Hotels in Dogo Onsen : 10 โรงแรมที่มีออนเซ็นธรรมชาติจากบ่อน้ำพุร้อนโดโกะบนเกาะชิโกกุ

10 โรงแรมพร้อม ออนเซ็น ธรรมชาติจากบ่อน้ำพุร้อนโดโกะบน เกาะชิโกกุ ♨

หากใครเป็นแฟนแอนิเมชันญี่ปุ่นหรือรักในการดูหนัง คงจะเคยได้ยินชื่อภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง “มิติวิญญาณมหัศจรรย์ (Spirited Away)” ภาพยนตร์แอนิเมชันสุดคลาสสิกจากค่ายสตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli) ที่ทำรายได้กว่า 31,680 ล้านเยน หรือไม่ก็คงเคยเห็นคาแรคเตอร์สุดโด่งดังอย่าง คาโอนาชิ หรือ No Face วิญญาณชุดดำสวมหน้ากากสีขาวจากในเรื่องผ่านตากันมาบ้าง ซึ่งในเรื่องมีฉากโรงอาบน้ำขนาดใหญ่ที่จิฮิโระ ตัวละครหลักได้เข้าไปทำงาน ฉากนั้นงดงามจนทำเอาหลายคนตกตะลึง แต่รู้ไหมว่าสถานที่แห่งนี้ได้รับแรงบันดาลจากมาจากออนเซ็นที่มีอยู่จริงในประเทศญี่ปุ่น นั่นก็คือ โดโกะ ออนเซ็น (Dogo Onsen) ย่านบ่อน้ำพุร้อนเก่าแก่บน เกาะชิโกกุ จังหวัดเอฮิเมะ 

น้ำพุร้อนจากบ่อน้ำพุร้อนโดโกะ ได้ชื่อว่าเป็นน้ำพุร้อนที่ใสและลื่น มีความเป็นด่าง อีกทั้งช่วยให้ผิวพรรณดี วันนี้จึงอยากจะพาทุกคนไปแช่ออนเซ็นด้วยกันที่ 10 โรงแรมที่มี ออนเซ็น ธรรมชาติจากบ่อน้ำพุร้อนโดโกะ บน เกาะชิโกกุ

01 Chaharu

โรงแรมแห่งแรกที่จะพาไปรู้จักมีชื่อว่า Chaharu ที่ตั้งของโรงแรมอยู่ในทำเลที่เรียกได้ว่าดีมาก เนื่องจากอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟโดโกะ (Dogo Station) โดยใช้เวลาเดินเพียงแค่ 5 นาที อีกทั้งยังมีร้านสะดวกซื้ออยู่ใกล้ๆ อีกด้วย ที่สำคัญเลยก็คือโรงแรมตั้งอยู่ริมถนนด้านหน้าโดโกะออนเซ็น ใครที่ต้องการมาเที่ยวชมออนเซ็นแห่งนี้ล่ะก็ โรงแรม Chaharu ก็เป็นหนึ่งตัวเลือกที่ดีทีเดียว

เมื่อเข้ามาในโรงแรมจะพบกับล็อบบี้ขนาดกว้างขวาง ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่มีกลิ่นอายความเป็นตะวันออก ตัวโรงแรมถูกออกแบบมาในสไตล์โมเดิร์นแต่ยังคงความเป็นญี่ปุ่นเอาไว้ ให้ความรู้สึกที่ความทันสมัย เรียบง่าย และอบอุ่นในเวลาเดียวกัน นอกจากนั้นผู้เข้าพักยังสามารถมาใช้บริการอินเตอร์เน็ตไร้สายบริเวณล็อบบี้ได้ฟรี

ห้องพักของที่นี่ถูกออกแบบมาให้ดูเรียบง่ายแต่ก็ยังคงความทันสมัย เน้นใช้ไม้เป็นวัสดุหลักตัดกับผนังสีขาวที่ดูสบายตา ส่วนของตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ภายในห้องเลือกใช้สีเอิร์ธโทน  จึงให้ความรู้สึกอบอุ่นและสบายใจเหมือนอยู่บ้าน ห้องพักแบ่งออกเป็น 2 สไตล์หลักๆ คือ ห้องพักแบบญี่ปุ่นที่พักได้มากสุดถึง 5 คน และห้องพักสไตล์โมเดิร์นแบบตะวันตก

Chaharu โรงแรมแห่งแรกย่านโดโกะออนเซ็นที่มีบ่อน้ำพุร้อนบนดาดฟ้า โดยน้ำพุร้อนที่ใช้ก็มาจากบ่อน้ำพุร้อนโดโกะที่อยู่ใกล้ๆ โรงแรมนั่นเอง ฝั่งตรงข้ามของควันจากบ่อน้ำพุร้อนที่พวยพุ่งเป็นวิวเมืองไกลสุดลูกหูลูกตา ทางทิศใต้จะมองเห็นปราสาทมัตสึยามะ (Matsuyama Castle) ตั้งอยู่ไกลๆ ส่วนทางทิศเหนือจะมองเห็นภูเขาอิชิซึจิ (Mt. Ishizuchi) การได้แช่น้ำร้อนพลางชมวิวไปด้วยคงเป็นอะไรที่ดีต่อใจมากทีเดียว 

ทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ ที่โซนบ่อแช่น้ำร้อนบนดาดฟ้าของผู้หญิง จะมีการเตรียมบ่อออนเซ็นที่เต็มไปด้วยดอกกุหลาบหลากสีเอาไว้ให้บริการ ซึ่งจะช่วยสร้างบรรยากาศที่พิเศษในการแช่ออนเซ็นมากยิ่งขึ้น นอกจากจะได้คลายความเหนื่อยล้าแล้วยังได้สูดกลิ่นหอมละมุนอ่อนๆ ของดอกกุหลาบอีกด้วย 

อาหารเช้าของโรงแรมมาในธีมสุขภาพและเน้นความสดใหม่ ในรูปแบบครัวเปิด ผู้เข้าพักสามารถเลือกได้ระหว่างอาหารเช้าแบบญี่ปุ่นที่ใช้วัตถุดิบจากทะเลเซโตะใน (Seto Inland Sea) กับ Citrus Breakfast อาหารเช้าที่ให้ความสดชื่น ท่ามกลางบรรยากาศของสวนสไตล์อังกฤษยิ่งเพิ่มความสดชื่นในยามเช้าขึ้นไปอีก

ภายในโรงแรมมีคาเฟ่ให้บริการ หากใครที่ต้องการพักผ่อนชิลล์ๆ จะมาจิบชาพร้อมกับชมสวนที่ทางโรงแรมจัดไว้ก็ดีไม่น้อย หรือจะขึ้นไปชมวิวเมืองยามค่ำคืนที่เลานจ์บนชั้น 10 ของโรงแรม ซึ่งจะมีกระจกกว้างให้สามารถชมวิวได้อย่างไม่มีอะไรมาบดบัง นอกจากนี้ยังมี Chiharu Collect ร้านขายของฝากและขนมชื่อดังตั้งอยู่ภายในโรงแรม ถ้าอยากได้ของฝากติดไม้ติดมือก็ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกล 

02 Katsuragi Koto no Niwa

โรงแรมต่อมาที่จะพาไปรู้จักคือ Katsuragi Koto no Niwa เป็นโรงแรมที่อยู่ห่างจากโดโกะออนเช็นเพียง 350 เมตรเท่านั้น ตัวโรงแรมเป็นอาคารไม้ 2 ชั้น ที่โอบล้อมด้วยสวนญี่ปุ่นขนาดย่อม สร้างบรรยากาศร่มรื่น ชวนให้อยากเข้าพักเป็นอย่างยิ่ง

บริเวณล็อบบี้ของโรงแรม Katsuragi Koto no Niwa มีขนาดที่กว้างขวาง มองออกไปนอกหน้าต่างบานใหญ่ที่ติดกับระเบียง จะเห็นต้นไม้สีเขียวเรียงราย ให้บรรยากาศที่ร่มรื่นและสบายตา ทั้งยังสามารถเพลิดเพลินกับเครื่องดื่มที่เลานจ์ได้ฟรีอีกด้วย

ห้องพักมีให้เลือกหลายแบบ ส่วนใหญ่จะตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์โทนสีเรียบๆ เน้นใช้ไม้เป็นวัสดุหลัก จึงทำให้รู้สึกสบายตาขณะที่พักผ่อนอยู่ในห้อง บางห้องนั้นนอกจากมีบ่อแช่ออนเซ็นให้บริการแล้ว ยังมีสวนหินเล็กๆ ตกแต่งไว้ด้านนอกห้องอีกด้วย

ขณะที่พักอยู่ในห้องก็สามารถเพลิดเพลินไปกับการแช่ออนเซ็นกลางแจ้งในบ่อส่วนตัวที่ถูกออกแบบมาอย่างสวยงาม ล้อมรอบไปด้วยต้นไผ่ โดยน้ำที่ใช้นั้นไหลมาจากบ่อน้ำพุร้อนโดโกะอีกด้วย

แต่ถ้าอยากมานั่งรับลม รับแสงแดดข้างนอกห้องพักล่ะก็ ลองมาแช่ออนเซ็นเท้าพลางชมบรรยากาศของโดโกะออนเซ็นไปด้วย หากเดินเที่ยวเหนื่อยๆ มาทั้งวันแล้ว การแช่ออนเซ็นเท้าจะช่วยให้หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยล่ะ

ร้านอาหารสุดพิเศษตั้งอยู่ภายในสวน เหมาะแก่การมานั่งผ่อนคลายรับลม ในบรรยากาศสบายๆ ท่ามกลางป่าไผ่ ร้านอาหารมีการจัดเตรียมทั้งอาหารเช้าและอาหารเย็นไว้ให้บริการ จะมากินมื้อเช้าในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสหรือนั่งดูพระอาทิตย์ตกดินในยามเย็นก็ดีเช่นกัน

ส่วนที่อยู่ระหว่างอาคารเป็นระเบียงไม้ที่ล้อมไปด้วยพื้นที่สีเขียว มีบ่อน้ำและต้นส้มที่เป็นสัญลักษณ์ของเอฮิเมะปลูกไว้ เหมาะจะมานั่งเล่น รับลมเย็นๆ เป็นพื้นที่สาธารณะที่คนนอกก็สามารถใช้งานได้

03 Oborozukiyo

ต่อมาคือ Oborozukiyo เป็นโรงแรมเก่าแก่ที่อยู่มานานพอๆ กับโดโกะออนเซ็นที่มีชื่อเสียงและอยู่ไม่ไกลจากตัวโดโกะออนเซ็น จากด้านนอกจะเห็นได้ว่าตัวอาคารเน้นใช้วัสดุที่ทำด้วยไม้ มีความปราณีต สวยงาม ให้บรรยากาศที่ดูอบอุ่น

ภายในล็อบบี้เลานจ์ที่กว้างขวาง มีมุมเครื่องดื่ม เช่น ชา กาแฟเตรียมไว้ให้บริการ ลูกค้าที่เข้าพักสามารถมาใช้บริการมุมเครื่องดื่มนี้ได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังมีล็อบบี้ เดสก์ ซึ่งเป็นล็อบบี้กลางแจ้งไว้รับรองเช่นกัน

ห้องพักของ Oborozukiyo มีทั้งหมด 7 แบบ แต่ละแบบมีกลิ่นอายที่ต่างกันไป โดยมีการออกแบบเป็นห้องญี่ปุ่นสมัยใหม่ที่ผสมผสานความมินิมอล ให้ความรู้สึกผ่อนคลายในแบบญี่ปุ่นผสมกับฟังก์ชันการใช้งานในแบบตะวันตกได้เป็นอย่างดี เพื่อให้ผู้เข้าพักได้รับการพักผ่อนที่ดีที่สุด

ไม่ว่าจะเป็นห้องพักห้องไหน ต่างก็มีบ่อแช่ออนเซ็นที่ใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ นั่นก็คือน้ำพุร้อนโดโกะไว้ให้บริการ สำหรับใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัวระหว่างแช่ ห้องพักประเภทนี้ถือว่าเหมาะจะแช่หลายๆ ครั้งหรือนานเท่าไรก็ได้ตามต้องการ

ภาพ: tabi.furu-po.com

นอกจากบ่อออนเซ็นในห้องพักแล้ว ยังมีบ่อน้ำร้อนกลางแจ้งที่ตั้งอยู่ถัดจากทางเดินเชื่อมระหว่างตัวอาคารอีกด้วย เป็นบ่อน้ำพุร้อนแบบหินที่ทำจากหินนิชิโจที่หาได้ในท้องถิ่นและบ่อน้ำร้อนที่ทำจากไม้สนฮิโนกิ ผู้เข้าพักสามารถเพลิดเพลินไปกับต้นไม้และดอกไม้ในแต่ละฤดูกาลระหว่างที่แช่ออนเซ็น

ภาพ: hobbytimes.jp

ทางโรงแรมมีการบริการอาหารหลากหลายรูปแบบที่จะช่วยให้ทุกคนได้อิ่มเอมกับมื้ออาหารสุดพิเศษ โดยใช้วัตถุดิบท้องถิ่นที่มีเฉพาะในจังหวัดเอฮิเมะที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหารจากทะเลเซโตะใน

04 Funaya

ภาพ: www.mile-doctor-k.site

อีกหนึ่งโรงแรมในย่านโดโกะออนเซ็นที่จะไม่เอ่ยถึงไม่ได้เลยก็คือ Funaya โรงแรมนี้เปิดกิจการมาตั้งแต่สมัยเอโดะ เป็นที่พักยอดนิยมของนักเดินทางมานานกว่า 390 ปี เดิมรู้จักในชื่อเรียวกังฟุนายะ (Funaya Ryokan) และได้ปรากฏชื่อในหนังสือบันทึกประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังปรากฏในนวนิยายเรื่องบตจัง (Botchan) ของนัตสึเมะ โซเซกิ นักเขียนชื่อดังของญี่ปุ่น

ที่โรงแรม Funaya ผู้เข้าพักสามารถเพลิดเพลินไปกับสวนขนาดใหญ่ กว้างประมาณ 1,500 ตารางเมตรและมีลำธารไหลผ่าน จึงสามารถผ่อนคลายและปล่อยอารมณ์ไปกับธรรมชาติพร้อมกับสัมผัสถึงความกลมกลืนระหว่างบรรยากาศแบบดั้งเดิมและบรรยากาศแบบสมัยใหม่

ห้องพักของโรงแรมแบ่งเป็น 3 แบบ คือห้องพักแบบญี่ปุ่น ห้องพักแบบตะวันตกและห้องพักแบบญี่ปุ่นผสมกับแบบตะวันตก รวมแล้วทั้งหมด 58 ห้อง โดยรวมห้องพิเศษที่สร้างโดยช่างไม้ที่สร้างห้องดื่มน้ำชาในเกียวโตอยู่ด้วย ด้วยการใส่ใจในรายละเอียดระหว่างการสร้าง ทำให้ผู้เข้าพักสามารถผ่อนคลายไปกับการพักผ่อนได้เป็นอย่างดี

หรือใครอยากออกมาสูดอากาศรับความสดชื่น ก็สามารถเดินชมสวนที่ทางโรงแรมจัดไว้จากสะพานทางเดินเชื่อมได้ ตรงสุดสะพานก็จะเจอกับบ่อน้ำพุร้อน เป็นบ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้ง บ่อน้ำพุร้อนที่ทำจากไม้สนฮิโนกิ และบ่อน้ำพุร้อนที่ทำจากหิน

น้ำพุร้อนจากบ่อของโดโกะออนเซ็นมีความเป็นด่างทำให้ดีต่อร่างกายและผิวพรรณ ว่ากันว่าน้ำพุร้อนจากบ่อน้ำพุร้อนโดโกะจะช่วยในการฟื้นฟูจากความเหนื่อยล้า ลดอาการปวดเส้นประสาท ช่วยเรื่องระบบไหลเวียนโลหิตและอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ สามารถเพลิดเพลินกับการแช่น้ำพุร้อนอุ่นๆ ไปพร้อมกับเยียวยาร่างกายได้ในเวลาเดียวกัน นอกจากบ่อออนเซ็นที่ได้กล่าวไปแล้ว ยังมีบ่อออนเซ็นสำหรับแช่เท้าและซาวน่าไว้ให้บริการด้วย

ในส่วนของอาหาร ผู้เข้าพักสามารถลิ้มรสอาหารทะเลสดใหม่ของเมืองมัตสึยามะที่ใช้วัตถุดิบจากทะเลเซโตะในและวัตถุดิบตามฤดูกาลอื่นๆ ลิ้มรสความอร่อยและสัมผัสความสุขจนถึงคำสุดท้ายด้วยการปรุงอย่างเอาใจใส่จากเชฟผู้เชี่ยวชาญ

สะพานเมเปิ้ล (Momiji Hashi) คือสะพานทางเดินที่เชื่อมกับตัวอาคารหลักที่ได้พูดถึงไปก่อนหน้า ชื่อของสะพานตั้งตามบทกวีของมาซาโอกะ ชิกิ (Masaoka Shiki) กวีและนักเขียนคนญี่ปุ่นที่ได้แต่งบทกวีขึ้นในบริเวณนี้ นอกจากนี้ภายในโรงแรมยังมีห้องนิทรรศการอยู่ด้วย เป็นห้องแบบตะวันตกที่จักรพรรดิโชวะเคยพักในอดีต

05 Dogo Prince Hotel

มาถึงครึ่งทางกันแล้วกับโรงแรมที่ห้า Dogo Prince Hotel โรงแรมราคาย่อมเยาที่อยู่ไม่ไกลจากตัวโดโกะออนเซ็น มีคาแรคเตอร์ประจำโรงแรมชื่อยุทามะ โอจิ (Yutama Ouji) หรือ Prince Yutama คาแรคเตอร์รูปไข่ต้มสีขาวแก้มแดง สวมมงกุฎสมกับเป็นเจ้าชาย และยังพันพาที่เอวพร้อมกับเขียนคำว่า Dogo ไว้ด้วย

ภาพ: mochiko-gurume.com

เมื่อผ่านประตูเข้ามาจะพบกับพื้นที่กว้างหน้าทางเข้า แต่ที่โรงแรมแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ทางเข้าธรรมดา เพราะในบริเวณนี้มีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลทั้งสี่ด้วย ทำให้ผู้เข้าพักสามารถเพลิดเพลินไปกับความงามของแต่ละฤดูกาลที่เป็นเอกลักษณ์ได้แม้จะอยู่ภายในอาคาร

ห้องพักของโรงแรม Dogo Prince Hotel แบ่งออกเป็นห้องพักแบบธรรมดาและห้องพักที่มีบ่อออนเซ็นในตัว ตกแต่งด้วยสไตล์ญี่ปุ่นและสไตล์ญี่ปุ่นผสมกับตะวันตก เป็นห้องพักที่ให้ผู้เข้าพักได้ใช้เวลาอย่างเงียบๆ ภายในห้อง ได้พักผ่อนทั้งร่างกายและจิตใจ ทำให้ความเหนื่อยที่สั่งสมมาทั้งวันหายไป

โรงแรมได้ทำการเปิดให้บริการบ่อน้ำพุร้อนใหม่อีกครั้งในรูปแบบที่อัพเกรดขึ้น มาในธีมประวัติศาสตร์ของโดโกะและวัฒนธรรมญี่ปุ่น มี Air Bubble Bath และ Silk Bath ให้บริการด้วย น้ำพุร้อนที่ใช้ก็มาจากบ่อน้ำพุร้อนโดโกะเช่นกัน ในตอนกลางคืนที่บ่อแช่น้ำหลักจะมีการเปิดไฟ LED ในน้ำเพื่อสร้างบรรยากาศระหว่างแช่ออนเซ็น

Air Bubble Bath เป็นบ่อรูปวงกลมที่มีฟองน้ำร้อนผุดออกมาจากใต้บ่อมายังผิวน้ำ ทำให้ผู้เข้าพักได้ผ่อนคลายไปกับความอุ่นของน้ำร้อนจากบ่อน้ำพุร้อนโดโกะ และยังดื่มด่ำไปกับศิลปะภาพวาดฝาผนังบนกระเบื้องโดยคุณยามาดะ ฮิโรมิ เป็นภาพวาดเกี่ยวกับตำนานโดโกะออนเซ็น โดยมีทะเลเซโตะในเป็นพื้นหลัง

นอกจากนี้ยังมี Jet Bath บ่อแช่น้ำ 3 บ่อเรียงกัน โดยแต่ละบ่อจะมีกระแสน้ำวนที่เหมาะกับส่วนต่างๆ ของร่างกายในแต่ละส่วน ทำให้รู้สึกผ่อนคลายไปกับการแช่ออนเซ็นพร้อมกับกระแสน้ำวนที่คอยนวดร่างกายให้เรา ใครที่เดินเที่ยวทั้งวันแล้วต้องการนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ต้องลองแช่บ่อแช่น้ำแบบ Jet Bath ดูสักครั้ง

อาหารของโรงแรมใช้วัตถุดิบที่สดใหม่และปลอดภัย เป็นอาหารชั้นยอดที่ทำด้วยความจริงใจ สามารถเพลิดเพลินมื้ออาหารไปพร้อมกับคนที่เราคุ้นเคยหรือคนพิเศษ นอกจากนี้ยังมีห้องอาหารแบบส่วนตัวที่สามารถใช้เวลาละเลียดอาหารไปอย่างช้าๆ ภายใต้แสงไฟรำไร

ภายในโรงแรมยังมีบริการเครื่องดื่มฟรี ป็อปคอร์นและอื่นๆ จะมาจอยหลังแช่ออนเซ็นก็ดี หรือใครอยากจะนั่งรถชมวิวเมือง ทางโรงแรมมีบริการ Open Top Bus รถบัสแบบเปิดประทุนที่สามารถนั่งรถรับลม โดยรถคันนี้จะขับผ่านเส้นทางจาริกแสวงบุญในอดีตไปยังบ่อแช่น้ำโอคุโนะโดโกะออนเซ็น (Oku no Dogo Onsen) บ่อแช่น้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในแถบญี่ปุ่นตะวันตก

06 Dogo Grand Hotel

Dogo Grand Hotel เป็นอีกโรงแรมที่น่าไปพักไม่น้อย ทำเลที่ตั้งของที่พักก็ดี เพราะอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟและแหล่งท่องเที่ยว สามารถเดินไปได้ในเวลาไม่กี่นาที และยังใกล้กับร้านสะดวกซื้อด้วย อีกทั้งราคาห้องพักนั้นก็เรียกได้ว่าย่อมเยา เทียบกับบรรยากาศและการบริการที่ได้รับนั้นคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม

ล็อบบี้ของโรงแรมมีบรรยากาศเงียบสงบ มีแสงไฟอุ่นๆ สบายตา เหมาะกับการมานั่งจิบชาตอนเช้า-บ่ายหรือจะหลังจากแช่ออนเซ็นก็น่าจะรู้สึกดีไม่น้อย หรือจะเป็นพื้นที่นั่งคุยกันชิลล์ๆ หรือนั่งทำงานก็ดีเพราะทางโรงแรมมีบริการอินเตอร์เน็ตไว้ให้ใช้บริการฟรี

ห้องพักเป็นห้องแบบญี่ปุ่น มีทั้งหมด 34 ห้อง มีขนาดกว้างตั้งแต่ 55.8-68.4 ตารางเมตร ได้บรรยากาศแบบญี่ปุ่นที่ทำให้หวนนึกถึงอดีตผสมผสานกับการออกแบบและฟังก์ชันการใช้งานแบบสมัยใหม่เข้าด้วยกัน เป็นพื้นที่ที่ทำให้รู้สึกสบายใจ สามารถปลดปล่อยตัวเองจากชีวิตประจำวันและใช้เวลาอย่างมีความสุขในห้องพัก

ทุกห้องพักมีบ่อน้ำร้อนกึ่งกลางแจ้งติดตั้งไว้ สามารถเพลิดเพลินกับการแช่ออนเซ็นที่มาจากบ่อน้ำพุร้อนโดโกะได้ตามที่ต้องการโดยไม่ต้องกังวล ช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้าในแต่ละวันหรือความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง ทำให้รู้สึกสดชื่นมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีบ่อแช่น้ำพุร้อนแบบสาธารณะไว้ให้บริการด้วย แช่ตัวในบ่อน้ำอุ่นๆ พลางได้กลิ่นอ่อนๆ จากต้นไผ่ก็ผ่อนคลายความเหนื่อยหรือความเครียดได้ดีเลยล่ะ

นอกจากนี้ยังสามารถเพลิดเพลินไปกับอาหารชั้นเลิศที่ทางโรงแรมภูมิใจนำเสนอได้ภายในห้องพักของตัวเอง ซึ่งอาหารเป็นการผสมผสานกันระหว่างวัตถุดิบท้องถิ่นที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดีและเทคนิคของเชฟในการปรุงอาหารแต่ละจาน ทำให้เพลิดเพลินไปกับรสชาติที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเอาใจใส่ที่มาพร้อมกับหน้าตาที่สวยงาม

เนื่องจากโรงแรมอยู่ไม่ไกลจากโดโกะออนเซ็นจึงสามารถเดินเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ใกล้เคียงได้อย่างเช่น หอนาฬิกาบตจังคาระคุริ (Botchan Karakuri Clock) ที่ตั้งอยู่ที่สถานีรถไฟโดโกะ รถไฟบตจัง สวนสาธารณะโดโกะ ย่านการค้าโดโกะออนเซ็น หรือจะเป็นปราสาทมัตสึยามะที่อยู่ถัดออกไปก็น่าเที่ยวไม่น้อยเลยล่ะ

07 Okudogo Ichiyu no Mori

ถัดมาคือโรงแรม Okudogo Ichiyu no Mori ขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างออกมาจากโดโกะออนเซ็นไม่ไกลมากนัก ที่ตั้งของโรงแรมอยู่ติดกับแม่น้ำอิชิเตะ (Ishite River) และภูเขาอิชิซึจิ เป็นอีกโรงแรมที่เหมาะกับการมาพักผ่อน เพราะอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ สามารถสัมผัสถึงการเปลี่ยนผ่านของฤดูไปพร้อมกับฟังเสียงร้องของนกตัวน้อยๆ และสูดอากาศสดชื่นให้เต็มปอด

สีแดงของเก้าอี้ที่ตัดกับสีดำและสีขาวโต๊ะทำให้ล็อบบี้ดูทันสมัย นอกจากนี้ล็อบบี้โรงแรมที่มีขนาดกว้างยังให้ความรู้สึกเปิดโล่ง สามารถเพลิดเพลินไปกับวิวของฤดูกาลต่างๆ ที่สะท้อนอยู่นอกหน้าต่างหรือจะชมแม่น้ำอิชิเตะที่ไหลผ่านโรงแรมไปอย่างเงียบสงบก็เพลินดีเช่นกัน

ห้องพักของที่นี่ก็ถือว่าสวยไม่แพ้กัน เพราะเมื่อก้าวเข้าไปในห้องพัก จะเห็นธรรมชาติที่สวยงามในอีกฝากของหน้าต่างบานใหญ่ ทำให้เพลิดเพลินไปกับการชมสีสันของทั้งสี่ฤดู เป็นพื้นที่ส่วนตัวที่ผู้เข้าพักสามารถผ่อนคลาย ค่อยๆ ใช้เวลาในห้องพักและฟังเสียงน้ำไหลของแม่น้ำไปด้วยได้

ในพื้นที่บ่อน้ำพุร้อนที่มีขนาดประมาณ 1,508 ตารางเมตรนั้น จะมีบ่อแช่น้ำร้อนที่มีความน่าสนใจแตกต่างกันกระจายอยู่เป็นจุดๆ รอให้ผู้เข้าพักได้มาใช้บริการ โดยมีของโซนผู้ชาย 7 แบบ และโซนผู้หญิง 7 แบบ ทำให้ผู้เข้าพักสามารถเพลิดเพลินและผ่อนคลายจิตใจไปกับการชมทิวทัศน์ในแต่ละฤดูกาล นอกจากนี้ยังมีบ่อน้ำร้อนกลางแจ้งแบบส่วนตัวอีกด้วย จะเป็นผู้สูงอายุหรือผู้ที่นั่งรถเข็น ไม่ว่าใครก็สามารถเพลิดเพลินได้อย่างสบายใจ

บ่อน้ำร้อนของทางโรงแรมทั้งแบบส่วนตัวและแบบใช้ร่วมกันนั้น ใช้น้ำพุร้อนจากแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติที่ไหลมาจากโอคุโดโกะออนเซ็น (Okudogo Onsen) น้ำพุร้อนมีค่า pH 9.4 ที่แสดงถึงความเป็นด่าง ว่ากันว่าเป็นค่า pH ที่ดีต่อผิวของคนที่แช่ออนเซ็น ทำให้ถูกเรียกอีกชื่อว่าบิจินโนะยุ (Bijin no Yu) หมายถึง “บ่อน้ำของสาวงาม”

นอกจากนี้ยังสามารถเพลิดเพลินไปกับการกินอาหารที่ใช้วัตถุดิบที่มีตามธรรมชาติในห้องอาหารของโรงแรม อย่างเช่น ผักที่ปลูกตามฤดูกาล อาหารทะเลจากทะเลเซโตะใน เนื้อวัวที่ใช้ในการประกอบอาหารยังเป็นของแบรนด์เอฮิเมะด้วยเช่นกัน

ใครที่มาพักกับครอบครัวและมีเด็กเล็กก็สบายใจได้ เพราะทางโรงแรมมีโซนเด็กเล่นไว้รองรับ เด็กๆ สามารถมาเล่นสนุกกันภายในบริเวณนี้ได้ หรือถ้าชอบกิจกรรมกลางแจ้ง ที่โรงแรมนี้ก็มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ให้ได้ไปว่ายเล่นเช่นกัน นอกจากสองอย่างที่ได้บอกไป ทางโรงแรมยังมีโซนอื่นๆ ไว้ให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นร้านขายของฝาก ร้านนวด คาราโอเกะ หรือโซนโต๊ะปิงปอง เรียกได้ว่าครบจบในที่เดียว

08 Yachiyo

เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อช่วงหน้าร้อนปี ค.ศ. 2018 กับ Yachiyo ด้วยระยะห่างจากโดโกะออนเซ็นเพียง 400 เมตรและระยะทางที่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟโดโกะ ทำให้สามารถเดินทางด้วยรถไฟได้สะดวก Yachiyo จึงเป็นอีกหนึ่งโรงแรมที่เหมาะในการมาพักสำหรับใครที่มีแพลนเที่ยวในจังหวัดเอฮิเมะ

ภาพ: tabiiro.jp/yado

ภายในโรงแรมมีบรรยากาศที่เงียบสงบ ทั้งสีที่เลือกใช้และวิธีการตกแต่งทำให้พอก้าวเข้ามาแล้วทำให้รู้สึกว่าโรงแรมดูมีสไตล์และมีเสน่ห์ดึงดูดน่าค้นหา แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ผ่อนคลายด้วยเช่นกัน และเนื่องจากมีพนักงานคอยให้บริการอยู่ตลอดเวลา จึงสามารถสอบถามเรื่องการเดินทางหรือสถานที่ท่องเที่ยวรอบๆ ได้อย่างอุ่นใจ

ห้องพักของโรงแรมมีตั้งแต่ขนาด 55 ตารางเมตรจนถึง 111 ตารางเมตร ในหนึ่งห้องพักแบ่งออกเป็นห้องพักญี่ปุ่น ห้องนอนและห้องอาหาร รวมทั้งหมด 3 ห้อง การออกแบบของห้องนั้นผสมผสานความสวยงามแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นและฟังก์ชันการทำงานแบบสมัยใหม่เข้าด้วยกันในห้องเดียว ทำให้ผู้เข้าพักสามารถเพลิดเพลินไปกับวันหยุดในพื้นที่อันเงียบสงบและใช้เวลาอย่างช้าๆ ภายในห้องได้อย่างสบายใจ

ในห้องพักแต่ละห้องจะมีบ่อออนเซ็นส่วนตัว จึงสามารถเพลิดเพลินไปกับน้ำพุร้อนที่ไหลมาจากต้นน้ำของโดโกะออนเซ็นที่มีชื่อเสียงได้ตามที่ต้องการโดยไม่ต้องระวังสายตาคนรอบข้าง บ่อแช่ออนเซ็นนั้นมีขนาดที่กว้างพอสำหรับผู้ใหญ่สองคน จะไปยืดแขนยืดขาแช่ตัวในบ่อเพื่อคลายความเหนื่อยล้าพร้อมกับคุยไปพลางๆ ด้วยกันก็ทำได้

ที่โรงแรม Yachiyo เอง ทั้งบ่อน้ำร้อนกลางแจ้งและบ่อแช่น้ำภายในห้องพักต่างก็ใช้น้ำร้อนจากโดโกะออนเซ็นเช่นเดียวกัน ผู้เข้าพักจึงมั่นใจได้เลยว่าจะสามารถเพลิดเพลินไปกับน้ำพุร้อนจากโดโกะออนเซ็นที่ผู้คนต่างชื่นชอบมาตั้งแต่สมัยโบราณ

อาหารของทางโรงแรมใช้วัตถุดิบที่สามารถลิ้มรสได้เฉพาะบางฤดูกาล เช่น อาหารทะเลสดใหม่จากทะเลเซโตะใน ผักและผลไม้ชนิดต่างๆ ที่มาพร้อมกับการปรุงรสอย่างพิถีพิถันด้วยเทคนิคของพ่อครัวชั้นเยี่ยม ทำให้ผู้เข้าพักเพลิดเพลินไปกับรสชาติอันลึกซึ้งของวัตถุดิบและสีสันของฤดูกาลทั้งสี่ที่สะท้อนออกมาในรูปของอาหารที่อยู่บนจาน

09 Yamamotoya Honten

Yamamotoya Honten โรงแรมสีเหลืองครีมที่อยู่ห่างจากโดโกะออนเซ็นไปเพียง 150 เมตร โรงแรมนี้ได้เปิดกิจการใหม่ในปีเฮเซที่ 8 (ค.ศ. 1996) เพื่อสานต่อโรงแรม Yamamotoya โรงแรมก่อนหน้าในที่เดียวกันนี้ที่เคยเปิดกิจการไปเมื่อสมัยเมจิ

เดินเข้ามาภายในโรงแรม จะเจอกับแผนกต้อนรับส่วนหน้า (Front Office) ของทางโรงแรม ถัดจากแผนกต้อนรับส่วนหน้าจะเป็นร้านค้าที่สามารถหาซื้อของฝากที่เป็นของโรงแรม ของเมืองโดโกะ หรือของจังหวัดเอฮิเมะได้ในที่เดียว นอกจากนี้ยังมีล็อบบี้เลานจ์ขนาดกว้างที่ผู้เข้าพักสามารถมานั่งพักชิลล์ๆ ได้

ห้องพักมีด้วยกันทั้ง 2 แบบหลักๆ คือห้องพักสไตล์ญี่ปุ่นและห้องพักสไตล์ตะวันตก ห้องพักสไตล์ญี่ปุ่นแบบมาตรฐานเข้าพักได้สูงสุด 5 คนและห้องพักแบบสวีทเข้าพักได้สูงสุด 7 คน จึงสามารถใช้เวลาอันมีค่ากับครอบครัวและเพื่อนในบรรยากาศแบบญี่ปุ่นไปอย่างช้าๆ ส่วนห้องพักแบบตะวันตกเหมาะสำหรับคนที่ชอบนอนบนเตียงหรือใครที่มาทำงานนอกสถานที่ เพราะพักได้เพียงห้องละ 1-2 คน และยังมีบริการอินเทอร์เน็ตแบบไร้สายสำหรับห้องสไตล์ตะวันตกนี้ด้วย

ภาพ: www.yamatoyahonten.com

บ่อแช่น้ำของทางโรงแรมเป็นแบบส่วนรวม แบ่งออกเป็นฝั่งของผู้หญิง ที่เรียกว่า โอมินะเมชิ (Ominameshi) และฝั่งของผู้ชาย ที่เรียกว่า โอโตโกะเอชิ (Otokoeshi) ที่บ่อน้ำร้อนมีบรรยากาศที่สงบ หลังคาทำด้วยไม้ ส่วนพื้นทำจากหินแกรนิต ในฝั่งบ่อแช่น้ำกลางแจ้งของฝั่งผู้หญิง บ่อแช่น้ำทำมากจากหินขนาดใหญ่ ส่วนในฝั่งของผู้ชายบ่อแช่น้ำทำมาจากไม้สนฮิโนกิ สามารถผ่อนคลายไปกับการแช่ออนเซ็นภายใต้ชายคาของศาลาแบบเปิด นอกจากนี้ยังมีออนเซ็นเท้าให้แช่ด้วยเช่นกัน

ที่ห้องอาหารของทางโรงแรม ผู้เข้าพักสามารถเลือกรับประทานได้ระหว่างอาหารญี่ปุ่น อาหารตะวันตกหรืออาหารจีน แต่ละเมนูล้วนทำจากวัตถุดิบตามฤดูกาล ผู้เข้าพักจึงสามารถลิ้มรสอาหารสุดพิเศษได้ตามฤดูกาลนั้นๆ จะลองชิมอาหารสไตล์ตะวันตกที่ถูกจัดวางอย่างสวยงาม ก็สามารถเพลิดเพลินไปกับรสชาติและกลิ่นที่ลึกซึ้งของอาหารได้ หรือจะเป็นอาหารจีนที่ใช้วัตถุดิบสดใหม่ ได้รสชาติที่สดชื่นก็ดีไม่น้อย

ในอดีตเมืองมัตสึยามะ (Matsuyama) เป็นพื้นที่ที่มีการจัดแสดงละครโน (Noh) อย่างกว้างขวาง และเพื่อรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีที่สืบทอดมาจากรุ่นก่อน ทางโรงแรมจึงได้สร้างเวทีละครโนแบบดั้งเดิมที่เรียกว่า เซ็นจูเด็น (Senjuden) ขึ้นมาและมีการจัดการแสดงละครโนทุกวัน ผู้เข้าพักสามารถมารับชมได้ตามอัธยาศัย

ส่วนใครที่เป็นสายร้อง สายเต้น ทางโรงแรมก็มีห้องคาราโอเกะไว้ให้ผู้เข้าพักได้มาร้องเพลงผ่อนคลายอารมณ์กันสนุกๆ นอกจากนี้ยังมีหอประชุมใหญ่ที่สามารถรองรับแขกได้ถึงห้าร้อยคน จะจัดงานเลี้ยงหรืองานแต่งงานก็สามารถมาใช้บริการได้และยังมีห้องจัดเลี้ยงขนาดเล็กสำหรับคนจำนวนน้อยด้วย

10 Yamatoya Besso

ปิดท้ายด้วยโรงแรมที่มาพร้อมกับบรรยากาศเงียบสงบ แถมยังให้ความรู้สึกเป็นญี่ปุ่นสุดๆ นั่นก็คือ Yamatoya Besso โรงแรมเก่าแก่ที่เปิดให้บริการตั้งแต่ปีโชวะที่ 12 (ค.ศ. 1937) ตัวโรงแรมออกแบบมาในสไตล์ Sukiya-zukuri หนึ่งในสไตล์การสร้างบ้านแบบญี่ปุ่นที่ดูมีเสน่ห์น่าค้นหา

ภายในล็อบบี้ของโรงแรมให้บรรยากาศที่ดูเงียบสงบและอบอุ่น ด้วยหน้าต่างบานใหญ่และกว้างที่มองเห็นสวนญี่ปุ่นที่อยู่กลางโรงแรม สามารถนั่งมองเพลินๆ พลางพักสายตาด้วยสีเขียวของมอสและต้นไม้ หรือจะมาใช้บริการที่นี่ในตอนกลางคืนก็ให้บรรยากาศที่แตกต่างไปอีกแบบ

ห้องพักของโรงแรม Yamatoya Besso มีทั้งหมด 19 ห้อง สร้างบรรยากาศความเป็นญี่ปุ่นด้วยการผสมผสานไฮกุและดอกไม้ทั้งสี่ฤดูเข้าไปในการตกแต่งของห้องแต่ละห้อง อย่างเช่นชื่อของห้อง คือ อุเมะ (Ume) โมโมะ (Momo) ซากุระ (Sakura) และสึบากิ (Tsubaki) หรือจะเป็นตกแต่งชั้นเลิศ เช่น ของโบราณ ภาพวาดและตัวอักษรที่เขียนด้วยพู่กันที่ดูดีมีระดับ นอกจากนี้แต่ละห้องนอนจะมีชุดยูกาตะสองแบบเตรียมไว้ให้ คือชุดยูกาตะสำหรับเดินออกไปข้างนอกและชุดยูกาตะสำหรับใส่นอน

น้ำพุร้อนมาจากบ่อน้ำพุร้อนโดโกะที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รักของกวีและผู้คนมากมาย มีทั้งบ่อน้ำร้อนในร่มและบ่อน้ำร้อนกลางแจ้งของผู้หญิงและผู้ชาย จะเลือกมาแช่บ่อน้ำร้อนกลางแจ้งรบสายลมและแสงแดดอุ่นๆ หรือจะแช่บ่อน้ำพุร้อนในร่มที่บ่อน้ำร้อนทำจากหินแกรนิตก็ดีไม่น้อย

นอกจากนี้ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าจะมีผ้าขนหนูและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ติดตั้งไว้ ดังนั้นจึงสามารถเข้าไปอาบน้ำได้โดยไม่ต้องพกอะไรมาเลย และในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของผู้หญิงจะมีถุงผ้าลายญี่ปุ่นไว้สำหรับเก็บเสื้อผ้าให้ด้วย ที่ทางเข้าบ่อแช่น้ำมีน้ำแร่ เครื่องดื่มเย็นๆ และไอศกรีม เตรียมไว้ให้บริการฟรี จะมาดื่มหรือกินหลังจากแช่ออนเซ็นเสร็จก็ชื่นใจ

อาหารเช้าเป็นอาหารเช้าแบบญี่ปุ่นที่ปรุงด้วยวัตถุดิบที่มีคุณภาพดีเยี่ยม เช่น แซลมอนย่าง เมนูเต้าหู้ ไข่ม้วน เสิร์ฟพร้อมกับอาหารที่ผลิตในท้องถิ่นเช่น น้ำส้มและซาชิมิปลาหมึก ทางโรงแรมมีอาหารเช้าสไตล์ญี่ปุ่นผสมสไตล์ตะวันตก ส่วนอาหารเย็นก็หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเมนูปลาที่ใช้ปลาที่จับได้ตามฤดูจากจัหวัดเอฮิเมะ หรือจะเป็นเมนูเนื้อ ที่ใช้เนื้อวัวชั้นดีจากเมืองอิโยะ (Iyo)

ภายในโรงแรมยังมีเลานจ์ให้บริการ ในตอนกลางวันจะเป็นคาเฟ่ให้ผู้เข้าใช้บริการมานั่งจิบกาแฟชิลล์ๆ และกลายเป็นพื้นที่สังสรรค์ในตอนกลางคืน นอกจากนี้ยังมีส่วนที่เรียกว่าพาทิโอ (Patio) หรือลาน ที่มีเซ็ตเก้าอี้และโต๊ะไว้ให้ได้นั่งรับแสงแดดอุ่นๆ ด้วย ส่วนใครที่อยากจะซื้อของฝากติดไม้ติดมือ ทางโรงแรมก็มีร้านขายของฝากไว้ให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นของฝากของทางโรงแรมหรือเมืองมัตสึยามะก็มีให้เลือกซื้อ

สำหรับใครที่มีแพลนเที่ยวบน เกาะชิโกกุ หรือจังหวัดเอฮิเมะหรือเป็นแฟนของภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง Spirited Away แล้วสนใจที่จะลองแช่ ออนเซ็น จากบ่อน้ำพุร้อนโดโกะล่ะก็ 10 โรงแรมที่ได้แนะนำไปก็เป็นตัวเลือกที่น่าลองไปพักดูไม่น้อย ห้องพักมีให้เลือกหลายแบบหลายสไตล์ แต่ละโรงแรมก็มีเอกลักษณ์ต่างกันไป ถ้าใครแพลนเที่ยวบนเกาะชิโกกุแล้ว ก็อย่าลืมมาลองแช่ออนเซ็นจากบ่อน้ำพุร้อนโดโกะชื่อดังกันดูสักครั้งล่ะ