นอกจากภาพถ่ายและความทรงจำเป็นฉากๆ สิ่งที่ชวนให้ฉันนึกถึงญี่ปุ่นแบบฉับพลันทันทีคือ ‘กลิ่น’ และ ‘รส’
 
ไม่ใช่กลิ่นหอมอ่อนของดอกซากุระ ไม่ใช่รสหวานลิ้นของซูชิหน้าโฮตะเตะ ไม่ใช่กลิ่นโอเด้งชวนหิวในร้านสะดวกซื้อ และไม่ใช่ความอร่อยร่ำไห้ของเนื้อ A5 ละลายในปาก กลิ่นของญี่ปุ่นที่เป็นสวิตซ์ความทรงจำของฉัน คือกลิ่นเย็นชืดยามเช้าในโถงทางเดินของโรงแรมที่ไม่เหมือนที่ไหน เป็นการผสมกันระหว่างอากาศเย็นเฉียบ กลิ่นบุหรี่จางๆ และน้ำยาทำความสะอาดบางเบา เมื่อไรก็ตามที่กลิ่นนี้ลอยมา ฉันจะรู้สึกได้ว่า ‘เราได้กลับมาแล้วน้า!’ อย่างเป็นรูปธรรม
 
ส่วนรสชาติ ฉันขอสารภาพว่ามันคือรสหวานซ่าสามัญของเหล่าไซเดอร์!
 
ฉันชอบดื่มไซเดอร์ (หรือที่ชาวญี่ปุ่นจะออกเสียงว่า ไซด้า) เอามากๆ จำได้ว่าครั้งแรกที่หยิบมาลองดื่ม คาดเดารสซ่าหนักแน่นแบบแอปเปิ้ลไซเดอร์หรือผลไม้หมักอื่นๆ ที่เรารู้จัก แต่ก็นึกเอะใจว่าน้ำใสแจ๋วอย่างนั้นจะให้รสอย่างไร และก็ใช่อย่างที่ตั้งคำถาม ไซเดอร์ญี่ปุ่นคือโซดาซ่าใสแต่มีรสหวานปะแล่ม ไม่เจ้มจ้นเท่าสไปรท์หรือเซเว่นอัพบ้านเรา แต่อร่อยกว่าโซดา น้ำแร่สปาร์กกิง และโทนิกซ่าซื่อไร้รสเจือปน ซึ่งมันทำให้สดชื่นหัวใจมาก แม้ว่าจะงงงวยหัวใจมากว่าทำไมถึงเรียกว่า ‘ไซเดอร์’ ก็ตามที (เฉกเช่นฝรั่งมากมายที่มีการถกเถียงกันในเว็บบอร์ดว่าทำไมไซเดอร์ญี่ปุ่นถึงไม่เหมือนไซเดอร์บ้านตัวเอง)

 

นอกจากแบรนด์ดังอย่าง Mitsuya Cider ที่เลิฟระดับตามไปเป็นแฟนเหล่าลูกอมที่แตกไลน์มาด้วย ไซเดอร์ยี่ห้ออื่นในร้านสะดวกซื้อ ก็เป็นต้องลองหยิบมาชิมเรื่อยไป จนเกิดแก๊สเกินในกระเพาะอาหารระหว่างทริปอยู่เนืองๆ แต่เมื่อตัดสินใจว่าลองดื่มอย่างอื่นบ้างดีกว่า ฉันก็สังเกตเห็นว่าบางเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ มีไซเดอร์ท้องถิ่นในขวดแก้วที่น่ารักออกแบบให้เข้ากับอัตลักษณ์ท้องถิ่น แถมบางย่านยังหยิบเอาของดีของตัวเองมาใส่ ไม่ว่าจะเป็นชิโอะไซเดอร์หรือไซเดอร์รสเกลือที่ส่งเข้าประกวดโดยเกาะที่เด่นเรื่องเกลือ (และศิลปะ) อย่างนะโอะชิมะ ซุกกะไซเดอร์หรือไซเดอร์รสแตงโมจากคุมะโมะโตะ (แน่นอน หมีคุมะมงไซเดอร์ก็มา!) โอซาก้าก็มีไซเดอร์ คะมะกุระก็มีไซเดอร์ โตเกียวสกายทรีเองก็มีไซเดอร์! ลองไปค้นประวัติดูพบว่าโลคอลไซเดอร์หลายแห่งเคยเป็นโรงงานที่เฟื่องฟูในยุคหลังสงครามและค่อยๆ ทยอยปิดตัวลงเมื่อโลกยุคใหม่เข้ามา จนกระทั่งการพัฒนาการท่องเที่ยวทำให้ไซเดอร์เหล่านี้หยิบจุดเด่นมาบรรจุขวดอัดลมอีกครั้งและได้รับการตอบรับอย่างน่าดีใจ
 
แต่ในบรรดาไซเดอร์ที่ชิมมาทั้งหมด รสที่ยังจำฝังใจกลับเป็นไซเดอร์รสสามัญ ไม่แต่งกลิ่นรสพิเศษใดของเมืองโกเบ มันคือ Kazamidori Cider แห่งย่านเมืองฝรั่งคิตะโนะที่ขายคู่กับชีสเค้กอันโด่งดังทัวริสต์จ๋าของเมือง ยอมรับตามตรงว่าก่อนกินและดื่ม ฉันคิดว่าก็แค่ชีสเค้กแหละน่า ก็เคยกินที่เขาว่าอร่อยมาละ แถมยังเลือกชิมร้านที่ไม่ได้ฮอตฮิตติดอันดับเพราะขี้เกียจต่อคิวยาวอีกต่างหาก
 
แน่นอนค่ะ ชีสเค้กนั่นอร่อยมาก และการดื่มคะสะมิโดะริ ไซเดอร์ขวดนั้นตบท้าย คือความงดงามแห่งเมืองโกเบอย่างแท้จริง และแน่นอนว่าฉันก็ยังเป็นแฟนประจำของเหล่าไซด้ามาจนถึงทุกวันนี้ 

 

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ