5 หมู่บ้านโบราณญี่ปุ่น บรรยากาศเอโดะ

ความดีงามของแหล่งท่องเที่ยวญี่ปุ่นอย่างหนึ่งคือ เขามีการอนุรักษ์บรรยากาศแต่ยุคสมัยก่อนไว้ได้อยู่ในสภาพที่ดีมากๆ ทั้งสถาปัตยกรรม ประเพณีวัฒนธรรม หรือวิถีชีวิตผู้คนท้องถิ่นที่อาศัยอยู่จริงๆ จากรุ่นสู่รุ่น
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของยุคสมัย สิ่งเหล่านี้สะท้อนรากเหง้าเมื่อวันวาน ควรค่าแก่การรักษาและน่าไปเยือนเป็นอย่างยิ่ง เราจึงขอชวนคุณย้อนเวลาสู่ “5 หมู่บ้านโบราณญี่ปุ่น บรรยากาศเอโดะ” ที่คุณต้องไปให้ได้สักครั้ง

ภาพ: bit.ly/2KRS02l 

01 Takayama‚ Gifu

ภาพ: bit.ly/32WHU6u 

หลายคนที่มาเยือนทาคายาม่าเพียงเพราะว่าที่นี่เป็นจุดแวะพักสู่หมู่บ้านชิราคาวาโกะ แต่เดี๋ยวก่อนคุณอาจยังไม่รู้หรือมองข้าม ณ ใจกลางเมืองทาคายาม่าเองนี่แหล่ะคือย่านอนุรักษ์เก่าแก่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับ 300 ปีนามว่า “Sanmachi-Suji” ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีทาคายาม่า (Takayama Station) เพียงแค่ 850 เมตรหรือ เดิน 12 นาที เท่านั้น

ด้วยการอนุรักษ์อย่างมีแบบแผน อาคารบ้านเรือนจึงยังอยู่ในสภาพดี แทบจะสมบูรณ์แบบ Sanmachi-suji จึงได้รับสมญานามว่าที่นี่คือ Little Kyoto

ทาคายาม่านั้นสวยและมีเสน่ห์ บรรยากาศผ่อนคลาย อากาศดี ลมที่โชยพัดมาจากแม่น้ำมิยากาวะ (Miyagawa River) สลับกับเสียงคลื่นน้ำอันไพเราะขณะเดินผ่าน สถาปัตยกรรมเรือนไม้ยังมีให้เห็นตลอดสองข้างทาง ธุรกิจร้านเก่าแก่ที่สืบทอดรุ่นสู่รุ่นยังคงเปิดให้บริการ

ภาพ: bit.ly/32WxEeq 

ภายใต้บ้านไม้เก่าแก่สองข้างทาง คือธุรกิจร้านค้าที่เปิดรองรับนักท่องเที่ยว อาทิ ร้านขนมดังโงะ ร้านชา คาเฟ่สไตล์คลาสสิก ร้านโซบะ ร้านอาหารญี่ปุ่น ร้านขายของที่ระลึก ยังมีผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมอย่างรองเท้าเกี๊ยะไม้ ตะเกียบญี่ปุ่น เครื่องชามแฮนด์เมด ที่หาซื้อไม่ได้ทั่วไป ไปจนถึงพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อม เรียกว่าหลากหลายมากเดินกันเพลิน

ภูมิภาคนี้ขึ้นชื่อเรื่อง “เนื้อฮิดะ” ซึ่งขนมของที่ระลึกต่างๆ ก็นำกิมมิกนี้มาใช้ ไม่ว่าจะเป็นมันฝรั่งแท่งทอดกรอบรสเนื้อวัวฮิดะย่าง ผงโรยข้าวรสเนื้อฮิดะ เป็นต้น เป็นความแปลกใหม่และครีเอทีฟในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์

อีกทั้งยังมีร้านให้เช่าชุดยูกาตะและกิโมโนในย่านนี้ สำหรับใส่เดินเที่ยวในย่านเพิ่มความน่าจดจำไม่รู้ลืม และขอให้รู้ไว้ว่าจุดที่คุณเดินอยู่นี้ สามารถเซลฟี่ได้สวยๆ พร้อมกินของอร่อยๆ รายทาง 

ส่วนตัวขอแนะให้นำเผื่อเวลาอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงในการเดินสำรวจย่านประวัติศาสตร์ที่มีเสน่ห์เหลือเกินแห่งนี้

การเดินทาง: ลงสถานีทาคายาม่า (Takayama Station) และเดินไปทิศตะวันออกอีก 12 นาที (850 เมตรหรือ) ข้ามสะพาน Miyagawa River ก็ถึงเลย

※ สามารถอ่านบทความแนะนำเมืองทาคายาม่า (Takayama) ได้ที่นี่

02 Magome-juku‚ Gifu

ภาพ: bit.ly/2KDLqMJ

นี่คือทางเดินสโลปสั้นๆ ประมาณ 850 เมตร ที่พาคุณย้อนเวลาสู่บรรยากาศสมัยเอโดะ สมัยก่อนเป็นดั่งจุดแวะพักระหว่างทางเกียวโต–โตเกียว (เอโดะ) ที่ต้องเดินเท้าใช้เวลานับ 10 วัน

ทางเดินปูด้วยหิน สองข้างทางคือบ้านไม้เก่าแก่กลางศตวรรษที่ 18 เรียบง่ายแต่ลุ่มลึก ถ้าลองแปลงโฉมเครื่องแต่งกายผู้คนให้เป็นยุคก่อนและถ่ายภาพด้วยสีขาวดำ บางทีเราอาจจะแยกไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่านี่คืออดีตหรือป้จจุบัน

ภาพ:  bit.ly/2KDLqMJ

ภาพ: bit.ly/2D2HRve 

ที่ทุกคนน่าจะชอบคือสองข้างทางประกอบไปด้วยคาเฟ่และร้านขายของที่ระลึกต้อนรับนักท่องเที่ยว ซึ่งเราสามารถเดินไปแวะพักทานช็อปของโน่นนี่ได้เพลินๆ

ภาพ: bit.ly/2O0cyrn

ในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีสองข้างทางนั้นจะสวยเป็นพิเศษ บ้านไม้สีน้ำตาลถูกแต่งแต้มด้วยสีแดงส้ม เหลือง หรือช่วงฤดูหนาวก็จะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน มอบความสวยงามตามธรรมชาติ

ภาพ: bit.ly/2D2HRve

Magome-juku อยู่ห่างจากเมืองใหญ่นาโกย่าแค่ราว 1 ชั่วโมงครึ่งด้วยรถไฟ จึงสามารถรวมอยู่ในแผนเที่ยวโซนนี้ได้ไม่ยากเลย

การเดินทาง: นั่งรถไฟมาลงที่สถานีนาคัทสึกาวะ (Nakatsugawa Station) และนั่งรถบัสต่อไปราว 30 นาที (560 เยน/เที่ยว) รถบัสเฉลี่ย 1 คัน/ชั่วโมง

03 Seki-juku‚ Mie

ภาพ: bit.ly/2QQnl9p

เวลาเราพูดถึง “Tokaido” หลายคนจะนึกถึงรถไฟชินคันเซ็นหรือไม่ก็โครงข่ายทางหลวงเชื่อมเมือง แต่ Tokaido ดั้งเดิมไม่ได้หมายถึงรถไฟหรือทางด่วนทั้งนั้น แต่คือเส้นทางสัญจรหลักที่เชื่อมเมืองใหญ่ระหว่างโอซาก้า-เอโดะ (โตเกียว) เข้าด้วยกัน

เมื่อมีการเดินทาง แน่นอนว่าต้องมีจุดแวะพัก ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 53 สถานี โดย Seki-juku ตั้งอยู่ในจังหวัดมิเอะ เป็นสถานีลำดับที่ 47 ด้วยความที่ตั้งอยู่จุดยุทธศาสตร์กึ่งกลางของเส้นทางพอดี จึงมีความเป็นศูนย์กลางการค้าขายและการเดินทางมาตั้งแต่ครั้งอดีต

อาคารไม้สองข้างทาง ภาพ: bit.ly/2QOxqDK

ทุกวันนี้ Seki-juku ถูกแปรสภาพเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว แต่สถาปัตยกรรมอาคารบ้านเรือนกว่า 200 หลังและกลิ่นอายบรรยากาศของสภาพแวดล้อมยังคงถูกรักษาอยู่ในสภาพที่ดีมาก เรียกว่าโดดเด่นอันดับต้นๆ จากทั้งหมด 53 สถานีเลยก็ว่าได้

ถูกอนุรักษ์อย่างดี เป็นระเบียบสะอาด ภาพ: bit.ly/2XFJ9Gg 

นักท่องเที่ยวที่ Seki-juku นั้นยังไม่พลุกพล่านและเป็นชาวญี่ปุ่นซะส่วนใหญ่ ทางเดินขนาดกะทัดรัดรายล้อมไปด้วยอาคารเรือนไม้ พร้อมร้านรวงขายผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่หาได้ยากจากที่อื่น มีบริการจ้างไกด์ทัวร์เดินพาชมทั่วสถานที่และบอกเล่าเกร็ดน่าสนใจทางประวัติศาสตร์

พิพิธภัณฑ์ที่สาธิตวิถีชีวิตสมัยก่อน ภาพ: bit.ly/2QOxqDK

โดยส่วนตัวคิดว่า Seki-juku แห่งนี้มอบบรรยากาศที่ไม่ปรุงแต่งจนเกินไป อาจจะไม่หวือหวา ไม่มีจุดถ่ายรูปแลนมาร์คที่ถ่ายออกมายังไงก็ปัง ไม่ต่างจากวิถีชีวิตประจำวัน แม้มันจะเรียบง่ายแต่เรากลับมีความสุข

การเดินทาง: ลงสถานีเซกิ (Seki Station) และเดินเข้าสู่ใจกลางประมาณ 9 นาที (700 เมตร)

04 Kurashiki‚ Okayama

ภาพ: bit.ly/35Ep3Pw

เชื่อเลยว่าเสน่ห์แรกพบที่คุราชิกิ (Kurashiki) ในจังหวัดโอคายาม่า (Okayama) ได้มอบให้แก่ผู้มาเยือนคือ ความผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างสไตล์ตะวันออกและตะวันตก เพราะเวลาเราพูดถึงหมู่บ้านเอโดะเก่าแก่ในญี่ปุ่น เราจะนึกถึงเฉพาะภาพบ้านไม้สองข้างทางและอะไรต่างๆ ที่มีความเป็นญี่ปู๊นญี่ปุ่น แต่นั่นไม่ใช่กับคุราชิกิ

ในสมัยก่อนที่นี่เป็นศูนย์กลางขนส่งสินค้าที่เจริญรุ่งเรืองกับต่างชาติ ก่อนถูกแปรสภาพมาเป็นย่านโบราณอนุรักษ์ไว้อย่างดีเยี่ยม ตึกอาคารที่เราเห็นส่วนใหญ่ อดีตถูกใช้เป็นโกดังเก็บสินค้า

ภาพ: bit.ly/35Ep3Pw

เราจะเห็นรายละเอียดองค์ประกอบความเป็นตะวันตกสอดแทรกอยู่ทั่วเมือง ไม่ว่าจะเสาไฟข้างถนนแบวิกตอเรีย เสาโรมันของพิพิธภัณฑ์ศิลปะโอฮาระ (เก็บผลงานชื่อดังศิลปินชื่อดังมากมาย เช่น ปีกัสโซ) โกดังอิฐแดงที่ยังหลงเหลือ รั้วประตู ช่องทรงโค้ง ฯลฯ อารยธรรมตะวันตกเหล่านี้สอดแทรกอยู่ทั่วย่านโบราณของญี่ปุ่น เป็นอีกเสน่ห์ที่แตกต่างจากหมู่บ้านเอโดะที่อื่นมากๆ 

ภาพ: bit.ly/2QXbiXN

ภาพ: bit.ly/2ONhGyb

Kurashiki เป็นเมืองอนุรักษ์ที่เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยว มีที่พักหลากหลายให้เลือก ร้านค้าขายของที่ระลึกและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น แม่น้ำคุราชิกิ (Kurashiki River) ที่ไหลผ่านกลางเมืองมอบทัศนียภาพที่สวยงาม ซึ่งถือเป็นอีกจุดถ่ายรูปยอดนิยมที่ใครมาเป็นต้องแชะเก็บไปให้ได้ (มีบริการล่องเรือเพลิดเพลินชมวิวด้วยนะ)

ภาพ: bit.ly/2ONhGyb

การเดินทาง: ลงสถานีโอคายาม่า (Okayama Station) จากนั้นนั่ง JR Sanyo Line 15 นาที ไปลงที่สถานีคุราชิกิ (Kurashiki Station) แล้วเดินเท้าต่อถึงใจกลางแหล่งท่องเที่ยวอีกประมาณ 12 นาที

※ สามารถอ่านบทความแนะนำเมืองคุราชิกิ (Kurashiki) ได้ที่นี่

05 Kitsuki‚ Oita

ภาพ: bit.ly/35EuH41

เมือง Kitsuki ตั้งอยู่ในจังหวัดโออิตะ (Oita) บนเกาะคิวชู ปกติเวลาคนมาเที่ยวคิวชูมักจะไปออนเซ็นหรือสถานที่เที่ยวอย่างอื่นกัน ไม่ค่อยมีใครพูดถึง หมู่บ้านโบราณญี่ปุ่น แต่มีอยู่แห่งหนึ่งชื่อว่า “Little Kyoto of Kyushu”

หนึ่งในไฮไลท์คือเนินเขา Suya no Saka ทางเดินหินซึ่งมีความลาดชันมาก แต่กลับมอบทัศนียภาพที่สวยงามเห็นวิวได้โดยรอบ (แต่เวลาเดินขึ้นอาจเหนื่อยหน่อย)

ภาพ: bit.ly/37LJImH

ภาพ: bit.ly/2Opp1oM

จุดศูนย์กลางแหล่งท่องเที่ยวของเมืองโบราณคือ “ปราสาทคิทสึกิ (Kitsuki Castle)” ซึ่งมีเอกลักษณ์อย่างหนึ่งคือ ถูกรายล้อมด้วยเขตชุมชนขนับสองข้างคล้ายแซนด์วิช ตัวปราสาทดั้งเดิมสร้างมาร่วม 500 กว่าปี จุดสูงสุดตัวปราสาทสามารถมองเห็นวิวได้ทั้งเมืองและไกลออกไปถึงอ่าวโมริเอะ (Morie Bay) สุดลูกตา

ภาพ: bit.ly/37LJImH

รอบๆ ปราสาทมีทั้งบ้านซามูไรดั้งเดิมให้เข้าชม ร้านค้าขายของที่ระลึก ร้านอาหารท้องถิ่นรสชาติดี ร้านน้ำชาพร้อมสวนญี่ปุ่นเล็กๆ ฯลฯ อาคารส่วนใหญ่นี้ล้วนมีมรดกตกทอดมาตั้งแต่ยุคสมัยก่อนทั้งสิ้น

ส่วนใครที่อยากฟินกว่าเดิม เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศเขามีร้านบริการให้เช่าชุดกิโมโนด้วย ถ้ากำลังมองหาเมืองที่นักท่องเที่ยวไม่พลุกพล่าน สามารถเดินเที่ยวเรื่อยเปื่อยได้สบาย ถ่ายจุดไหนมุมไหนก็มักได้ภาพสวยไม่ติดผู้คนล้านแปด แนะนำให้ลองมาเที่ยวที่เมือง 

ภาพ: bit.ly/2Dn9waI

การเดินทาง: ลงสถานี Kitsuki sta. และต่อรถบัส Kitsuki Bus มาลงป้าย Kitsuki To

เป็นยังไงบ้างกับ 5 หมู่บ้านโบราณญี่ปุ่น บรรยากาศเอโดะ ที่รับรองว่าเมื่อไปแล้วจะให้ความรู้สึกว่าย้อนไปอยู๋ในสมัยเอโดะเลยทีเดียว ใครไปญี่ปุ่นแล้วก็อย่าลืมแวะไปกันดูนะ