Chusonji – Motsuji Temple : ทริปซึมซับบรรยากาศและศึกษาประวัติศาสตร์วัดดังมรดกโลกแสนสงบในอิวาเตะ
Chusonji – Motsuji Temple
หากพูดถึงพื้นที่ท่องเที่ยวในจังหวัดอิวาเตะและเป็นที่รู้จักก็คงจะเป็นย่านตัวเมืองโมริโอกะ สถานที่ซึ่งเป็นสถานีเชื่อมต่อรถไฟและชินคันเซ็นสายต่างๆ, Geibikei หุบเขาหินที่มีประวัติศาตร์ยาวนานกว่า 100 ปี, เมืองคามาอิชิ บ้านเกิดแห่งอุตสาหกรรมเหล็กสมัยใหม่ของญี่ปุ่น ฯลฯ ถ้าไปครบแล้วเกิดติดใจขึ้นมา ขอชวนมาศึกษาประวัติศาสตร์อันน่าประทับใจของอิวาเตะเพื่อให้อินขึ้นอีกสักหน่อยที่วัดโมสึจิ (Motsuji Temple) และวัดชูซอนจิ (Chusonji Temple) สองมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่ได้รับเลือกจากยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ. 2011
เราจองที่พักแถวๆ สถานีรถไฟโมริโอกะ จึงจับรถไฟรถไฟท้องถิ่นสายโทโฮคุ (Tohoku Line) ออกนอกเมืองราวหนึ่งชั่วโมงมาลงที่สถานีฮิราอิซุมิ (Hiraizumi Station) จากนั้นแวะเติมพลังด้วยวังโกะโซบะ (โซบะที่เสิร์ฟมาในชามวังโกะไซส์เล็ก ลักษณะคล้ายก๋วยเตี๋ยวเรือบ้านเรา) เมนูดังประจำจังหวัดที่ร้าน Bashokan ใกล้ๆ กับสถานี
ถ้าเทียบกันแล้ววัดชูซอนจิจะอยู่ไกลกว่าและไปด้วยการเดินเท้าไม่ได้ เราจึงเลือกเดินกินลมชมบ้านเมืองไปที่วัดโมสึจิก่อน ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 700 เมตร หรือเดินไม่ถึงสิบนาทีเท่านั้น บรรยากาศระหว่างทางดูจะเป็นเมืองที่ค่อนข้างเงียบ เราชอบที่ไม่มีตึกสูงใหญ่ ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย Recommended เลยสำหรับคนชอบเดินเล่น!
Motsuji Temple
เดินมาชั่วอึดใจจากสถานีรถไฟจะพบกับวัดโมสึจิ วัดพุทธใหญ่ของนิกายเทนได อีกหนึ่งมรดกโลกประจำเมืองฮิราอิซุมิ ก่อนอื่นต้องซื้อตั๋วที่ประตูทางเข้าที่เรียกว่า ‘ซัมมง’ ก่อน อดีตเคยถูกใช้เป็นประตูทางเข้าหมู่บ้านของตระกูลดัง ในเมืองอิชิโนเซกิ
ภายในมีวิหารมากมายให้เยี่ยมชม แต่ไฮไลท์ของที่นี่คือสวนโจโด (Pure Land Garden) ว่ากันว่ามีการออกแบบและใช้เทคนิคการจัดสวนที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งยังมีศาลาเก่าและโขดหินต่างๆ ของสมัยเฮอันหลงเหลืออยู่ให้นึกถึง
สุฮามะ สันทรายที่ถูกออกแบบให้โค้งเป็นเส้นอย่างงดงาม ทำให้รู้สึกสงบเมื่อมอง
ภายในมีสระน้ำโออิซูมิ (Oizumi ga Ike Pond) ขนาดใหญ่เป็นศูนย์กลาง มีเส้นทางเดินโดยรอบ และวิหารฮนโดะ (Hondo Main Hall) ว่ากันว่าพระประธานในวิหารดังเรื่องสุขภาพและขอให้โรคภัยไข้เจ็บหาย พร้อมกับวิวเขาโทซังทางทิศเหนือเป็นฉากหลัง เป็นภาพงามที่หาชมไม่ได้ง่ายๆ
วิหารฮนโดะ (Hondo Main Hall)ภาพสวนสำคัญของประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นในสมัยเฮอัน ที่ฟื้นฟูให้ใกล้เคียงกับของเดิมมากที่สุด
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจคือ กลุ่มหินเดจิมะและหินตั้งกลางบึง ที่คล้ายว่าเป็นสัญลักษณ์ของสวน สร้างในรูปแบบคลื่นแรงกระทบฝั่ง (อะริโซะ) ซี่งอยู่บริเวณฝริมตะวันออกเฉียงใต้ของบึงน้ำโออิซูมิแห่งโมซึจินั้น
ก่อนกลับจะแวะชิมชาเอนเนน (Ennen) ซึ่งมีความหมายดีๆ ว่าอายุยืน ซึ่งจำหน่ายเฉพาะร้านโชฟุอัน (Shofuan) ภายในวัดโมสึจิเท่านั้น นอกเหนือจากนี้ก็ยังมีของหวานให้สั่งมากินคู่กันและเมนูหนักๆ อย่างโซบะคอยให้บริการยามหิวด้วย
ร้านโชฟุอัน ภาพ: www.motsuji.or.jp
Chusonji Temple
คนส่วนใหญ่ที่เดินทางมายังเมืองนี้ก็เพราะอยากสัมผัสมรดกโลกทั้งนั้น จากวัดโมสึจิแนะนำให้นั่งแท็กซี่ยาวไปที่วัดซูซอนจิได้เลย แต่ถ้ารอนานๆ แล้วยังไม่เห็นรถผ่าน ก็ให้เดินย้อนกลับไปเรียกรถที่หน้าสถานีรถไฟ
ชูซอนจิเป็นวัดนิกายเทนไดเช่นเดียวกับวัดโมสึจิ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 850 ตั้งอยู่บนเนินเขาคังซัง (Kanzan) บางครั้งอาจได้ยินคนญี่ปุ่นเรียกว่า ‘วัดคังซัง ชูซอนจิ’ ตัววัดมีทางเข้าหลายทาง หากมาจากด้านหน้าจะพบกับทางเดินหลักสู่วัดชูซอนจิซึ่งขนาบข้างไปด้วยต้นสนซีดาร์ที่ปลูกโดยตระกูลดาเตะแห่งเซนไดช่วง ค.ศ. 1603-1868 เรียกว่า เนินสึคิมิซากะ (Tsukimizaka) หรือเนินชมจันทร์
ภาพ: www.chusonji.or.jp
ในอดีตเคยมีวิหารต่างๆ หลายสิบหลัง แต่ถูกทำลายลงไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จนเหลือเพียงไม่กี่หลัง ซึ่งก็คือ วิหารทองคำคนจิกิโด (Konjikidō Golden Hall) เป็นแห่งเดียวของวัดจูซอนจิที่สร้างในศตวรรษที่ 12 และยังคงสภาพเดิมอยู่ได้ ความพิเศษอยู่ที่ใต้ฐานพระพุทธรูปฝังร่าง Kiyohira ผู้ก่อตั้งตระกูลฟูจิวาระ ซึ่งปกครองดินแดนในสมัยศตวรรษที่ 12 เอาไว้ อีกทั้งรอบวิหารยังปิดด้วยทองคำเปลวอย่างงดงาม
วิหารทองคำคนจิกิโด (Konjikidō Golden Hall)
ยังมีวิหารหลักฮอนโด (Hondō Main Hall) ที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1909 ปัจจุบันวัดชูซอนจิได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการให้เป็นวัดนิกายเทนไดที่สำคัญที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุ
วิหารหลักฮอนโด (Hondō Main Hall) ภาพ: www.chusonji.or.jpภาพ: www.chusonji.or.jp
นอกเหนือจากนี้ภายในบริเวณเดียวกันนี้ก็มีพิพิธภัณฑ์ซังโคโซ (Sankōzō Museum) ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับจุดจำหน่ายตั๋ว สร้างขึ้นเพื่อช่วยอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของวัดจูซนจิกว่า 3000 ชิ้น อาทิ พระพุทธรูป พระสูตร สมบัติที่ถูกฝังของลอร์ดโอชู ฟุจิวาระ ฯลฯ
หากมาในฤดูใบไม้ผลิจะได้พบกับอีเว้นท์ illumination จัดแสดงไฟประดับกับบรรดาซากุระสวยๆ ภายในวัดด้วยนะ ถ้ามีแพลนเที่ยวอิวาเตะ ก็ขอบอกว่าสองวัดมรดกโลกที่เราเพิ่งเล่าไปนี้น่ามาเยี่ยมเยือนอย่างยิ่ง แต่ถ้ากลัวจะเบื่อ อิวาเตะก็มีสถานที่น่าสนใจอีกมาก สามารถอ่านตัวอย่างได้ตามรีวิวด้านล่างนี้เลย
อ่านบทความพื้นที่น่าเที่ยวอื่นๆ ในจังหวัดอิวาเตะ
- เพลิดเพลินในบ้านเมืองแสนน่ารัก แวะชิมของดีของดังทั่วเมือง ‘โมริโอกะ’
- ล่องเรือโบราณ ฟังเพลงพื้นบ้านและเสียงหัวใจตัวเองที่หุบเขาเกบิเค
- ชวนนั่งรถจักรไอน้ำขบวนเก่า SL Ginga ที่ได้แรงบันดาลใจจากวรรณกรรมญี่ปุ่น
การเดินทางไป Chusonji – Motsuji Temple
จากโมริโอกะ: สำรองที่นั่งโทโฮคุชินคันเซ็นมาลงที่สถานีอิชิโนเซกิ (Ichinoseki Station) ใช้เวลา 39 นาที จากนั้นเปลี่ยนไปนั่งสายโทโฮคุ (Tohoku Line) ไปลงที่สถานีฮิราอิซุมิ (Hiraizumi Station) ใช้เวลา 7 นาที
จากเซนได: สำรองที่นั่งโทโฮคุชินคันเซ็นไปลงที่สถานีอิชิโนเซกิ (Ichinoseki Station) ใช้เวลา 30 นาที จากนั้นเปลี่ยนไปนั่งสายโทโฮคุ (Tohoku Line) ไปลงที่สถานีฮิราอิซุมิ (Hiraizumi Station) ใช้เวลา 7 นาทีInfo
Motsuji Temple
Hours: 8:30-17:00 น. (5 พ.ย.-4 มี.ค. 8:30-16:30 น.)
Holiday: –
Price: ผู้ใหญ่ 500 เยน, นักเรียนชั้นมัธยมปลาย 300 เยน, นักเรียนชั้นมัธยมต้นและชั้นประถม 100 เยน
Website: www.motsuji.or.jp/th
Train Station: Hiraizumi Station
Access: เดินเท้าประมาณ 10 นาที (700 เมตร) จากสถานีฮิราอิซุมิ
Chusonji Temple
Hours: 8:30-17:00 น.
Holiday: –
Price: ฟรี, ค่าเข้าชมหอ Konjikidō และพิพิธภัณฑ์ Sankōzō ผู้ใหญ่ 800 เยน, นักเรียนชั้นมัธยมปลาย 500 เยน, นักเรียนชั้นมัธยมต้น 300 เยน, นักเรียนชั้นประถม 200 เยน
Website: www.chusonji.or.jp
Train Station: Hiraizumi Station
Access: นั่งแท็กซี่