศในโตเกียวกับการใช้ชีวิตแบบชาวสวนในชนบท ซึ่งเป็นชีวิตที่เรียบง่ายแต่ก็ทำงานหนักไม่แพ้กัน เเละแน่นอนว่าผู้กำกับ อิซาโอะ ทาคาฮาตะ ก็ได้หยิบเมืองยามากาตะมาเป็นเซ็ตติ้งหลักในการถ่ายทอดวิถีชีวิตเเละธรรมชาติที่สวยงามของต่างจังหวัดในญี่ปุ่น

ภาพ: https://www.tumblr.com/

ภาพ: https://japaneseculturecenter.com/

เมื่อพูดถึงเมืองยามากาตะ สิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของที่นี่เลยก็คือ ดอกคำฝอย (紅花 benibana) ดอกไม้สีเหลืองอมแดง ซึ่งในเรื่องครอบครัวของนางเอกก็ได้ปลูกทุ่งดอกคำฝอยเพื่อเก็บเกี่ยวนำไปใช้ในการทำย้อมสี, แต่งกลิ่นอาหาร, ผลิตสิ่งทอสำหรับผ้ากิโมโน หรือแม้แต่เอามาทำลิปสติกและเครื่องสำอาง

ภาพ: https://th.tripadvisor.com/

ภาพ: https://expedition-japan.com/

ในทุกๆ ปี ที่เมืองยามากาตะเขายังมีการจัดเทศกาลเกี่ยวกับดอกคำฝอยด้วย อย่างในวันที่ 5 – 7 สิงหาคมของทุกปี จะมีงานเทศกาลดั้งเดิมของยามากาตะ ที่มีชื่อว่า Yamagata Hanagasa Festival เรียกได้ว่าเป็นเทศกาลสุดยิ่งใหญ่อลังการเลยล่ะ มีขบวนแห่เต้นรำที่มีนักเต้นมากกว่า 10,000 คนเข้าร่วม พร้อมกับโบกหมวกที่ประดับด้วยดอกคำฝอยสีส้มพริ้วไหวไปมาอย่างสวยงาม 

ภาพ: https://www.hanagasa.jp/

สำหรับใครที่อยากจะไปถ่ายรูปกับทุ่งดอกคำฝอยโดยเฉพาะ แนะนำว่าให้ไปช่วงต้นเดือนจนถึงกลางเดือนกรกฎาคม เนื่องจากเป็นช่วงที่ดอกคำฝอยจะบานสะพรั่งเป็นสีส้มเหลืองเต็มทุ่งนั่นเอง เเละนอกจากจะได้เห็นความสวยงามของดอกไม้เเล้ว เรายังสามารถเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมต่างๆ ได้ เช่น การเก็บดอกคำฝอย หรือการย้อมผ้าจากดอกคำฝอย เป็นต้น

Info
Benibana no Kan
Location: เขตนิชิโอกิทามะ, จังหวัดยามากาตะ

Website:
https://expedition-japan.com/tour/yamagata-safflower-experience/ 

Nearest Station: สถานีอาราโตะ (Arato Station)
Access: นั่งรถบัสจากสถานีอาราโตะมาลงที่ป้ายคามิโอริ (Kamiori) เเละเดินต่ออีก 8 นาทีไปที่ทุ่งดอกคำฝอย

*ทุกคนสามารถเลือกไปทุ่งดอกคำฝอยที่อื่นๆ เพิ่มเติมได้เช่นกัน*

 

3. Yakushima Island – Princess Mononoke (1997)

อีกหนึ่งภาพยนตร์ที่เป็นที่พูดถึงอย่างมากเกี่ยวกับภาพประกอบสุดอลังการของเหล่าสรรพสัตว์ เเละทัศนียภาพที่ห้อมล้อมไปด้วยป่าอันเขียวขจี นั่นก็คือเรื่อง Princess Mononoke (เจ้าหญิงจิตวิญญาณแห่งพงไพร) เป็นเรื่องราวของ “ซัน” หญิงสาวที่ถูกเลี้ยงดูมาในครอบครัวหมาป่า ทำให้เธอเกลียดชังเหล่ามนุษย์ที่ทำลายธรรมชาติเเละพื้นป่า เเละ “เจ้าชายอะชิตะกะ” ซึ่งได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับพลังเหนือธรรมชาติที่ดูแลป่าและผู้คนของโลหะนครซึ่งใช้ทรัพยากรจากป่า ทั้งคู่เปรียบเสมือนตัวแทนจากสองฝั่ง ระหว่างมนุษย์เเละธรรมชาติที่จะต้องหาจุดตรงกลางในการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันเเละกัน

Studio Ghibli จิบลิภาพ: https://lwlies.com/

Studio Ghibli จิบลิภาพ: https://thediplomatichippo.wordpress.com/Studio Ghibli จิบลิภาพ: https://medium.com/

ป่าอันเขียวขจีที่ว่านั่นก็คือ เกาะยาคุชิมะ (Yakushima) เป็นเกาะกึ่งเขตร้อนนอกชายฝั่งทางใต้ของเกาะคิวชูและเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดคาโกชิม่าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี 1993 และตามประวัติศาสตร์ เกาะนี้ตั้งรกรากอยู่ในยุคโจมงของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศ หรือเมื่อประมาณ 14,000 ปีก่อนคริสตศักราช ทำให้ป่าดิบชื้นแห่งนี้เป็นหนึ่งในป่าดิบที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เป็นสัญลักษณ์ของตำนานเก่าแก่ของญี่ปุ่นและจิตวิญญาณของศาสนาชินโตเกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ที่แฝงอยู่ในธรรมชาติ เพราะฉะนั้นการเดินเล่นท่ามกลางพืชพรรณต่างๆ บนเกาะนี้จึงให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังเดินเล่นอยู่ในป่าต้องมนตร์เลยล่ะ

ภาพ: https://pen-online.com/

ระหว่างที่เดินป่า เราจะได้พบกับยาคุสึกิ (ต้นซีดาร์โบราณ) ที่มีอายุมากกว่า 1,000 ปี รวมถึงน้ำตกอันสวยงามตระการตามากมาย แต่สิ่งที่ควรรู้ก่อนไปที่นี้อีกอย่างเลยคือ เนื่องจากเกาะยาคุชิมะเป็นเกาะกึ่งเขตร้อนที่มีภูเขาสูงเกือบ 2,000 เมตร ทำให้มีฝนตกตลอดทั้งปี ตกบ่อยขนาดที่คนในพื้นที่บอกว่า “ฝนตก 35 วันต่อเดือน” ฉะนั้นอย่าลืมเช็คพยากรณ์อากาศล่วงหน้าเเละเตรียมอุปกรณ์กันฝนกันด้วยนะ 

Info
Yakushima Island
Location: เขตคุมาเกะ, จังหวัดคาโกชิม่า

Access: เรือเฟอร์รี่ข้ามฟากจากท่าเรือใหม่คาโกชิม่า (ทางใต้ของท่าเรือหลักคาโกชิม่า) ไปยังท่าเรือมิยาโนอุระบนเกาะยาคุชิม่า ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

 

4. Dogo Onsen – Spirited Away (2001)

มาถึงภาพยนตร์ที่คงไม่พูดถึงไม่ได้ นั่นก็คือ Spirited Away (มิติวิญญาณมหัศจรรย์) หนึ่งในภาพยนตร์จากค่าย จิบลิ ที่เคยชนะรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยมประจำปี 2003 เเละแน่นอนว่าฉากที่น่าจดจำของเรื่องนี้เลยก็คือโรงอาบน้ำแบบญี่ปุ่น หรือที่เรียกว่า ออนเซ็น 温泉 สถานที่หลักที่สาวน้อยจิฮิโระได้หลงเข้าไปในอีกโลกมิติหนึ่งโดยบังเอิญ เเละถูกบังคับให้ทำงานในโรงอาบน้ำขนาดใหญ่ที่มีวิญญาณนับพันมาเพื่อผ่อนคลายร่างกาย เพื่อแลกกับการมีชีวิตรอดในโลกพิศวงแห่งนี้

Studio Ghibli จิบลิ Studio Ghibli จิบลิภาพ: https://www.ghibli.jp/

โดยโรงอาบน้ำที่ถูกถ่ายทอดในเรื่องคาดว่าได้แรงบันดาลใจมาจาก Dogo Onsen ในจังหวัดเอฮิเมะ บ่อน้ำพุร้อนที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 3,000 ปี เเละอีกอย่างที่คล้ายกับออนเซ็นในภาพยนตร์เลยก็คือ Dogo Onsen ซึ่งเป็นอาคารเก่าแก่ในมัตสึยามะที่สร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เคยเป็นโรงอาบน้ำที่ราชวงศ์ญี่ปุ่นมักจะไปใช้บริการ เช่นเดียวกับโรงอาบน้ำใน Spirited Away ที่มีลูกค้าที่เป็นวิญญาณและเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้นมาใช้บริการ แต่ในปัจจุบันไม่ว่าเป็นใครก็สามารถเข้าใช้บริการโรงอาบน้ำได้หรือพักที่เรียวกัง (โรงแรมแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม) ในระแวกนั้นได้ เเละเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศมากขึ้น ทุกคนยังสามารถเช่าชุดยูกาตะมาเดินเล่นบนถนนได้เช่นกัน

ภาพ: https://www.chushikokuandtokyo.org/ภาพ: https://en.matsuyama-sightseeing.com/

ในบริเวณ Dogo Onsen จะแบ่งออกเป็น 3 ที่ดังนี้ Dōgo Onsen Honkan (โรงอาบน้ำหลัก), Dōgo Onsen Annex Asuka-no-Yu เเละ Dōgo Onsen Tsubaki-no-Yu โรงอาบน้ำหลักจะมีขนาดใหญ่เเละให้บริการทั้งหมด 3 ชั้นด้วยกัน ส่วน Dōgo Onsen Annex Asuka-no-Yu จะเป็นโรงอาบน้ำที่ได้รับแรงบันดาลใจจากยุคอาสุกะ หรือโรงอาบน้ำของเจ้าชายโชโตกุและจักรพรรดิไซเมอิ เเละยังโดดเด่นในเรื่อง “บ่ออาบน้ำเพื่อความงาม” ส่วนโรงอาบน้ำที่สุดท้าย Dōgo Onsen Tsubaki-no-Yu เป็น “บ่อน้ำพุร้อนที่คุ้นเคย” สำหรับชาวเมืองมัตสึยามะ ตั้งอยู่ใจกลางถนนช้อปปิ้งโดโกะ มีบรรยากาศเงียบสงบ เเละไหนจะหินแกรนิตที่ใช้ในบ่อน้ำพุร้อนและที่ปล่อยน้ำร้อนรูปทรงกาต้มน้ำ 

Dōgo Onsen Honkan

ภาพ: https://www.chushikokuandtokyo.org/

Dōgo Onsen Annex Asuka-no-Yu

ภาพ: https://dogo.jp/

Dōgo Onsen Tsubaki-no-Yu 

ภาพ: https://dogo.jp/

เเละถ้าขับรถออกมาประมาณ 50 นาที จากโซนออนเซ็น จะมีสถานีรถไฟชิโมนาดะ (Shimonada Station) สถานีเล็กๆ ที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแลอยู่ริมชายฝั่งทางตะวันตกของเอฮิเมะ ซึ่งพอมองแวบแรกเเล้ว ต้องทำให้แฟนๆ หลายคนนึกถึงฉากที่จิฮิโระนั่งรถไฟไปหาเซนิบะแม่มดพี่สาวฝาแฝดของยูบาบะแน่นอน

Studio Ghibli จิบลิ Studio Ghibli จิบลิภาพ: https://www.ghibli.jp/

ภาพ: https://nexttrip.info/

ภาพ: https://www.visitehimejapan.com/

Info
Dogo Onsen
Hours:
06.00 – 23.00 น. (ปิดจำหน่ายบัตรเวลา 22.30 น.) * เวลาเปิด-ปิดในแต่ละชั้นจะไม่เหมือนกัน
Holiday: ปิดให้บริการหนึ่งวันในเดือนธันวาคมของทุกปีเพื่อทำความสะอาดทั่วไป 

Location: เมืองมัตสึยามะ, จังหวัดเอฮิเมะ 
Website:
https://dogo.jp

Nearest Station: สถานี JR Matsuyama
Access: จากสถานี JR Matsuyama ต่อด้วยรถราง ใช้เวลาประมาณ 30 นาที

 

5. The Port of Tomonoura – Ponyo (2008)

มาถึงอีกเรื่องที่น่าจะเป็นเรื่องโปรดของใครหลายๆ คนอย่าง Ponyo (โปเนียว ธิดาสมุทรผจญภัย) ที่ฮายาโอะ มิยาซากิ ได้บรรจงสร้างสรรค์ภาพเซ็ตติ้งเเละวิถีชีวิตของผู้คนออกมามีความละมุนน่ารักผ่านเมืองท่าริมทะเลเล็กๆ ในญี่ปุ่น โดยเมืองท่าเรือนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเมืองโทโมโนอุระ (鞆の浦) เมืองท่าที่ตั้งอยู่ทางใต้ของเมืองฟูกูยามะ จังหวัดฮิโรชิม่า เเละอยู่ในอ่าวที่หันหน้าออกสู่ทะเลภายในเซโตะ ซึ่งฮายาโอะ มิยาซากิเองก็ได้ไปอาศัยอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสองเดือนก่อนที่จะสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้

Studio Ghibli จิบลิ Studio Ghibli จิบลิภาพ: https://www.ghibli.jp/

ทันทีที่เราเดินทางมาถึงเมืองโทโมโนอุระ เราจะได้เห็นท่าเรือที่เต็มไปด้วยเรือขนาดเล็กเเละประภาคารโจยาโตะเป็นศูนย์กลางพร้อมกับบรรยากาศที่ดูเงียบสงบและผ่อนคลาย  บ่งบอกถึงเมืองประมงแบบโบราณกลิ่นอายเอโดะได้อย่างดี ซึ่งทั้งหมดล้วนทำให้นึกถึงหมู่บ้านในเรื่องโปเนียวเลย 

ภาพ: https://www.ana.co.jp/

ภาพ: https://visualvoyager.net/

ในสมัยก่อนเมืองท่าโทโมโนอุระนั้นเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก ในขณะที่รอน้ำขึ้นลง มีเรือสินค้าที่แล่นไปตามทะเลภายในเซโตะมาจอดเทียบท่าอยู่ไม่น้อยเลย ซึ่งส่งผลให้ในปัจจุบันนอกจากจะรุ่งเรืองในธุรกิจการประมงเเล้ว ที่นี่ยังเป็นที่โด่งดังในเรื่องการผลิต “โฮเมชู (Houmeishu)” เครื่องดื่มที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนยารักษาโรคที่มีสมุนไพรถึง 16 ชนิด ซึ่งเชื่อกันว่าช่วยให้มีอายุยืนยาว

ภาพ: https://www.ana.co.jp/

นอกจากนั้นใจกลางเมืองโทโมโนอุระ ยังมีตรอกซอกซอยที่สวยงามหลายตรอกซึ่งเรียงรายไปด้วยบ้านเก่าสไตล์ชนบทที่ทำจากผนังไม้ให้เราได้แวะถ่ายรูปเล่นด้วย รวมถึงร้านค้าที่จำหน่ายโฮเมชูสำหรับใครที่อยากซื้อกลับไปเป็นของฝาก

ภาพ: https://www.city.fukuyama.hiroshima.jp/

Info
The Port of Tomonoura
Location:  เมืองฟุกุยามะ, จังหวัดฮิโรชิม่า

Website: https://www.city.fukuyama.hiroshima.jp
Nearest Station: สถานี Fukuyama
Access: นั่งรถบัสจากสถานี Fukuyama มาลงที่ป้าย Tomo Ko เเละเดินต่ออีก 3 นาที

6. Seibien – Arrietty(2010)

มาถึงเรื่องสุดท้ายกับ Arrietty (อาริเอตี้ มหัศจรรย์ความลับคนตัวจิ๋ว) เชื่อว่าแฟนๆ จิบลิ หลายคนน่าจะเคยเอาภาพสวนหรือบ้านจากภาพยนตร์เรื่องนี้มาตั้งเป็นวอลเปเปอร์หน้าจอกัน แต่รู้กันไหมว่าบ้านเเละสวนของตัวละคร “โช” ในเรื่องนั้นได้รับต้นแบบมาจากสวนเซบิเอ็น (Seibien) สวนญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ในเมืองฮิราคาวะ จังหวัดอาโอโมริ

Studio Ghibli จิบลิ Studio Ghibli จิบลิ Studio Ghibli จิบลิภาพ: https://www.ghibli.jp/

สวนเซบิเอ็นถือเป็นหนึ่งในสามสวนที่มีชื่อเสียงที่สุดของยุคเมจิในญี่ปุ่น สร้างขึ้นโดยเซบิ ประมุขตระกูลเซโตะรุ่นที่ 24 ร่วมกับอาจารย์โอบาตะ เทกิ ก่อสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ.1902 โดยใช้เวลาถึง 9 ปี กว่าจะเสร็จสมบูรณ์

ภาพ: https://www.nippon.com/

สวนแห่งนี้ประกอบไปด้วย 3 ส่วน ได่แก่ Shin, Gyo และ Kusa โดยมีสระน้ำอยู่ตรงกลาง ซึ่งแต่ละส่วนล้วนมีความหมาย อย่างคำว่า Shin แสดงถึงภูเขาสึคิยามะ (ภูเขาจำลองสร้างเอง) ส่วนคำว่า Gyo บ่งบอกถึงภูเขาสึคิยามะที่อุดมไปด้วยต้นสน ต้นเมเปิ้ล ต้นอะซาเลีย ฯลฯ เพื่อเพิ่มเสน่ห์ให้กับสวน ส่วนคำว่า Kusa คือสวนที่ราบเรียบเเละมีการตัดแต่งต้นยูหรือสนยิวขนาดใหญ่อย่างงดงาม ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นผู้ดูแลเทพเจ้าผู้สร้างสวรรค์และโลก

ภาพ: https://azb.m.wikipedia.org/

นอกจากสวนญี่ปุ่นเเล้ว ตัวอาคารเองก็เก่าแก่ไม่แพ้กัน เพราะถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1908 สถาปนิกชาวญี่ปุ่นชื่อว่า Nishitani Ichisuke ได้ผสมผสานสไตล์ญี่ปุ่นกับความเป็นตะวันตกออกมาได้อย่างลงตัว ชั้นแรกจะให้ความรู้สึกเป็นญี่ปุ่นดั้งเดิม แต่ชั้นสองจะให้ความรู้สึกแบบเรอเนสซองส์ตะวันตก ซึ่งถือเป็นการออกแบบที่หาได้ยากในญี่ปุ่น

ภาพ: http://www.seibien.jp/

หลังจากเดินชมสวนแล้ว ในบริเวณใกล้เคียงจะมีจุดพักที่เราสามารถไปเพลิดเพลินกับชาเขียวมัทฉะและขนมหวานได้ หรือจะเดินชมโปสการ์ด Seibien หรือหนังสือภาพทิวทัศน์ของสวนตามฤดูกาลเผื่อซื้อเป็นของที่ระลึกกลับบ้าน

ภาพ: http://www.seibien.jp/

Info
Seibien
Hours:
กลางเดือนเมษายนถึงปลายเดือนกันยายน 09.00-17.00 น. (ปิด 17.00 น.) / ตุลาคมถึงกลางเดือนพฤศจิกายน 09.00-16.30 น. (ปิด 16.30 น.) / กลางเดือนพฤศจิกายนถึงกลางเดือนเมษายน 10.00-15.00 น. (ฤดูหนาว)
Holiday: 29 ธันวาคม – 3 มกราคม (วันหยุดปีใหม่)

Location: เมืองฮิราคาวะ, จังหวัดอาโอโมริ
Entrance Fee:
ผู้ใหญ่ 500 เยน (250 เยนในฤดูหนาว) / นักเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลาย 330 เยน (170 เยนในฤดูหนาว) / นักเรียนประถม 220 เยน (110 เยนในฤดูหนาว) / ต่ำกว่าระดับประถมศึกษา ฟรี
Website:
http://www.seibien.jp/

Nearest Station: สถานี Tsugaru-Onoe
Access: เดินเท้าประมาณ 10 นาที จากสถานี Tsugaru-Onoe

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ