แวะมาดูโปรแกรมออกกำลังกาย ลดน้ำหนักที่ Bo’di:k Thailand กัน ^ ^
ตอนนี้คงปฏิเสธไม่ได้เลยนะคะว่าเทรนด์การรักสุขภาพ การดูแลตัวเองกำลังเป็นที่สนใจ เนื่องจากการดูแลสุขภาพนั้นช่วยให้ร่างกายเราแข็งแรง ไม่เจ็บไข้แล้ว เรายังจะได้รูปร่างที่ดีเป็นของแถมอีกด้วย ส่วนตัวเล็กเองเป็นคนชอบรับประทานขนมหวาน เค้กต่างๆ บิงซู แถมชานมไข่มุกยังเพิ่มความหวานมันด้วยนะ คิดดูสิคะว่าจะเป็นยังไง นอกจากสะสมไขมันส่วนเกินเยอะแล้ว เวลาออกกำลังกายก็ไม่ค่อยมีค่ะ จะไปฟิตเนสก็รู้สึกอายจัง เล่นอุปกรณ์ต่างๆ ก็ไม่เป็นอีก มีใครเป็นเหมือนเล็กไหมคะ วันนี้เล็กจะมาแนะนำฟิตเนสที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ครบเลยค่ะ
ฟิตเนสนั้นก็คือ Bo’di:k Thailand อยู่ที่อาคารไทม์ สแควร์ชั้น 3 เดินทางสะดวกมากเลยเพราะมีทางเชื่อมจากรถไฟฟ้า BTS สถานีอโศก เรียกว่าอยู่ใกล้ๆย่านออฟฟิศเลยทีเดียวอีกทั้งเจ้าของยังเป็นคนญี่ปุ่นสุดหล่อ มีทีมเทรนเนอร์ทั้งคนไทยและคนญี่ปุ่นน่ารักๆคอยให้คำปรึกษาเรื่องการออกกำลังกายและการลดน้ำหนักที่เหมาะสมด้วยละ ที่สำคัญคือเป็นห้องฟิตเนสส่วนตัวค่ะ มีเทรนเนอร์คอยสอนทุกคอร์สเลย เราสามารถจองเวลาได้ ช่วยลดอาการเขินอายต่อหน้าคนอื่นขณะออกกำลังกายได้ด้วยค่ะ
ขอแนะนำตั้งแต่แรกเดินเข้าสู่ฟิตเนสเลยนะคะ อย่างที่บอกไปค่ะ ที่นี่เดินทางมาสะดวกเพราะเดินจากสถานีรถไฟฟ้ามาได้เลย เมื่อไปถึงจะมีน้องแอดมินและเทรนเนอร์คอยต้อนรับ เล็กได้พบเทรนเนอร์ชื่อคุณภาณินหรือคุณเต่าค่ะ โดยคุณเต่าแนะนำเรื่องโปรแกรมลดน้ำหนักของที่นี่ว่าเป็นยังไงบ้าง ซึ่งโปรแกรมนี้จะสนับสนุนทั้งด้านการออกกำลังกายควบคู่กับการรับประทานอาหารเพื่อผลลัพธ์ที่ดีค่ะ
โปรแกรมลดน้ำหนักประกอบด้วย Low Carb Diet ที่แนะนำเรื่องการรับประทานอาหาร คุณเต่าได้ให้ข้อมูลกับเล็กว่าเมื่อเรารับประทานอาหารที่ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต เช่น ข้าว ขนมปัง นม น้ำอัดลม ขนมขบเคี้ยว และขนมหวาน (ทั้งหมดนี้ของโปรดเลยค่ะ T_T) ตัวคาร์โบไฮเดรตจะเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมใต้ผิวหนัง นอกจากตัวไขมันเองแล้วอาหารชนิดอื่นๆก็เปลี่ยนเป็นไขมันได้เช่นกัน คุณเต่าแนะนำว่าควรรับประทานอาหารครบทุกมื้อ แต่ให้ลดปริมาณลงไม่ได้บอกว่าให้งดอาหารนะคะ แต่เลือกรับประทานให้เหมาะสม โดยทาง Bo’di:k Thailand จะแนะนำผ่าน Line Application ว่ามื้อไหนควรรับประทานอะไรบ้าง
องค์ประกอบต่อมาของโปรแกรมนี้คือ Weight Training เน้นการออกกำลังกายกล้ามเนื้อมัดใหญ่ โดยกล้ามเนื้อมัดใหญ่อยู่บริเวณต้นขา หน้าท้อง หน้าอก และหลังของเราค่ะ “ทำไมถึงต้องเน้นส่วนนี้ด้วยคะ” คุณเต่าก็ให้คำตอบว่า หากระบบกล้ามเนื้อมัดใหญ่สมบูรณ์ ระบบเผาผลาญก็จะดีขึ้นด้วยค่ะ ทั้งนี้ Weight Training นั้นจะเล่น 1 ชั่วโมงต่อวัน โดย 2 วันต่อสัปดาห์ เพื่อให้กล้ามเนื้อของเราได้พักบ้าง
เมื่อทราบรายละเอียดทั้งหมด เราก็เริ่มขั้นตอนการเทรนเป็นลำดับถัดมาค่ะ ทาง Bo’di:k Thailand มีเสื้อผ้าให้บริการนะคะ หรือเราจะเตรียมไปเองก็ได้ เทรนเนอร์อาจหมุนเวียนกันไป หรือกำหนดเป็นรายบุคคลก็ได้ค่ะ ตอนแรกได้ฟังเล็กก็ตกใจว่าถ้าเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ เราจะลดน้ำหนักได้ตามโปรแกรมไหม แต่ที่นี่จะมีการจดบันทึกว่าตอนเราเข้ารับบริการนั้น น้ำหนัก ส่วนสูง ค่าของน้ำใต้ผิวหนังเป็นเท่าไร เทรนเนอร์คนก่อนสอนอย่างไรบ้าง เมื่อฟังคำอธิบายแล้วเล็กค่อยเบาใจค่ะ สาเหตุที่ต้องจดบันทึกเพราะจะได้เห็นว่าตัวเรามีพัฒนาการไปถึงขั้นไหน ส่วนเทรนเนอร์เองก็จะได้ทราบว่าคนก่อนๆสอนไว้ยังไงบ้างเพื่อความต่อเนื่องของโปรแกรม
การเทรนจะเริ่มที่การอบอุ่นร่างกายก่อนค่ะ เทรนเนอร์จะทำให้ดูเป็นตัวอย่าง โดยเริ่มด้วยท่าแพลงกิง (Planking) ซึ่งให้ผลดีต่อกล้ามเนื้อหน้าท้องโดยตรงและท่าบริดจ์ (Bridge) ซึ่งบริหารกล้ามเนื้อก้น ช่วยยกกระชับสะโพกและต้นขาได้ดีทีเดียวค่ะ เมื่อเทรน 2 ท่านี้เสร็จ เล็กรู้สึกว่าเริ่มตึงๆ บริเวณต้นขาด้านหน้า น่อง และบริเวณหน้าท้องแล้วค่ะ หลังจากอบอุ่นร่างกายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มบริหารร่างกายโดยมีโปรแกรมของทาง Bo’di:k จะเริ่มที่การบริหารร่างกายส่วนบนก่อน โดยเริ่มจากท่าแรกดังนี้
ท่าที่ 1 Lungh
เป็นท่าบริหารโดยการย่อขาเพื่อกระชับกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้าและกล้ามเนื้อบริเวณสะโพก ต่อด้วยท่า Calf raise เพื่อบริหารน่อง โดยให้ยืนหันหน้าเข้าหากำแพงและใช้มือยันไว้ เขย่งปลายเท้าให้สูงขึ้นเพื่อให้น่องรู้สึกเกร็ง ได้ยินแบบนี้แล้วเริ่มตึงๆกันแล้วใช่ไหมคะ
ท่าที่ 2 Bench Press
เนื่องจากเล็กเป็นผู้เริ่มออกกำลังกาย เทรนเนอร์จึงให้ยกแค่ 10 กิโลกรัมก่อน โดยใช้อุปกรณ์ช่วยยกน้ำหนักแบบนอนค่ะ การนอนยกน้ำหนักจะช่วยฝึกกล้ามเนื้อหน้าอก หัวไหล่ และแขนค่ะ จากนั้นจึงตามด้วยท่า French Press เป็นท่าเล่นเวทสำหรับกล้ามเนื้อหลังแขน เริ่มด้วยการนั่งที่ม้ายกดัมเบลล์ จากนั้นใช้มือทั้งสองข้างถือดัมเบลล์ เหยียดแขนตรงยกขึ้นเหนือศีรษะจนรู้สึกตึง ค่อยๆ งอบริเวณข้อศอกที่ถือดัมเบลล์ไปด้านหลัง และเหยียดแขนกลับสู่ท่าเริ่มต้นดังเดิม
ท่าที่ 3 Seated Row
ท่านี้ต้องพึ่งอุปกรณ์โดยนั่งหันหน้าเข้าหาเครื่อง จากนั้นจับสายเคเบิลในตำแหน่งต่ำกว่าหัวไหล่ แอ่นอกมาด้านหน้าเล็กน้อย เมื่อพร้อมแล้วก็ดึงสายนั้นให้อยู่ในระดับหน้าท้องจึงนับเป็น 1 เทคนิคของท่านี้คือรักษาระดับหลังให้ตั้งตรงและอย่าดึงสูงถึงหน้าอก เน้นให้หลังได้ออกแรงเต็มที่ ช่วยบริหารกล้ามเนื้อหลัง
ท่าที่ 4 สุดท้ายคือ Revers Crunch
เนื่องจากการบริหารร่างกายต้องใช้แรงเยอะ ประโยชน์ของท่านี้คือ ลดพุง หรือหน้าท้องเรานี่แหละ สร้างกล้ามเนื้อท้อง กระชับกล้ามเนื้อท้อง แถมยังช่วยลดต้นขาและกระชับก้นด้วยนะคะ ข้อควรระวังสำหรับท่า Reverse Crunch คือ ห้ามงอข้อศอกเข้าหาลำตัวค่ะ ควรกางข้อศอกออก ห้ามใช้มือยกศีรษะ ควรใช้แรงดันตัวขึ้นมา อย่าก้มหน้าเชียวเดี๋ยวหายใจไม่ออกนะ ให้เงยหน้าไว้ เนื่องจากการบริหารร่างกายต้องใช้แรงเยอะ จึงจำเป็นจะต้องเน้นบริหารขาก่อนค่ะ
เกือบลืมเล่าไปค่ะว่ามีน้ำดื่มอะมิโนแอซิด (Amino-acid) ให้ดื่มระหว่างการเทรนด้วยนะ “ทำไมเราต้องดื่มด้วยล่ะ” หลายๆท่านคงแอบงงแน่เลย เล็กก็เช่นกันค่ะ 555 คำตอบก็คือเพราะในน้ำดื่มอะมิโนแอซิดนั้นประกอบด้วยน้ำและโปรตีน จะป้องกันการสูญเสียกล้ามเนื้อระหว่างออกกำลังกายค่ะ หลังจากเล่นเสร็จเทรนเนอร์จะชงเวย์โปรตีน (Way Protein) ให้รับประทานด้วยนะคะ เพื่อเสริมเสร้างกล้ามเนื้อนั่นเอง
เล่าถึงตอนสุดท้ายแล้ว เรื่องออกกำลังไม่ยากเลยค่ะ จบ 1 ชั่วโมงอย่างรวดเร็วจนทำให้เล็กรู้สึกอยากมาต่ออีก 3 วันข้างหน้า อยากทราบว่าเทรนเนอร์จะสอนท่าอะไรต่อไป อย่างที่บอกข้างต้นว่าเป็นห้องส่วนตัว ทุกท่านคงคิดว่าแพงแน่เลย ที่นี่ไม่ได้แพงอย่างที่คิดค่ะ มีคอร์สทดลองเริ่มต้นที่ 6 ครั้ง ด้วยนะคะ
สำหรับคนรักสุขภาพ ติดตามโปรโมชั่นดีๆ คลิก! ↓