ห่มใจในซากุระ

เมษายนปีนี้ได้ข่าวว่าซากุระที่ญี่ปุ่นสวยมาก เพราะอากาศดีไม่มีฝน ถ้ามองด้วยตาเปล่ามันยากมากที่เราจะไม่หลงใหลซากุระ สำหรับนักเรียนทุนมอนบุโชที่เดินทางไปถึงญี่ปุ่นต้นเดือนเมษายน เรารู้สึกว่าชีวิตช่างเริ่มต้นได้ดีเหลือเกิน เพราะเพียงไม่กี่อาทิตย์หลังจากนั้น เราก็มีโอกาสได้ชื่นชมความงามของซากุระทันที

ก่อนที่จะได้เห็นซากุระของจริง ใครๆ เขาก็ตื่นเต้นกันทั้งนั้น เพื่อนก็เฝ้าดูพยากรณ์อากาศ ลุ้นว่าซากุระในเมืองของเราจะบานเมื่อไหร่ ฝนจะตกไหม ที่ไหนจะบานก่อนบานหลัง บ้างถึงกับทำแผนชมซากุระในปฏิทิน ส่วนฉันก็รู้สึกขวางโลกนิดๆ ว่า “อะไรจะต้องตื่นเต้นกันขนาดนั้น กะอีแค่ดอกไม้บาน” จึงไม่มีแผนไปที่ไหนเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นวัด สวน หรือที่ไหนที่เขาว่าซากุระบานสวย

แต่พอซากุระบานจริงๆ เท่านั้น – แม่เจ้า – โอย ตาย ตาย ตาย อยากจะกรี๊ดดังๆ อยากวิ่งเอาตัวลงไปเกลือกกลิ้งกับกลีบซากุระที่ร่วงลงบนดิน  อยากจะวิ่งไปวิ่งมาบนทางเดินใต้ต้นซากุระให้กลีบสีขาว สีชมพูที่ร่วงเป็นสายในสายลมนั้น หล่นลงมาบนตัวเรา บนผมเรา บนผิว บนหน้าเรา

ลองจินตนาการถึงแสงแดดใสกระจ่างของฤดูใบไม้ผลิ ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าเข้ม อากาศเย็นอุณหภูมิประมาณสิบถึงสิบแปดองศาฯ ลองจินตนาการบ้านเรือน ถนนเล็กๆ ริมคลองชิรากาว่า (Shirakawa River) ในเกียวโต ลองจินตนาการทางเดินทางจักรยานริมแม่น้ำคาโม่ (Kamo River) ยาวเหยียดเหนือจรดใต้ จินตนาการถึงต้นหลิวแตกยอดอ่อนเป็นสีเขียวจางๆ ไหวล้อสายลมอ่อนหวาน จินตนาการว่าเมืองทั้งเมืองเป็นสีฟ้า สีของแดดใสๆ สีขาว สีชมพู แล้วซากุระเหล่านี้ก็ไม่ได้มีชีวิตอยู่ตลอดทั้งปี ทางเทศบาลญี่ปุ่นดูแล ประคบประหงม ตัดแต่งกิ่ง อย่างที่ได้วางแผนเอาไว้แล้วว่า เมื่อดอกไม้บาน มันจะบานได้สวยจนปลิดขั้วหัวใจ ให้เราหลุดลอยฟุ้งๆ ไปกับความงามของสีขาว สีชมพู ในสายลมเย็นแห่งฤดูใบไม้ผลินั้น

โอ๊ยย แค่นั่งเขียนอยู่ตอนนี้ ฉันยังใจแทบขาด

 

 

นั่นคือครั้งแรกที่ฉันตกหลุมรักซากุระ และเป็นครั้งแรกที่ฉันตระหนักว่า ใช่ ความงามของซากุระเป็นความงามตามธรรมชาติ แต่มันจะไม่มีความหมายเลย หากไม่มีใครสักคนคิดว่า ความงามนี้จะถูกขับเน้นผ่านการจัดการออกแบบเพื่อชุบชูใจคน เพื่อให้ความงามนั้นได้สำแดงพลังของมันออกมาอย่างสูงสุด  และพลังแห่งความงามนั้นควรถูกใช้ไปทางที่ชุบชูจิตใจคน

แม้ประวัติศาสตร์ความงามของซากุระจะเคยเปื้อนเลือดเพราะชีวิตของนักบินพลีชีพในยุคสงคราม ถูกเปรียบประหนึ่งความเจิดจรัส งดงาม และชีวิตอันแสนสั้นของซากุระ  แต่หลังจากที่ญี่ปุ่นคิดได้แล้วว่า ควรจะดำเนินชีวิตไปบนเส้นทางของสันติภาพ ซากุระถูกปลุก ถูกออกแบบ และดูแลในฐานะ “สุนทรียะ” แห่งชาติ ที่จรรโลงและยกระดับจิตใจให้ลึกซึ้ง ละเอียดอ่อน หรืออย่างน้อยที่สุด หากจะมีความเศร้า ความหม่นหมองใดๆ ในชีวิต เพียงการได้เดินไปริมแม่น้ำลำคลอง ท่ามกลางดอกซากุระที่โปรยปรายร่วงลงมา – ชีวิตเศร้าหมองนั้นคงแจ่มใสขึ้นมาบ้าง

ในฐานะคนต่างชาติ ยังจำได้ถึงครั้งล่าสุดที่ได้ปั่นจักรยานไปในร่มเงาของซากุระ ริมแม่น้ำคาโม่ มันเป็นความรู้สึกว่า ถ้าพรุ่งนี้ต้องตายก็จะไม่เสียใจเลย หากชีวิตหนึ่งได้มี ณ ขณะจิตที่แสนสุข ได้สัมผัสสิ่งที่เรียกว่าเป็นความสงบอันดิ่งลงลึกมากในใจ รู้สึกถึงตัวที่เบา พอง ฟู ที่สงัดแต่เปี่ยมสุขแล้วก็เข้าใจได้อีกว่า ในสภาวะเช่นนี้ทำไมโลกจึงมีบทกวี ทำไมโลกจึงมีงานหัตถศิลป์งามๆ ทำไมจึงมีคนทำอะไรสวยๆ ออกมาให้เราได้ชื่นชม

เชื่อฉันไหมว่า เมืองที่งดงามนั้นขัดเกลาจิตใจของคนให้ละเมียดขึ้นได้ ขัดเกลาจิตใจคนให้อยากมอบความรักความปราถนาดีให้แก่กันและกันได้

ความงามของซากุระไม่ใช่ความบังเอิญ แต่คือการออกแบบ การวางแผน การจัดการต้นไม้ คือส่วนหนึ่งของการวางผังเมือง คือส่วนหนึ่งของการออกแบบเมืองที่ต้องการเห็นคนมีความสุข

แอบฝันเล็กๆ ว่าวันหนึ่ง กันเกรา เสลา ตะแบก หางนกยูง ชงโค และดอกไม้อื่นๆ ที่งดงามของเมืองร้อนอย่างบ้านเราจะถูกจัดวางไว้ในผังเมือง จะได้รับการดูแล  ตัดแต่งอย่างสวยงาม บนจินตนาการว่าวันหนึ่ง ฤดูหนึ่ง ที่มันบาน มันจะบานเพื่อนำความสุข ความอิ่มเอมใจ ความละเมียดละไม ความรัก และความประณีตในทุกทางมาสู่หัวใจของคนที่อยู่ในบ้านนั้นเมืองนั้น

คงเป็นเพราะความงามของซากุระสินะ ที่ทำให้ฉันกล้าฝัน “แรง” ขนาดนี้

 

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ