Hakone : 17 ที่เที่ยวฮาโกเน่ ตอบโจทย์คนชอบธรรมชาติ อินกับศิลปะวัฒนธรรมแบบจัดเต็ม
สารบัญ
- 01 Hakone Yumoto Shopping Street
- 02 Ajisai Bridge
- 03 Hydrangea Train / Ajisai Train
- 04 Miyanoshita Station
- 05 Hakone Yuryo
- 06 Okada Museum of Art
- 07 Mishima Skywalk
- 08 Hakone Shrine
- 09 Lake Ashi
- 10 Hakone Sightseeing Cruise
- 11 Owakudani
- 12 Hakone Museum of Photography
- 13 The Hakone Open-Air Museum
- 14 Pola Museum of Art
- 15 Hakone Venetian Glass Museum
- 16 The Little Prince Museum
- 17 Gotemba Premium Outlets
- การเดินทางไป ฮาโกเน่
ฮาโกเน่ (Hakone) เมืองแสนสงบของจังหวัดคานางาวะ ที่มักถูกจัดเข้าไปในลิสต์วันเดย์ทริปไปเช้า-เย็นกลับจากโตเกียว ส่วนตัวเรามีโอกาสได้ไปมาหลายต่อหลายครั้ง ที่เที่ยวฮาโกเน่ ก็มีมากเราจึงอยากอาสาเป็นตัวแทนหมู่บ้านตะโกนกู่ก้องร้องออกไปว่าฮาโกเน่มีค่ามากพอที่จะใช้เวลาดื่มด่ำบรรยากาศความเป็นฮาโกเน่ ที่มีทั้งอากาศบริสุทธิ์สามารถเห็นฟูจิซังได้ในวันอากาศดี ไหว้พระขอพรที่ศาลเจ้าดัง ล่องเรือพลางมองวิวกลางทะเลสาบ ขึ้นกระเช้าไปชมภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่น ปิดท้ายด้วยการพักเรียวกังแช่ออนเซ็นคุณภาพดีอีกสักคืนสองคืน
จากโตเกียวสามารถเดินทางมาฮาโกเน่ได้หลายวิธีทั้งรถไฟด่วน Romancecar, รถไฟธรรมดาสายโอดะคิว หรือรถบัส ราคาก็แตกต่างออกไปตามความสะดวกสบายและเวลาที่ใช้ในการเดินทาง แต่ที่เราใช้บ่อยๆ และคิดว่าคุ้มค่าคือบัตรโดยสาร อาทิ Hokone Free Pass ที่นอกจากใช้โดยสารรถไฟไป-กลับจากสถานีชินจูกุได้แล้ว ยังสามารถนั่งขนส่งสาธารณะในเมืองฮาโกเน่ทั้งรถไฟ รถบัส รถราง กระเช้า และเรือ ได้ไม่จำกัด รวมถึงเป็นส่วนลดในการเข้าสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง
เราคัด 17 ที่เที่ยวฮาโกเน่ จัดเต็มแบบจุกๆ ไม่ว่าจะชอบธรรมชาติ อินกับอาร์ต มีความสุขกับการช็อปปิ้ง และถ่ายรูปเล่นได้ไม่เบื่อ ก็ต้องถูกใจสถานที่เหล่านี้บ้างแน่นอน
01 Hakone Yumoto Shopping Street
ฮาโกเน่ยุโมโตะ เป็นชื่อสถานีรถไฟหลักของเมืองฮาโกเน่ เดินออกมาจากสถานีเล็กน้อยจะพบกับถนนที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร ร้านขายของฝาก คาเฟ่ เรียวกัง ฯลฯ ที่เหมาะกับการเดินช็อปของฝาก ซื้ออาหารการกินริมทาง หรือไม่ก็แวะคาเฟ่นั่งชิลล์ถ่ายรูปเล่นก็ยังได้ คนส่วนใหญ่มักเลือกพักโรงแรมแถวนี้ ด้วยเพราะมีความสะดวกครบครันและไม่ไกลจากสถานีรถไฟ
02 Ajisai Bridge
เดินเข้ามาอีกหน่อยบริเวณด้านหลังโซนร้านค้าจะพบอีกหนึ่ง ที่เที่ยวฮาโกเน่ ที่เราอยากแนะนำ “สะพานอาจิไซ” ที่พาดข้ามแม่น้ำฮายะ (Haya River) เป็นสะพานสำหรับเดินเท้าเท่านั้น ถือเป็นอีกจุดถ่ายรูปที่น่าสนใจเลยเพราะบรรยากาศบริเวณนี้จะเปลี่ยนไปในทุกฤดูกาล ฤดูใบไม้ผลิซากุระจะบานคลอเคลียกับสะพาน ฤดูร้อนต้นไม้เบื้องหลังจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวตัดกับสีแดงสดของสะพาน เป็นต้น
03 Hydrangea Train / Ajisai Train
ที่ฮาโกเน่มีเส้นทางรถไฟสายดอกไฮเดรนเยียซึ่งก็คือขบวนรถไฟหน้าตาเก๋ Hakone Tozan Train สีแดงสด โดยตลอดทางตั้งแต่สถานี Hakone-Yumoto ยาวไปจนถึงสถานี Chokoku-no-Mori จะได้เห็นไฮเดรนเยียเบ่งบานทักทายนักท่องเที่ยว นอกจากจะได้นั่งรถรางชมไฮเดรนเยียเพลินๆ ตอนฟ้าใสแล้ว ตอนกลางคืนที่นี่ก็มีอีเว้นท์ Hydrangea Train Light Up ให้เราได้เพลิดเพลินกับความสวยงามจนถึงดึกดื่นราวๆ 4 ทุ่ม กดถ่ายรูปกันให้แบตเตอรี่กล้องหมดกันไปเลย
ช่วงเวลาทองที่เหมาะกับการนั่งรถไฟชมไฮเดรนเยียหรือที่ชาวญี่ปุ่นเรียกกันว่า “อาจิไซ (Ajisai)” คือช่วงเดือนมิถุนายนถึงปลายเดือนกรกฎาคม
Info
Available: ระหว่างสถานี Hakone-Yumoto และ Chokoku-no-Mori (Hakone Tozan Train)
Period: มิถุนายนถึงปลายเดือนกรกฎาคม
Website: www.hakone-tozan.co.jp/en/sightseeing/
04 Miyanoshita Station
สถานีนี้น่ารัก เราว่าบริเวณนี้รวมความน่ารักเอาไว้ คาเฟ่ เบเกอรี่ ร้าน Zakka หน้าร้านอาจจะตกแต่งไม่ได้หวือหวาอะไรมากมาย แต่ก็ชวนให้ต้องเดินเข้าร้านนู้นทีออกร้านนี้ทีอย่างเพลิดเพลิน หากอยากหาร้านนั่งชิลล์ในฮาโกเน่ขอแนะนำให้มาที่สถานีรถไฟมิยาโนชิตะ (Miyanoshita Station) รับรองว่าเพียบ นอกเหนือจากนี้ยังมีศาลเจ้าเล็กๆ หรือพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจอีกมากมายถ้าสนใจก็เดินตามแผนที่ได้เลย
ร้าน Naraya Cafe
ขอยกตัวอย่างร้านค้าที่น่าสนใจ อาทิ Naraya Cafe เป็นทั้งร้านขนมและแกลเลอรีในที่เดียวกัน นอกจากวิวจะดีมากแล้วความเก๋คือมีบ่อให้แช่เท้าได้ฟรีอีกด้วย, Mori-Meshi คาเฟ่วิวภูเขาจำหน่ายทั้งอาหารและเครื่องดื่ม บรรยากาศอบอุ่นสไตล์ญี่ปุ่นมากๆ ฯลฯ
ร้าน Mori Meshi
05 Hakone Yuryo
อีกหนึ่งของดีประจำจังหวัดฮาโกเน่ ถ้าไม่เอ่ยถึงก็คงจะรู้สึกผิดไปก็คือ ‘ออนเซ็น’ ออนเซ็นในฮาโกเน่เริ่มต้นจากการมีทำเลที่ดีและเกิดจากการประทุของภูเขาไฟฮาโกเน่หลายพันปีมาแล้ว ว่ากันว่าแร่ธาตุจากภูเขาไฟมีสรรพคุณมากมาย จนกลายเป็นออนเซ็นที่มีชื่อเสียง 7 แห่ง
Hakone Yuryo ออนเซ็นที่มีจุดเด่นตรงที่ใช้น้ำแร่ Alkaline จากบ่อน้ำแร่ธรรมชาติ Tonosawa ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดบ่อน้ำแร่ที่มีชื่อเสียงของฮาโกเน่ ด้านในแบ่งโซนอย่างเป็นระเบียบมีทั้ง Honden Yurakuan บ่อออนเซ็นรวมแบบแยกชายหญิงและ Hanare Yuya Kaden ออนเซ็นแบบส่วนตัว ใครที่ยังไม่เคยแช่เลย แนะนำว่าต้องลองสักครั้งแล้วจะติดใจ การเดินทางแสนสะดวกมีรถ Shuttle Bus รับส่งฟรีจากสถานี Hakone Yumoto ใช้เวลาเพียง 3 นาทีเท่านั้น
Info
Hakone Yuryo
Hours: 10:00-21:00 น.
Honden Yurakuan
Price: ผู้ใหญ่ 1,400 เยน, เด็กอายุ 6-12 ปี 700 เยน
Hanare Yuya Kaden
Price: Type1 4,000 เยน, Type2 6,000 เยน, Type3 6,000 เยน (ราคา/ชั่วโมง/ห้อง)
Website: www.hakoneyuryo.jp
06 Okada Museum of Art
โอะคะดะเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะในพื้นที่ 5 ชั้น ถือเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีพื้นที่จัดนิทรรศการใหญ่ที่สุดในเมืองฮาโกเน่ โอะคะดะจัดแสดงนิทรรศการศิลปะตะวันออกและญี่ปุ่นสลับเปลี่ยนหมุนเวียนมาจัดอยู่ตลอดทั้งปี รวมถึงมีชิ้นงานถาวรติดตั้งอยู่ถึง 450 ชิ้นงาน
แม้คนที่ไม่ได้สนใจงานศิลปะมากนักก็จะสามารถเดินได้โดยไม่เบื่อ เพราะนอกเหนือจากนี้ที่นี่ยังมีการจัดสวนญี่ปุ่นได้สวยมาก หรือถ้าเดินชมงานจนรู้สึกเหนื่อย พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็มีบ่อน้ำร้อนแช่เท้าและคาเฟ่คอยให้บริการด้วย
Info
Hours: 9:00-17:00 น.
Holiday: 31 ธันวาคมและ 1 มกราคม
Entrance Fee: ชั้นมหาวิทยาลัยขึ้นไป 2,800 เยน, ชั้นประถมถึงมัธยมปลาย 1,800 เยน
Website: www.okada-museum.com/en/
Bus Stop: Kowakien (Hakone Tozan Bus)
07 Mishima Skywalk
สะพานแขวนยาวที่สุดในญี่ปุ่นที่มีความยาวถึง 400 เมตร ตัวสะพานทอดข้ามหุบเขาสูงจากพื้นดิน 70.6 เมตร และเป็นหนึ่งในจุดชมภูเขาไฟฟูจิที่สวยงามไม่แพ้ที่ไหน นอกจากนี้จากสะพานยังมองเห็นวิวงามของอ่าวซารุกะ (Saruga Bay) ซึ่งเป็นอ่าวที่ลึกที่สุดในญี่ปุ่นด้วย
หากสังเกตดีๆ ตรงกลางทางเดินจะทำเป็นตะแกรงเหล็กเพื่อลดแรงลม ไม่ให้เสียวท้องจนเกินไป ความน่ารักอีกอย่างคือความใส่ใจเพราะถูกออกแบบให้กว้างกว่าสะพานปกติ เพื่อให้ผู้ใช้รถเข็นก็สามารถมาชมวิว 360 องศา อีกทั้งยังสวนทางกันได้ไม่ต้องกังวลว่าจะขวางทางผู้อื่น นอกเหนือจากสะพานที่นี่ยังมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย อาทิ ซิปไลน์, ตลาดนัดขายอาหาร, เรือนกระจก, คาเฟ่น่ารักๆ และเส้นทางเดินป่าคิโคะโระ เป็นต้น
Info
Mishima Skywalk
Hours: 9:00-17:00 น. (สะพานอาจงดให้บริการในกรณีที่มีลมแรง)
Holiday: –
Entrance Fee: ผู้ใหญ่ 1,000 เยน, ระดับมัธยมศึกษา 500 เยน, ระดับประถมศึกษา 200 เยน, ต่ำกว่าระดับประถมศึกษาเข้าฟรี
Website: www.mishima-skywalk.jp
Bus Stop: Mishima Skywalk Bus Stop (Tokai Orange Shuttle Bus)
08 Hakone Shrine
เสาโทริอิสีแดงสดขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในทะเลสาบอย่างอลังการ เป็นภาพที่เห็นบ่อยๆ ตามหน้าอินเทอร์เน็ตซึ่งก็คือศาลเจ้าประจำเมืองฮาโกเน่แห่งนี้ ศาลเจ้าตั้งอยู่ที่ตีนเขาฮาโกเน่ริมทะเลสาบอาชิ (Lake Ashi) นั่นเอง แม้คนจะเยอะแต่กลับรู้สึกสงบและผ่อนคลาย ถ้ามีโอกาสอย่าลืมแวะมาไหว้ขอพรที่ศาลเจ้า
หากเดินทางมาในฤดูร้อน ช่วงปลายเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคมบริเวณริมทะเลสาบนี้จะได้ชมการแสดงดอกไม้ไฟที่งดงามด้วยล่ะ
Info
Hakone Shrine
Hours: 24 ชั่วโมง
Holiday: –
Entrance Fee: เข้าฟรี
Website: www.hakonejinja.or.jp/
Bus Stop: Motohakone (Hakone Tozan Bus)
09 Lake Ashi
ทะเลสาบอาชิเกิดจากการปะทุของภูเขาไฟฮาโกเน่ ที่นี่ถูกล้อมรอบไปด้วยภูเขาและเหล่าพรรณไม้ที่คอยผลัดเปลี่ยนสีเอาใจเราไปในทุกฤดูกาล เราว่าที่นี่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ที่น่าจดจำของเมือง หากมาในวันอากาศดีจะสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้จากทั้งริมทะเลสาบ ถ้าพอมีเวลาจะถีบเรือเป็ด หรือจะล่องเรือชมทัศนียภาพก็ได้เหมือนกัน ไม่ว่าใครที่ได้มา ยังไงก็ต้องแอบปันใจให้ทะเลสาบแห่งนี้เหมือนกันแน่ๆ
10 Hakone Sightseeing Cruise
เรือนำเที่ยวชมวิวรอบทะเลสาบขนาดใหญ่ให้บริการ 2 เส้นทาง เส้นทางแรกระหว่างท่าเรือ Motohakone และ Togendai เส้นทางที่สองระหว่างท่าเรือ Hakonemachi และ Togendai เที่ยวละประมาณ 30 นาที เส้นทางแรกเหมาะสำหรับคนที่มาเยี่ยมชมศาลเจ้าฮาโกเน่ แล้วนั่งเรือข้ามฝั่งมาขึ้นกระเช้าไปหุบเขาโอวาคุดานิต่อ
ภายในเรือมีบริการจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม และของที่ระลึก ส่วนจุดเด่นของเรือที่ใครๆ ที่ได้มาเยือนฮาโกเน่ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากนั่งเรือสักครั้งคือ ตัวเรือได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรือโจรสลัดของทางตะวันตกนั่นเอง บอกได้คำเดียวว่าเท่มาก
ท่าเรือ Motohakone
Info
Hakone Sightseeing Cruise
Hours: (20 มี.ค. ถึง 30 พ.ย.) จากทุกท่าเรือ 9:30-17:00 น. / (1 ธันวาคมถึง 19 มีนาคม) จากท่าเรือ Hakonemachi 9:30-16:10 น., จากท่าเรือ Motohakone 10:10-16:40 น., จากท่าเรือ Togendai 10:00-16:40 น.
Holiday: จันทร์-ศุกร์ (1-28 กุมภาพันธ์)
Ticket Price: เที่ยวเดียว ผู้ใหญ่ชั้นมัธยมขึ้นไป 1,050 เยน, เด็ก 520 เยน / ไป-กลับ ผู้ใหญ่ชั้นมัธยมขึ้นไป 1,930 เยน เด็ก 940 เยน
Website: www.hakone-kankosen.co.jp/foreign/thai/
Bus Stop: Motohakone (Hakone Tozan Bus)
Ropeway Station: Togendai (Hakone Ropeway)
11 Owakudani
หุบเขาโอวาคุดานิเป็นหนึ่งภูเขาไฟในญี่ปุ่นที่ยังคุกรุ่น จึงมีกำมะถันของภูเขาไฟและไอน้ำพวยพุ่งอยู่ตลอดเวลา ของขึ้นชื่อประจำหุบเขานี้คือ “ไข่ดำ (Kurotamago)” ซึ่งต้มด้วยน้ำแร่กำมะถันที่ผุดขึ้นมา และสีดำของเปลือกไข่มาจากสีของกำมะถันนั่นเอง คนญี่ปุ่นมีความเชื่อว่าการได้กินไข่ดำ 1 ลูกจะทำให้อายุยืนขึ้นอีก 7 ปี เรากินไปตั้ง 3 ลูก คงมีเวลามาเที่ยวญี่ปุ่นอีกนานเลย
วิธีการมาที่หุบเขาต้องนั่งกระเช้าลอยฟ้าเท่านั้น กระเช้าที่จะพาชมวิวฮาโกเน่จากมุมสูงกว่า 1,000 เมตร ให้บริการระหว่างสถานี Togendai และ Sounzan เราสามารถแวะพักหรือลงเที่ยวที่สถานีระหว่างทางได้ตามใจชอบ เราว่าที่คนติดใจการเดินทางแบบนี้อาจเพราะชอบการได้เห็นอะไรที่ไม่เคยเห็นหรือไม่ได้มีมาให้เห็นกันบ่อยๆ อย่างใบไม้สีสวยในฤดูใบไม้ร่วง ภูเขาไฟฟูจิในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ล้วนเป็นเหตุผลง่ายๆ ที่ฉันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันคือเรื่องจริง
Info
Owakudani
Hours: 8:00-17:00 น.
Entrance Fee: เข้าฟรี
Ropeway Station: Owakudani (Hakone Ropeway)
Hakone Ropeway
Hours: (1 ก.พ.-30 พ.ย.) 9:00-17:00 น., (1 ธ.ค.-31 ม.ค.) 9:00-16:15 น.
Ticket Price: ราคาแต่ละสถานีไม่เท่ากัน ตรวจสอบได้ทางเว็บไซต์
Port: Togendai-ko (มาทางสถานี Togendai ต้องโดยสารเรือ Hakone Sightseeing Cruise)
Cable Car Station: Sounzan (มาทางสถานี Sounzan ต้องโดยสาร Hakone Tozan Cable Car)
Website: www.hakoneropeway.co.jp/foreign/en/
12 Hakone Museum of Photography
พิพิธภัณฑ์และคาเฟ่ขนาดกะทัดรัดที่ซ่อนตัวอยู่ซอยเล็กจิ๋วริมทางรถราง Hakone Tozan Cable Car สำหรับโซนพิพิธภัณฑ์นั้นเป็นอาคารสองชั้น ด้านในจัดแสดงเฉพาะงานภาพถ่ายซึ่งมีทั้ง Mt.Fuji เป็นนิทรรศการถาวรและยังมีพื้นที่ให้ศิลปินทั้งในและต่างประเทศหมุนเวียนมาจัดแสดงงานอยู่เรื่อยๆ
ในบริเวณพื้นที่เดียวกันนี้ก็มี Cafe Plaisir de l’oeuf คาเฟ่ให้บริการเครื่องดื่ม อาหาร และขนมหวานโฮมเมดวัตถุดิบตามฤดูกาล จากฝีมือพาร์ทิซิเยร์เจ้าของร้านที่ไปร่ำเรียนมาจากฝรั่งเศส ชิมขนมรสชาติดีเคล้าบรรยากาศศิลปะภาพถ่าย ก็เพลิดเพลินดีเหมือนกัน
Info
Hakone Museum of Photography
Entrance Fee: ผู้ใหญ่ 500 เยน, ต่ำว่า 15 ปี 300 เยน, ต่ำกว่า 6 ปีเข้าชมฟรี
Hours: พ.-จ. 10:00-17:00 น.
Holiday: วันอังคารและช่วงเปลี่ยนแปลงนิทรรศการ (เช็คได้ทางเว็บไซต์)
Website: www.hmop.com
Cable Car Station: Koen-Shimo Station
13 The Hakone Open-Air Museum
พูดถึงพิพิธภัณฑ์ภาพแรกที่โผล่เข้ามาในหัวคือการเดินชมงานศิลปะเงียบๆ ในห้องขนาดใหญ่ แต่สถานที่ที่เรากำลังจะเล่าถึงต่อไปนี้ทำให้เราต้องคิดใหม่ เพราะ ที่เที่ยวฮาโกเน่ สำหรับสายอาร์ตแห่งนี้มีคอนเซ็ปต์หลักเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง (Sculpture Garden) เปิดโล่งบนเนินเขากว้างของเมืองฮาโกเน่ บรรยากาศของผู้คนพูดคุยระหว่างชมงานศิลปะชวนให้พื้นที่แห่งนี้น่าเดินขึ้นมากกว่าปกติ
งานส่วนใหญ่ที่จัดแสดงที่นี่เป็นงานประติมากรรมรูปทรงแปลกตาชวนมอง บางชิ้นงานอาจดูเข้าใจยาก แต่การที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ปล่อยให้สมองและหัวใจเราทำงานได้อย่างอิสระ จินตนาการได้ตามใจชอบ ก็ทำให้ใครต่อใครที่ได้มารู้สึกสนุกกับงานศิลปะได้อย่างง่ายดาย และไม่ได้มีแค่โซนกลางแจ้งเท่านั้น ยังมีอีกหลากหลายโซนในร่ม อาทิ Picasso Pavillon นิทรรศการถาวรเป็นเหมือนไฮไลท์ของที่นี่ ซึ่งจัดแสดงผลงานของ Picasso จิตรกรดังระดับโลก, Art Hall ที่จะมีนิทรรศการของศิลปินหลากสไตล์แปะมือผลัดเปลี่ยนเข้ามาจัดแสดงงานอยู่เสมอ, Symphonic Sculpture หอคอยสูงด้านในเป็นเหมือนกระเบื้องหลากสีที่เปิดให้คนเข้าชม อีกทั้งชั้นบนสุดก็ยังเป็นเหมือนจุดชมวิวดีๆ นี่เอง
Info
The Hakone Open Air Museum
Entrance Fee: ผู้ใหญ่ 1,600 เยน, ระดับมัธยมปลายถึงมหาวิทยาลัย 1,200 เยน, ระดับมัธยมต้นและประถม 800 เยน
Hours: 09:00-17:00 น.
Holiday: –
Website: www.hakone-oam.or.jp
Bus Stop: Chokoku-no-Mori
Train Station: Chokoku-no-Mori
14 Pola Museum of Art
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมของอาคารแบบกระจกใสรอบทิศทางและมีเส้นทางธรรมชาติ (Nature Trail) เสียงนกป่าหลากสายพันธุ์ ความสวยงามของพรรณไม้ดอกและไม้ยืนต้นที่เปลี่ยนไปในทุกฤดูกาลให้ผู้ที่สนใจเดินอยู่รอบพิพิธภัณฑ์ จึงทำให้แม้จะอยู่ในตัวพิพิธภัณฑ์ก็ยังรู้สึกเหมือนได้เดินอยู่กลางป่าและเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติอยู่ดี
พื้นที่ทั้ง 4 ชั้นของที่นี่ถูกจัดโซนเป็นห้องจัดแสดงงานศิลปะ, คาเฟ่ Tune, ร้านอาหาร Array และร้านขายสินค้าที่ระลึกของพิพิธภัณฑ์อย่างเป็นระเบียบ ด้วยความที่มีห้องจัดแสดงงานอยู่หลายห้อง จึงทำให้การเดินทางมายังพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้ชมงานศิลปะหลากหลายรูปแบบในคราวเดียว อย่างตอนที่เราไปมี Impressionism Light and Memory เป็นนิทรรศการหลักซึ่งรวบรวมผลงานของศิลปินระดับโลก Monet, Van Gogh, Matisse และ Picasso ที่เราชอบมากคือสินค้าที่วางจำหน่ายในร้านขายของที่ระลึกก็จะเปลี่ยนไปตามงานศิลปะที่จัดแสดงด้วย
Info
Pola Museum of Art
Hours: 09:00-17:00 น.
Holiday: ปิดช่วงเปลี่ยนแปลงนิทรรศการ (เช็คได้ทางเว็บไซต์)
Entrance Fee: ผู้ใหญ่ 1,800 เยน, อายุ 65 ปีขึ้นไป 1,600 เยน, ระดับมัธยมปลายถึงมหาวิทยาลัย 1,300 เยน, ต่ำกว่าระดับมัธยมต้น 700 เยน
Website: www.polamuseum.or.jp
Bus Stop: Pola Bijutsukan
15 Hakone Venetian Glass Museum
สวรรค์ของคนรักเครื่องแก้ว จะพูดแบบนี้ก็คงไม่ผิดอะไร เพราะแทบทุกพื้นที่ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เต็มไปด้วยแก้วหลากรูปแบบ ภายในพื้นที่มีหลากหลายโซนให้เลือกชมทั้งพื้นที่จัดแสดงงานแก้วเวนิสจากอิตาลี จุดสำหรับทำเวิร์คช็อป ร้านขายของฝากที่ทำจากแก้วทั้งหมด คาเฟ่ในสวนที่ประดับตกแต่งด้วยประติมากรรมจากแก้ว แต่ถ้าไปถูกฤดูในสวนก็จะเต็มไปด้วยไฮเดรนเยียบานเคล้างานแก้วสวยงามจนแอบเห็นหลายคนหยิบกล้องมาถ่ายรูปกันสนุกสนานเชียวแหละ แต่เดินระวังกันหน่อยแล้วกัน เดี๋ยวมือไปโดนแก้วแตกแล้วจะหมดสนุกเอา
Info
Hakone Venetian Glass Museum
Hours: 10:00-17:00 น.
Holiday: ไม่แน่นอน โปรดตรวจสอบทางเว็บไซต์
Entrance Fee: ผู้ใหญ่ 1,500 เยน, อายุ 65 ปีขึ้นไป 1,400 เยน, ระดับมัธยมปลายถึงมหาวิทยาลัย 1,100 เยน, ต่ำกว่าระดับมัธยมต้น 600 เยน
Website: www.hakone-garasunomori.jp/entrance/english/
Bus Stop: Garasu no Mori Mae (Hakone Glass Nomori)
16 The Little Prince Museum
พิพิธภัณฑ์เจ้าชายน้อย ที่เที่ยวฮาโกเน่ ที่เราว่าแฟนวรรณกรรมไม่ควรพลาดเลย ภายในถูกจำลองให้เป็นเหมือนเมืองในประเทศฝรั่งเศสบ้านเกิดและเล่าเรื่องชีวิตของอองตวน เดอ แซงเตก-ซูเปรี (Antoine de Saint-Exupéry) นักบินรบชาวฝรั่งเศสผู้เขียนวรรณกรรมล้ำค่าทิ้งไว้ก่อนที่เขาจะไปออกรบในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 คงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมต้องเป็นประเทศฝรั่งเศส ก็เพราะว่าที่นี่คือสถานที่ที่วรรณกรรมเจ้าชายน้อยสุดคลาสสิกได้เริ่มต้นขึ้น
นอกจากนี้ยังมีโซนคาเฟ่ จำหน่ายอาหารคาวหวานที่แต่ละเมนูได้รับแรงบันดาลใจจากวรรณกรรมเรื่องเจ้าชายน้อย อย่างเช่น ข้าวห่อไข่ จากฉากเปิดของเรื่องตอนที่นักบินวาดรูปงูเหลือมกินช้าง แล้วไม่มีผู้ใหญ่คนไหนเข้าใจเลยนอกจากเจ้าชายน้อย เป็นต้น และโซนขายของที่ระลึก ที่บอกเลยว่าใครอดใจให้ไม่ซื้อไหวก็บ้าแล้ว
Info
Little Prince Museum
Hours: 09:00-18:00 น.
Holiday: วันพุธที่สองของเดือน (ยกเว้นเดือนมีนาคมและสิงหาคม)
Entrance Fee: ผู้ใหญ่ 1,600 เยน, ระดับมัธยมปลายถึงมหาวิทยาลัยและบุคคลอายุ 65 ปีขึ้นไป 1,100 เยน, ต่ำกว่าระดับมัธยมต้น 700 เยน
Website: www.tbs.co.jp/l-prince
Bus Stop: Kawamukai, Hoshino-Ojisama Museum
17 Gotemba Premium Outlets
โกเทมบะเป็นพรีเมียมเอาท์เล็ทแห่งแรกของญี่ปุ่น เป็นศูนย์รวมร้านค้าแบรนด์ดังมากกว่า 200 ร้าน ด้วยความที่มีร้านค้าเยอะมากจึงถูกแบ่งออกเป็น 2 โซนคือฝั่งตะวันตกและตะวันออก โดยมีหุบเขาคั่นกลางและสะพานเชื่อมให้ไม่รู้สึกแน่นจนเกินไป ถ้าโชคดีก็จะมองเห็นภูเขาไฟฟูจิตั้งตระหง่านเป็นฉากหลัง ทำให้เอาท์เล็ทแห่งนี้น่าเดินขึ้นอีกเยอะ
Info
Gotemba Premium Outlets
Hours: (ธ.ค.-ก.พ.) 10:00-19:00 น., (มี.ค.-พ.ย.) 10:00-20:00 น.
Holiday: พฤหัสบดีที่สามของเดือนกุมภาพันธ์
Website: www.premiumoutlets.co.jp/en/
Bus Stop: Gotemba (Hakone Tozan Bus)
การเดินทางไป ฮาโกเน่
รถไฟ Romancecar : จากสถานีชินจูกุ (Shinjuku Station) ให้นั่งรถไฟสายโอดะคิว (Odakyu Line) ขบวน Romancar (ต้องจองที่นั่งล่วงหน้า) แล่นตรงไปยังสถานีฮาโกเน่ยุโมโตะ (Hakone-Yumoto) ใช้เวลา 75 นาที
รถไฟ Rapid Express : จากสถานีชินจูกุ (Shinjuku Station) ให้นั่งรถไฟสายโอดะคิว (Odakyu Line) ไปลงที่สถานีโอดาวาระ (Odawara Station) จากนั้นเปลี่ยนไปนั่งสาย Hakonetozan Line ไปลงที่สถานีฮาโกเน่ยุโมโตะ (Hakone-Yumoto) ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
รถบัส : จากสถานีชินจูกุ (Shinjuku Station) ให้นั่ง Odakyu Hakone Highway Bus ใช้เวลา 2-2:30 ชั่วโมง