เหมือนหลุดไปในภาพยนตร์ของสตูดิโอจิบลิ โตเกียววันเดย์ทริปที่ เกาะซารุชิมะ!
สารบัญ
- รู้จัก “ลาพิวตา พลิกตำนานเหนือเวหา”
- แผนที่เกาะ
- จุดเที่ยวชมบนเกาะที่พลาดแล้วจะเสียใจ!
- หิวแล้วใช่ไหม ไปที่ Sarushima Ocean’s Kitchen กันเถอะ!
- เที่ยวทั่วเกาะพร้อมไกด์ท้องถิ่น
- วิธีการเดินทางไป เกาะซารุชิมะ (Sarushima Island)
- ตารางเวลาเดินเรือ
- ค่าบริการ (ราคาโดยสารรวมไปกลับ)
- คำแนะนำการเดินทาง
- ชมวิดีโอเกาะซารุชิมะ
อยากไปไหม?
เกาะร้างที่อยู่ห่างจากใจกลางเมืองโตเกียว ใช้เวลาเดินทางเพียงชั่วโมงครึ่ง
เกาะซารุชิมะ (Sarushima Island) เกาะร้างเพียงแห่งเดียวที่เคว้งคว้างอยู่ในอ่าวโตเกียว เดินทางแสนสะดวกจากโตเกียวด้วยรถไฟต่อเรือแค่ประมาณชั่วโมงครึ่งเท่านั้น ที่นี่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ในอดีตเคยถูกใช้เป็นป้อมหลักของกองทัพญี่ปุ่นในช่วงตั้งแต่สมัยเอโดะจนถึงช่วงสิ้นสุดสงครามแปซิฟิก ปัจจุบันจึงยังคงหลงเหลือซากปรักหักพังให้เห็นอยู่มากมาย หนึ่งในนั้นมีซากป้อมสมัยเมจิที่เหมือนกับที่ปรากฏในภาพยนตร์ของสตูดิโอจิบลิเรื่อง “ลาพิวตา พลิกตำนานเหนือเวหา (Laputa Castle in the Sky)” ส่งผลให้เกาะนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีผู้คนมาเยือนไม่ขาดสาย การมาเที่ยวที่นี่จึงให้ความรู้สึกราวกับว่าได้ย้อนเวลามาสู่เขาวงกตสามมิติ เลาะเลี้ยวไปตามหัวมุมจะพบกับป้อมทหาร และเมื่อลอดผ่านอุโมงค์มาก็จะพบกับโลกของจิบลิอันกว้างใหญ่ เชื่อว่าจะถูกใจแฟนๆ สตูดิโอจิบลิอย่างแน่นอน
รู้จัก “ลาพิวตา พลิกตำนานเหนือเวหา”
ลาพิวตา พลิกตำนานเหนือเวหา (Laputa Castle in the Sky) เป็นผลงานภาพยนตร์ที่สร้างโดยสตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli) ในปี ค.ศ. 1986 ทำรายได้กว่า 580 ล้านเยน และได้รับรางวัลภาพยนตร์เป็นจำนวนมาก มีเนื้อหาเกี่ยวกับธรรมชาติ จิตวิญญาณและความเป็นมนุษย์ กำกับโดย ฮายาโอะ มิยาซากิ เล่าเรื่องย่อๆ คือในอดีต มนุษย์มีวิทยาการสร้างอาณาจักรลอยฟ้าขึ้นมาได้ ชื่อว่า “ลาพิวต้า” สามารถปกครองแผ่นดินทั้งมวล แต่ภายหลังอาณาจักรนั้นได้ล่มสลายลง แต่ก็มีความเชื่อว่าลาพิวต้ายังคงลอยอยู่ที่ใดที่หนึ่งบนโลกใบนี้ ในคืนหนึ่งกลุ่มโจรสลัดอากาศ ‘โดล่า’ ได้เข้าโจมตีเรือเหาะโดยสาร เพื่อจะขโมยศิลาลอยฟ้าซึ่งเป็นของเด็กสาว ‘ชีต้า’ ชีต้าพยายามหนีจนได้ ‘ปาสึ’ เด็กกำพร้าที่ทำงานอยู่ในเหมืองแร่ช่วยเอาไว้ ฉากสำคัญของเรื่องคือ “ลาพิวตา” อาณาจักรลอยฟ้าที่สร้างขึ้นจากศิลาลอยฟ้าประมาณ 700 ปีก่อน
ถ้าพูดถึงสตูดิโอจิบลิ คนทั่วไปก็คงเคยได้ยินชื่อนี้ผ่านหูกันมาบ้าง หรือถ้าไม่รู้จัก สตูดิโอจิบลิก็คือค่ายที่สร้างภาพยนตร์เรื่อง Spirited Away หรือ โทโทโร่เพื่อนรัก (My Neighbor Totoro) นั่นเอง
บน เกาะซารุชิมะ มีกิจกรรมให้ทำหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการปิ้งบาร์บีคิว ตกปลา ศึกษาร่องรอยทางประวัติศาสตร์ เดินเล่นริมทะเล รวมถึงน้ำทะเลก็สามารถลงเล่นได้ แต่กิจกรรมที่พลาดไม่ได้จริงๆ คือ การสะพายกล้องตามรอยไปถ่ายรูปตามจุดต่างๆ ที่นี่นับว่าเป็นศูนย์รวมทัศนียภาพอันแสนพิเศษท่ามกลางร่องรอยทางประวัติศาสตร์และธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ในแบบฉบับของเกาะร้าง อย่ารอช้า…ไปซารุชิมะกันเถอะ!
แผนที่เกาะ
จุดเที่ยวชมบนเกาะที่พลาดแล้วจะเสียใจ!
ซารุชิมะเป็นเกาะร้างยาว 1.6 กิโลเมตร พื้นที่รวม 56,600 ตารางเมตร พื้นที่ทิศตะวันออกและตะวันตกยาวคิดเป็นราว 200 เมตร ทิศเหนือและทิศใต้คิดเป็นราว 450 เมตร เดินเล่นรอบเกาะชิล ๆ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เคยเป็นเกาะที่ใช้เป็นป้อมของกองทัพญี่ปุ่นมาก่อน ช่วงปี ค.ศ. 1881 ถึง 1945 จึงไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาเป็นระยะเวลา 64 ปี แต่ปัจจุบันเปิดให้เข้าชมแล้วนะ
โซนซากโบราณ
เมื่อเลาะตามเนินเขาต่อไปก็จะมาถึงจุดที่เป็นทางเดินตรง อยู่เฉียงไปด้านขวา สุดทางนี้เป็นป้อมหลักที่ทำจากอิฐในสมัยเมจิ ป้อมบนเกาะซารุชิมะนี้สร้างขึ้นในช่วงกลางสมัยเมจิเพื่อคุ้มครองอ่าวโตเกียวจากข้าศึก นอกจากนี้ถ้าไปกับไกด์ท้องถิ่นก็จะสามารถเที่ยวชมภายในห้องที่เคยใช้เป็น “ค่ายที่พักทหาร” และ “คลังเก็บดินปืน” อีกด้วย (ถ้าไม่มากับไกด์ก็เข้าไม่ได้)
อุโมงค์แห่งความรัก
อุโมงค์ที่ถูกตั้งชื่อว่า “อุโมงค์แห่งความรัก” แห่งนี้ทำจากอิฐทั้งหมด ด้านในลึกกว่า 90 เมตร ว่ากันว่าหากได้มาขอพรที่นี่จะทำให้มีโชคด้านความรักหรือทำให้รักยืนยาว หรือหากไม่ได้สนใจเรื่องโชคลาง เพียงแค่ชื่นชมความงดงามของเพดานโค้งที่สร้างจากอิฐก็ต้องตกตะลึงแล้ว ด้านในของอุโมงค์ยังมีห้อง 2 ชั้นที่ใช้เป็นคลังเก็บดินปืนกับซากห้องของหน่วยบังคับบัญชาอีกด้วย
จุดถ่ายรูปที่สวยที่สุดบนเกาะ
เมื่อเดินลอดผ่าน “อุโมงค์แห่งความรัก” ออกมาอีกด้าน ก็จะพบกับจุดถ่ายรูปที่สวยที่สุดบนเกาะซารุชิมะ ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าเหมือนฉากในเรื่อง “ลาพิวตา พลิกตำนานเหนือเวหา” ของสตูดิโอจิบลิเลยทีเดียว
วิวทะเลที่มองจากซากที่ตั้งปืนใหญ่อุโนะซากิ (Unozaki)
ซากที่ตั้งปืนใหญ่อุโนะซากิที่อยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะเป็นจุดที่วิวสวยที่สุด มองเห็นวิวของคาบสมุทรโบโซ (Boso) ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างเห็นได้ชัด
โรงกำเนิดไฟฟ้า
ที่นี่คือโรงกำเนิดไฟฟ้าที่สร้างขึ้นในสมัยเมจิ ปัจจุบันไม่ได้ใช้งานแล้ว
หิวแล้วใช่ไหม ไปที่ Sarushima Ocean’s Kitchen กันเถอะ!
หากใครเดินเล่นจนเกิดหิวขึ้นมา นอกจากจุดชมวิวสวยๆ และกิจกรรมมากมายแล้ว บนเกาะยังมี Sarushima Ocean’s Kitchen เป็นจุดจำหน่ายอาหารแบบ Take Out มีเมนูที่ทำจากวัตถุดิบท้องถิ่นรวมถึงเครื่องดื่มหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นเบียร์ น้ำผลไม้ ฯลฯ การรับประทานมื้อกลางวันริมระเบียงไม้บนเกาะไปพร้อมๆ กับฟังเสียงคลื่นริมชายหาด บอกเลยว่าชิลมาก
ข้อมูลเพิ่มเติม
Sarushima Ocean’s Kitchen (2018)
Operation Hours : 9.00-16.00 น. (เมนูอาหารขายเฉพาะ 10.30-15.30 น.)
28 April (Sat) – 6 May (Sun) ทุกวัน
12 May (Sat) – 1 July (Sun) วันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์
7 July (Sat) – 2 September (Sun) ทุกวัน
8 September (Sat) – 28 October (Sun) วันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์
เที่ยวทั่วเกาะพร้อมไกด์ท้องถิ่น
ไหนๆ ก็เป็นเกาะที่เต็มไปด้วยการเที่ยวชมร่องรอยทางประวัติศาสตร์ เชื่อว่าบางทีก็คงอยากรู้ประวัติความเป็นมาของสิ่งโน้นสิ่งนี้บ้าง คนที่จะมาช่วยเราได้ดีที่สุดก็คือ ‘ไกด์ท้องถิ่น’ และไม่ต้องกลัวว่าจะฟังไม่รู้เรื่อง เพราะมีไกด์ที่พูดภาษาอังกฤษได้ด้วย การจ้างไกด์ท้องถิ่นจะได้รับสิทธิพิเศษคือ สามารถเข้าชมค่ายที่พักทหารกับคลังเก็บดินปืน (ไม่สามารถเข้าได้หากไม่มากับไกด์) โดยปกติจะต้องจองตัวไกด์ล่วงหน้าอย่างน้อย 1 สัปดาห์ จุดนัดพบคือ ที่สะพานปลามิกะสะ (Mikasa Sanbashi)
แพ็กเกจทัวร์ที่แนะนำคือ Sarushima Park Course ซึ่งเป็นทัวร์รอบเกาะซารุชิมะ คิดค่าบริการไกด์เหมา 3,500 เยน ในกรณีที่มากันน้อยกว่า 5 คน แต่ถ้ามาตั้งแต่ 6 คนขึ้นไปจะต้องจ่ายค่าบริการไกด์คนละ 600 เยน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ sarushimaguide@gmail.com
วิธีการเดินทางไป เกาะซารุชิมะ (Sarushima Island)
Google MAP แสดงจุดขึ้นเรือ (สะพานปลามิกะสะ) คลิกที่นี่↓
1.มุ่งหน้าไปที่สถานี JR Yokosuka Chuo (ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมงจากสถานี Tokyo) ค่าโดยสารรถไฟจากสถานี Tokyo มายังสถานี Yokosuka 824 เยน ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เปลี่ยนรถไฟที่สถานี Yokohama
Tokyo →(JR Tokaido Main Line) → Yokohama →(Keikyu Main Line Rapid Express) → Yokosuka Chuo
2.เดินจากสถานี Yokosuka Chuo ไปที่ท่าเรือ (สะพานปลามิกะสะ) ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ออกประตู East Exit ของสถานี Yokosuka Chuo เดินตรงไปตาม Y Deck ที่อยู่ด้านหน้า
↓
มุ่งหน้าไปยังตึกด้านหน้า (THE PRIME)แล้วเดินไปตาม Y Deck
↓
ลงบันไดที่อยู่ด้านซ้ายลึกสุดของ Y Deck จากนั้นเดินตรงไปตามถนนสายหลักของ Yokosuka Chuo
↓
เลี้ยวขวาตรงสี่แยกธนาคาร Shonan Shinkin
↓
ข้ามทางตรงทางหลวงหมายเลข 16 ที่อยู่ด้านหน้าที่ทำการไปรษณีย์ เลี้ยวซ้าย (ทางขวาเป็นสวนสาธารณะหน้า City Hall)
↓
หันหลังให้ Yokosuka City Hall ข้ามสี่แยก Ogawacho ไปทางขวา เดินตรงไปเลี้ยวซ้ายตรงร้าน Tomoedo ใต้คอนโดก็จะเห็นอาคารสีขาวที่เป็นจุดจำหน่ายตั๋วมิกะสะ เสริมอีกนิดว่ามี Mikasa Park ซึ่งเก็บรักษาเรือรบมิกะสะที่เคยใช้ในช่วงสงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่นอยู่ติดกับท่าเทียบเรือ จะลองแวะดูหน่อยก็ไม่เสียหายนะ
3.ท่าเทียบเรือ (1 เที่ยวใช้เวลาประมาณ 10 นาที) เรือที่ไปเกาะซารุชิมะจะมาชั่วโมงละ 1 ลำ และไม่สามารถจองที่นั่งได้
ถึงเกาะแล้ว!
ลงเรือที่สะพานปลา Sarushima ในวันที่อากาศดีก็จะมองเห็นภูเขาไฟฟูจิจากทางทิศเหนือของสะพานปลา
อาคารที่อยู่ด้านข้างคือสำนักงานดูแลอุทยาน บนเกาะมีห้องน้ำแค่ที่นี่ที่เดียว ฉะนั้นควรเข้าให้เรียบร้อยก่อน
ตารางเวลาเดินเรือ
ค่าบริการ (ราคาโดยสารรวมไปกลับ)
ค่าโดยสารผู้ใหญ่ (อายุ 13 ปีขึ้นไป) คนละ 1,300 เยน เด็กอายุระหว่าง 7-12 ปี คนละ 650 เยน ส่วนเด็กที่อายุต่ำกว่า 6 ปีจะไม่เสียค่าโดยสาร ข้อควรระวังคือเด็กที่อายุต่ำกว่า 6 ปีจะใช้บริการได้ฟรี 1 คนต่อผู้ใหญ่ 1 คนเท่านั้น (ถ้าเด็กต่ำกว่าประถมจำนวนมากกว่าผู้ใหญ่จะต้องจ่ายราคานักเรียนชั้นประถมในส่วนที่เกินมา) หากมาเป็นหมู่คณะใหญ่จะสามารถลดราคาค่าโดยสารได้นิดหน่อย
ตั้งแต่เดือนเมษายน ค.ศ. 2015 เมือง Yokosuka จะเรียกเก็บค่าผ่านทาง Sarushima Park คนที่อายุ 15 ขึ้นไปคนละ 200 เยน นักเรียนชั้นประถม-มัธยมต้นคนละ 100 เยน แยกกับค่าโดยสารเรือ
คำแนะนำการเดินทาง
ไม่สามารถค้างคืนบนเกาะซารุชิมะได้ ควรวางแผนแบบเที่ยวไปกลับในวันเดียว
ชมวิดีโอเกาะซารุชิมะ
สำหรับใครที่ชื่นชอบธรรมชาติและประวัติศาสตร์ อยากแนะนำ ‘เกาะซารุชิมะ’ ให้เป็นหนึ่งในลิสต์น่าไปในญี่ปุ่นรับรองว่าคนยังน้อย และธรรมชาติยังอุดมสมบูรณ์อยู่แน่นอน : )
อ้างอิง: allabout.co.jp, sarushima.jp, tryangle-web.com, yokosuka.sarushima, bloggoo.ne.jp, travel.navitime.com, wikipedia