ปัญหาโสดจนเบื่อ ความรักเฉา จะหมดไป เพียงขอพรที่ศาลเจ้าแห่งความรักต่อไปนี้!
สารบัญ
ช่วงนี้ใครที่มีชีวิตรักเหี่ยวเฉา เป็นโสดมาจนเบื่อ หรืออยากให้ชีวิตรักกระชุ่มกระชวยมาทางนี้เลย ไปไหว้พระขอพรเรื่องความรักที่โตเกียวกัน ศาลเจ้า 5 แห่งต่อไปนี้ ได้ชื่อว่าเป็น “Power Spot” หรือแหล่งพลังของคนญี่ปุ่น เชื่อกันว่าถ้าได้ไปเยือนจะได้รับพลังเรื่องความรักมาเต็มๆ รอช้าอยู่ทำไม ไปกันเลย
“ศาลเจ้าฮิกาวะ”
ศาลเจ้าฮิกาวะ (Hikawa Shrine) ขึ้นชื่อเรื่องการขอพรเรื่องความรักอยู่แล้ว ตั้งอยู่หลายแห่ง แต่ที่มีชื่อเสียงที่สุดน่าจะเป็นในจ.ไซตามะ (Saitama) ที่โตเกียวก็มีเหมือนกัน ตั้งอยู่ในเขตอากาซากะ (Akasaka) เลยมีชื่อเรียกว่าศาลเจ้าอากาซากะฮิกาวะ ศาลเจ้าที่เต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียวครึ้มแห่งนี้ สร้างขึ้นมาเป็นพันปีมาแล้ว ชาวญี่ปุ่นนิยมขอพรเรื่องความรักที่ศาลเจ้าแห่งนี้มาตั้งแต่สมัยโบราณ และมักจะซื้อเครื่องรางกัน เครื่องรางที่ได้รับความนิยมคือ เครื่องรางรูปกาน้ำนั่นเอง เชื่อกันว่ามันจะช่วย “ต้ม” และ “เท” ความสุขให้เราได้ ซึ่งถ้าความรักทำให้เรามีความสุข ก็จัดเลย
นอกจากนี้ยังมีการจัดพิธีขอพรเรื่องความรักกันเป็นประจำ เดือนละ 1 ครั้ง เป็นงานที่ได้รับความนิยมและมีกระแสตอบรับดีมากจนต้องจองที่นั่งกันล่วงหน้าเป็น 3-4 เดือน เพราะรับแค่ครั้งละ 30 คนเท่านั้น ผู้เข้าร่วมพิธีจะได้รับเครื่องรางเป็นหวี ที่เรียกว่า ชิอาวาเสะมิกุชิ และ เมล็ดครามในห่อผ้าอันเล็ก เครื่องรางรูปหวีเป็นสัญลักษณ์ของความรักระหว่างเทพเจ้าซูซาโนะโอะกับเจ้าหญิงคุชินาดะ (ในเรื่องเล่าเรื่องหนึ่ง ท่านซูซาโนะโอะแปลงร่างเจ้าหญิงเป็นหวีเสียบผม เพื่อซ่อนตัวนางจากอสูรที่จะมากินตัวนาง) แถมคำว่า “ชิอาวาเสะ” ยังแปลว่า “ความสุข” ด้วย ส่วนเมล็ดครามนั้น เชื่อกันว่าคือเมล็ดพันธุ์แห่งความรักนั่นเอง
วิธีเดินทาง
ขึ้นรถไฟไปลงสถานีอากาซากะ (Akasaka) แล้วเดินต่อไปประมาณ 7 นาที
“ศาลเจ้าโตเกียวไดจินกู”
ศาลเจ้าโตเกียวไดจินกู (Tokyo-daijingu Shrine) ในเขตชิโยดะ (Chiyoda) ของเมืองโตเกียว ก่อตั้งขึ้นในปี 1880 เพื่อบูชาเทพเจ้า “อามาเทราสุ” ซึ่งเป็นเทพเจ้าประจำศาลเจ้าอิเซะ (จังหวัดมิเอะ) ก็เลยมีชื่อเล่นเก๋ๆ ว่า “โออิเซะซามะ” ของเมืองโตเกียว โดยปกติศาลเจ้าแห่งนี้มีความสำคัญมากสำหรับคนญี่ปุ่นอยู่แล้ว เพราะเทพเจ้า “อามาเทราสุ” นับเป็นต้นตระกูลของจักรพรรดิญี่ปุ่น แต่ไม่ใช่แค่นั้นนะ ที่นี่ยังเป็นสถานที่บูชาเทพเจ้าอีกสามองค์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการสร้างและการเติบโต อีกทั้งประเพณีการแต่งงานแบบชินโตก็เริ่มขึ้นเป็นครั้งแรกที่นี่อีก จึงมีความเชื่อต่อๆ กันมาว่า หากใครมาไหว้พระขอเทพเจ้าเรื่องความรักที่ศาลเจ้าไดจินกูล่ะก็จะสมหวังแน่นอน
เครื่องรางเกี่ยวกับความรักมีหลายแบบเลย แต่ที่ดังที่สุดต้องอันที่เรียกว่าเครื่องราง “สึซึรันรัน” (Suzuran) ดอกสึซึรันเป็นสัญลักษณ์ของความรักอันบริสุทธิ์ เป็นดอกไม้ที่ใช้กันในงานแต่งงานด้วย และที่เรียกชื่อเช่นนั้นก็เพราะเครื่องรางทำเป็นรูปดอกสึซึรัน ด้านในดอกไม้มีกระดิ่งอันเล็กๆ ส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งน่ารัก เก็บไว้กับตัวตลอดล่ะ จะได้เฮงเรื่องความรักกับเขาสักที
วิธีเดินทาง
ขึ้นรถไฟไปลงสถานีอีดาบาชิ (Iidabashi) แล้วเดินต่อไปประมาณ 5 นาที
“ศาลเจ้าโตเกียวอาตาโกะและบันไดสู่ความสำเร็จ”
ศาลเจ้าอาตาโกะ (Atago Shrine) ตั้งอยู่บนเนินเขากลางเมืองโตเกียว ต้องเดินขึ้นบันไดไปสูงมากกว่าจะถึงตัวศาลเจ้า ซึ่งบันไดนี้ล่ะเป็นจุดเด่นจุดหนึ่งของศาลเจ้าแห่งนี้เพราะได้ชื่อว่าเป็น “บันไดสู่ความสำเร็จ” พวกนักธุรกิจหนุ่มสาวชอบเดินขึ้นเนินไปขอพรเรื่องการงานกันที่นี่หลังเลิกงาน แต่ขอบอกว่าไม่ใช่แค่นั้น ผู้หญิงโดยเฉพาะคนที่อยู่ในวัย 30 นิยมมาขอพรเรื่องความรักที่นี่เหมือนกัน เพราะหนึ่งในเทพเจ้าของศาลเจ้าแห่งนี้คือเทพเจ้าโฮมุซุบิ หรือเทพเจ้าแห่งไฟ และเขาเชื่อกันว่าท่านเทพเจ้าจะจุดไฟรักให้โชติช่วงชัชวาล
ส่วนเครื่องรางที่ช่วยเรื่องความรักของที่นี่มีรูปแบบเก๋ไก๋คือ รูปไม้ตีลูกดอก ตีเรื่องร้ายๆ ออกจากตัว เช่น ถ้าแฟนเจ้าชู้ก็ให้เอมะจัดการตีความเจ้าชู้นั้นออกจากตัวเขาเสีย โอ้โห น่าสนใจจริงๆ ภายในศาลเจ้ายังมีจุดให้ขอพรอีกหลากหลาย เช่นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ มาขอพรเรื่องความรักแล้วยังได้พรเรื่องอื่นๆ ไปด้วย ฟินกันละทีนี้ อ่อ มีเคล็ดลับที่ไม่ลับอีกเรื่อง ว่ากันว่าขาไปเดินขึ้น “บันไดสู่ความสำเร็จ” แล้ว ขากลับก็อย่าเดินลงบันได มีทางลงเป็นเนินลาดอยู่อีกด้านของศาลเจ้า ให้ใช้ทางนั้นนะ จะได้เฮงๆๆๆ ขึ้นไปเรื่อยๆ
วิธีเดินทาง
ขึ้นรถไฟไปลงสถานีโทระโนะมง (Toranomon) หรือสถานีคามิยาโช (Kamiyacho) แล้วเดินต่อไปประมาณ 10 นาที
“ศาลเจ้าอิมาโดะ”
ศาลเจ้าอิมาโดะ (Imado Shrine) เป็นสถานที่บูชาเทพเจ้าอิซานางิและเทพเจ้าอิซานามิ ซึ่งเป็นเทพเจ้าที่แต่งงานกัน ก็เลยกลายเป็นสัญลักษณ์ของความรักและความผูกพันไปโดยปริยาย คนจึงชอบมาขอพรเรื่องความรักที่นี่ นอกจากนี้ ศาลเจ้ายังจัดงานดูตัวด้วยล่ะ อาจจะฟังดูแปลกแต่เป็นเรื่องจริง ทำเป็นกิจลักษณะเลย มีการเปิดให้ลงทะเบียนและกำหนดวันอย่างชัดเจน และในงานดูตัวนี้หนุ่มสาวจะมีโอกาสคุยและสานสัมพันธ์กัน มีผู้เคยเข้าร่วมงานแล้วกว่า 8,000 คน และมีหลายคู่ที่คบจนได้แต่งงานกันไปเรียบร้อย
นอกจากนี้ ศาลเจ้ายังมีแมวกวักศักดิ์สิทธิ์อยู่คู่หนึ่งด้วยนะ เป็นรูปปั้นปูนของแมวกวักที่หน้าเหมือนกันเป๊ะอย่างกับแมวแฝด นั่งกวักอยู่ด้านหน้าตัวศาลเจ้า ว่ากันว่าถ้าได้ถ่ายรูปของแมวกวักและเซฟเก็บเอาไว้เป็นรูปหน้าจอมือถือแล้วล่ะก็ ขออะไรก็สมหวัง แถมมีโชคติดตัวตลอดเวลา ถ้าจะให้เลิศกว่านั้นก็สอยเครื่องรางที่เป็นรูปแมวคู่มา หรือจะให้เพิ่มระดับความสมหวังอีกก็เขียนขอพรเรื่องความรักลงในแผ่น “เอมะ” หรือแผ่นไม้สำหรับขอพรแล้วแขวนเอาไว้ในศาลเจ้าด้วย รับพลังเลิฟกันเต็มที่ล่ะนะคราวนี้
วิธีเดินทาง
ขึ้นรถไฟไปลงสถานีอูเอโนะ (Ueno) หรือสถานีอินาริโช (Inaricho) แล้วเดินต่อไปอีกไม่เกิน 10 นาที
“ศาลเจ้าคันดะเมียวจิน”
ศาลเจ้าคันดะเมียวจิน (Kanda Myojin Shrine) มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากว่า 1,300 ปีแล้ว ที่นั่นบูชาเทพเจ้าโอนามุชิ (หรืออีกชื่อหนึ่งคือเทพเจ้าโอคุนินุชิแห่งศาลเจ้าอิซุโมะ) ซึ่งท่านเป็นเทพเจ้าแห่งความปรองดองและการแต่งงาน จึงได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในศาลเจ้าของเมืองโตเกียวที่ค่อนข้างโด่งดังเรื่องการขอพรเรื่องความรัก ไม่ใช่แค่เรื่องความรักสำหรับหนุ่มสาวโสดอย่างเดียว แต่ผู้ที่มีคู่แล้วก็นิยมมาขอพรให้ชีวิตคู่ราบรื่นและมีความสุขด้วย
เครื่องรางด้านความรักของศาลเจ้าแห่งนี้ก็มักมาเป็นคู่ เช่น เครื่องรางรูปปิ่นปักผมอันจิ๋วคู่หนึ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของคู่รักหนุ่มสาว ที่นอกจากจะให้พรเรื่องความรักแล้ว ยังออกแบบมาได้น่ารักมากๆ และยังมีเครื่องรางที่มาเป็นคู่อีกแบบที่ถ้าผู้หญิงถืออันหนึ่ง ผู้ชายถืออันหนึ่งแล้วจะรักกันหวานชื่นจนน้ำตาลชิดซ้าย ที่เด็ดกว่านั้น ทางศาลเจ้ามีสติ๊กเกอร์ไลน์ความรักให้ดาวน์โหลดส่งหากันด้วยล่ะ มีรูปเทพเจ้าโอนามุชิแบบการ์ตูนด้วย น่ารักไปอีกแบบ
วิธีเดินทาง
ขึ้นรถไฟไปลงสถานีโอชะโนะมิสุ (Ochanomizu) แล้วเดินต่ออีกไม่เกิน 10 นาที
ได้ไอเดียเรื่องแหล่งขอพรเรื่องความรักในโตเกียวกันไปแล้ว ก่อนจะจบมีเคล็ดลับมาบอกเรื่องหนึ่ง ปกติเขาจะเก็บเครื่องรางติดตัวกันแค่ 1 ปีเท่านั้นนะ หลังจากผ่านฤดูกาลมา 4 ฤดูแล้ว ต้องไปบูชามาใหม่เพื่อความศักดิ์สิทธิ์ ขอให้ทุกคนโชคดีเรื่องความรักนะ : )