2 Days Trip in Sendai : เที่ยวเซนไดเมืองแห่งต้นไม้แบบชิลล์ๆ เช็คอินจุดดังและตามกินของดีประจำเมือง 

เซนได (Sendai) เมืองสีเขียวขนาดใหญ่ในจังหวัดมิยากิ มีต้นไม้เยอะจนได้ฉายาแสนดีว่า “เมืองแห่งต้นไม้” ประกอบกับการจัดวางผังเมืองอย่างเป็นระเบียบ ทำให้การเดิน เที่ยวเซนได เป็นเรื่องง่าย อีกทั้งสะดวกสบายด้วยรถบัสและรถไฟที่เข้าถึงจุดท่องเที่ยวต่างๆ ของเมือง ที่นี่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมท้องถิ่น คาเฟ่แบบสมัยใหม่ก็มี ครบความสุนทรีแบบหญิงวัย 26 ที่ไม่ใช่สายแอดเวนเจอร์มากนักต้องการ

★ รายละเอียดเพิ่มเติมของ Loople Sendai Bus ได้ที่ www.loople-sendai.jp/en/

เราไปเที่ยวเซนไดมาแล้วหลายครั้ง เพื่อไม่ให้เสียเที่ยวแนะนำว่าควรไปเที่ยวเมืองอื่นๆ ในจังหวัดมิยากิด้วย เช่น มัตสึชิมะ ชิบาตะ และจังหวัดใกล้เคียงอย่าง อิวาเตะ ยามากาตะ ฟุกุชิมะ ก็สวยและมีสิ่งน่าสนใจไม่แพ้กัน สำหรับทริปครั้งนี้เราขอแบ่งปันแพลน เที่ยวเซนได 2 วัน 1 คืน แบบเพลิดเพลินกำลังดีที่คนทุกวัยตามไปเที่ยวได้ง่ายๆ

Day 1

Sendai Asaichi Morning Market 

ตลาดเช้าเก่าแก่เล็กๆ ที่มีมานานตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จำหน่ายทั้งอาหารทะเลสด เนื้อสัตว์ เครื่องปรุงรส ผักผลไม้ตามฤดูกาลแบบปลอดสารพิษจากท้องถิ่น รวมทั้งมีร้านอาหารให้กินเบาๆ รองท้องยามเช้าด้วย ครบครันจนได้รับฉายาว่า “ครัวของเซนได”

Itagaki Fruit Cafe

สายฟรุตตี้ขอแนะนำจากใจว่าให้แวะมาที่ร้านขายผลไม้เก่าแก่ตั้งแต่สมัยเมจิ Itagaki Honten ในเซนไดมีหลายสาขา แต่ขอแนะนำสาขาหลัก เพราะมีโซนคาเฟ่ให้นั่งด้วย แน่นอนว่าขนมหวานที่ขายในคาเฟ่ส่วนใหญ่จะมีผลไม้เป็นวัตถุดิบหลัก เมนูฮิตของที่นี่คือ แซนด์วิช พาร์เฟต์ และน้ำผลไม้ปั่น

Sendai Castle 

ปราสาทประจำเมืองที่คนท้องถิ่นรู้จักกันในชื่อ “ปราสาทอาโอบะ” ซึ่งดาเตะ มาซามุเนะ ได้สร้างเอาไว้และใช้เป็นที่อยู่อาศัยในอดีต ภายในมีร้านค้า วิหาร ศาลเจ้า พิพิธภัณฑ์ รูปปั้นของมาซามุเนะขี่ม้าที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงเขา กิจกรรมที่น่าสนใจมากๆ คือ VR ให้เราเดินชมตามจุดต่างๆ ของปราสาทในสภาพสมบูรณ์แบบ 360 องศา และด้วยความที่ปราสาทตั้งอยู่บนภูเขาอาโอบะ ที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวเมืองเซนไดที่คนนิยมมาชมกันมาก

Osaki Hachimangu 

ศาลเจ้าเก่าแก่ของเมืองที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1607 โดยดาเตะ มาซามุเนะ อดีตนักรบและผู้ปกครองแคว้นในอดีตก่อนจะมาเป็นเมืองเซนไดในปัจจุบัน โดดเด่นที่สถาปัตยกรรมของวิหารหลัก จนได้รับเลือกให้เป็นสมบัติประจำชาติญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 1903 บรรยากาศโดยรอบร่มรื่นสามารถเดินชมมุมต่างๆ ได้เพลิน

Sendai Mediatheque

อาคารอเนกประสงค์ที่สร้างเพื่อประชาชนท้องถิ่น ออกแบบพิเศษให้มีโครงสร้างคล้ายลำต้นของต้นไม้โดยสถาปนิก Toyo Ito ให้สมกับที่ตั้งบนถนนโจเซนจิ อีกทั้งเคยได้รับรางวัล World Architecture Awards 2002 สาขา Best Building in East Asia ภายในพื้นที่ 7 ชั้น ประกอบไปด้วยห้องสมุด แกลเลอรี่ โรงภาพยนตร์ คาเฟ่ และอื่นๆ 

Daily Coffee Service

คอฟฟี่สแตนด์เจ้าของสโลแกน “Coffee is always a good idea” ที่เน้นขายแบบ Takeaway มากกว่า จึงมีเคาน์เตอร์เปิดให้สั่งเครื่องดื่มอยู่ริมถนนเลย สายกาแฟต้องชอบเพราะที่นี่มีให้เลือกทั้งแบบ Drip และ Espresso ส่วนใครไม่สันทัดคาเฟอีน ทางร้านก็มีน้ำผลไม้และขนมอบต่างๆ ด้วยนะ

Jozenji Dori Green Park 

ถนนสายใหญ่ใจกลางเมืองเซนไดที่มีต้นเคยากิสูงใหญ่ปลูกไว้ตลอดเส้นถนน ที่นี่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ที่บ่งบอกการเป็นเมืองแห่งต้นไม้ของเซนได เราสามารถข้ามถนนไปเดินเล่นหรือนั่งตรงใจกลางสวนที่คล้ายกับว่าเป็นสวนสาธารณะขนาดย่อมได้ อีกทั้งสองฝั่งซ้ายขวาของถนนยังมีร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านค้าต่างๆ ให้เลือกแวะได้ตลอดทาง

Hikoichi 

ร้านอาหารและขนมในบรรยากาศสงบ ให้ความรู้สึกเหมือนได้นั่งกินในบ้านคนญี่ปุ่น แนะนำให้นั่งมุมที่นั่งติดกระจกใสที่สามารถเห็นสวนญี่ปุ่นและบ่อปลาเล็กๆ ด้านนอก ส่วนขนมที่พลาดไม่ได้คือ “Zunda Mochi” โมจิเนื้อหนึบโปะด้วยถั่วแระบดรสหวานมัน ที่ร้านนี้จะเสิร์ฟมาคู่กันกับชาร้อนและผักดอง ใช้วัตถุดิบน้อยแต่รสชาติดีมาก   

Iroha Yokocho

ภาพ: www.sendai-travel.jp/activities/iroha-yokocho2/

ใจกลางเมืองเซนไดมีตรอกอิซากายะโลคอลอยู่มากมาย ลองแวะหาที่ชิลล์ยามค่ำคืนแบบคนท้องถิ่นที่อิโรฮะโยโกโช ซึ่งเป็นถนนโบราณมีมานานกว่า 70 ปี ยังคงกลิ่นอายสมัยโชวะ ในตรอกนี้มีร้านค้า ร้านอาหาร บาร์ไวน์ อิซากายะราคาเป็นมิตรต่อนักท่องเที่ยวอยู่ราว 100 แห่ง มาเดินดูลาดเลาก่อนเลือกเข้าร้านที่ถูกใจได้ตามชอบ

Day 2 

Sendai City Agriculture & Horticulture Center

ศูนย์พืชกรรมสวนและเกษตรกรรมเมืองเซนได เกิดขึ้นเพราะอยากให้คนได้มาใช้เวลาร่วมกันกับคนในครอบครัว รวมถึงสัมผัสรสชาติของผลไม้สดๆ จากต้น ที่นี่มีผลไม้ให้เก็บตลอดทั้งปี เช่น แอปเปิ้ล สาลี่ บลูเบอร์รี่ ฟิก องุ่น และมะเขือเทศ และมีโซนคาเฟ่ที่ขายไอศกรีมเจลาโต้รสผลไม้ด้วย 

Café & Antique Titi

คาเฟ่และร้านขายสินค้ากระจุกกระจิกสไตล์วินเทจในบ้านไม้อายุกว่า 100 ปี ด้านในตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์โบราณให้บรรยากาศอบอุ่น มีชั้นวางหนังสือใหญ่ติดผนังที่เราสามารถหยิบมาอ่านเพลินๆ ระหว่างรอ ส่วนของแต่งร้านนั้นไม่ได้วางไว้เฉยๆ สนใจชิ้นไหนก็สอบถามราคากับทางร้านได้ ที่นี่เสิร์ฟทั้งอาหารคาวหวานและเครื่องดื่ม คนท้องถิ่นนิยมสั่งแซนด์วิชและสตูว์เนื้อ อีกทั้งมีขนมที่อบขึ้นเฉพาะฤดูกาลด้วยนะ

Taikichi Taiyaki 

ร้านขายขนมไทยากิ ขนมรูปปลาสอดไส้ถั่วแดงบดอันเป็นที่นิยมของคนทุกวัย แต่ที่ร้านนี้พิเศษขึ้นไปอีกเพราะมีไส้ที่ขายเฉพาะเมืองเซนไดเท่านั้นคือ ไส้ถั่วซุนดะ (ถั่วแระญี่ปุ่น) ยิ่งผสมกับครีมสดที่หวานกำลังดีบอกเลยว่าต้องลอง นอกจากนี้ก็ยังมีไส้อื่นๆ เช่น คัสตาร์ด ช็อกโกแลต และชาเขียว เป็นต้น

Ichibancho 

ย่านใจกลางเมืองเซนไดที่มีถนนช็อปปิ้งหลายเส้นซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร เบเกอรี่ ของฝาก เช่น Clis Road, Sun Mall, Vlan Dome, เป็นต้น ถนนเป็นแบบมีหลังคา ทำให้เราสามารถเดินได้ทุกสภาพอากาศ อีกทั้งเปิดตั้งแต่เช้าจนค่ำ เหมาะแก่การแวะไปเดินช็อปปิ้งหรือหาอะไรกินที่สุด   

Flat White Coffee Factory

ร้านกาแฟสไตล์นิวซีแลนด์สุดฮิปที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2013 โดยเจ้าของร้านซึ่งเคยอยู่อาศัยในนิวซีแลนด์กว่า 10 ปี ปัจจุบันมี 6 สาขาในโทโฮคุ สำหรับสาขาดาวน์ทาวน์เซนไดนี้ด้านในมีที่นั่งโอ่โถง WiFi ฟรี ถ่ายรูปหรือนั่งทำงานก็ได้ จำหน่ายทั้งกาแฟและอาหาร ถ้าชิมแล้วเกิดติดใจขึ้นมาก็สามารถซื้อเมล็ดกาแฟหลากหลายสไตล์กลับไปชงเองที่บ้านได้ด้วย

Abe Kamabokoten 

ที่นี่เป็นร้านขาย “คามาโบโกะ” หนึ่งในของกินและของฝากขึ้นชื่อของเมืองเซนได เป็นเนื้อปลาที่บดอัดเป็นลูกชิ้นแล้วนำมาย่างจนเกิดกลิ่นหอม ไม่มีกลิ่นคาว ถูกใจคนทุกวัย กินลูกชิ้นแบบออริจินอลแล้วที่ร้านยังนำคามาโบโกะมาชุบแป้งหวานแล้วนำไปทอดเรียกว่า “Hyoutan-age” ลักษณะคล้ายกับอเมริกันคอร์นด็อก จะกินเปล่าๆ หรือราดซอสมะเขือเทศสักหน่อยก็อร่อยจริงๆ 

Date no Gyutan 

ร้านลิ้นวัวชื่อดังในท้องถิ่น ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1991 ตอนนี้มีหลายสาขาทั่วประเทศ แต่อุตส่าห์มาเซนไดทั้งทีก็ขอไปเช็คอินที่สาขาแรกที่ปัจจุบันเพิ่งรีโนเวทใหม่ มีทั้งชั้นที่ตกแต่งแบบโมเดิร์นและชั้นที่บรรยากาศโลคอลเปิดให้เห็นเตาปิ้งแบบใกล้ชิด ส่วนเมนูมีทั้งแบบอะลาคาร์ทและแบบคอร์สที่จะได้ลองลิ้นวัวหลายรูปแบบ เช่น แบบซาชิมิ แบบย่าง และแบบตุ๋น เป็นต้น  

Café Aoyama Bunko

ปิดท้ายทริป เที่ยวเซนได ด้วยอีกหนึ่งคาเฟ่ที่เปิดตั้งแต่เช้าถึงดึก เสิร์ฟทั้งอาหาร ขนม และเครื่องดื่ม ถ้ามาตอนเช้าจะสั่งกาแฟเข้มๆ มาจิบคู่ขนมสักชิ้น แต่ถ้ามาตอนฟ้ามืดที่นี่ก็มีเครื่องดื่มประเภทค็อกเทล วิสกี้ ฯลฯ ให้บริการด้วย ด้านในตกแต่งร้านด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้ม บรรยากาศวินเทจ มองไปทางไหนก็จะเห็นหนังสือเรียงรายเต็มไปหมดสมชื่อร้าน Bunko ที่แปลว่า คอลเลคชั่นหนังสือ

การเดินทางไป เที่ยวเซนได

เที่ยวเซนได คนส่วนใหญ่มักเดินทางจากโตเกียว โดยให้สำรองที่นั่งโทโฮคุชินคันเซ็น (Tohoku Shinkansen) หรืออาคิตะชินคันเซ็น (Akita Shinkansen) จากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) หรือสถานีอุเอโนะ (Ueno Station) มาลงที่สถานีเซนได (Sendai Station) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที

แต่หากมีแพลนเที่ยวจังหวัดใกล้เคียงด้วย แนะนำให้ซื้อบัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku Area) ด้วยจะช่วยประหยัดเงินได้มากขึ้น เพราะสามารถใช้โดยสารรถไฟในสาย JR EAST Line ได้ทั้งหมด ทั้งรถไฟท้องถิ่น Joyful Train จะนั่งชินคันเซ็นจากโตเกียวไปลงเซนไดก็สำรองได้ฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม รวมถึงสามารถใช้นั่งรถไฟ Narita Express จากสนามบินนาริตะ หรือ Tokyo Monorail จากสนามบินฮาเนดะได้ฟรีหมด

ตัวอย่างทริปเที่ยวเมืองใกล้เคียงเซนได 

• ตระเวนชมซากุระในจังหวัดมิยากิผ่านวิวทะเล แม่น้ำ ตัวเมือง และในสวนฉบับ 3 วัน 2 คืน
• ฟุกุชิมะ 4 วัน 3 คืน นั่งรถไฟท้องถิ่น กินเที่ยวชมซากุระในบรรยากาศที่ชวนให้ใจชื่นบาน
• ตะลุยล่าใบไม้เปลี่ยนสีในภูมิภาคโทโฮคุ แบบรัวกินฟินกิจกรรมตลอด 6 วัน 5 คืน
• SENDAI and MORIOKA ตกหลุมรักเมืองนอกสายตาที่หวังว่าจะเข้าตาคุณเข้าสักวัน