JR EAST PASS (Tohoku area) นั่งรถไฟเที่ยว อาโอโมริ อิวาเตะ อาคิตะ ชมธรรมชาติและอร่อยจนจุกไปกับของดีโทโฮคุ
สารบัญ
เที่ยว อาโอโมริ อิวาเตะ และ อาคิตะ ด้วยบัตร JR EAST PASS (Tohoku area)
ญี่ปุ่นนี่มันญี่ปุ่นจริงๆ สามารถจับนู่นผสมนี่ให้กลายเป็นจุดท่องเที่ยวได้ ยิ่งไปกว่าสถานที่ ฉันก็พบสิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่า คือการเที่ยวบนรถไฟ! คราวนี้ฉันใช้บัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) พาใจล้าๆ ไปชาร์จแบตเติมพลังงานความสุข สัมผัสเสน่ห์กันถึง 3 จังหวัดในโทโฮคุตอนเหนือ (North Tohoku) ได้แก่ อาโอโมริ อิวาเตะ และ อาคิตะ ผ่านการนั่งรถไฟ Joyful Train รถไฟท่องเที่ยวหรรษาของบริษัท JR EAST
แต่ละขบวนล้วนมีคอนเซ็ปต์แสนเก๋ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟปิกาจูสุดคึกคัก รถจักรไอน้ำโบราณที่มีท้องฟ้าจำลองอยู่บนขบวน รถไฟที่ผันตัวจากการขนส่งผู้โดยสารให้เป็นร้านอาหารเคลื่อนที่ได้ หรือรถไฟวิวทะเลและป่าเขามรดกโลกที่สวยจับใจ เพิ่มความชิคเข้าไปด้วยดนตรีสดในขบวน
เรื่องตื่นเต้นไม่ได้มีแค่นี้นะ ถ้าอยากรู้ว่ามีอะไรให้แปลกใจอีกก็ขอให้รีบเก็บกระเป๋า จับบัตรโดยสารให้แน่น แล้ววิ่งขึ้นรถไฟไปพร้อมๆ กันเลย!
01 POKÉMON with YOU Train
Route: Ichinoseki Sta. (Iwate) ~ Kesennuma Sta. (Miyagi)
รถไฟแสนน่ารักขบวนนี้เริ่มเดบิวต์ครั้งแรกตั้งแต่ปลายปี ค.ศ. 2012 เหล่าโปเกมอนไม่ได้ถูกเรียกมาเป็นพรีเซนเตอร์เพื่อสร้างความสดใสให้กับผู้โดยสารเพียงเท่านั้น แต่ในความน่ารักมีความห่วงใยรวมอยู่ด้วย เพราะจุดประสงค์หลักของรถไฟคือการสร้างรอยยิ้มให้กับเด็กๆ ในแถบโทโฮคุซึ่งเป็นบริเวณที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากแผ่นดินไหวและสึนามิเมื่อปี ค.ศ. 2011
หลังจากวิ่งส่งมอบรอยยิ้มให้เด็กๆ อย่างแข็งขัน รถไฟขบวนนี้เพิ่งได้ฤกษ์ปรับปรุงโฉมใหม่ไปเมื่อปี ค.ศ. 2017 นี้เอง โดยคอนเซ็ปต์หลักในการออกแบบคือ ‘รถไฟที่พ่อแม่ลูกสามารถสนุกไปด้วยกันกับปิกาจู’ ภายในรถไฟจึงมีหลายมุมที่เอื้อให้ครอบครัวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ซึ่งบอกได้เลยว่าจะไปกับเพื่อนหรือแฟนคลับโปเกมอนก็ฟินไม่แพ้กันแน่นอน
ส่องตู้โดยสารขบวน POKÉMON with YOU Train
รถไฟนี้ขบวนจุ๋มจิ๋มน่ารักที่มีเพียงแค่ 2 ตู้โดยสาร แบ่งง่ายๆ เป็นตู้ของพวกเรา(ผู้โดยสาร) กับตู้ของปิกาจู!
- ตู้โดยสาร
ด้านในจะได้พบกับสีเหลืองสดใสและปิกาจูอยู่เต็มไปหมดทั้งเบาะที่นั่ง ผ้าม่าน เพดาน ผนัง ที่จับกันล้มบนรถไฟ หรือแม้แต่ในห้องน้ำ! ลายบนพื้นเป็นรูปสายฟ้าหางของปิกาจูชวนให้รู้สึกคึกคักเวลาเดิน
- ตู้ Playroom
เดินเข้าปุ๊บจะพบกับมุมอุปกรณ์คอสเพลย์เป็นปิกาจูและมีตั๋วรถไฟแบบขยายใหญ่เบิ้มลงวันที่ที่เราเดินทางให้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก แต่ไฮไลท์ที่สุดต้องยกให้พี่ปิกาจูตัวเบิ้มที่นอนส่งยิ้มแป้นให้เราอยู่กลางห้อง! เด็กๆ ขึ้นไปขี่บนปิกาจูอย่างสนุกสนาน ส่วนผู้ใหญ่อย่างเราแค่ได้นอนอิงแอบข้างๆ ก็ฟินแล้ว เพื่อความปลอดภัยและความเป็นระเบียบ พนักงานจะแจกบัตรคิวรอบละ 40 นาทีเลยทีเดียว
ขึ้นรถไฟ POKÉMON with YOU ทั้งทีมี To do list อะไรบ้าง
- เล่นกับปิกาจูในห้อง Playroom
สิ่งที่ห้ามพลาดสำหรับการโดยสารรถไฟขบวนนี้และถ้าอยากสัมผัสความปิก๊าอย่างครบวงจรก็ต้องแปลงร่างเป็นปิกาจูด้วยอุปกรณ์ที่เขาเตรียมไว้ให้อย่างครบครัน ขอบอกเลยว่าอายุไม่เกี่ยว ใครๆ ก็เป็นปิกาจูได้!
- ซื้อเบนโตะปิกาจู
ถ้าต้องการประสบการณ์ทางรสชาติด้วยต้องซื้อเบนโตะสุดลิมิเต็ด เบนโตะสีสันสดใสที่มีสาหร่ายรูปปิกาจูว่าน่ารักแล้ว แต่ถุงใส่เบนโตะน่ารักกว่า และแน่นอนว่าเรานำกลับบ้านได้ (เย้!) แต่มีจำนวนจำกัดไม่ครบจำนวนผู้โดยสาร ต้องรีบซื้อหน่อยนะ
- Stamp Rally
การสะสมตราประทับก็เป็นอีกหนึ่ง A Must ของการโดยสารรถไฟขบวนนี้ ตราประทับจะมีอยู่ที่ 4 สถานีได้แก่ Ichinoseki, Surisawa, Semmaya และ Kesennuma เก็บให้ครบไม่ยาก แต่ปั๊มให้สวยนี่สิ ต้องใช้ฝีมือเหมือนกันนะ
- ดาวน์โหลด Pikachu Omamori
แต่ถ้าจะไปให้สุด ขอแนะนำให้ไปดาวน์โหลด Pikachu Omamori (เครื่องรางปิกาจู) จาก Official Website ของขบวนรถไฟ มาพับเป็นเครื่องรางสำหรับการเดินทางครั้งนี้ด้วยเพื่อเสริมสิริมงคลแบบคาวาอี้ป๊อบๆ
- โบกมือให้กับเหล่าเด็กๆ ที่มาดักรอดูรถไฟ
และสิ่งสุดท้ายที่ไม่อยากให้พลาดจริงๆ ก็คือ การโบกมือให้กับเหล่าเด็กๆ ที่มาดักรอดูรถไฟ POKÉMON with YOU ตามสถานีต่างๆ ระหว่างทาง การแบ่งปันมิตรภาพให้แก่กันในช่วงเวลาแบบนี้น่าจะเป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดที่น่าจดจำจากการเดินทาง
POKÉMON with YOU x Photo Spot ที่สายแชะห้ามพลาด
- สถานี Ichinoseki
ปิกาจูและผองเพื่อนรอเราอยู่มากมายหลายจุด เช่น บันไดของชานชาลา, สติ๊กเกอร์บนหน้าต่างและผนัง, ปิกาจูยักษ์สำหรับถ่ายรูปที่ระลึก ฯลฯ
- บนรถไฟ
เมื่อได้เข้าไปในห้อง Playroom เราเชื่อว่าเวลา 40 นาทีก็อาจจะไม่พอสำหรับสายแชะ แต่ที่นั่งในห้องโดยสารปกติก็น่ารักน่าถ่ายรูปไม่แพ้กัน
- สถานีต่างๆ ระหว่างทาง
ในถุงที่พนักงานมอบให้เราจะมี Omoide Note ซึ่งแปลว่า “สมุดบันทึกความทรงจำ” ไว้สำหรับสะสมตราประทับและบันทึกเรื่องราวต่างๆ บางสถานีที่จอดนานหน่อยจะมีการตกแต่งป้ายชื่อและบางส่วนของสถานีด้วยเหล่าโปเกมอน รวมถึงมีตราประทับให้สะสมด้วย
- สถานี Kesennuma
มีแท่นรถไฟจำลองที่เรายื่นหน้าเข้าไปถ่ายรูปได้ และเดินไปอีกนิดจะเจอเหล่าโปเกมอนยืนต้อนรับอย่างแป้นแล้น ก่อนออกไปนอกสถานีก็มีปิกาจูตัวเบ้อเริ่มรอเราอยู่อีกหนึ่งตัว!
นั่ง POKÉMON with YOU Train ไปเที่ยวที่ไหนได้บ้าง
- ฝั่งสถานี Ichinoseki
Geibikei หุบเขาหินประวัติศาตร์ยาวนานกว่า 100 ปี ที่นี่มีกิจกรรมแสนน่าสนใจคือการล่องเรือโบราณที่จะมีนายเรือมาขับกล่อมด้วยเพลงพื้นบ้าน Geibi Oiwake แห่งเดียวในญี่ปุ่น อีกทั้งจุดด้านในสุดของหุบเขามีช่องหินอธิษฐานเชื่อกันว่าถ้าขว้างหินผ่านเข้าไปในช่องได้ คำอธิษฐานของเราจะเป็นจริง
Chusonji วัดมรดกโลกที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 850 ในอดีตเคยมีวิหารต่างๆ หลายสิบหลัง แต่ถูกทำลายลงไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จนเหลือเพียงไม่กี่หลัง หนึ่งในนั้นคือวิหารทองคำ Konjikido ที่มีความสวยงามตระการตา อีกทั้งรอบวิหารปิดด้วยทองคำเปลวงดงาม
Motsuji วัดใหญ่ของนิกายเทนได อีกหนึ่งมรดกโลกประจำเมืองฮิราอิซุมิ ภายในมีวิหารมากมายให้เยี่ยมชม แต่ไฮไลท์ของที่นี่คือสวนโจโด (Pure Land Garden) ว่ากันว่ามีการออกแบบและใช้เทคนิคการจัดสวนที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น
- ฝั่งสถานี Kesennuma
Umi no Ichi สายฟู้ดดี้ต้องกรี๊ดสลบ เพราะที่ห้างนี้มีร้านอาหารทะเลหลายเจ้าที่ขายซูชิ ข้าวหน้าปลาดิบที่รับประกันความสดเพราะอยู่ติดกับตลาดปลา และใครชอบชมวิวทะเล ขอแนะนำให้ขึ้นไปชั้นดาดฟ้า ชมวิวเมืองท่ากับทะเลสุดลูกหูลูกตาอย่างเพลิดเพลิน
Kesennuma Shark Museum พิพิธภัณฑ์ฉลามความภาคภูมิใจของชาวเมืองเคเซ็นนุมะ เพราะเมืองนี้จับฉลามได้มากที่สุดในญี่ปุ่น และที่นี่คือพิพิธภัณฑ์ฉลามแห่งเดียวในประเทศด้วย!
Ice Aquarium ก็น่าสนุกไม่แพ้กันสำหรับคนไม่กลัวหนาวและชอบพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ กับการจัดแสดงโลกน้ำแข็งใต้น้ำที่บอกเลยว่าหาชมยากสุดๆ
เรื่องต้องรู้ก่อนขึ้น POKÉMON with YOU Train
- เส้นทางให้บริการ
ระหว่างสถานีอิชิโนะเซกิ (Ichinoseki Station) จังหวัดอิวาเตะ (Iwate) กับสถานีเคเซ็นนุมะ (Kesennuma Station) จังหวัดมิยากิ (Miyagi)
- วันให้บริการ
รถไฟจะวิ่งวันละ 1 รอบ (ไป-กลับ) และไม่ได้บริการทุกวัน ส่วนใหญ่จะเปิดให้บริการในวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดของนักเรียนทุกระดับชั้น (ช่วงปิดเทอมฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน และฤดูหนาว) ก่อนสำรองที่นั่งแนะนำให้ตรวจสอบวันเดินทางก่อนที่เว็บไซต์ www.jreast.co.jp
- ตารางเวลา
สถานี / เวลา | ขาไป (Ichinoseki – Kesennuma Station) | ขากลับ (Kesennuma – Ichinoseki Station) |
Ichinoseki | 11:01 (ออก) | 16:32 (จอด) |
Rikuchu-Matsukawa | 11:28 (จอด) 11:40 (ออก) | 16:03 (ออก) 16:00 (จอด) |
Geibikei | 11:44 (จอด) 11:48 (ออก) | 15:57 (ออก) 15:52 (จอด) |
Surisawa | 11:57 (จอด) 12:04 (ออก) | 15:43 (ออก) 15:30 (จอด) |
Semmaya | 12:15 (จอด) 12:21 (ออก) | 15:20 (ออก) 15:07 (จอด) |
Orikabe | 12:31 (จอด) 12:37 (ออก) | 14:57 (ออก) 14:50 (จอด) |
Kesennuma | 12:51 (จอด) | 14:37 (ออก) |
- วิธีสำรองที่นั่ง
ที่นั่งทั้งหมดบนรถไฟขบวนนี้ต้องสำรองที่นั่งเท่านั้นเท่านั้น หากมีบัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) สามารถสำรองที่นั่งออนไลน์ล่วงหน้าฟรีได้ทางเว็บไซต์ eki-net.com ก่อนไป 1 เดือน หรือที่ห้องจำหน่ายตั๋ว JR East Travel Service Center สีเขียวบริเวณสถานีใหญ่ๆ ที่ญี่ปุ่น เช่น สถานี Tokyo, Shinjuku, Shibuya, Ueno, Sendai, Shin-Aomori, Morioka, Koriyama ฯลฯ
แผนที่
02 SL Ginga
Route: Hanamaki Sta. ~ Kamaishi Sta. (Iwate)
SL Ginga รถไฟสไตล์รถจักรไอน้ำที่ถูกปรับปรุงจากขบวน C58239 เป็นผลผลิตจากความตั้งใจด้วยความหวังว่าจะนำความแข็งแรงทั้งกายและใจ นำวันใหม่มาสู่ภูมิภาคโทโฮคุที่ทรุดโทรมจากภัยพิบัติแผ่นดินไหวและสึนามิครั้งใหญ่เช่นเดียวกับขบวนโปเกมอน
ความพิเศษของรถไฟขบวนนี้คือการออกแบบและตกแต่งโดยได้แรงบันดาลใจจากรถไฟในวรรณกรรมเรื่อง “รถไฟสายทางช้างเผือก” ของมิยาซาวะ เคนจิ (Kenji Miyazawa) ซึ่งเมืองฮามานากิ เป็นบ้านเกิดของเขา ระหว่างทางที่รถไฟแล่นผ่านจะเห็นชาวบ้านบ้างโผล่หน้าจากหน้าต่าง บ้างยืนคอยเพื่อส่งยิ้มและโบกมือให้เราตลอดทาง เราว่า SL Ginga ไม่เพียงแต่เชื่อมต่อสถานที่ แต่ยังเชื่อมหัวใจของผู้คนเอาไว้ทุกยุคสมัย
ส่องตู้โดยสารขบวน SL Ginga
ภายใน 4 ตู้โดยสารบรรยากาศเหมือนรถไฟในยุคของมิยาซาวะ ไม่ว่าจะเป็นไฟตะเกียง กระจกสเตนกลาสสีสวย และเลือกใช้วัสดุไม้และมีโทนสีแดงเป็นหลัก
- ตู้โดยสารที่ 1
ตู้ที่รวมฉากประทับใจที่ปรากฎในวรรณกรรมติดอยู่ตามผนัง เชื่อว่าคนที่เคยอ่านน่าจะรู้สึกราวกับว่ารถไฟกำลังแล่นเข้าสู่ทางช้างเผือก มีที่นั่งประมาณครึ่งตู้ และอีกครึ่งเป็นไฮไลท์คือมีท้องฟ้าจำลองห้องเล็กๆ อยู่ด้วย
ภาพ: East Japan Railway Company
- ตู้โดยสารที่ 2
บอกเล่าเมืองในอุดมคติของมิยาซาวะที่ชื่อ Ihatov ผ่านบทกวีของเขาที่กล่าวเกี่ยวกับดวงดาว ภายในยังมีชั้นหนังสือ แกลเลอรี่เล็กๆ ที่นั่งโดยสาร และนี่เป็นเพียงตู้เดียวที่มีห้องน้ำให้บริการ
- ตู้โดยสารที่ 3
จัดแสดงต้นฉบับหนังสือเรื่องรถไฟสายทางช้างเผือกที่จำลองขึ้นมาเหมือนของจริงมาก รวมทั้งของใช้ต่างๆ ที่ปรากฏในเรื่อง อีกทั้งตู้นี้เต็มไปด้วยที่นั่งโดยสาร
- ตู้โดยสารที่ 4
จำลองบรรยากาศรถไฟจักรไอน้ำโบราณรุ่น C58239 เป็นที่จำหน่ายของกินมื้อหนัก ขนมกินเล่นเบาๆ สินค้าที่ระลึกลิมิเต็ด และอย่าลืมแวะประทับตราด้วยเครื่องปั๊มโบราณที่ตู้โดยสารนี้ด้วยล่ะ
ขึ้นรถไฟ SL Ginga ทั้งทีมี To do list อะไรบ้าง?
- เพลินกับท้องฟ้าจำลองบนขบวน
ใครจะไปคิดว่าบนรถไฟขบวนเล็กๆ นี้จะมี Planetarium หรือท้องฟ้าจำลองอยู่ด้วย ภายในฉายภาพดวงดาวที่ช่างเข้ากับคอนเซ็ปต์ของขบวน อีกทั้ง SL Ginga ยังเป็นรถไฟขบวนแรกที่มีท้องฟ้าจำลองอยู่บนขบวนอีกด้วย
- กินข้าวกล่องรถไฟ
ถ้าใครแพลนนั่งรถไฟยาวๆ เราแนะนำให้ซื้อข้าวกล่องสุดลิมิเต็ดที่ถูกรังสรรค์จากวัตถุดิบขึ้นชื่อของอิวาเตะ ซึ่งถูกดีไซน์ให้มีรูปขบวนรถไฟอยู่ในมื้ออาหารด้วย น่ารักสุดๆ
- ช็อปของที่ระลึกลิมิเต็ดอิดิชั่น
บนตู้โดยสารที่ 4 ยังมีจุดจำหน่ายสินค้าที่ระลึกเฉพาะขบวน SL Ginga เท่านั้น อาทิ พวงกุญแจ ผ้าเช็ดหน้า เข็มกลัด ปากกา กระดาษโน้ต ขนมเซมเบ้ ฯลฯ
- ประทับโปสการ์ดด้วยตราปั๊มโบราณ
ขณะที่เรานั่งจะมีพนักงานเดินแจกโปสการ์ด ความพิเศษจะอยู่ที่ด้านหลังจะเป็นช่องว่างให้เราสามารถใช้กับตราปั๊มโบราณ ซึ่งเป็นลายพิเศษที่ทำขึ้นสำหรับผู้โดยสารรถไฟขบวนนี้เท่านั้น
- ชมพิพิธภัณฑ์
นอกจากการเป็นยานพาหนะ บนขบวนยังถูกดีไซน์ให้คล้ายกับว่าเป็นพิพิธภันฑ์เคลื่อนที่ แต่ละตู้โดยสารล้วนแต่มีโซนจัดแสดงผลงานของมิยาซาวะ รวมไปถึงงานคราฟต์ขึ้นชื่อของอิวาเตะ
SL Ginga x Photo Spot ที่สายแชะห้ามพลาด
- สถานี Rikuchu Ohashi
เมื่อรถไฟแล่นผ่านสะพานมาแล้วสักพักจะแล่นเข้าสู่อุโมงค์ก่อนจะถึงตัวสถานี ยามที่รถไฟแล่นออกจากอุโมงค์ ก็เป็นจุดถ่ายรูปที่หลายคนตั้งตารอ
- สถานี Tono
ด้วยความที่เป็นรถไฟไอน้ำโบราณ จึงจำเป็นต้องหยุดพักเครื่องเติมถ่านที่สถานีโทโน แนะนำให้ลงไปถ่ายภาพยามที่เหล่าพนักงานลงไปเติมถ่านกันอย่างแข็งขันก็เป็นภาพที่ไม่ได้เห็นกันง่ายๆ
- สถานี Miyamori
จุดถ่ายรูปรถไฟแล่นเนิบๆ ข้ามสะพานที่เห็นบ่อยๆ ตามรีวิวนี้คือสะพาน Miyamorigawa จุดนี้สามารถเดินเท้าไปได้จากสถานีประมาณ 500 เมตร แต่ถ้าไม่ได้แวะ จากบนรถไฟก็จะเห็นภาพผู้คนโบกมืออยู่ด้านล่างอย่างน่ารัก
ภาพ: East Japan Railway Company
- บนรถไฟ
สุดท้ายที่ไม่แนะนำไม่ได้เลยคือ การเซลฟี่ตัวเองไม่ก็ไหว้วานเพื่อนร่วมทางช่วยถ่ายรูปบนขบวน เพราะบรรยากาศบนรถไฟเก๋และชวนประทับใจเอามากๆ
Tourist Attractions | นั่งขบวนนี้ไปเที่ยวที่ไหนได้บ้าง
- ฝั่งสถานี Hanamaki
Morioka City ลองนั่งรถไฟท้องถิ่นต่ออีกหน่อยไปแวะเที่ยวที่เมืองโมริโอกะ ไม่ว่าจะชอบเรื่องราวในประวัติศาสตร์ สัมผัสธรรมชาติแบบใกล้ชิด หรือเป็นสายฮิปที่มีความสุขกับงานแฮนด์เมด ที่โมริโอกะก็มีที่เที่ยวครบหมด!
ยกตัวอย่างเช่น Morioka Kippushi พื้นที่สุดชิลล์ริมน้ำรวบรวมร้านอร่อยเพียบ, Morioka Castle Site Park สวนสาธารณะกว้าง อดีตเคยเป็นที่ตั้งของปราสาทโมริโอกะเก่า, Morioka Handi-Works Square หมู่บ้านงานคราฟต์สุดคิวท์ ฯลฯ
- ฝั่งสถานี Kamaishi
Sun Fish Kamaishi อาคารสองชั้นให้บรรยากาศคล้ายตลาดจำหน่ายอาหารทะเลสดๆ ให้เลือกซื้อหลากหลายชนิด อีกทั้งมีร้านอาหารญี่ปุ่นที่รสชาติดีให้เลือกฝากท้องด้วย
Miffy Cafe Kamaishi คาเฟ่การ์ตูนคาแรคเตอร์สุดน่ารัก ภายในจำหน่ายทั้งอาหารและเครื่องดื่มคาวหวานที่ถูกดีไซน์อย่างประณีตให้มีเจ้ากระต่ายมิฟฟี่เป็นส่วนหนึ่งของทุกเมนู
Kamaishi Daikannon Temple เจ้าแม่กวนอิมใหญ่สูง 48.5 เมตร ประดิษฐานอยู่ริมชายฝั่งซันริกุ ภายในตัวเจ้าแม่กวนอิมถูกออกแบบให้สามารถเดินขึ้นไปได้ถึง 12 ชั้น ด้านบนนี้ยังเป็นจุดชมวิวทะเลแสนงามด้วย
เรื่องต้องรู้ก่อนขึ้น SL Ginga
- เส้นทางให้บริการ
ระหว่างสถานีฮานามากิ (Hanamaki Station) กับสถานีคามาอิชิ (Kamaishi Station) จังหวัดอิวาเตะ (Iwate)
- วันให้บริการ
ส่วนใหญ่รถไฟจะวิ่งวันละ 1 เที่ยว แต่ส่วนใหญ่วันเสาร์จะมีทั้งขาไปและขากลับ ส่วนวันอาทิตย์จะมีเฉพาะเที่ยวขากลับเท่านั้น ก่อนสำรองที่นั่งแนะนำให้ตรวจสอบวันเดินทางก่อนที่เว็บไซต์ www.jreast.co.jp
- ตารางเวลา
สถานี / เวลา | ขาไป (Hanamaki – Kamaishi Station) | ขากลับ (Kamaishi – Hanamaki Station) |
Hanamaki | 10:37 (ออก) | 15:19 (จอด) |
Shin-Hanamaki | 10:48 (จอด) 10:50 (ออก) | 15:08 (ออก) 15:06 (จอด) |
Tsuchizawa | 11:00 (จอด) 11:03 (ออก) | 14:56 (ออก) 14:53 (จอด) |
Miyamori | 11:26 (จอด) 11:40 (ออก) | 14:33 (ออก) 14:26 (จอด) |
Tono | 12:13 (จอด) 13:31 (ออก) | 13:53 (ออก) 12:44 (จอด) |
Kami-Arisu | 14:15 (จอด) 14:17 (ออก) | 12:02 (ออก) 11:57 (จอด) |
Rikuchu-Ohashi | 14:32 (จอด) 14:40 (ออก) | 11:39 (ออก) 11:30 (จอด) |
Kamaishi | 15:08 (จอด) | 10:58 (ออก) |
- วิธีสำรองที่นั่ง
ที่นั่งทั้งหมดบนรถไฟขบวนนี้ต้องสำรองที่นั่งเท่านั้น หากมีบัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) สามารถสำรองที่นั่งออนไลน์ล่วงหน้าฟรีได้ทางเว็บไซต์ eki-net.com ก่อนไป 1 เดือน หรือที่ห้องจำหน่ายตั๋ว JR EAST Travel Service Center สีเขียวบริเวณสถานีใหญ่ๆ ที่ญี่ปุ่น เช่น สถานี Tokyo, Shinjuku, Shibuya, Ueno, Sendai, Shin-Aomori, Morioka, Koriyama ฯลฯ
หมายเหตุ:
ขณะนี้ SL Ginga งดให้บริการ และจะกลับมาให้บริการฤดูร้อน ค.ศ. 2021
แผนที่
03 Resort Shirakami
Route: Akita Sta. (Akita) ~ Aomori Sta. (Aomori)
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเที่ยวภูเขาหรือทะเล ขอให้นึกถึง Resort Shirakami รถไฟที่วิ่งตั้งแต่จังหวัดอาคิตะไปจนถึงจังหวัดอาโอโมริซึ่งวิ่งเลียบหาดของเทือกเขาชิราคามิ (Shirakami Sanchi) มรดกโลกทางธรรมชาติที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1993 โดยมีรถไฟ 3 ขบวน อาโออิเคะ (Aoike), คุมาเกระ (Kumagera) และบุนะ (Buna) คอยสลับกันทำหน้าที่อย่างแข็งขัน
ภาพ: East Japan Railway Company
ตลอดการเดินทาง 147 กิโลเมตร มีวิวทะเลที่สวยจับใจและวิวป่าเขาลำเนาไพรทำให้สดชื่นชุ่มฉ่ำหัวใจในทันตา ยิ่งเจอความกรุบกริบของดีไซน์และบรรยากาศอบอุ่นจากไม้ที่เหมือนยกป่าโทโฮคุมาไว้ในรถไฟ ทำให้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงไหลเอื่อยอย่างรื่นรมย์ กลมกล่อมและผ่อนคลายสุดๆ
ส่องตู้โดยสารขบวน Resort Shirakami
- ตู้โดยสาร 1 และ 4
ตู้ 1 และ 4 เป็นที่นั่ง Reserved Seat แบบเบาะเรียงกันสองแถวทั่วไป ทีเด็ดคือมี Event Space และ Observation Room การตกแต่งใช้งานคราฟต์ BUNACO ของจังหวัดอาโอโมริมาผสมผสาน
ภาพ: East Japan Railway Company
- ตู้โดยสารที่ 2
ที่นั่งของตู้ 2 เป็นแบบ Box Seat ต้องจองล่วงหน้าเช่นกัน ซึ่งเก๋ชนะที่นั่งแบบ Box Seat ของขบวนอื่นตรงที่สามารถเลื่อนเบาะที่นั่งมาติดกันแปลงร่างเป็นเตียงหรือพื้นให้นอนเกลือกกลิ้งได้อย่างอิสระ
- ตู้โดยสารที่ 3
ที่นั่งอาจจะธรรมดาเช่นเดียวกับตู้ 1 และ 4 แต่ความพิเศษของตู้นี้คือมีอาหาร เครื่องดื่ม ขนมนมเนย และของที่ระลึกขาย หลายๆ อย่างในนี้เป็นสินค้า Limited Edition ที่ซื้อได้บนรถไฟเท่านั้น มีกระทั่งงานฝีมือสุดเลอค่าของท้องถิ่นมาเรียงให้ชม (และช็อป) ในตู้โชว์ด้วยนะ
ขึ้นรถไฟ Resort Shirakami ทั้งทีมี To do list อะไรบ้าง?
- ชมวิวทะเลสวยๆ
ชมวิวยามเมื่อรถไฟชะลอให้เสพความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ เช่น ระหว่างสถานี Iwadate กับ Omagoshi ระหว่างสถานี Fukaura กับ Hiroto และช่วงสถานี Senjojiki ซึ่งเป็นหาดหินสวยแปลกตา
- ชมการแสดงสดบนรถไฟ
บนรถไฟมีการแสดงดนตรีด้วยเครื่องดนตรีแบบดั้งเดิม Tsugaru Shamisen, การเล่าเรื่องตำนานท้องถิ่นต่างๆ ด้วยสำเนียงท้องถิ่น และละครหุ่นเชิดแบบดั้งเดิมของ Tsugaru ฯลฯ
- ลงไปชู้ตบาสที่สถานี Noshiro
เมืองโนชิโระมีทีมบาสเก็ตบอลมัธยมปลายที่แข็งแกร่งสร้างชื่อให้กับท้องถิ่น เมืองนี้จึงเป็นเมืองบาสเก็ตบอลไปโดยปริยาย ใครชู้ตลงเขามีงานฝีมือที่ทำจากไม้ในท้องถิ่นมอบให้เป็นที่ระลึกด้วยล่ะ
- ช็อปปิ้งของดีในรถไฟ
เริ่มจากของกินขอแนะนำขนมน้องหมาอาคิตะที่น่ารัก อร่อยและราคามิตรภาพ Forest of Beech Ice-cream ไอศกรีมรสชาเขียวสุดลิมิเต็ด กินเบนโตะที่มีขายเฉพาะบนรถขบวนบุนะเท่านั้น
- ชมพระอาทิตย์ตกดิน
ใครนั่งรอบเย็นขอให้ตั้งใจชมวิวพระอาทิตย์ตกดินสีส้มประกายทองสะท้อนน้ำทะเล พร้อมถือเครื่องดื่มซึ่งใช้น้ำของเทือกเขาชิราคามิมาจิบพลางชมวิวมรดกโลก
Resort Shirakami x Photo Spot ที่สายแชะห้ามพลาด
- เคาน์เตอร์ไม้ ORAHO
บริเวณตู้โดยสารที่ 3 นอกจากจะมีอาหารและของที่ระลึกจำหน่ายแล้ว ความเก๋อยู่ที่ ORAHO เคาน์เตอร์ไม้สวยๆ (มีเฉพาะขบวน Buna) นั่งถ่ายรูปมุมนี้พร้อมวิวนอกหน้าต่างเป็นทะเลคือสวยสุดใจ
- สถานี Senjojiki
ที่สถานีเซนโจจิกิเป็นหาดหินสวยแปลกตา สามารถลงจากรถไฟและเดินข้ามไปชมทะเลแบบใกล้ชิดได้นะ
- สถานี Higashi Noshiro
ด้วยศักดิ์ศรีแห่งการเป็นสถานีแรกของรถไฟสายโกะโนและเมืองแห่งการอุตสาหกรรมป่าไม้ ที่นี่จึงมีมุมน่าถ่ายรูปหลายจุด เช่น ห้องนั่งรอรถไฟที่ดีไซน์เป็นรูปรถไฟ เป็นต้น
- บนรถไฟ
แค่นั่งถ่ายรูปบนรถไฟก็คุ้มแล้ว! Buna แปลว่าไม้บีช รถไฟขบวนนี้จึงใช้ไม้บีชเป็นหลักในการตกแต่งภายใน โดยมีเพื่อนไม้เวรี่เจแปนนีสชนิดอื่นๆ มาช่วยเสริมความงดงามและอบอุ่นแบบคราฟต์ๆ ด้วย อย่างไม้สนซีดาร์จากจังหวัดอาคิตะและไม้ฮิบะจากจังหวัดอาโอโมริ
ภาพ: East Japan Railway Company
นั่ง Resort Shirakami ไปเที่ยวที่ไหนได้บ้าง
- ฝั่งสถานี Akita
Akita City ในตัวเมืองอาคิตะก็มีโลเคชั่นสุดชิลล์มากมาย อาทิ Senshu Park สวนสาธารณะใจกลางเมืองที่เปรียบเหมือนหัวใจของอาคิตะ จะแวะไป Akita Museum of Art ชมงานศิลปะและสถาปัตยกรรมที่อันโดะ ทาดาโอะเป็นผู้ออกแบบ ต่อด้วยการเดินเล่น ช็อปปิ้ง หรือแวะคาเฟ่เก๋ๆ ที่ถนน Nakakoji ก็เพลินเพลินเกินกว่าที่คิด
Aoike ถ้าชอบเข้าป่า ขอแนะให้แวะไปที่สระมรกตอาโออิเคะ สีสวยๆ ของน้ำเกิดจากแร่ธาตุตามธรรมชาตินั่นเอง และป่าบีช (Beech Forest) ที่ขึ้นชื่อว่ากินพื้นที่กว้างที่สุดในโลก ยิ่งในฤดูใบไม้ร่วงจะสวยๆ สุด สามารถนั่งบัสจากสถานี Juniko ค่าโดยสารเที่ยวละ 360 เยน
- ฝั่งสถานี Aomori
Hirosaki City อยากแนะนำให้ไปที่ชมปราสาทคู่เมืองเมืองฮิโรซากิ แวะเก็บแอปเปิ้ลของดังประจำจังหวัดอาโอโมริกินกันสดๆ ก็คาเฟ่ต่างๆ ในเมืองนี้มีของเด่นของดังคือ ‘แอปเปิ้ลพาย’ เมืองฮิโรซากิถึงขนาดทำ Hirosaki Apple Pie Guide Map เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวเลยทีเดียว ใครใคร่กินพายแบบไหนก็เลือกตระเวนชิมกันได้เลยตามสะดวก
เรื่องต้องรู้ก่อนขึ้น Resort Shirakami
- เส้นทางให้บริการ
ระหว่างสถานีอาคิตะ (Akita Station) จังหวัดอาคิตะ (Akita) กับสถานีอาโอโมริ (Aomori Station) จังหวัดอาโอโมริ (Aomori)
- วันให้บริการ
รถไฟ Resort Shirakami ส่วนใหญ่จะวิ่งวันละ 1 รอบ (ไป-กลับ) ให้บริการเกือบทุกวัน ก่อนสำรองที่นั่งแนะนำให้ตรวจสอบวันเดินทางก่อนที่เว็บไซต์ www.jreast.co.jp
- ตารางเวลา
ตรวจสอบตารางเวลารถวิ่งได้ที่เว็บไซต์ www.jreast.co.jp
- วิธีสำรองที่นั่ง
ที่นั่งทั้งหมดบนรถไฟขบวนนี้ต้องสำรองที่นั่งเท่านั้นเท่านั้น หากมีบัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) สามารถสำรองที่นั่งออนไลน์ล่วงหน้าฟรีได้ทางเว็บไซต์ eki-net.comก่อนไป 1 เดือน หรือที่ห้องจำหน่ายตั๋ว JR EAST Travel Service Center สีเขียวบริเวณสถานีใหญ่ๆ ที่ญี่ปุ่น เช่น สถานี Tokyo, Shinjuku, Shibuya, Ueno, Sendai, Shin-Aomori, Morioka, Koriyama ฯลฯ
หมายเหตุ:
วันให้บริการและตารางเวลาการเดินรถไฟ Resort Shirakami ที่แจ้งเป็นของขบวน Buna เพียงขบวนเดียว ส่วนขบวน Aoike และ Kumagera โปรดตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์
แผนที่
04 Tohoku Emotion
Route: Hachinohe Sta. (Aomori) ~ Kuji Sta. (Iwate)
รถไฟสายท่องเที่ยวที่ถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อช่วยฟื้นฟูท้องถิ่นจากภัยพิบัติสึนามิ เมื่อรางรถไฟได้รับการซ่อมแซมจนกลับมาวิ่งได้อีกครั้งอย่างเต็มรูปแบบ TOHOKU EMOTION จึงมาพร้อมกับความยินดีของชาวเมืองและเริ่มวิ่งแจกจ่ายความสุขและความสนุกสนานไปพร้อมกับมอบความหวังแก่ผู้คน
ภาพ: East Japan Railway Company
ถ้าจะให้จำกัดความ TOHOKU EMOTION ไม่ใช่รถไฟแต่เป็นร้านอาหารที่เคลื่อนที่ได้ ทั้ง 3 ตู้ของรถไฟขบวนนี้ถูกออกแบบมาให้ทำหน้าที่เป็นร้านอาหารหรูหราชั้นดีที่ผู้โดยสารสามารถเพลิดเพลินไปกับอาหารรสเลิศและวิวชายฝั่งซันริกุที่สวยจับใจ คอนเซ็ปต์หลักคือการนำดีไซน์ อาหาร ทิวทัศน์ และศิลปะมารวมกัน นอกจากจะมี Landscape Menu แนะนำวิวที่น่าสนใจของแต่ละสถานีที่รถไฟวิ่งผ่าน ยังมีเสียงตามสายบรรยายเรื่องราวเพิ่มเติมเป็นระยะราวกับมีไกด์ส่วนตัวมาด้วย
ภาพ: East Japan Railway Company
ส่องตู้โดยสารขบวน TOHOKU EMOTION
ความสวยงามและความละเอียดลออของดีไซน์ที่ผสมผสานความโมเดิร์นและงานคราฟต์ท้องถิ่นของโทโฮคุตามจุดต่างๆ ที่เราอาจจะคาดไม่ถึงไว้ได้อย่างลงตัวในรถไฟทั้ง 3 ตู้
- ตู้ 1 ห้องส่วนตัว
ตู้นี้เป็นที่นั่งแบบห้องส่วนตัวในร้านอาหาร มีทั้งหมด 7 ห้อง ห้องหนึ่งนั่งได้สูงสุด 4 คน จุดเด่นอยู่ที่กระจกบานใหญ่ มองวิวได้ชัดแจ๋ว ผ้าสีน้ำตาลที่ประดับบนผนังเป็นงานคราฟต์ผ้าทอซาชิโกะโอริ (Sashiko-ori) ของจังหวัดฟุกุชิมะ
- ตู้ 2 Live Kitchen Space
ตู้นี้ทำหน้าที่เป็นห้องครัวแบบเปิดอย่างเต็มรูปแบบ เราสามารถเดินมาชมเชฟยอดฝีมือปรุงอาหารสดๆ ได้ ส่วนใครที่อยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว และงานฝีมือต่างๆ เขามีโปสเตอร์สรุปให้เข้าใจง่ายด้วยภาพประดับอยู่ใกล้ๆ กับครัวด้วยล่ะ
- ตู้ 3 Open Dining หรือที่นั่งแบบร้านอาหารทั่วไป
แม้จะเป็นการนั่งรวมกันกับแขกท่านอื่นๆ แต่การจัดโต๊ะที่ชิดกับหน้าต่าง ทำให้เรารู้สึกถึงความเป็นส่วนตัวและเสพวิวได้สะดวกไม่แพ้ตู้ห้องส่วนตัว มีอีก 2 อย่างที่ทำให้รถไฟขบวนนี้เหมือนร้านอาหารจริงๆ ขึ้นไปอีกก็คือ การบริการอันเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความเป็นมืออาชีพของพนักงาน ที่ขาดไม่ได้คือห้องน้ำอันแสนสะอาดสะดวกสบายที่พร้อมให้บริการทั้งที่ตู้ 1 และ 3
ขึ้นรถไฟ TOHOKU EMOTION ทั้งทีมี To do list อะไรบ้าง?
- สนุกไปกับการกินสิ รออะไร!
เชฟแต่ละท่านล้วนเป็น Executive Chef จากห้องอาหารชื่อดัง วัตถุดิบที่นำมาใช้ทำอาหารส่วนมากก็เป็นของดีในท้องถิ่น ขาไปจาก Hachinohe – Kuji นั้นจะเป็นอาหารแบบคอร์สซึ่งประกอบด้วยออเดิร์ฟ พาสต้า เมนคอร์ส และขนมอบ โดยเราสามารถสั่งเครื่องดื่มได้ไม่จำกัด ส่วนขากลับจาก Kuji – Hachinohe จะเป็นรถไฟขนมหวานให้เราฟินไปกับเค้ก ขนมอบ พุดดิ้ง ออเดิร์ฟของคาวชิ้นพอดีคำ และเครื่องดื่มต่างๆ
- ฟังเพลงแจ๊สสบายๆ
บนขบวนก็ยังมี Food for Ear ด้วย นั่นก็คือเพลงบรรเลงสไตล์แจ๊สฟังสบายๆ ที่ทางรถไฟบรรจงแต่งขึ้นมาเพื่อเพิ่มสุนทรียภาพในการทานอาหารและการเดินทางให้กับทุกคน
- ชมงานคราฟต์มากมาย
แทบทุกพื้นที่บนขบวนล้วนมีงานคราฟต์ท้องถิ่นปรากฏ อาทิ โคมไฟสไตล์วินเทจที่ได้แรงบันดาลใจมาจากพลอยสีเหลืองเหลือบน้ำตาลชื่อดังของจังหวัดอิวาเตะที่มีชื่อว่าโคฮาคุ (Kohaku) ส่วนงานเหล็กที่ทำอุปกรณ์เสริมนั้นเป็นเทคนิคดั้งเดิมของโอกัตสึสึซึริ (Ogatsu-suzuri) จากจังหวัดมิยากิ พรมลายเดียวกับห้องครัวซึ่งก็คือลวดลายของโคกินซาชิ (Kogin-zashi) งานคราฟต์ผ้าทอของจังหวัดอาโอโมรินั่นเอง
TOHOKU EMOTION x Photo Spot ที่สายแชะห้ามพลาด
- หาด Tanesashi
บริเวณหาดทาเนซาชิ ที่เห็นทั้งทะเลสีฟ้าสวยตัดกับทุ่งหญ้าสีเขียวสดใสตามธรรมชาติของอุทยานแห่งชาติที่คู่ควรแก่การตั้งกล้องถ่ายรูปสุดๆ
- สถานี Rikuchu-Yagi
บางจุดก็มีการชะลอรถไฟให้ชมเป็นพิเศษ เช่น บริเวณสถานีริกุจู ยากิ (Rikuchu-Yagi Station) ซึ่งเป็นจุดที่รถไฟ ราง ถนน สะพานต่างๆ โดนสึนามิพัดไปตอนภัยพิบัติครั้งใหญ่เมื่อปี ค.ศ. 2011
- รถไฟ
บอกได้เลยว่าถ่ายได้ทุกมุมในขบวนนี้ แต่ที่เด็ดๆ น่าจะเป็นป้าย Bon Voyage และป้ายต้อนรับของพนักงาน ด้านหน้าของรถไฟ งานคราฟต์ต่างๆ ในขบวน เขามีพรมแดงให้เดินขึ้นลงรถไฟด้วยนะ นี่ก็ห้ามพลาดเลยล่ะ
- ธงประมง Tairyo-bata
ธงประมงพลิ้วไสวเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่น่าถ่ายรูปเก็บไว้ เพราะนี่เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่แสดงถึงการเป็นพื้นที่ที่จับปลาบริเวณชายฝั่งซันริกุได้มากที่สุด ซึ่งจะพบเห็นได้ระหว่างทางและตามสถานีต่างๆ
ภาพ: East Japan Railway Company
นั่ง TOHOKU EMOTION ไปเที่ยวที่ไหนได้บ้าง
- ฝั่งสถานี Hachinohe
Ondeanse You Tree อันดับแรกต้องไปห้าง ซึ่งอยู่ทางขวามือเมื่อออกจากทางออกฝั่งตะวันออก ที่นี่มีสินค้าของฝากให้เลือกช็อปเพียบ แนะนำให้ซื้อน้ำแอปเปิ้ลมากๆ ขวดเบ้อเร่อราคาไม่ถึง 1,000 เยนซึ่งถือว่าถูกมากสำหรับที่ญี่ปุ่น
Miroku Yokocho สายฟู้ดดี้ปักหมุดเลย ที่นี่เป็นเหมือนตรอกรวมร้านอิซากายะแบบบ้านๆ ได้บรรยากาศแบบญี่ปุ่นแท้ๆ หลายๆ ร้านเลือกใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นเป็นตัวชูโรงด้วย
Lake Towada หากมีแพลนปักหลักเที่ยวอาโอโมริ ทะเลสาบโทวาดะก็เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะที่นี่มีกิจกรรมล่องเรือชมวิวงามๆ หรือจะเดินเล่นรับลมชมพระอาทิตย์ตกก็เหมาะสมที่สุด
Oirase ลำธารแสนอุดมสมบูรณ์ที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศแวะเวียนมาไม่ขาดสาย มีเส้นทางเดินเทรลยาวกว่า 14 กิโลเมตร ทำให้เราสามารถเดินลัดเลาะสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ใครที่รักการเดินระยะไกลสามารถมาเดินเล่น ฟังเสียงสายน้ำกันเพลินๆ ได้
- ฝั่งสถานี Kuji
Roadside Station Kuji ถ้าไม่ค้างคืน ขอแนะนำจุดแวะพักคุจิซึ่งเป็นเหมือนศูนย์รวมของเด่นของดีทั้งในแง่อาหารและวัฒนธรรมของเมืองนี้เอาไว้แบบฉบับย่อ มีชุดอามะจังให้ลองใส่และเรื่องราวให้ศึกษา โซนอาหารก็มีทั้งข้าวกล่องอูนิ ขนม ของฝาก และผักผลไม้สดที่เก็บได้จากท้องถิ่น และเค้กถั่วดำก็ดูเป็นสินค้าขึ้นชื่อของที่นี่
Jodogahama Beach อีกหนึ่งจุดชมวิวสวยกรุบและจุดพักผ่อนแสนชิลล์ในเมืองมิยาโกะ (Miyako) จุดเด่นที่ทำให้ผู้คนหลั่งใหลมาที่นี่อยู่เสมอคือ โขดหินทรงแหลมขนาดใหญ่เรียงรายเป็นแถวบนชายฝั่งซันริกุ สามารถปูผ้านั่งพักริมหาด เล่นน้ำ เดินเล่น หรือล่องเรือก็มีให้บริการด้วย
เรื่องต้องรู้ก่อนขึ้น TOHOKU EMOTION
- เส้นทางให้บริการ
ระหว่างสถานีสถานีฮาจิโนเฮะ (Hachinohe Station) จังหวัดอาโอโมริ (Aomori) กับคุจิ (Kuji Station) จังหวัดอิวาเตะ (Iwate)
- วันให้บริการ
รถไฟจะวิ่งวันละ 1 รอบ (ไป-กลับ) ให้บริการในวันศุกร์ เสาร์-อาทิตย์ จันทร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ก่อนสำรองที่นั่งแนะนำให้ตรวจสอบวันเดินทางก่อนที่เว็บไซต์ www.jreast.co.jp
- ตารางเวลา
สถานี / เวลา | ขาไป (Hachinohe – Kuji Station) | ขากลับ (Kuji – Hachinohe Station) |
Hachinohe | 11:00 (ออก) | 16:07 (จอด) |
Hon-Hachinohe | ไม่จอด | 15:49 (ออก) 15:48 (จอด) |
Same | ไม่จอด | 15:37 (ออก) 15:34 (จอด) |
Tanesashikaigan | ไม่จอด | 15:19 (ออก) 15:19 (จอด) |
Kuji | 12:56 (จอด) | 14:15 (ออก) |
- วิธีสำรองที่นั่ง
ต้องสำรองที่นั่งที่ห้องจำหน่ายตั๋ว JR EAST Travel Service Center สีเขียวบริเวณสถานีใหญ่ๆ ที่ญี่ปุ่นเท่านั้น เช่น สถานี Tokyo, Shinjuku, Shibuya, Ueno, Sendai, Shin-Aomori, Morioka, Koriyama ฯลฯ อีกทั้งราคาจะเปลี่ยนแปลงไปตามเมนูอาหารที่เสิร์ฟในวันนั้นๆ
หมายเหตุ:
บัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) ไม่สามารถใช้โดยสาร TOHOKU EMOTION ได้ แต่สามารถใช้เพื่อโดยสารรถไฟธรรมดา รถไฟชินคันเซ็นไปจนถึงสถานีคุจิหรือฮาจิโนเฮะได้
แผนที่
เกี่ยวกับบัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area)
บัตร JR EAST PASS (Tohoku area) ตัวช่วยให้เที่ยว อาโอโมริ อิวาเตะ และ อาคิตะ ได้คุ้มที่สุด
JR EAST PASS (Tohoku area) บัตรโดยสารสุดคุ้มที่ใช้โดยสารรถไฟในภูมิภาคโทโฮคุ ไม่ว่าจะเป็น อาโอโมริ อิวาเตะ อาคิตะ ฯลฯ นั่งรถไฟท้องถิ่นในเส้นทาง JR EAST Lines ชินคันเซ็น รถไฟท่องเที่ยว Joyful Train ก็สำรองได้ไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม รวมถึงสามารถใช้นั่งรถไฟ Narita Express จากสนามบินนาริตะ หรือ Tokyo Monorail จากสนามบินฮาเนดะได้ฟรีหมดภายในระยะเวลา 5 วัน โดยไม่จำเป็นต้องติดต่อกันภายในระยะเวลา 14 วัน
ราคา: ผู้ใหญ่ (อายุ 12 ปีขึ้นไป) 19,350 เยน, เด็ก (อายุ 6-11 ปี) 9,670 เยน
ซื้อได้ที่: เอเจนซี่ที่เชี่ยวชาญเรื่องการท่องเที่ยวญี่ปุ่น ได้แก่ Wendy Tour, HIS และ JTB
ตัวอย่างรีวิวเที่ยว อาโอโมริ อิวาเตะ และ อาคิตะ ด้วยบัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) เพิ่มเติม