Tokyo Islands Seafood Fair : สัมผัสอาหารทะเลชั้นเลิศส่งตรงจากหมู่เกาะในโตเกียว

เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา มีการจัดเทศกาล อาหารทะเล จากหมู่เกาะใน โตเกียว ขึ้นที่วิทยาลัยดุสิตธานี โดยบริษัท THAI OOI YAMAMOTO ร่วมมือกับสำนักงานบริหารนครโตเกียว เราจึงมีโอกาสได้ทำความรู้จักกับวัตถุดิบจากท้องทะเลที่น่าสนใจหลายชนิดจากเกาะต่างๆ ในโตเกียว ที่บอกได้เลยว่าบางชนิดหาไม่ได้จากทะเลในจังหวัดอื่นๆ ของญี่ปุ่นเลยด้วย

มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะขมวดคิ้วว่า “โตเกียวมีเกาะด้วยเหรอ” ซึ่งที่จริงแล้วมีเกาะจำนวนไม่น้อยที่เป็นเขตการปกครองของกรุงโตเกียว เพียงแต่ที่ตั้งนั้นอยู่ห่างจากกรุงโตเกียวบนเกาะฮอนชูมากเลยทีเดียว โดยอาหารทะเลส่วนใหญ่ที่แนะนำในเทศกาลนี้มาจากหมู่เกาะโอกาซาวาระ (Ogasawara Islands) กับหมู่เกาะอิซุ (Izu Islands) ซึ่งมีการจับปลาน้ำลึกโดยใช้วิธีการตกปลาด้วยเบ็ดเป็นหลัก

เทศกาลนี้เริ่มต้นด้วยคุณมุราตะ ยูกิ ผู้ดำเนินงานกล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการ และต่อไลฟ์ถึงคุณยามาดะ โนริฮิโตะ หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรการเกษตร ป่าไม้ และประมงของโตเกียวซึ่งกล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานครั้งนี้ เพื่อให้คนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยไม่ว่าจะเชฟหรือผู้ประกอบการร้านอาหารได้ทราบถึงความน่าสนใจของ อาหารทะเล จาก โตเกียว ที่หลายคนอาจมีภาพจำว่าเป็นเมืองใหญ่ที่มีแต่ตึกสูง จึงส่งวัตถุดิบชั้นเลิศจากโตเกียวมาปรุงเป็นอาหารหลากหลายให้ได้ลิ้มลองกันในงานนี้

ลำดับถัดมาประธานบริษัท THAI OOI YAMAMOTO คุณยามาโมโตะ มาซาอากิได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการจัดงานเพิ่มเติมว่า อยากให้ทุกคนได้รู้จักทะเลของโตเกียวมากยิ่งขึ้น เพราะมีปลาหลากหลายชนิดที่ไม่มีในทะเลไทย ส่วนเชฟที่มารังสรรค์เมนูน่าอร่อยในวันนี้ก็มีทั้งเชฟมากประสบการณ์จากร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า SIAM TAKASHIMAYA และเชฟที่มาจากร้านที่ได้รับรางวัลมิชลินอีกด้วย

จากนั้นคุณฮิรายามะ ทาเคชิ ผู้อำนวยการประมงหมู่เกาะโอกาซาวาระได้แนะนำให้รู้จักกับหมู่เกาะแห่งนี้ซึ่งอยู่ห่างจากเกาะฮอนชูกว่า 1,000 กิโลเมตร ที่มีลักษณะเด่นคืออากาศไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงตลอดทั้งปี โดยพื้นที่ที่ชาวประมงนิยมจับปลากันมากที่สุดคือเกาะจิจิ (Chichi-jima) ในหนึ่งปีเขาจะออกไปจับปลา 150 วัน โดยเคยจับปลาได้มากที่สุดรวมน้ำหนักมากถึง 1 ตันในวันเดียว

ที่เกาะจิจิชาวประมงนิยมตกปลาบริเวณขอบหินที่ไม่ไกลจากตัวเกาะด้วยการวิธีการตกปลาแบบใช้เชือกแนวตั้ง ซึ่งบริเวณนี้จะสามารถจับปลาฮามาไดขนาดตัวราว 2-3 กิโลกรัม ที่มีจุดเด่นตรงเนื้อนุ่มและมีมัน นิยมใช้ในร้านอาหารหรู นอกจากนี้ยังมีปลาอากาฮาตะ (ปลาเก๋าแดง) ที่มีน้ำหนักไม่ถึง 1 กิโลกรัม นิยมนำไปทำซาชิมิหรือต้มซีอิ๊ว

ปิดท้ายด้วยคุณยามาดะ จุนอิจิ ผู้อำนวยการประมงเกาะมิยาเกะ (Miyake-jima) ซึ่งอยู่ในหมู่เกาะอิซุที่มีเกาะน้อยใหญ่กว่า 30 เกาะ โดยเกาะมิยาเกะนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเกาะฮอนชูเมื่อเทียบกับหมู่เกาะโอกาซาวาระ คุณยามาดะออกเรือไปตกปลา 150 วันต่อปี โดยใช้วิธีการตกปลาแบบเบ็ดเดี่ยวตกปลาขนาดเล็กอย่างคัตสึโอะหรือคินเมได เฉลี่ยวันละ 300 กิโลกรัม ส่วนปลาใหญ่อย่างคิฮาดะมากุโระ (ปลาทูน่าเยลโล่ฟิน) จะใช้การตกปลาแบบเชือกเบ็ดลาก

ไม่ว่าจะหมู่เกาะโอกาซาวาระหรือหมู่เกาะอิซุก็ล้วนแต่นิยมจับปลาด้วยการตกปลา และเมื่อตกได้จะนำไปแช่เย็นทันทีเพื่อไม่ให้สูญเสียความสดใหม่ของปลา จากนั้นจึงส่งไปยังตลาดปลาโทโยสุ (Toyosu Fish Market) ก่อนกระจายไปยังสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก

มาถึงเมนูอย่างแรกที่เราได้ลอง เป็นเซ็ตซูชิที่เรียกว่า Aburi Tokyo Nigiri ซึ่งรวมเอาปลา 7 ชนิดจากเกาะต่างๆ ในโตเกียวมารวมครบในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นคินเมได (ปลากะพงแดงตาโต), คิฮาดะมากุโระ (ปลาทูน่าเยลโล่ฟิน), ฮามาได (ปลาสีทอง), เมกะจิกิ (ปลากระโทงดาบ), อากาฮาตะ (ปลาเก๋าแดง), ฮิเมได (ปลาทรายแดงใหญ่) และเมได (ปลาบลูโนส) ซึ่งปลาแต่ละชนิดนั้นมีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกันจนรู้สึกได้

จานถัดมาเปลี่ยนมากินแบบซาชิมิปรุงรสกันบ้าง จากซ้ายสุดเป็นเมไดที่นำไปดองจากนั้นปรุงรสด้วยน้ำมันงา โชยุ และกิมจิ โรยโดยต้นหอมและงา ตามด้วยคิฮาดะมากุโระที่เติมรสเปรี้ยวนิดๆ ด้วยเลม่อน และขวาสุดคือฮามาไดที่มีมันอร่อย จัดว่าปลาทั้ง 3 ชนิดมีรสชาติที่หรูหราเหมาะกับมื้อพิเศษ

กินแบบสดๆ ดิบๆ กันไปแล้ว ขอตามด้วยซุปอากาฮาตะต้มด้วยสาเก เนื้อของอากาฮาตะที่ต้มจนสุกมีรสออกหวาน นอกจากนี้ยังนิยมนำไปทำเป็นซูชิด้วยเช่นกัน

นอกจากอาหารญี่ปุ่น วัตถุดิบจากท้องทะเลโตเกียวยังสามารถนำไปทำอาหารชาติอื่นได้เช่นกัน อย่างสปาเก็ตตีซอสมะเขือเทศชามนี้ได้เมกะจิกินึ่งที่มีเนื้อแน่น เสริมรสชาติให้รู้สึกพิเศษกว่าที่เคย

ถ้าชอบรสชาติสไตล์อีสาน เมนูทาร์ทาร์ปลาคิฮาดะมากุโระก็เป็นความแปลกใหม่ที่น่าจะถูกใจใครหลายคน ด้วยเนื้อสัมผัสนุ่มๆ ของปลาที่หั๋นเต๋ามาให้กินง่าย ปรุงมากับวัตถุดิบที่เราคุ้นเคยกันอย่างตะไคร้ หอมแดง ฯลฯ

ปิดท้ายด้วยคาราอาเกะเมกะจิกิเสิร์ฟคู่เฟรนช์ฟรายส์ในสไตล์ฟิชแอนด์ชิปส์ ด้วยรสชาติเฉพาะตัวของเมกะจิกิที่พอเนื้อสุกจะหวานอร่อยและมีกลิ่นหอมฉุย

ถ้ามีโอกาสไปเที่ยวโตเกียวทริปหน้า แนะนำให้ลองไปเที่ยวที่เกาะน้อยใหญ่ของโตเกียวที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นหมู่เกาะอิซุหรือหมู่เกาะโอกาซาวาระ เราสามารถออกเรือไปตกปลากลางมหาสมุทรแปซิฟิก นำมาแล่กินเป็นซาชิมิหรือทำเป็นซูชิสดๆ นับว่าเป็นประสบการณ์แสนพิเศษที่นึกไม่ถึงว่าจะทำแบบนี้ได้ในโตเกียว ใครอยากรู้เกี่ยวกับกิจกรรมเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่เว็บไซต์ TOKYO GROWN ซึ่งจัดทำโดยกระทรวงการเกษตร ป่าไม้ และประมงของโตเกียว หรือหากสนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดเทศกาลที่จัดไปในครั้งนี้สามารถสอบถามได้ที่ THAI OOI YAMAMOTO CO., LTD.