Kagurazaka : เดินเที่ยวคากุระซากะ นี่สินะ…ย่านคนรวยของโตเกียว
พวกเราคุ้นเคยกันดีกับย่านใหญ่ๆ ในโตเกียว ไม่ว่าจะอุเอโนะ ชิบูย่า ชินจูกุ หรือกินซ่า แต่น้อยคนที่จะรู้จัก “คากุระซากะ (Kagurazaka : 神楽坂)” หนึ่งในย่านคลาสสิกที่แฝงตัวอยู่ ณ ใจกลางเมืองไม่ไกลจากย่านใหญ่ๆ ทั้งหลายที่ได้บอกไปข้างต้นเลย
ภาพ: bit.ly
ย่านนี้น่าสนใจอย่างไร ?
ก่อนรับประทาน Main Course ผมขอเสิร์ฟ Hors d’oeuvres (ออเดิร์ฟ) อาหารเรียกน้ำย่อยให้ทุกคนได้ลิ้มลองก่อนด้วยแบ็กกราวด์คร่าวๆ ของย่านนี้ เชื่อเลยว่ามันจะถูกลิสต์อยู่ในแผนการเที่ยวครั้งหน้าของคุณแน่นอน
คากุระซากะเป็นหนึ่งในย่านที่เก่าแก่ที่สุดของโตเกียวมาตั้งแต่สมัยเอโดะ ด้วยถูกพัฒนามาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 เป็นย่านชนชั้นสูงของเหล่าขุนนางทั้งหลาย เพราะตั้งอยู่ใกล้ Edo Castle หรือ ปราสาทเอโดะเก่า (ปัจจุบันคือพระราชวังอิมพีเรียล)
นอกจากการเป็นที่อยู่อาศัยแล้ว ในสมัยเมจิยังเป็นพื้นที่ที่ใช้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง บุคคลสำคัญต่างๆ เพราะละแวกนั้นอุดมไปด้วย Ryotei (料亭) ร้านอาหารญี่ปุ่นชั้นสูงแบบดั้งเดิม เสิร์ฟอาหารแบบไคเซกิสุดอลังการในห้องส่วนตัว และมักเชิญเกอิชามาเต้นระบำเพื่อมอบความบันเทิง
ธรรมเนียมสมัยก่อน ร้านประเภทนี้ลูกค้าต้องได้รับคำเชิญไปรับประทานเท่านั้น (Invitation Only) ถึงจะเข้าร้านได้ นั่นได้เพิ่มความเป็น VIP เข้าไปอีก (Ryotei หลายร้านยังคงอยู่มาถึงปัจจุบันและสามารถใช้บริการได้โดยไม่ต้องผ่านการเชิญ เพียงแค่จองล่วงหน้า)
ภาพ: bit.ly
แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน อะไรๆ ก็เริ่มเปลี่ยน ปัจจุบันคากุระซากะถูกตั้งฉายาว่า “Little Paris” เพราะเต็มไปด้วยร้านคาเฟ่สวยเก๋ตลอดสองข้างทาง ด้วยอิทธิพลของชาวฝรั่งเศสที่แห่เข้ามาตั้งแต่ยุค 80’s เสริมด้วยสถาบันการศึกษาชั้นนำอย่าง The Lycée Franco-Japonais de Tokyo และ L’ Institut Franco-Japonais de Tokyo รวมถึงเหล่าชาวต่างชาติที่มาทำงานในญี่ปุ่น (Expats) ที่หอบหิ้ววัฒนธรรมการกินดื่มแบบฝรั่งเศสเข้ามา
– เป็นชุมชนฝรั่งเศสที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นก็ว่าได้
– เป็นที่รู้กันว่าใครอยากกินอาหารฝรั่งเศสแท้ๆ ต้องมาคากุระซากะ
– กลุ่มนักเรียนนอกชาวญี่ปุ่นที่ไปศึกษาเล่าเรียนในยุโรป โดยเฉพาะฝรั่งเศส มักมีรสนิยมชื่นชอบมาสังสรรค์ในย่านนี้
ความรุ่มรวยทางประวัติศาสตร์ผสมผสานกับวัฒนธรรมคาเฟ่ของยุคสมัยใหม่ แปลงโฉมให้คากุระซากะเป็นย่านที่มีระดับ มีภาพลักษณ์แบบผู้ดีที่กลุ่มคนมีอันจะกินชาวโตเกียวไม่น้อยเลือกอยู่อาศัยและใช้เป็นแหล่งแฮงเอาท์ ผมขอเสริมอีกจุดเรื่องบรรยากาศของย่านก็มีมนตร์ขลังอย่างบอกไม่ถูก
Kagurazaka Dori คือถนนเส้นหลักที่พาดผ่านศูนย์กลางของย่าน เป็นเพียงถนนสวนกันฝั่งละ 1 เลนเท่านั้น รายล้อมไปด้วยตึกอาคารขนาด 3-4 ชั้น โดยชั้นล่างเป็นร้านค้า-ร้านอาหารสวยเรียงรายเต็มสองข้างทาง ส่วนมากคือที่มั่นของคาเฟ่สไตล์ฝรั่งเศส-อิตาลีเลิศๆ
ฟีลลิ่งแรกที่มอบแก่ผู้มาเยือนก็คือ ความอบอุ่นใกล้ชิด ผ่อนคลายด้วยคาเฟ่เจริญหูเจริญตา (ที่ต้องรีบยกกล้องถ่าย!) อนึ่ง ย่านนี้มีพื้นที่กายภาพเป็นสโลปทางลาดชัน จึงมอบทัศนียภาพที่ไม่จำเจ แต่ถนนเส้นหลักกลับไม่ได้บ่งบอกความเป็นตัวตนของย่านนี้เทียบเท่ากับตรอกทางเดินยิบย่อยทั่วทั้งย่าน ซึ่งสร้างมาตั้งแต่สมัยเอโดะ (หลายจุดเข้าถึงได้ด้วยการเดินเท้าเท่านั้น) เรียกว่าถ้าคุณไม่ใช่คนในพื้นที่จริงๆ ก็ยากที่จะสำรวจได้ครบทุกร้าน
ภาพ: bit.ly
Little Paris อยู่ฉากหน้า…Little Kyoto อยู่ฉากหลัง!
รู้หรือไม่? ตรอกซอกซอยในคากุระซากะได้รับการขนานนามว่าเป็น “Little Kyoto” เพราะหลายซอยสร้างมานาน ทั้งพื้นทางเดินยังทำด้วยหินแบบยุคสมัยก่อน เดินแถบนี้เหมือนได้ย้อนเวลาไปในอดีต เป็นคาแรคเตอร์ที่ยังคงรักษารากเหง้าไว้ได้เป็นอย่างดี
ภาพ: bit.ly
แถมบรรดาร้านค้าร้านอาหารเก่าแก่ก็มักตั้งอยู่ในซอยเหล่านี้ ในยามค่ำร้านรวงจะมอบแสงไฟสีนวลสลัวๆ ที่มีบ้านไม้-ต้นไผ่เป็นองค์ประกอบ ให้กลิ่นอายหมู่บ้านเอโดะแบบญี่ปุ่นยุคก่อน เหมือนไม่ได้อยู่โตเกียว!
ที่สำคัญนักท่องเที่ยวย่านนี้ถือว่าน้อยมาก คนส่วนใหญ่ที่เดินผ่านไปมาคือคนญี่ปุ่นและมักเป็นคนท้องถิ่นหรือที่อยู่ในพื้นที่ละแวกนี้ ถ้าคุณเบื่อหน่ายกับมวลมหานักท่องเที่ยวตามย่านใหญ่ๆ ขอให้หนีมาที่คากุระซากะได้เลย
ภาพ: bit.ly
ย่านนี้ยังมีปัญญาชนจาก Tokyo University of Science และ Waseda University (สถาบันการศึกษาตัวท็อปของญี่ปุ่น) แวะเวียนมาเสมอเพราะมหาลัยฯ อยู่ไม่ไกล ทำให้ย่านนี้ยังคงมีชีวิตชีวาไม่ดูแก่จนเกินไป โดยรวมบรรยากาศของที่นี่ออกจะสุขุมภูมิฐาน มันจะไม่หวือหวาออกนอกหน้า ไม่วัยรุ่นจ๋าเหมือนจิยูกาโอกะ (Jiyugaoka) ไม่หรูเนี้ยบจริงจังแบบกินซ่า (Ginza) แต่อยู่ตรงกลางอย่างลงตัว พ่วงด้วยภาพลักษณ์ระดับบน ด้วยค่าครองชีพหลายร้านที่ค่อนไปทาง Upscale พรีเมียม
เอาล่ะ…ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่หลายคนรอคอยกับ “ลายแทง” ร้านเด็ดร้านดังของย่าน!
เราจะมองข้าม Café Culture ที่นี่ไปไม่ได้เลย ด้วยที่นี่ถูกจัดเป็นย่านโรแมนติกที่คู่รักใช้เวลาดื่มด่ำ เดินทอดน่องข้างกายสองและ Get Lost อย่างมีสไตล์ได้ทั้งวัน และทุกวันอาทิตย์ถนนเส้นหลักจะถูกปิดเป็นถนนคนเดินตั้งแต่ 12:00-20:00 น. เดินชิลล์กันได้อย่างสบายๆ
ภาพ: bit.ly
เราจะเจอร้านแนว Café / Bistro ทุกๆ 10 ก้าวในคากุระซากะ สังเกตง่ายๆ จากกันสาดตกแต่งสวยงามหน้าร้าน (หรือที่สากลเรียกว่า Awning) อาทิ Perregaux คาเฟ่ฝรั่งเศส ที่โผล่ขึ้นมาจากสถานี คากุระซากะ (ทางออก 1b) ก็เจอทันที! วิวหน้าร้านสวยในตัวมันเอง ป้ายร้านสีเขียวแก่ๆ ตัดด้วยฟุตปาธสีแดง พร้อมทางเดินผู้พิการสีเหลือง สวยลงตัวมาก
ภาพ: bit.ly
Lugdunum Bouchon Lyonnais ร้านอาหารฝรั่งเศสมิชลิน 1 ดาว จุดหมายของใครหลายคนเมื่อมาย่านนี้
ภาพ: bit.ly
Atelier Kohta อีกหนึ่ง Pastry Shop ที่ดังสุดๆ ของย่าน ตัวร้านมีขนาดเล็กๆ จุคนได้น้อย ที่นั่งแบบเคาน์เตอร์บาร์สุดคูล หน้าตาเมนูแต่ละอย่างจัดว่า Creative & Artful อลังการงานสร้าง ถ่ายรูปลงคนไลค์รัวๆ แน่นอน
ภาพ: bit.ly
Le Bretagne ว่ากันว่านี่คือร้านเครป (Crêperie) แห่งแรกๆ ในญี่ปุ่น ที่ยุคนั้นเชฟถูกส่งตรงมาจากฝรั่งเศสเพื่อสอนงานโดยเฉพาะ
Fromagerie Alpage ร้าน Specialty Cheese ในซอกหลืบที่มีขนาดเล็กแต่คุณภาพไม่เล็กตาม โดดเด่นด้วยป้ายร้านสีน้ำเงินเห็นแต่ไกล
ภาพ: bit.ly
il gusto Dolce Vita ร้านขายผลิตภัณฑ์อิตาลี คนเยอะแทบตลอดเวลา มักมีไวน์ 300 เยนหน้าร้านให้ลอง ด้วยปริมาณเทียบเท่าแก้วไวน์ปกติ 2 แก้วได้ และในร้านมีชีสให้ลองชิมฟรี คำใหญ่เว่อร์!
ภาพ: bit.ly
Akha Ama Coffee ย่านนี้ไม่ได้มีแต่ฝรั่งจ๋าอย่างเดียว คอกาแฟขอให้มาร้านนี้ซึ่งใช้กาแฟไทยที่ปลูกโดยชาวอาข่า หมู่บ้านแม่จันใต้ จังหวัดเชียงราย ร้านนี้พึ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2020 ที่ผ่านมานี้เอง การตกแต่งร้านผสมผสานความเป็นไทยและญี่ปุ่นเข้ากันได้อย่างลงตัว แนะนำให้นั่งเคาน์เตอร์บาร์ริมกระจกที่สามารถมองวิวข้างนอกได้
ภาพ: bit.ly
Rakuzan ร้านขายชาญี่ปุ่น สังเกตง่ายๆ จากที่ร้านมักยกเครื่องออกมาโชว์หน้าร้านให้เห็นจะๆ และคั่วอย่างประณีตมันตรงนั้น ไอร้อนพุ่งโชย กลิ่นหอมๆ ตลบอบอวล หลายคนพลาดท่าซื้อรัวๆ กลับบ้านก็เพราะเจ้ากลิ่นนี้แหล่ะ
ภาพ: bit.ly
Canal Cafe ร้านคาเฟ่ขนาดใหญ่ของย่านใกล้สถานีรถไฟ จุดเด่นคือตั้งอยู่ติดริมคลอง มีพื้นที่เอาท์ดอร์พร้อมเก้าอี้หวายบิสโทรแบบฝรั่งเศสให้นั่งชิลล์ๆ (ถ่ายรูปออกมายังไงก็เลิศ!)
ภาพ: bit.ly
อนึ่ง ด้วยความเป็นย่านคนรวย ร้านค้ามีระดับ ราคาอาหารเครื่องดื่มในย่านนี้อาจสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วไป หรือใครอยากรับประทานอาหารเป็นมื้อจริงจังหน่อย ก็มี Ryotei เป็นทางเลือกสำหรับคนกระเป๋าหนัก และที่นี่ยังมี Wine Bar หลากหลายสไตล์ให้เลือกทั้งฝรั่งเศส อิตาลี สเปน ญี่ปุ่น เช่น World Wine Bar by Pieroth มีไวน์นานาชาติจากทั่วโลกให้เลือก บรรยากาศโมเดิร์น แสงไฟสลัวๆ
ภาพ: amba.to
Viande ไวน์บาร์ที่ตั้งอยู่ในซอกหลืบ บรรยากาศดิบๆ บ้านๆ กันเอง โต๊ะไม้แบบญี่ปุ่นเรียบๆ ผสมผสานทั้งอาหารฝรั่งเศสและญี่ปุ่น
Rinka อีกหนึ่งไวน์บาร์ในซอกซอยที่อยู่ในบ้านไม้ญี่ปุ่นเก่าแก่ แค่ได้สัมผัสเข้าไปนั่งก็เป็นประสบการณ์ในตัวมันเองแล้ว
Cierpo ร้าน Oyster Bar เล็กๆ สุดหรูที่ตั้งอยู่ในอาคารชั้นบน โต๊ะนั่งถูกออกแบบให้ติดริมกระจกที่มองเห็นวิวข้างนอกได้เต็มตา ยามราตรีที่นี่จัดว่าโรแมนติก อย่างไรก็ตามคากุระซากะไม่ได้มีแต่ของกินเพียงอย่างเดียว ยังมีร้านค้าและกิจกรรมหลายอย่างให้ได้ทำ
กินเสร็จลองแวะไป Akagi Shrine ศาลเจ้าเก่าแก่ประจำย่าน ซึ่งได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมดไปเมื่อปีค.ศ. 2010 ออกแบบโดยเคนโกะ คุมะ (Kengo Kuma) สถาปนิกตัวท็อปของญี่ปุ่น ผสมผสานด้วยไม้แบบดั้งเดิมและกระจกแบบโมเดิร์น
ภาพ: www.timeout.com
เปิดประตูเข้า Librairie Omeisha ร้านหนังสือเก่าแก่ ที่เปิดมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1947 อุดมไปด้วยหนังสือภาษาฝรั่งเศส ร้านนี้เป็นแหล่งรวมชั้นดีของชาวฝรั่งเศสที่มาทำงานในโตเกียว
ภาพ: th.foursquare.com
เปิดประสบการณ์ใหม่ด้วยการเข้า Atamiyu เซนโตะ (Sento) หรือโรงอาบน้ำสาธารณะเก่าแก่ประจำย่านที่เปิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1954
สำรวจตรอกซอกซอยอย่างช้าๆ และคุณจะพบกับร้านค้ากลุ่ม Specialty ที่เชี่ยวชาญสินค้าเฉพาะทาง อย่างเช่น Hoteya ร้านขายชุดกิโมโนที่ใส่ออกงานต่างๆ
และความที่ผสมผสานกับย่านที่อยู่อาศัย เวลาเดินลัดเลาะตามซอกซอยเราก็จะได้เดินดูบ้านเรือนคนญี่ปุ่นในแบบต่างๆ รวมถึงสวนสาธารณะน้อยใหญ่กระจายตัวมากกว่า 10 สวน เช่น Shirogane Park ขอให้จิ้มเลือกไปสักหนึ่งสวนและนั่งสำรวจบรรยากาศภายใน คุณจะพบกับครอบครัวชาวญี่ปุ่นออกมาทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยกัน นี่แหละครับคือวิถีชีวิตที่คนญี่ปุ่นเขาอยู่กันจริงๆ
แต่สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่าย่านนี้อะไรๆ ดูจะมีราคาไปซะทุกอย่าง มีของกินที่ราคาย่อมเยากินชิลล์ๆ ได้บ้างไหม บอกเลยว่าคากุระซากะก็ยังคงมีร้านขายของกินเล่น ราคาย่อมเยา ให้ได้แวะพักนั่งกินระหว่างทางอยู่เรื่อยๆ เช่น
Oyaji no Karaage คาราเกะร้อนๆ เสียบไม้ ราว 150 เยน บ้านๆ แต่อร่อยโฮก (แต่จากโควิดตอนนี้ร้านปิดตัวไปแล้ว ไม่แน่ใจอนาคตจะกลับมาใหม่รึเปล่า)
Kogetsu ร้านขนมเซมเบ้ ที่ขอให้เข้าไปนั่งกินในร้านบนเสื่อทาทามิ
Kurikoan ร้านขายขนมญี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องไทยากิ (ขนมรูปปลา) และคากิโกริ หรือน้ำแข็งไสเกล็ดหิมะ ร้านนี้ตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น รับรองถ่ายรูปสวยๆ ได้เพียบ (สังเกตร่มแดงหน้าร้าน)
ภาพ: bit.ly
บรรดาร้านอาหารที่กล่าวมาเป็นเพียงแค่ตัวอย่างอันน้อยนิดของย่านนี้เท่านั้นนะครับ อย่างที่เกริ่นไป เราเดินเจอร้านน่าสนใจได้ในทุกๆ 10 ก้าว แล้วไหนจะซอยลึก-ซอยลับที่มีร้านเด็ดๆ ตั้งอยู่แบบเงียบๆ ไม่ป่าวประกาศ แต่มีลูกค้าประจำแวะเวียนมาไม่ขาดสาย
จดลิสต์เหล่านี้เป็นเพียงแนวทางหลวมๆ พอ ที่เหลือขอให้คุณออกเดินสำรวจด้วยตัวเอง อาจจะพบกับสิ่งน่าสนใจไม่คาดคิดระหว่างทาง Kagurazaka คือส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างเก่าและใหม่ x ตะวันตกและตะวันออกในที่เดียวกัน ผมเชื่อว่าถูกจริตพวกเราหลายคนแน่นอนครับ
การเดินทางไปย่านคากุระซากะ
มี 2 สถานีรถไฟใต้ดิน (Tokyo Metro) ที่ใกล้ที่สุดคือ
Iidabashi Station (ฝั่งด้านตะวันออกของย่าน) เป็นสถานีที่เดินทางมาสะดวกที่สุดเพราะมีรถไฟหลายสายวิ่งผ่าน ได้แก่ Yurakucho Line, Tozai Line, Namboku Line และ Oedo Line
Kagurazaka Station (ฝั่งด้านตะวันตกของย่าน) มีรถไฟสายเดียววิ่งผ่าน คือ Tozai Line ห่างจาก Iidabashi Station เพียง 1 สถานี (ราว 800 เมตร เดินถึงกันได้)
ทั้ง 2 สถานีห่างจากย่านใหญ่ๆ ที่เราคุ้นเคยกันดีอย่างชินจูกุ อิเคะบุคุโระ เพียง 4-5 สถานีรถไฟเท่านั้น ถือว่าไม่ไกลเลย 10 กว่านาทีก็ถึงแล้ว จัดที่นี่ให้อยู่ในแผนการเที่ยวของทุกคนได้ไม่ยากเลย