Paradise Ishigaki ใต้สุดเขตร้อนโอะกินะวะ [EP.4]: บอกเล่ามุมน่าเที่ยว
Paradise Ishigaki :
รับลมทะเลเย็นฉ่ำสดชื่น ฟังเสียงวาฬพ่นน้ำ ยืดเหยียดแขนขาในน้ำใสกลางฝูงปลาหลากสี เขย่งปลายเท้าบนหาดทรายรูปดาว ดื่มด่ำช่วงเวลาของการนั่งเกวียนเทียมควายพร้อมฟังเสียงดีดซันชิน สัมผัสวัฒนธรรมริวกิวแท้ ที่ ‘อิชิงะกิ (Ishigaki)’ เกาะทางตอนใต้สุดของโอะกินะวะ ประเทศญี่ปุ่น
บอกเล่ามุมน่าเที่ยว ⇒
แล้วทริปของวันนี้ก็จบลง เราเข้าอาบน้ำพักผ่อนที่โรงแรมก่อนจะออกมาตามหาเนื้อวัวแสนอร่อยเลื่องชื่อของอิชิงะกิ เนื้อวัวอิชิงะกินี้มีชื่อเสียงที่โด่งดังมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปีหลังๆมานี้ ในเรื่องของความอร่อย เราเสิร์ชหาร้านอร่อยจากแอพลิเคชั่น แล้วลงเอยกันที่ร้านไม่ไกลจากโรงแรมนั่นเอง
ปกติฉันไม่กินเนื้อ แต่วันนี้ขอลองหน่อย มันอร่อยมากจริงๆ อร่อยกว่าเนื้อที่เคยกินมาทั้งหมดตลอดชีวิต ทั้งนุ่ม หวาน ละลายบนลิ้น เนื้อวัวชนิดนี้บางครั้งถึงกับได้รับการยกย่องว่าดีกว่าเนื้อวัวจากโกเบหรือมัตสึสะกะอันเลื่องชื่อเสียอีก อาจเป็นเพราะว่าอากาศที่นี่กำลังอุ่นสบาย ไม่ร้อน ไม่หนาวจนเกินไป อากาศดีไม่มีมลพิษ น้องวัวได้รับการเลี้ยงดูอย่างผ่อนคลายและใกล้ชิดธรรมชาติ ทำให้เนื้อหวานอร่อยและมีไขมันชนิดที่ ‘ดีต่อสุขภาพ’ มากกว่า แทรกอยู่ในเนื้ออย่างกำลังดี
นอกจากเนื้อวัวที่โด่งดังนี้แล้ว ก็อย่าพลาด Agu Pork หมูที่ตามตำนานเล่าว่าได้นำเข้ามาจากจีนตั้งแต่เมื่อ 600 ปีที่แล้ว หมู Agu ที่โตเต็มที่อาจมีน้ำหนักถึง 100 กิโลกรัม ซึ่งก็ยังถือว่าตัวเล็กเมื่อเทียบกับหมูจากชาติตะวันตก เนื้อหมูชนิดนี้ได้รับการยกย่องว่าอร่อยมาก เพราะหมูพวกนี้เติบโตช้ากว่า จึงมีเนื้อที่นุ่ม หวาน มีรสชาติ และมีปริมาณคอลลาเจนสูงกว่าหมูพันธุ์อื่นๆถึง 3 เท่า ที่สำคัญที่สุดคือ หมูชนิดนี้มีปริมาณคอเลสเตอรอลแค่ 1 ใน 4 ของเนื้อหมูทั่วไปเท่านั้น! นอกจากนี้ยังมีผลวิจัยออกมาแล้วด้วยว่า การรับประทานหมู Agu ยังทำให้รู้สึกสดชื่น คลายความเหนื่อยล้า ดังนั้นเมื่อมาถึงโอะกินะวะแล้วก็อย่าลืมที่จะจัดไปนะจ๊ะ
เกาะทะเกะโตะมิ (Taketomi Island)
จริงๆแล้วการมาเกาะอิชิงะกิแห่งนี้ เหมาะแก่การนั่งเรือออกไปเที่ยว 4 เกาะต่างๆ ที่อยู่โดยรอบ ได้แก่ เกาะอิริโอะโมะเตะ (Iriomote Island) เกาะคะฮะมะ (Kohama Island) เกาะคุโระชิมะ (Kuroshima Island) และเกาะทะเกะโตะมิ (Taketomi Island)
เมื่อวานเราไปเที่ยวมาสองเกาะเล็กๆ ก็คือ นั่งเรือชมป่าชายเลนที่เกาะอิริโอะโมะเตะ ก่อนจะขึ้นเกวียนเทียมควายไปเกาะยุบุ (Yubu Island) เล็กๆที่อยู่ตรงข้าม เราจึงเหลืออีก 3 เกาะที่ยังไม่ได้ไปเยือน ได้แก่ เกาะคะฮะมะ เกาะคุโระชิมะ และเกาะทะเกะโตะมิ
จากการสอบถามเจ้าหน้าที่บริษัททัวร์ เขาแนะนำให้เราไปเกาะทะเกะโตะมิ ที่นั่นมีบ้านเรือนแบบโอะกินะวะโบราณให้ชม เหมาะแก่การขี่จักรยานเล่นชมรอบเกาะ เพราะพื้นที่ค่อนข้างราบเรียบ ไม่มีภูเขาสูงชัน และหากยังติดใจน้องควายแบบเมื่อวาน จะใช้บริการควายเทียมเกวียนเล่นบนเกาะอีกก็ได้
เกาะทะเกะโตะมิมีขนาดใหญ่กว่าเกาะยูบะหลายเท่า เมื่อถึงแล้ว เราสามารถเลือกขึ้นรถตู้ที่จอดเรียงกันอยู่อย่างเป็นระเบียบบริเวณหน้าท่าเรือได้เลย คันใดก็ได้ รถตู้เหล่านี้เป็นรถตู้ของร้านเช่าจักรยานที่จะพาเราไปร้านเช่านั่นเอง จักรยานมีให้เช่า 2 แบบคือ แบบมีเกียร์และแบบปกติ ราคาต่างกันอยู่ชั่วโมงละหนึ่งร้อยเยน
เราขี่ไปหาดคนโดะอิ (Kondoi Beach) ใกล้ๆแถวนั้นก่อน โดยต้องลอดผ่านอุโมงค์ต้นไม้ที่ให้บรรยากาศเหมือนอลิซอินวันเดอร์แลนด์มาโผล่ที่ชายหาด เราสูดอากาศหายใจเข้าเต็มปอด ดูแมวเหมียวและดูคนที่มาเดินเล่นที่นี่ น้ำทะเลเย็นเจี๊ยบ แต่ก็ยังคงเสน่ห์ความสวยงามตามเอกลักษณ์ชายหาดของโอะกินะวะแบบที่เราเคยเห็นในภาพยนตร์ไม่ผิดเพี้ยน
เราละหาดแห่งนั้นมาแล้วปั่นไปเที่ยวในเมืองต่อ บนเกาะแห่งนี้มีเลนพิเศษสำหรับจักรยานโดยเฉพาะ จึงปลอดภัยมาก ระหว่างทางเราปั่นผ่านต้นไม้เขตร้อน มีผีเสื้อให้เห็นมากมาย ทั้งตัวเล็ก ตัวใหญ่ หรือผีเสื้อที่มีหางติ่งแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เมื่อเข้ามาในเมืองใจกลางเกาะแล้ว เราเห็นน้องควายเทียมเกวียนหลายตัว พวกมันดูผอมกว่าควายที่เกาะยูบะและมีกลิ่น ไม่เหมือนกับควายที่เกาะยูบะ
จากนั้นเราจึงปั่นเล่นไปยังอีกหาดหนึ่งที่ชื่อคะอิจิ (Kaiji Beach) ฝนเริ่มตกลงมาเบาๆ หาดทรายแห่งนี้เองคือหนึ่งในหาดทรายที่มีทรายรูปดาวที่ฉันตามหาอยู่ นั่นคือแทนที่ทรายจะเป็นเม็ดกลมๆอย่างที่เราคุ้นเคย ทรายบางเม็ดกลับมีรูปทรงเป็นรูปดาว แต่ก็ต้องใช้ความพยายามหาหน่อย เพราะมันปะปนอยู่กับทรายเม็ดกลมแบบปกติ และยังเล็กจนแทบมองไม่เห็น
ในที่สุดฉันก็เจอทรายรูปดาวแล้ว! บรรลุเป้าหมายที่เคยมีไว้มานานตั้งแต่การมาเยือนโอะกินะวะครั้งก่อนที่ยังไม่สำเร็จ นั่นคือ การมาดูควายและตามหาทรายรูปดาว! ใครไม่อยากตามหาเขาก็มีแบบใส่ขวดสำเร็จวางขายกันตรงนั้นเลยด้วย ขวดละสองร้อยหรือสามร้อยเยน
พวกเราไปเดินเล่นลุยน้ำตื้นๆ แล้วก็ต้องตกใจกับหมู่ปลิงทะเลสีดำที่เกาะอยู่ตามทรายตามหินมากมาย นี่คือปลิงทะเลที่เรากินในภัตตาคารจีนไหมนะ? ปูเสฉวนที่นี่ก็ไม่เหมือนที่เราคุ้นเคยกันอีก ซึ่งปกติจะเห็นอยู่ตามหาดทราย แต่ที่นี่กลับอยู่บนบก บนขอนไม้ ใบไม้ ให้ความรู้สึกเหมือนพวกมันเป็นฝูงแมลงมากกว่า!
เวลาใกล้หมด เราขี่ผ่านร้านขนมหวานที่น่ากิน น่านั่งมากๆ แต่เราไม่มีเวลาแล้ว และเอาจักรยานมาคืนได้ทันเวลา ทันเวลาขึ้นเรือกลับอย่างฉิวเฉียด ซึ่งสำหรับวันนี้จะสายไม่ได้เด็ดขาดเพราะเรามีไฟลต์บินต้องกลับนะฮะ (Naha)
เรากลับมาที่เกาะหลักอิชิงะกิ กินเนื้อวัวของที่นี่อีกครั้งเป็นการร่ำลา คราวนี้ร้านที่เราสุ่มเข้าไปก็ออกจะพิเศษอยู่สักหน่อย ตรงที่เจ้าของร้านเป็นชายชาวต่างชาติ จากการพูดคุยพบว่า เขามาจากเยอรมัน มาแต่งงานกับชาวญี่ปุ่น มีครอบครัวที่นี่ และอยู่ที่นี่มาได้ 40 ปีแล้ว นอกจากร้านอาหารที่เขาทำทุกอย่างคนเดียว อีกซีกหนึ่งของร้านยังเปิดเป็นร้านขายเครื่องประดับที่เขาทำเองอีกด้วย
วัวยังอร่อยเช่นเดิม เพียงแต่เป็นการปรุงแบบตะวันตก ก็จะค่อนข้างดิบกว่าครั้งแรกที่เราได้กินกันจากร้านแรก ก่อนออกจากร้าน คุณลุงมีธรรมเนียมการให้ของระลึกแก่ลูกค้าทุกคน คนละชิ้น พร้อมกับบอกว่าเป็นการตอบแทน เมื่อเรามารับประทานอาหารที่ร้านแกแล้ว แกก็อยากจะตอบแทนกลับไปบ้าง รับประทานกันจนอิ่มท้องและอิ่มใจ เราก็กลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรม และขึ้นรถบัสเอ็กซ์เพรสแบบเดิมมาที่สนามบิน ความพิเศษอยู่ตรงที่ทั้งรถบัสมีเราเป็นผู้โดยสารเพียงสองคน และเรายังได้เจอกับคนขับคนเดิมกับตอนขามาอีกด้วย
ถึงสนามบินกันเรียบร้อย ซื้อขนมของฝากกันอย่างสะดวกสบาย และในระหว่างที่ขึ้นเครื่องแล้วนั้น ฝนก็ตกลงมาปรอยๆ เราจึงได้เห็นการโหลดของขึ้นเครื่องของญี่ปุ่นที่น่าประทับใจมากก็คือ พนักงานจะวางของลงบนสายพานอย่างเบามือ ไม่มีการโยน และเมื่อฝนตก ก็มีหลังคาคลุมเป็นพลาสติกใสบังสายพานไม่ให้ของเปียก ไม่เหมือนเมืองไทยที่ต้องรอฝนหยุดถึงจะโหลดของขึ้นเครื่องหรือนำของออกจากใต้ท้องเครื่องได้
เราบินกลับนะฮะด้วยความประทับใจในเกาะอิชิงะกิอย่างเต็มเปี่ยม พร้อมกับสงสัยว่าทริปสำหรับวันพรุ่งนี้ที่จะไปค้างคืนที่เกาะโทะกะชิกิจะมีรสชาติเป็นอย่างไรนะ
(แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้านะคะ)