Top 5 Thing to do in Kinosaki Onsen : 5 กิจกรรมต้องทำที่คิโนะซากิออนเซ็น

5 กิจกรรมต้องทำที่ Kinosaki Onsen 😊

หมู่บ้านบ่อน้ำพุร้อนคิโนะซากิ หรือ คิโนะซากิออนเซ็น (Kinosaki Onsen) คือหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำมารุยามะ (Maruyama River) บริเวณตอนเหนือของจังหวัดเฮียวโงะในภูมิภาคคันไซ สามารถเดินทางโดยนั่งรถไฟจากเกียวโตหรือโอซาก้าไปถึงในเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งถึง 3 ชั่วโมง นอกจากบรรยากาศภายในหมู่บ้านมีความสวยงามแตกต่างกันไปในแต่ละฤดูกาลแล้ว ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมายที่คุ้มค่าต่อการใช้เวลาอย่างไม่รีบร้อน โดยวันนี้เราขอแนะนำ 5 สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวคิโนะซากิออนเซ็น จะมีอะไรบ้างนั้นเลื่อนลงมาดูได้เลย

01 ตะลอนแช่ออนเซ็น | Onsen Hopping

ชื่อสถานที่ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นหมู่บ้านออนเซ็น แล้วจะไม่แช่ออนเซ็นได้อย่างไร ซึ่งภายในหมู่บ้านคิโนะซากิออนเซ็นมีออนเซ็นสาธารณะทั้งหมด 7 แห่ง แต่ละแห่งมีบ่อน้ำพุร้อนที่มีเอกลักษณ์และเสน่ห์ที่แตกต่างกันไป และอยู่ห่างกันในระยะที่เดินเท้าได้สบายๆ

หากเข้าพักที่เรียวกัง (โรงแรมสไตล์ญี่ปุ่น) จะได้รับบัตรผ่านที่สามารถใช้เข้าบริการออนเซ็นได้ทั้ง 7 แห่ง ซึ่งถ้าใครอยากแช่ให้ครบทุกบ่อก็สามารถทำได้ในวันเดียว แต่แนะนำให้ประเมินสภาพร่างกายก่อน เนื่องจากแช่น้ำร้อนเป็นเวลานานเกินไปอาจส่งผลเสียต่อร่างกายก็เป็นได้

ระหว่างที่ตะลอนไปยังออนเซ็นแต่ละแห่งก็จะได้พบกับทิวต้นหลิวที่เรียงรายระหว่างแม่น้ำใสสายเล็กๆ อีกด้านเป็นร้านรวงบรรยากาศแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม มีกลิ่นอายของหมู่บ้านออนเซ็นเต็มเปี่ยม อย่าลืมหยุดหามุมโปรดเพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

หญิงกับชายที่ใช้บริการเป็นคนแรกของวันจะได้รับแผ่นไม้ที่ระลึกซึ่งระบุชื่อของออนเซ็น วันที่ใช้บริการ รวมถึงข้อความที่ยืนยันว่าบุคคลที่ได้รับนี้เป็นหญิง/ชายคนแรกที่มาใช้บริการอยู่ด้วย น่ารักสมกับเป็นประเทศญี่ปุ่นจริงๆ

02 ใส่ชุดยูกาตะและเกี๊ยะ | Get Dressed in Yugata & Geta

นักท่องเที่ยวในคิโนะซากิออนเซ็นแทบทุกคนนิยมใส่ชุดยูกาตะและรองเท้าเกี๊ยะขณะเที่ยวชมบรรยากาศภายในหมู่บ้าน สำหรับชุดยูกาตะนั้นคือชุดกิโมโนชนิดหนึ่งที่ทอด้วยผ้าคอตตอนสำหรับใส่ในฤดูร้อน เดิมทีเป็นชุดที่ออกแบบมาเพื่อให้สวมใส่เป็นชุดคลุมอาบน้ำ แต่ปัจจุบันกลายเป็นแฟชั่นที่ใส่ตามเทศกาลฤดูร้อนต่างๆ ทั่วประเทศญี่ปุ่น

ส่วนเกี๊ยะเป็นรองเท้าแตะแบบมีหูหนีบที่คนญี่ปุ่นนิยมสวมใส่มาแต่โบราณ นิยมทำจากไม้ที่ทนทานแข็งแรง เราจึงได้ยินเสียงก๊อกแก๊กของรองเท้าเกี๊ยะที่กระทบกับพื้นหินอยู่ทั่วหมู่บ้าน ให้ความรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลาไปในสมัยก่อน

ภาพ: kinosaki-spa.gr.jp

โรงแรมส่วนใหญ่ในคิโนะซากิออนเซ็นจะมีชุดยูกาตะแขวนเตรียมไว้ในห้องพักอยู่แล้ว แขกที่มาพักจึงสามารถใส่ชุดยูตากะไปเดินเล่นในหมู่บ้านได้ แต่ลายชุดก็จะเป็นแบบพื้นๆ เรียบๆ ไม่มีเครื่องประดับอะไรให้เพิ่ม ถ้าอยากใส่ชุดยูกาตะที่มีลวดลายและสีสันไม่ซ้ำคนอื่น แนะนำให้ลองไปที่ร้าน IROHA YUKATA SHOP & RENTAL ซึ่งนอกจากจะมีชุดยูกาตะสวยๆ ให้เลือกเช่ามากมายแล้ว พนักงานยังช่วยสอนวิธีการใส่ให้อีกด้วย หรือหากอยากใส่ด้วยตัวเองสามารถศึกษาวิธีสวมชุดยูกาตะล่วงหน้าได้ที่นี่

03 นั่งกระเช้าคิโนะซากิขึ้นเขา | Ride the Kinosaki Ropeway

หากเดินลึกเข้าไปในหมู่บ้านจะพบกับทางขึ้นกระเช้าคิโนะซากิ (Kinosaki Ropeway) ซึ่งสามารถใช้บริการเพื่อขึ้นไปยังภูเขาไดชิ (Mt. Daishi) โดยระหว่างทางจะแวะจอดที่ทางเข้าวัดออนเซ็นจิ (Onsenji Temple) วัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 738 และเป็นสถานที่ในประวัติศาสตร์ที่มีการจัดพิธีกรรมบวงสรวงเทพเจ้าแห่งน้ำพุร้อนศักดิ์สิทธิ์จนถึงสมัยเอโดะ

หากขึ้นกระเช้าไปลงบนยอดเขา ที่นั่นจะมีคาเฟ่น่ารักๆ ที่มีเครื่องดื่มหอมๆ และขนมอร่อยๆ ให้ลิ้มลอง ด้านนอกมีลานสำหรับนั่งชมบรรยากาศรอบๆ รวมถึงจุดชมวิวที่มองหมู่บ้านคิโนะซากิออนเซ็นจากมุมสูง ไกลออกไปก็จะเห็นวิวทะเลสวยๆ ซึ่งเป็นวิวที่ได้รับรางวัล Michelin Green Guide Japan อีกด้วย

เนื่องจากคิโนะซากิออนเซ็นมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์มาก หากนั่งกระเช้าคิโนะซากิในฤดูกาลที่แตกต่างกันก็จะได้เพลิดเพลินกับบรรยากาศที่ไม่ซ้ำกันเลย อย่างฤดูใบไม้ผลิก็จะเห็นดอกซากุระสีชมพูระเรื่อ หรือฤดูหนาวก็จะพบกับป่าเขาที่มีก้อนน้ำแข็งเกาะตามกิ่งก้านอย่างสวยงาม

04 พักที่เรียวกัง | Stay at Ryokan

มาเที่ยวหมู่บ้านบ่อน้ำพุร้อนสไตล์ญี่ปุ่นทั้งทีก็ต้องเลือกพักในโรงแรมแบบญี่ปุ่นถึงจะครบ การพักเรียวกังไม่ใช่แค่การค้างแรมธรรมดา แต่เราจะได้เรียนรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่น การต้อนรับและบริการแขกที่มาพักตามแบบฉบับคนญี่ปุ่น อาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม รวมถึงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของความเป็นญี่ปุ่นที่อาจไม่เคยสัมผัสหรือพบเห็นมาก่อน

ภายในหมู่บ้านบ่อน้ำพุร้อนคิโนะซากิมีเรียวกังทั้งหมดถึง 74 แห่งซึ่งมีรูปแบบห้อง ความหรูหรา ทำเล ราคาที่แตกต่างกันออกไป เราจึงสามารถเลือกเรียวกังที่เหมาะกับทุนทรัพย์ของเราได้ จุดเด่นของห้องพักในเรียวกังที่เห็นได้ชัดก็คือการปูพื้นด้วยเสื่อทาทามิ โต๊ะเป็นทรงเตี้ยมาพร้อมกับเบาะนั่งพื้น ส่วนที่นอนจะเป็นฟุตงหรือฟูกนอนกับพื้น อย่างไรก็ตามหากไม่ถนัดการนอนพื้น เรียวกังหลายแห่งก็มีห้องสไตล์ตะวันตกซึ่งจะเป็นเตียงแบบที่เราคุ้นเคยให้เลือกพักได้เช่นกัน

เมื่อจองเรียวกังส่วนใหญ่ในคิโนะซากิออนเซ็นมักจะมาพร้อมกับอาหารเย็นและอาหารเช้าในแพ็กเกจ สำหรับมื้อเย็นนิยมเสิร์ฟแบบคอร์สอลังการ ใช้วัตถุดิบคุณภาพดีๆ จากในท้องถิ่น อาทิ ปูหิมะในฤดูหนาว เนื้อทาจิมะ (Tajima Beef) ซึ่งเป็นเนื้อวัวขึ้นชื่อของแถบนี้ที่มาให้กินตลอดทั้งปี ฯลฯ ส่วนอาหารเช้าจะเป็นเซ็ตอาหารญี่ปุ่นที่เน้นให้พลังงานและมีคุณค่าทางสารอาหารครบ

05 ร่วมเวิร์คช็อปงานคราฟต์ | Try Traditional Local Craft

งานหัตถกรรมจากฟาง หรือ มุกิวาระไซกุ (Mugiwara Zaiku) ถือได้ว่าเป็นสินค้าแฮนด์เมดที่มีต้นกำเนิดจากคิโนะซากิออนเซ็นที่มีทั้งความประณีตและลวดลายที่สวยงาม ปัจจุบันทั่วประเทศญี่ปุ่นมีช่างฝีมือที่เชี่ยวชาญการทำงานคราฟต์ด้วยฟางอยู่น้อยมาก

หากชื่นชอบงานประดิษฐ์หรืออยากสัมผัสเสน่ห์ของสินค้าหัตถกรรมพื้นบ้านน่ารักๆ นี้อย่างใกล้ชิด แนะนำให้ไปที่พิพิธภัณฑ์งานคราฟต์จากฟาง (Straw Craft Museum) กับร้านคามิยะมินเก (Kamiya Mingei Shop) ซึ่งทั้งสองที่นี้เราสามารถเรียนรู้ความเป็นมาของงานคราฟต์จากฟาง อีกทั้งมีเวิร์คช็อปที่เราสามารถลองทำงานคราฟต์ได้ด้วยตนเอง

เวิร์คช็อปที่พิพิธภัณฑ์เหมาะสำหรับผู้ที่อาจจะไม่ได้ช่ำชองงานประดิษฐ์มากนัก เพราะที่นี่เขาตัดฟางสีๆ เป็นแผ่นๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งหน้าที่ของเราคือแค่นำแผ่นฟางสีไปติดบนโปสการ์ดหรือพัดเพื่อตกแต่งเป็นลวดลายที่เราชอบ

ส่วนที่ร้านคามิยะมินเก สามารถชมกระบวนการทำงานคราฟต์ได้ทุกขั้นตอน อีกทั้งมีเวิร์คช็อปให้เราได้ทำกล่องน่ารักๆ โดยใช้ฟางมาตกแต่งเป็นลวดลายและสีสันต่างๆ ถือเป็นของที่ระลึกกลับบ้านที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก สามารถอ่านรายละเอียดและจองได้ที่นี่