เวลาเราไปเที่ยวต่างบ้านต่างเมืองย่อมพบเจอกับวัฒนธรรมที่แตกต่างจากเรา ไม่มีอะไรถูกหรือผิด เป็นเพียงความต่างด้านทัศนคติ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมอันมีเอกลักษณ์และแข็งแกร่งมาก หากเราเปิดใจและพยายามทำความเข้าใจ ย่อมเที่ยวสนุกมากขึ้นแน่ และนี่คือ 10 เรื่องเกี่ยวกับบริบทสังคมญี่ปุ่นที่เราควรรู้ไว้

 

01 ไม่ลุกให้นั่งบนรถไฟ

บนรถไฟตามที่นั่งธรรมดา ผู้คนมักไม่ค่อยลุกให้คนแก่นั่ง นอกเสียจากว่าเขาจะดูชราภาพและร่างกายไม่แข็งแรงอย่างชัดเจน ทั้งนี้เพราะผู้สูงวัยในญี่ปุ่นมักมีคติว่าต้องพยายามช่วยเหลือตัวเองให้ได้ก่อน หลายคนแม้แก่แล้วแต่ยังสุขภาพแข็งแรงอยู่ ยังยืนโหนราวได้ไม่จำเป็นต้องนั่ง

 

 

ในทางกลับกัน การที่คนลุกให้นั่งอาจกลายเป็นการเสียมารยาทไปในที่สุด (นี่เธอลุกให้ฉันนั่ง หาว่าฉันแก่แล้วเหรอ?!!) และสำหรับเด็ก คนจะมองว่ายังเด็กอยู่เลย กระดูกยังแข็งแรงสุขภาพยังฟิตเปรี๊ยะ ก็ยืนได้นี่ ไม่เห็นจำเป็นต้องนั่งเลย แต่ทั้งนี้กลุ่มคนพิเศษเช่น ผู้พิการ ผู้ใช้รถเข็น คนท้อง จะมีจัดโซนที่นั่งพิเศษไว้โดยเฉพาะ

 

ที่นั่งพิเศษ ยังรวมถึงรถบัสและขนส่งมวลชนอื่นๆ

 

02 ไม่ใช้เสียงบนรถไฟ

บนรถไฟญี่ปุ่น (ยกเว้นหลัง4ทุ่ม) มีบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์เหลือเกิน เพราะมันเงียบมาก ไม่มีใครพูดคุยเสียงดัง ไม่มีคนคุยโทรศัพท์ โฆษณาบนจอทีวีก็ไร้เสียง นอกจากนี้ยังมีป้ายติดประกาศ ขอความร่วมมือให้ผู้โดยสารงดใช้โทรศัพท์มือถืออันทำให้เกิดเสียงนั่นเอง

 

ทุกคนเงียบกริบบนรถไฟ

 

นี่คือความเงียบกริบบนพื้นที่สาธารณะที่อัดแน่น เงียบชนิดที่อาจทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนรู้สึกเกร็งและอึดอัดได้ ทั้งนี้เพราะคนญี่ปุ่นถือว่าเป็นการรักษาความเป็นส่วนตัวของกันและกัน สังคมเมืองญี่ปุ่นผู้คนหนาแน่นความเป็นส่วนตัวก็แทบไม่มีอยู่แล้ว พวกเขาจึงสร้างมันขึ้นมาเองบนรถไฟซึ่งเป็นพื้นที่ระหว่างทางไปทำธุระต่างๆ

 

03 เดินส่งถึงจุดหมาย

เวลาเราถามทางอะไรคนญี่ปุ่น มักได้ผลตอบรับสองแบบ คือถ้าปฏิเสธไม่ช่วยไปเลย ก็จะช่วยเต็มที่จนถึงจุดหมาย ซึ่งการช่วยจนถึงจุดหมายบ่อยครั้งคือการพาเดินส่งจนถึงจุดหมาย แม้ระยะทางจะไม่ใกล้ ใช้เป็นเวลานานกว่า 10 นาทีก็ตาม

 

เดินส่งถึงจุดหมาย ณ เวลาเกือบเที่ยงคืน

 

นี่ก็มองเป็นเรื่องดีได้ แต่ต้องยอมรับว่ามีนักท่องเที่ยวบางคนที่ระวังภัยในต่างแดนเป็นพิเศษ อาจกังวลว่านี่คือการเดินพาเข้าถ้ำเสือรึเปล่า เดินพาเข้าซอยเปลี่ยวเรียกพวกมาปล้นรึเปล่า หรือเมื่อถึงจุดหมายแล้วจะเรียกร้องขอค่าตอบแทนใดๆ หรือไม่ ที่ว่ามาก็มีเหตุผลฟังขึ้น แต่ก็ขอให้วางใจได้ระดับหนึ่ง ความจริงมันไม่ได้อันตรายอย่างที่คิด เพราะนี่คือวิธีให้ความช่วยเหลือตามสไตล์คนญี่ปุ่น และโดยรวมประเทศญี่ปุ่นถือว่าปลอดภัยมาก เหตุอาชญากรรมค่อนข้างต่ำ

 

04 กินราเมงซู้ดเสียงดัง

เวลาเข้าร้านราเมงในญี่ปุ่น จะเห็นเลยว่าคนญี่ปุ่นกินราเมงแบบเปิดใจ สามารถซู้ดราเมงเสียงดังรัวๆๆๆๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้สบายๆ ดูจะต่างจากคนไทยในเรื่องนี้ที่สำรวมพยายามไม่ให้เสียงออกดังเกิน

อย่าตกใจไปเวลาเห้นใครซู้ดเสียงดัง

 

ทัศนคติคนญี่ปุ่นคือ ยิ่งซู้ดราเมงเสียงดัง หมายความว่าอร่อย และหากเชฟคนทำมาเห็นก็ปลื้มใจไปตามๆ กัน และถ้าจะให้ดีที่สุด คือคุณต้องซดน้ำซุปจนหมดจานไม่มีอะไรเหลือ ฮ่าๆๆ

 

ซดหมดจานแบบนี้แปลว่าอร่อยโฮก

 

05 ของฝากที่ระลึกราคาสูง

ญี่ปุ่นมีผลิตภัณฑ์ของฝากที่ระลึกเยอะมากโดยเฉพาะบรรดาขนมของกิน Tokyo Banana อันเลื่องชื่อคือตัวอย่างชั้นดี แต่ของฝากเหล่านี้มักเป็นของที่มีราคา คนญี่ปุ่นเองก็ใช่ว่าจะซื้อกินเองบ่อยๆ

 

บรรจุภัณฑ์สวยงาม แต่ละชิ้นถูกห่อหุ้มอย่างดี

 

แต่ราคาที่ว่านี้ หากดูให้ดี ไม่ได้มีแค่ตัวขนมผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่รวมถึงบรรจุภัณฑ์ (Packaging) ที่ใส่ใจรายละเอียด วัสดุที่นำมาใช้รวมถึงการออกแบบดีไซน์ สิ่งเหล่านี้มีมูลค่าในตัวมันเองซึ่งทำให้ราคาขายสูงขึ้นได้ ถ้าดูให้ดี ของฝากเหล่านี้ถูกออกแบบให้หยิบยื่นแก่ผู้รับได้เลยโดยไม่ต้องห่อของขวัญเพิ่มใดๆ ของมีคุณภาพย่อมตามมาด้วยราคาเสมอ

 

06 กินเสร็จเก็บภาชนะเอง

ตามร้านที่เราต้องเดินไปสั่งอาหารเอง เช่น ร้านฟาสต์ฟู้ด McDonald’s/ ร้านกาแฟ/ หรือตามฟู้ดคอร์ททั่วไป เวลากินเสร็จแล้วเราจำเป็นต้องนำถาดภาชนะไปเก็บคืน ซึ่งทุกร้านจะมีจุดคืนภาชนะชัดเจนประจำตำแหน่งที่มุมใดมุมหนึ่งของร้าน

 

จุดคืนภาชนะเมื่อกินเสร็จที่ร้านกาแฟ Doutor

 

การกินเสร็จแล้วลุกออกไปเลยทิ้งถาดภาชนะไว้ถือว่าเสียมารยาทและบ่งบอกว่าเราไม่รู้งาน เหตุผลหนึ่งคือค่าแรงที่ญี่ปุ่นค่อนข้างสูง ร้านจึงจำกัดการจ้างพนักงานเพื่อลดค่าใช้จ่าย เมื่อพนักงานน้อยจึงดูแลเรื่องเหล่านี้ได้ไม่ทั่วถึง อีกทั้งนี่ยังเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ เมื่อกินเสร็จและยกเก็บทันที ลูกค้าใหม่ก็สามารถนั่งโต๊ะนั้นใช้ต่อได้ทันที

 

07 คนเดินเท้ามาก่อนเสมอ

ที่ญี่ปุ่นคนเดินเท้าถูกลำดับความสำคัญมาเป็นอันดับหนึ่ง หลักๆ คือ คนเดิน > จักรยาน > รถ

เมื่อเราจะข้ามทางม้าลายตามแยกต่างๆ รถที่กำลังเลี้ยวมามักหยุดให้คนเดินก่อนเสมอ แม้จะเป็นจุดที่ไม่มีสัญญาณไฟคนข้าม รถก็จะหยุดให้ไปก่อนเช่นกัน แถมเป็นการหยุดแบบเว้นระยะห่างและหยุดสนิท (ไม่ได้ปล่อยไหลขับมาจี้)

 

คนเดินเท้ามาก่อนเสมอ

 

ในทางกลับกัน เมื่อเราขึ้นรถบัส นั่งแท็กซี่ หรือเช่ารถขับ ก็ต้องปฎิบัติตามโดยให้คนเดินไปก่อนเสมอ ซึ่งนั่นอาจทำให้เราเสียเวลามากขึ้นขับๆ หยุดๆ บ่อยขึ้น แต่ก็เพื่อความปลอดภัยสูงสุดนั่นเอง

 

08 ตรงต่อเวลา

คนญี่ปุ่นดูเวลาเป็นนาที (หรือแม้แต่วินาที) การให้บริการขนส่งมวลชนจะตรงต่อเวลาและยึดตามตารางที่ตั้งไว้อย่างเคร่งครัด รถไฟออก 10:00 น.ก็คือ 10:00 น. ตรง

 

ออกตรงตามเวลาที่บอก

 

บางครั้งเช่น การขึ้นรถบัส หากเรามาไม่ตรงเวลาคนขับก็อาจไม่รอเราหรือถ้าต้องรอและเรามาสายไม่กี่นาที คนขับมีสิทธิ์ตำหนิเราได้ การตรงต่อเวลาในญีปุ่นคือเรื่องใหญ่มาก 10:00 คือ 10:00 ไม่ใช่ 10:05

 

กรณีเกิดเหตุเช่น แผ่นดินไหวหรือการขัดข้องทางเทคนิค ก็จะประกาศบอกอย่างชัดเจนว่าดีเลย์กี่นาที

 

09 ความเครียดในสังคม

การแข่งขันในญี่ปุ่นสูงมากในทุกๆ เรื่องโดยเฉพาะตามเมืองใหญ่เช่น โตเกียว ส่งผลให้ผู้คนต้องผลักดันตัวเองสู่จุดที่สูงขึ้นอยู่ตลอด ซึ่งนี่บ่งบอกถึงพัฒนาการแต่มันก็มาพร้อมความเครียดด้วยเช่นกัน จึงเป็นเรื่องที่คาดหวังได้ว่าเวลาเราเดินไปตามท้องถนนหรือบนรถไฟ โดยเฉพาะย่านธุรกิจเช่น Marunouchi ในโตเกียว ผู้คนมักไม่ค่อยยิ้ม ดูเคร่งเครียด หน้าบึ้ง ไม่สนใจใคร อาจดูคิดกังวลเรื่องใดอยู่หรือดูเหนื่อยล้า

 

การแข่งขันสูงจัด ส่งผลให้ผู้คนเครียด

 

ซึ่งแน่นอนว่าภาพเหล่านี้มันไม่เฟรนลี่กับเราในฐานะนักท่องเที่ยว เพราะเรามาเที่ยวเราอยู่ในอารมณ์บวก คงทำได้แค่พยายามเข้าใจและเคารพความเป็นไปนี้

 

10 จงระวังจักรยาน

ได้กล่าวมาแล้วว่าคนเดินเท้าสำคัญที่สุด ทั้งนี้ทางเท้าหลายแห่งอนุญาตให้จักรยานขึ้นมาปั่นได้ แต่ด้วยเหตุผลบางประการ การปั่นจักรยานบนทางเท้าด้วยความเร็วสูงจนอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุกลับเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไป ซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย หลายคนต้องคอยสอดส่องหลบจักรยานที่มาเร็ว หลายคนเคยถูกจักรยานชนบนทางเท้าด้วยซ้ำ และนี่เป็นเรื่องที่นักท่องเที่ยวหลายต่อหลายชาติกังวลใจไม่น้อย

 

จงระวังจักรยาน!!

 

คงเพราะไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ หากถามว่าอะไรคือความบกพร่องด้านวินัยทางสังคมของญี่ปุ่นในชีวิตประจำวัน แม้แต่คนญี่ปุ่นเองก็คงตอบว่าคือการปั่นจักรยานเร็วเกินบนทางเท้านี่แหละ

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ