อธิบายด้วยภาพ
“ภาพหนึ่งภาพ แทนคำพูดนับพันคำ” คำนี้เป็นจริงเสมอและดูเหมือนสังคมญี่ปุ่นจะนำแนวคิดนี้มาใช้ในชีวิตประจำวันหลากหลายสถานการณ์ เพราะไม่ว่าจะเดินไปทางไหน ก็มักถูกอิทธิพลของ “รูปภาพประกอบ” ถาโถมใส่เราตลอดไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม
ในหลายกรณี การอธิบายด้วยภาพมีประสิทธิภาพมากกว่าตัวหนังสือ ในแง่ประสาทวิทยา สมองมนุษย์เราก็จินตนาการ+จำ+รื้อฟื้นความทรงจำ อะไรที่เป็นภาพได้ง่ายและชัดเจนกว่าตัวอักษรมาก (สังเกตเวลาท่องศัพท์ภาษาอังกฤษ ตอนพยายามเฟ้นนึกให้ออก ในหัวจะแสดงออกมาเป็นภาพ ^^)
ถังขยะที่กำหนดให้แยกทิ้งตามประเภทขยะ ก็มีรูปภาพติดอยู่ แทบไม่ต้องอ่านทำความเข้าใจอะไรเลย เห็นภาพปุ๊ป ชั่วเสี้ยววินาทีสมองเราก็ประมวลผลปั๊ป และลงมือทิ้งให้ถูกได้ง่ายๆ
บนถนนหนทาง ป้าย “U-turn” หรือ กลับรถ ก็มักมาเป็นรูปภาพตัวยูกลับหัวเสมอ รูปภาพประกอบยังถูกนำมาประยุกต์ใช้ในงานไซต์งานก่อสร้างมากมาย ทั้งเตือนล่วงหน้าว่าข้างหน้ามีการก่อสร้างปิดการจราจร ทั้งแสดงออกถึงการขออภัยในความไม่สะดวก
และสิ่งหนึ่งที่ตัวหนังสืออาจมอบให้ได้ไม่กินใจเท่าก็คือ “อารมณ์ความรู้สึก” รูปภาพที่แสดงออกมาแฝงความรู้สึกบางอย่างเข้ามาด้วยเสมอ (ขึ้นอยู่กับความตั้งใจของผู้ออกแบบ) เช่น ต้องการสื่อถึงการขอโทษ สื่อถึงภัยอันตรายให้เราโปรดระวัง สื่อถึงการสร้างความมั่นใจให้ผู้เดินผ่าน
รูปภาพยังทำลายอุปสรรคทางด้านภาษา การอธิบายถึงวิธีการใช้งานเป็นสิ่งจำเป็น แต่หลายครั้งผู้คนก็ไม่อ่านกัน รูปภาพประกอบจึงถูกนำมาใช้ในกรณีนี้ด้วย หรืออย่าง “เมนูอาหาร” ในญี่ปุ่นมักมีรูปภาพขนาดใหญ่ประกอบด้วยเสมอ พร้อมกับคำอธิบายเพิ่มเติมด้านล่าง (ร้านที่ไม่มีรูปภาพเมนู ก็มักมีตัวอย่างของกินจำลองเป็น 3D วางโชว์หราอยู่หน้าร้านเลย) นักท่องเที่ยวหรือใครที่ไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นเลยก็หายห่วง
อีกตัวอย่างใกล้ตัว โพสใน Newsfeed ของ Facebook ที่เราอ่านกันทุกวันนี้ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารูปภาพเป็นตัวสร้างความน่าดึงดูดให้คนหยุดดูและเลือกที่จะอ่านตัวหนังสือต่อ ยิ่งสร้างสรรค์ภาพให้ดึงดูดตาสวยงามและสื่อถึงหัวข้อบทความ (ที่คุณอาจสนใจเป็นทุนเดิม) ผู้อ่านก็หยุดดูและกดอ่านรายละเอียดมากขึ้นได้
“อธิบายด้วยภาพ” อาจมีประโยชน์กว่าที่คุณคิดและใช้งานได้จริงในหลากหลายบริบท ไม่ได้เจาะจงเฉพาะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่เรื่องซีเรียสใหญ่ๆ ก็ประยุกต์ใช้ได้เช่นกันนะ ^^