
The National Museum of Western Art Tokyo : มรดกโลกหนึ่งเดียวในสวนอุเอะโนะ

The National Museum of Western Art, Tokyo
มรดกโลกหนึ่งเดียวในสวนอุเอะโนะ
สถาปัตยกรรมช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในญี่ปุ่นน่าสนใจ เพราะมันเป็นจุดเริ่มต้นของสถาปัตยกรรมร่วมสมัยในญี่ปุ่นที่มีมาจนถึงทุกวันนี้ มีความเป็นเอกลักษณ์ในตัวเองสูง มีความคิดสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหาได้อย่างน่าทึ่ง แต่กว่าที่จะมาถึงวันนี้ ผมมีคำถามในใจว่าจุดเริ่มต้นนั้นเป็นอย่างไร?

หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลงเมื่อปี 1945 พร้อมความพ่ายแพ้ของญี่ปุ่นต่อตะวันตก สถาปัตยกรรมสมัยใหม่ได้หลั่งไหลเข้ามาตามกระแสนิยมในสมัยนั้น และยังมีการนำสถาปนิกตะวันตกเข้ามาออกแบบในญี่ปุ่นด้วย อย่างเช่น National Museum of Western Art ณ โตเกียว ที่เริ่มต้นจากงานศิลปะของนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น โคะจิโระ มะสึคะทะ ที่ได้สะสมไว้ถูกนำไปยังฝรั่งเศส แต่ทางรัฐบาลญี่ปุ่นได้รับงานศิลปะทั้งหลายกลับมาจากฝรั่งเศสเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง ของฟรีไม่มีในโลก ฉันใดก็ฉันนั้น ทางรัฐบาลฝรั่งเศสจึงได้สร้างเงื่อนไขว่าต้องให้สถาปนิกฝรั่งเศสชื่อว่า เลอ คอร์บูซิเยร์ ออกแบบงานนี้


การที่คอร์บูซิเยร์ได้มาออกแบบงานนี้ที่ญี่ปุ่น กลายเป็นรากฐานที่แข็งแรงให้กับเหล่าสถาปนิกหัวก้าวหน้าที่นิยมสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ ผสมไปกับความเรียบของปรัชญาเซน จนตกผลึกเป็นสถาปัตยกรรมร่วมสมัยของญี่ปุ่นในเวลาต่อมา คอร์บูซิเยร์ได้สถาปนิกชาวญี่ปุ่นมาช่วยงานนี้ 3 คนคือ คุนิโอะ มะเอะคะวะ, จุนโซะ สะคะคุระ และทะคะมะสะ โยะชิซะคะ ซึ่งในภายหลังทั้ง 3 คนนี้ได้กลายเป็นสถาปนิกที่สำคัญของประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมญี่ปุ่น


ตัวพิพิธภัณฑ์หันหน้าไปยังทิศใต้ ซึ่งมีแสงแดดพาดผ่านเป็นเวลาหลายเดือนในรอบปี ผนังด้านหน้าจึงถูกออกแบบให้เป็นผนังทึบ แต่ลูกเล่นที่ผลักให้ผนังกระจกด้านล่างถอยเข้าไป ทำให้ก้อนคอนกรีตกรุหินดูลอยออกมา ลดความกระด้าง คล้ายกับเรือนไทยที่ยกใต้ถุนสูง เมื่อผ่านเข้ามายังตัวอาคารจะเจอสิ่งที่สถาปนิกนิยมใช้เป็นลูกเล่นในงานของเขาคือ การใช้แสงธรรมชาติเข้ามาในงาน ส่วนทางเข้าพิพิธภัณฑ์ด้านใน ถูกออกแบบให้เป็นช่อง 3 เหลี่ยมที่หันรับแสงจากทางทิศเหนือที่ไม่จ้านักเข้ามา แสงพาดผ่านคานรูปกากบาทที่รับด้วยเสากลางโถงช่วยทำให้สเปซส่วนนี้พิเศษขึ้นกว่าเดิมมากเป็นพิเศษ


พื้นที่ภายในส่วนจัดแสดงงานจัดผังให้ยืดหยุ่นในการใช้งาน ห้องนิทรรศการจัดให้หลากหลายพร้อมเรียงรายด้วยงานศิลปะตระการตา ต้องใช้เวลาดูหลายชั่วโมงทีเดียวกว่าจะหมด หากเดินจนครบทุกแกลเลอรี่ ก็น่าจะสังเกตเห็นความพิเศษของแสงที่สถาปนิกต้องการให้เกิดความพิเศษในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้


การมาที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีส่วนสำคัญที่ควรจารึก ไม่ว่าจะเป็นคอลเลคชั่นงานศิลปะที่มีผลงานจากศิลปินระดับโลกจัดแสดงอยู่จำนวนมากเป็นประจำแล้ว ยังเป็นการมาเยือนแหล่งมรดกโลกที่เป็นสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ เนื่องจากคอร์บูซิเยร์ ผู้ออกแบบงาน ถือว่าเป็นสถาปนิกระดับตำนานของศตวรรษที่ 20 มีผลงานกระจายตัวอยู่ทั่วโลก แต่ผลงานที่ได้รับการประกาศว่าเป็นมรดกโลกจาก UNESCO World Heritage Site ปี 2016 และอยู่ในเอเชียมี 2 แห่งคือ กลุ่มอาคารศูนย์ราชการในเมืองจัณฑีครห์ อินเดีย และ National Museum of Western Art ญี่ปุ่น ในสวนอุเอะโนะนี่เอง

หากอยากพบความพิเศษของมรดกโลกผ่านเรื่องราวของแสง คอนกรีต ขอให้ลัดเลาะผ่านสวนอุเอะโนะ แล้วก้าวเท้าเข้ามายังเงาใต้กล่องคอนกรีตแห่งเลอ คอร์บูซิเยร์
ปล.งาน Tokyo Bunka Kaikan ที่อยู่ตรงข้าม National Museum of Western Art ก็ออกแบบโดย มาเอะคะวะ ศิษย์ของคอร์บูซิเยร์ที่มาช่วยทำงานนี้ ซึ่งออกแบบอย่างมีกลิ่นอายของ คอร์บูซิเยร์ มากเลยทีเดียว


Info
The National Museum of Western Art, Tokyo
Address : 7-7 Ueno-koen, Taito-ku, Tokyo 110-0007, JAPAN
Website : www.nmwa.go.jp/en/