Ishigaki Strawberry : รู้จักกับอิชิกาคิอิจิโกะ วัฒนธรรมการปลูกสตรอว์เบอร์รีบนกำแพงหินของชาวชิซูโอกะ

หากพูดถึงกิจกรรมชวนอร่อยในฤดูหนาวกับฤดูใบไม้ผลิแล้ว ก็คงหนีไม่พ้นกิจกรรมการเก็บสตรอว์เบอร์รี ซึ่งรู้หรือไม่ว่าที่ จังหวัดชิซูโอกะมีฟาร์มเก็บสตรอว์เบอร์รีที่ไม่เหมือนใคร เป็นฟาร์มสตรอว์เบอร์รีบนกำแพงหิน เรียกว่า อิชิกาคิอิจิโกะ (Ishigaki Strawberry) นับเป็นข้อมูลแปลกใหม่ที่น่าสนใจสำหรับสายเก็บสตรอว์เบอร์รีมากๆ วันนี้เราเลยจะพาทุกคนไปรู้จักกับอิชิกาคิอิจิโกะ หรือสตรอว์เบอร์รีบนกำแพงหินกันให้มากขึ้น ถ้าอยากรู้ว่าน่าสนใจและแตกต่างจากสตรอว์เบอร์รีทั่วไปอย่างไร ตามไปดูกันเลย

อิชิกาคิอิจิโกะ (Ishigaki Strawberry) เป็นวิธีการปลูกสตรอว์เบอร์รีที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากว่า 100 ปี ต้นกำเนิดอยู่ที่ศาลเจ้าคุโนซังโทโชกู (Kunozan Toshogu Shrine) ในจังหวัดชิซูโอกะ มีต้นกำเนิดในสมัยเมจิโดยชายชาวญี่ปุ่นผู้หนึ่งที่ทำงานเป็นคนลากรถอยู่ในศาลเจ้านามว่า คาวาชิมะ สึเนะคิจิ (Tsunekiji Kawashima) ได้รับต้นอ่อนสตรอว์เบอร์รีต้นหนึ่งมาจากเจ้าอาวาสที่ชื่อ มัตสึไดระ ทาเคโอะ (Takeo Matsudaira)

เดิมทีแล้ว สตรอว์เบอร์รีนั้นเป็นเพียงพืชชนิดหนึ่งที่เหล่าขุนนางปลูกไว้เพื่อชมความสวยงามเท่านั้น มัตสึไดระ ทาเคโอะ เองก็เป็นหนึ่งในขุนนางที่รับต้นสตรอว์เบอร์รีมาจากสหายชาวอเมริกัน เพื่อนำมาปลูกเป็นไม้ประดับเพียงอย่างเดียว แต่เมื่อเข้าสู่ปี ค.ศ. 1900 ทาเคโอะจำเป็นต้องย้ายตำแหน่ง จึงได้มอบต้นสตรอว์เบอร์รีของตนให้แก่สึเนะคิจิ

หลังจากนั้น สึเนะคิจิก็ได้นำต้นสตรอว์เบอร์รีต้นนั้นไปขยายพันธุ์ ลองปลูกในหลายๆ พื้นที่ ทั้งในสวน ในกระถาง และบนกำแพงหิน จนในที่สุดก็สังเกตได้ว่าต้นสตรอว์เบอร์รีที่โตเร็ว มีผลลูกใหญ่ และมีรสชาติหวานมากที่สุดก็คือ ต้นสตรอว์เบอร์รีที่ตนปลูกไว้บนกำแพงหินนั่นเอง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาวิธีการปลูกสตรอว์เบอร์รีบนกำแพงหินของสึเนะคิจิก็เริ่มมีชื่อเสียง กลายมาเป็นประเพณีสืบทอดกันมาจนปัจจุบัน

ในแง่วิทยาศาสตร์สตรอว์เบอร์รีที่ปลูกบนกำแพงหินนั้น จะเติบโตได้ดีกว่าสตรอว์เบอร์รีที่ปลูกในสวน เพราะกำแพงหินมีคุณสมบัติกักเก็บความร้อนได้ดี ทำให้ต้นสตรอว์เบอร์รีนั้นเติบโตได้ง่าย แม้กระทั่งในฤดูหนาวหรือในเวลากลางคืน ไม่จำเป็นต้องใช้เรือนกระจกหรือเครื่องทำความร้อน

เนื่องจากเป็นการปลูกโดยใช้แสงแดดธรรมชาติเพียงอย่างเดียว ทำให้ลูกสตรอว์เบอร์รีที่ได้นั้นมีสีสด ขนาดใหญ่น่ากิน โดยเนื้อด้านนอกจะออกเป็นสีส้มแดงเข้มและเนื้อด้านในจะออกเป็นสีแดงอ่อน นอกจากนี้ รสชาติเองก็จะแตกต่างจากสตรอว์เบอร์รีทั่วไปด้วย โดยสตรอว์เบอร์รีที่ปลูกบนกำแพงหินนั้นจะมีรสหวานฉ่ำ น้ำเยอะและเคี้ยวง่าย เป็นความอร่อยที่คนรักสตรอว์เบอร์รีต้องมาลิ้มลองดูสักครั้ง

ภาพ: estlinks.co.jp

หากใครอยากลองสัมผัสประสบการณ์การเก็บสตรอว์เบอร์รีบนกำแพงหิน ก็สามารถเข้าร่วมกิจกรรมเก็บสตรอว์เบอร์รีได้ง่ายๆ ที่ฟาร์มสตรอว์เบอร์รีหลายแห่งในจังหวัดชิซูโอกะ ซึ่งฟาร์มที่เรายกมาแนะนำในวันนี้ได้แก่ สวนสตรอว์เบอร์รีสึเนะคิจิ (Tsunekichi Strawberry Garden) เป็นฟาร์มสตรอว์เบอร์รีที่ คาวาชิมะ สึเนะคิจิ ผู้ให้กำเนิดอิชิกาคิอิจิโกะได้สร้างขึ้น แล้วลูกหลานก็สืบทอดต่อกันมาจนปัจจุบัน เรียกได้ว่าเป็นฟาร์มต้นกำเนิดของอิชิกาคิอิจิโกะเลยทีเดียว โดยฟาร์มแห่งนี้จะเปิดให้เข้ามาเก็บสตรอว์เบอร์รีกันได้ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคมจนถึงช่วงกลางเดือนมิถุนายนของทุกปี ราคาก็จะแตกต่างกันไปตามแต่ละช่วงเวลา

ภาพ: Instagram s.mayumiiiiiiภาพ: Twitter @kurohigekunda

อีกหนึ่งฟาร์มที่อยากแนะนำก็คือ สตรอว์เบอร์รีแลนด์มาซามิ (Strawberry Land Masami) เป็นฟาร์มที่ตั้งอยู่ติดชายทะเลเมืองชิซูโอกะ (Shizuoka) ในฟาร์มจะมีสตรอว์เบอร์รี 2 พันธุ์ ได้แก่ พันธุ์อากิฮิเมะและพันธุ์เบนิฮปเปะ สามารถเข้ามาลิ้มลองความอร่อยของสตรอว์เบอร์รีทั้ง 2 พันธุ์นี้ไปพร้อมๆ กันได้ โดยที่สตรอว์เบอร์รีแลนด์มาซามิแห่งนี้ จะเปิดให้เข้ามาเก็บสตรอว์เบอร์รีกันได้ตั้งแต่เดือนธันวาคมไปจนถึงปลายเดือนพฤษภาคมของทุกปี ราคาก็จะแตกต่างกันไปตามช่วงเวลาเช่นเดียวกัน

เรียกได้ว่าอิชิกาคิอิจิโกะเป็นวิธีการปลูกสตรอว์เบอร์รีที่น่าสนใจมากๆ รสชาติก็หวานหอมยิ่งกว่าสตรอว์เบอร์รีทั่วไป ใครชอบกินสตรอว์เบอร์รีต้องลองไปเยือนฟาร์มสตรอว์เบอร์รีบนกำแพงหินในจังหวัดชิซูโอกะดูสักครั้ง แล้วจะได้สัมผัสประสบการณ์การเก็บสตรอว์เบอร์รีที่แปลกใหม่อย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน อีกทั้งยังได้กินสตรอว์เบอร์รีลูกใหญ่ๆ กันจนจุใจอีกด้วย หากมีโอกาสได้ไปแล้วก็ถ่ายรูปเก็บไว้เยอะๆ แล้วอย่าลืมเอามาเล่าสู่กันฟังด้วยนะ Ishigaki Strawberry