MY BEST PART IN NAGASAKI : นางาซากิ เมืองน่ารักริมเกาะคิวชูที่คิดถึง
สารบัญ
นางาซากิ (Nagasaki) ชื่ออาจจะคุ้นหูใครหลายๆ คน เนื่องจากเป็นเมืองที่เก่าแก่และมีประวัติศาสตร์มากมาย แต่น้อยคนที่จะได้มีโอกาสมาเยี่ยมเยือนที่นี่ แต่สำหรับเราแล้วเราผูกพันกับที่นี่มากเพราะครั้งหนึ่งเราเคยได้มีโอกาสมาแลกเปลี่ยน (ที่นานมากๆ แล้ว) ที่เมืองนี้ ขอบอกเลยว่าเมืองนี้มีกลิ่นอายที่เป็นเอกลักษณ์มาก ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ผู้คน การเดินทาง หรือแม้แต่อาหาร หากอยากลองมาสัมผัสบรรยากาศที่ไม่เหมือนใคร เราอยากให้ลองมาที่นี่ดูสักครั้ง
อยากให้ทุกคนลองเปิดใจมาเที่ยวที่ นางาซากิ ดู แล้วคุณจะหลงรัก ไม่ก็ลองอ่านที่เราเขียนก่อนแล้วค่อยตัดสินใจก็ได้ บอกเลยว่าการเดินทางมาที่นี่ไม่ยากเลยนะ แค่นั่งเครื่องบินมาลงที่จังหวัดฟุกุโอกะแล้วนั่งรถไฟด่วนคาโมเมะ (Kamome Limited Express) จากสถานีฮากาตะ (Hakata Station) มาลงที่นางาซากิได้เลย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงก็มาถึงนางาซากิแล้ว เราเลยจะมาแนะนำสถานที่ทั้ง 7 ที่ต้องไปเมื่อมาเยือนนางาซากิ (ที่จริงมีเยอะกว่านี้มากแต่ขอเจาะสถานที่หลักๆ เดินทางสะดวกก่อนแล้วกัน)
01 สะพานแว่นตาเมะกาเนะบาชิ | Meganebashi Bridge
ถ้าอยากพบรักให้ลองไปเสี่ยงโชคที่หินรูปหัวใจดูสิ
มาเริ่มกันที่สะพานแว่นตาเมะกาเนะบาชิ (Meganebashi Bridge) ซึ่งที่เราเรียกสะพานแว่นตาเนี่ยอาจเพราะว่าตัวสะพานมีลักษณะเป็นรูปครึ่งวงกลม 2 วงติดกัน เมื่อมีการสะท้อนกับผิวน้ำแล้วทำให้ดูเหมือนเป็นรูปแว่นตา ซึ่งในสมัยก่อนถือว่าเป็นที่แปลกตามาก นอกจากนี้ยังเป็นสะพานหินที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นด้วย ควรลองเดินเรียบไปตามทางเดินริมฝั่งแม่น้ำหรือจะไปยืนถ่ายรูปกลางสะพานก็คงจะเท่ดีไม่น้อย ถ้าลงมาเดินตามฝั่งแม่น้ำก็จะพบหินจำนวนมากที่ก่อตัวเป็นกำแพง ตอนนั้นเราเดินตามแนวกำแพงไปเรื่อยๆ สายตาก็ดันไปสะดุดกับเจ้าหินที่เป็นรูปหัวใจเป็นทรงสวยงาม เลยอดไม่ได้ที่จะถ่ายรูปเก็บไว้
ที่นี่เป็นแลนด์มาร์คที่ควรไปถ่ายรูปเลยแหละ เราลองไปสืบประวัติมา พบว่าหินหัวใจเนี่ยถูกฝังไว้ตอนที่จะต้องรับมือกับน้ำท่วมในสมัยก่อน แต่ไม่มีเหตุผลที่ชัดเจนว่าทำไมถึงฝัง เราว่าอาจเป็นเพราะเวลาที่คนมาเห็นหินหัวใจนี้อาจจะทำให้มีชีวิตชีวาขึ้นมั้ง นอกจากนี้ยังสามารถไปขอให้เจอคนรักได้ด้วยนะ และมีตั้ง 20 ก้อนแหน่ะ ถ้าหากได้ไปเยือนล่ะก็ลองไปตามหาหินรูปหัวใจดูสิ แต่อาจจะหายากหน่อยเพราะอยู่ท่ามกลางหินอันมากมายก่ายกอง แต่เห็นว่าที่สวนโกลฟเวอร์ (Glover park) ก็มีเหมือนกัน
Info
สะพานแว่นตาเมะกาเนะบาชิ (Meganebashi Bridge)
Hours : เปิด 24 ชั่วโมง
Holiday : ไม่มี
Access : นั่งรถจากป้ายนางาซากิเอกิมาเอะ (Nagasaki Eki-Mae) ลงที่ป้ายนิงิวะอิบะชิ (Nigiwaibashi) แล้วเดินเลียบแม่น้ำไปอีก 150 เมตร ก็จะเจอกับสะพานแว่นตาเลย
02 ไชน่าทาวน์นางาซากิชินจิ | Nagasaki Shinchi China Town
เดินไปกินไปพร้อมกับสัมผัสกลิ่นอายจีนๆ ได้ที่ย่านชาวจีนใน นางาซากิ
ภาพ : www.airtrip.jp/
เรียกได้ว่าแค่เดินผ่านก็อดไม่ได้ที่จะต้องหยุดแวะ พอมองลอดผ่านไปแล้วนึกว่าอยู่ที่เมืองจีนเลยทีเดียว เพราะสีแดงสดของสถานที่นี้ช่างเตะตาจริงๆ เท่านั้นยังไม่พอ กลิ่นของอาหารที่ลอยตามลมมาช่างล่อตาล่อปากมาก ที่นี่ก็คือย่านไชน่าทาวน์ใน นางาซากิ หรือเรียกว่า ไชน่าทาวน์นางาซากิชินจิ (Nagasaki Shinchi China Town) เป็นชุมชนจีนที่เก่าแก่ขนาดใหญ่จนติดอันดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่นเลยนะ เดินเข้าไปก็จะพบร้านขายของเรียงรายกันเป็นแนวยาวเลย อยากบอกว่าที่นี่ของกินเยอะมาก
สิ่งที่ไม่ควรพลาดอย่างแรกคือ คาคุนิมัง (Kakuniman) จะเป็นเหมือนมันจูสอดไส้หมูสามชั้นตุ๋นที่จะรสชาติเหมือนหมูตุ๋นในพะโล้ แป้งมันจูว่านิ่มแล้วสามชั้นด้านในนิ่มกว่า กินแล้วละลายในปากเลย ยิ่งถ้ากินตอนร้อนๆ ที่เพิ่งออกจากหม้อนึ่งนะ เดอะเบสท์! (แต่ระวังลวกปากนะ) เอาเป็นว่าเลือกซื้อได้เลยเพราะมีขายหลายร้านมากๆ อร่อยทุกร้าน รับรองว่าชิ้นเดียวน่าจะไม่พอ
ภาพ : www.getnews.jp
ตามมาด้วย ขนมปังทอดไส้กุ้งหรือเรียกว่าฮาโตชิ (Shrimp Toast) จะเป็นขนมปังเล็กๆ ที่ข้างในอัดเต็มไปด้วยเนื้อกุ้งและไข่กุ้งแล้วนำไปทอด คล้ายๆ ติ่มซำ ฟิลเหมือนออเดิร์ฟบ้านเราเลย เคี้ยวเพลินเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีแบบกล่องเพื่อเอาไว้ซื้อเป็นของฝากได้อีกด้วยนะ
ภาพ : www.4travel.jp
ยังมีของกินต่างๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นของขึ้นชื่ออย่าง “นางาซากิจัมปง” ที่เป็นเหมือนราเมน และซาระอุด้ง แต่เดี๋ยวเราจะมาบอกร้านที่เด็ดดวงอีกทีนะ
Info
ไชน่าทาวน์นางาซากิชินจิ (Nagasaki Shinchi China Town)
Hours : 10:00-21:00 น.
Holiday : ไม่มี
Access : จาก JR นางาซากิ ให้นั่งรถรางสาย 1 หรือ 5 มาลงที่สถานีรถรางสุคิมาชิ (Tsukimachi Tram) ได้เลย หรือถ้านั่งแท็กซี่ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีเท่านั้น
03 สวนโกลฟเวอร์ | Glover Garden
สูดอากาศที่สวนดอกไม้สไตล์ตะวันตก
ภาพ : www.upload.wikimedia.org
ภาพ : www.japan-guide.com/
ชื่ออาจดูเหมือนสวนดอกไม้ธรรมดาๆ แต่ที่นี่ไม่ธรรมดาเลยนะ สวนโกลฟเวอร์ (Glover Garden) นี้มีมาจากชื่อพ่อค้าชาวสกอตแลนด์ที่ชื่อว่าโทมัส โกลฟเวอร์ (Thomas Glover) ที่ได้มาค้าขายกับญี่ปุ่นและสร้างสถาปัตยกรรมเหล่านี้เมื่อปี ค.ศ. 1900 เพื่อเป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งจะมีทั้งโซนอาคารที่เป็นโซนที่อยู่ของพ่อค้าคนนี้และโซนที่เปิดโล่งเพื่อให้ได้ชมวิวที่ประดับไปด้วยดอกไม้นานาชนิดและบ่อปลาคาร์ป จะบอกว่าสามารถเห็นเมืองนางาซากิได้ 360 องศาเลยเนื่องจากสวนโกลเวอร์ตั้งอยู่บนเนินเขา
ลืมบอกไปว่าที่นี่มีหินรูปหัวใจเหมือนที่สะพานแว่นตาเมะกาเนะบาชิด้วย ลองไปเดินหาดูกันได้เลย ถ้าเจอแล้วอย่าลืมเสี่ยงโชคเรื่องความรักด้วยนะ
Info
สวนโกลฟเวอร์ (Glover Garden)
Hours : 8:00 – 18:00 น.
Holiday : ไม่มี
Admission : ผู้ใหญ่ 610 เยน, นักเรียนมัธยมปลาย 300 เยน, นักเรียนชั้นประถมและมัธยมต้น 180 เยน
Access : จากสถานีรถรางโออุระเท็นชูโด-ชิตะ (Ouratenshudo-shita) สาย 5 เดินประมาณ 5 นาทีถึงสวนโกลฟเวอร์ ประตูทางเข้าจะอยู่ข้างๆกับโบสถ์โออุระ (Oura Cathedral) เลย
04 ภูเขาอินาสะ | Mt. Inasa
เต็มอิ่มกับวิวเมืองนางาซากิในยามค่ำคืน
ภาพ : www.travel.gaijinpot.com/
จุดที่มองเห็นวิวเมืองยามเย็นและแสงไฟอันอบอุ่นของจังหวัด นางาซากิ ได้ชัดเจนที่สุดคงหนีไม่พ้นที่ ภูเขาอินาสะ (Mt. Inasa) ที่ได้ติดอันดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น (อีกแล้ว) เลยว่าเป็นภูเขาที่มีจุดชมวิวยามค่ำคืนที่สวยจัดเลยก็ว่าได้ ซึ่งมีความสูง 333 เมตรเลยนะ แต่อย่าเพิ่งท้อไปนะทุกคน เราไม่จำเป็นต้องเดินขึ้นไป เพราะที่นี่มีกระเช้าเย้าแหย่ (นั่นกระเซ้า!) ให้ขึ้นไปถึงยอดเขาเลยแหละ ซึ่งไอตัวกระเช้าเนี่ยเป็นกระจกใสๆ ที่เราสามารถเพลิดเพลินวิวได้โดยรอบ หากขึ้นกระเช้าจะใช้เวลาประมาณ 5 นาที ราคาแบบเที่ยวเดียว 720 เยน แบบไป-กลับ 1230 เยน แต่กระเช้าจะปิดให้บริการช่วงกลางเดือนธันวาคม ยังไงก็ลองเช็คกับทางเว็บไซต์อีกที
Info
ภูเขาอินาสะ (Mt. Inasa)
Hours : 24 ชั่วโมง
Holiday : ไม่มี
Admission : ฟรี
Access : สามารถนั่งรถรถบัสหรือมาที่รถรางสถานีทาคาระมาชิ (Takaramachi Tram Station) แล้วเดินประมาณ 5 นาที หรือหากจะเดินขึ้นไปจากตีนเขาจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาทีก็ถึงยอด
05 สวนสันติภาพ | Peace Park
พื้นที่ที่เต็มไปด้วยความเงียบสงบในสวนสันติภาพ
สวนสันติภาพ (Peace Park) ถือเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญในการมาเยือน นางาซากิ เลยก็ว่าได้ ที่แห่งนี้มีประวัติอันมากมาย สวนแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อระลึกต่อเหตุการณ์ทิ้งระเบิดในอดีตและเเสดงถึงสันติภาพในญี่ปุ่นว่าจะไม่มีการก่อเหตุการณ์อะไรที่มันร้ายแเหมือนครั้งนั้นอีก และภายในสวนสาธารณะแห่งนี้ยังมีอนุสาวรีย์ต่างๆ อีกมากมายที่แสดงถึงสันติภาพ นอกจากนี้ยังมีโซนสำหรับพิพิธภัณฑ์ด้วยนะ หากใครอยากไปศึกษาประวัติศาสตร์เพิ่มเติมก็สามารถเดินจากสวนสันติภาพไปที่พิพิธภัณฑ์ระเบิดปรมาณูนางาซากิ (Nagasaki Atomic Bomb Museum) ได้เลย
Info
สวนสันติภาพ (Peace Park)
Hours : 24 ชั่วโมง
Holiday : ไม่มี
Admission : ฟรี
Access : สามารถนั่งรถรางไปลงที่สถานีเฮวะ คิเน็น โคเอ็น (Heiwa Kinen Kouen) ได้เลย และเดินประมาณ 3 นาทีก็เจอ หรือหากจะโดยสารโดยรถไฟ JR ให้ขึ้นที่สถานี นางาซากิ (Nagasaki Station) ไปลงสถานีมัทสึยามะ มาจิ (Matsuyama-machi Station)
06 ซะเซโบ | Sasebo
ตามล่าหาเบอร์เกอร์ยักษ์
ภาพ : www.ana-exj.jp-360.com/
นอกจากสวนสนุกสไตล์ฮอนแลนด์ชื่อดังอย่าง เฮาส์เทนบอช (HUIS TEN BOSCH) แล้ว ในเมืองซะเซโบ (Sasebo) ยังมีที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมให้ทำอีกมากมาย หลายคนอาจจะไปหาที่เที่ยวในตัวเมือง แต่ถ้าหากเป็นสายกินแบบเราก็คงจะทำเควสตามเก็บร้านเบอร์เกอร์ในซะเซโบให้หมดซะ เพราะของที่ขึ้นชื่อในเมืองนี้คือแฮมเบอร์เกอร์ หลายคนอาจจะตั้งคำถามว่ามาถึงญี่ปุ่นทำไมต้องมากินเบอร์เกอร์ ขอบอกเลยว่าเบอร์เกอร์ที่เมืองซะเซโบไม่ธรรมดา เพราะได้ถูกพัฒนามาจากตอนที่ทหารอเมริกามาตั้งถิ่นฐานที่ นางาซากิ ชาวญี่ปุ่นเลยได้อิทธิพลเจ้าแฮมเบอร์เกอร์นี้มาเต็ม ผสมกับความเป็นญีปุ่นเข้าไปจึงเกิดเป็นเบอร์เกอร์ที่มีลักษณะเฉพาะตัว หากไม่ได้รับประทานเบอร์เกอร์ถือว่ามาไม่ถึงซะเซโบเลยนะ
ภาพ : www.gurutabi.gnavi.co.jp/a/a_1933/
บอกเลยว่าแค่เห็นก็รู้เลยว่าอยู่ซะเซโบ เพราะแค่เดินออกจากสถานีก็จะเห็นสัญลักษณ์เบอร์เกอร์มาแต่ไกล ไม่ว่าจะเป็นป้ายหรือตัวมาสคอต ร้านเบอร์เกอร์มากมายผุดขึ้นอย่างกับดอกเห็ด ซึ่งแต่ละร้านก็จะมีรสชาติแตกต่างกันไปด้วยนะ คือถ้าไปตะลอนทัวร์ที่ซะเซโบ เราว่าควรไปลองเบอร์เกอร์ของแต่ละร้านไปเลย (ถ้าไม่อิ่มซะก่อนเพราะเบอร์เกอร์ใหญ่มากๆ) โดยที่เป็นต้นตำรับเลยก็คือร้านฮิคาริ (Shop Hikari) ที่สามารถหาซื้อได้ที่ร้านล็อกคิต (Log Kit) เบอร์เกอร์ร้านนี้จะใช้แผ่นเนื้ออัด 100% ราดด้วยมายองเนสสูตรลับของทางร้าน ที่ไม่ว่าใครได้ลิ้มรสจะต้องติดใจเลยแหละ และด้วยปริมาณที่เยอะมากๆ เราแนะนำว่าซื้อมาแบ่งกินกับเพื่อนที่ไปด้วยกันก็เวิร์คนะจะได้เผื่อท้องไว้สำหรับลองเบอร์เกอร์ร้านอื่นอีก
ภาพ : www.gurutabi.gnavi.co.jp
Info
ซะเซโบ (Sasebo)
Access : สามารถนั่งรถไฟ JR จากสถานี นางาซากิ (Nagasaki Station) มาลงที่เมืองซะเซโบ (Sasebo) ได้เลย หรือมาด้วยรถบัสก็ให้นั่งจากสถานี นางาซากิ เช่นกัน มาง่ายมาก
07 โบสถ์โออุระ | Oura Cathedral
ชมสถาปัตยกรรมอันสวยงามของโบสถ์คริสต์ชื่อดังในเมืองนางาซากิ
ภาพ : www.japan-tour.jp/th/node/9129
ถ้าสังเกตจากสถานที่ต่างๆ รวมถึงของกินอย่างเบอร์เกอร์ จะเห็นได้ว่าเมือง นางาซากิ ได้รับอิทธิพลจากต่างชาติมาไม่มากก็น้อย ซึ่งเมืองนี้ในอดีตแล้วนั้น หลายคนคงทราบกันดีว่ามีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย จึงทำให้ นางาซากิ กลายมาเป็นเมืองท่าการค้าที่สำคัญเลยก็ว่าได้ จึงไม่แปลกที่เราจะพบเห็นชาวต่างชาติมากมายในเมืองนี้ แล้วในเมือง นางาซากิ เนี่ยยังมีโบสถ์เยอะแยะเต็มไปหมดเหมือนกัน เราไปหาข้อมูลมาก็ต้องตกใจเลยทีเดียว เพราะโบสถ์เหล่านี้เก่าแก่มาก มากจนที่ว่าสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เลยก็ว่าได้ อย่างโบสถ์โออุระ (Oura Cathedral) ที่เป็นโบสถ์คริสต์นิกายคาทอลิกสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิคที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นเลยนะ และยังเป็น 1 ใน 12 แห่ง ที่เป็นที่รู้จักกันในหมู่นักท่องเที่ยวและได้เป็นทะเบียนมรดกโลกเมื่อไม่นานมานี้
Info
โบสถ์โออุระ (Oura Cathedral)
Hours : 8:00-18:00 น.
Admission : ผู้ใหญ่ 1,000 เยน, นักเรียนชั้นมัธยม 250 เยน, นักเรียนชั้นประถม 200 เยน
Holiday : ไม่มี
Access : นั่งมาลงที่สถานีโออิชิบะชิ (Oishibashi Station) และเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที หรือนั่งรถรางที่วิ่งผ่านเมืองนางาซากิและลงที่สถานีโออุระ เท็นชูโด ชิตะ (Oura Tenshudo-shita)