ใครไม่รอดไม่รู้ แต่ครอบครัว (กู) ต้องรอด (ไม่สปอยล์หรอกเชื่อสิ)
ชิโนะบุ ยะกุชิ กลับมาแล้ว พร้อมหนังตลกร้ายเรื่องล่า Survival Family
ว่าไงนะ ไม่รู้จักเหรอ ก็ผู้กำกับ Waterboys กับ Swing Girls นั่นไง
หายหน้าหายตาไป 2 ปี หลังจากผลงานเรื่องล่าสุด Wood Job ! (2014) หนังตลกฟีลกู๊ดสาระดีที่แฝงวิถีของการอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติอย่างยั่งยืน ซึ่งใครได้ดูก็น่าจะที่หลงรักนางเอก ไม่ใช่สิ น่าจะหลงรักหนังเรื่องนั้นได้ไม่ยาก และคงอยากที่จะไปสัมผัสกับบรรยากาศคันทรี่ฟีลกู๊ดในป่าญี่ปุ่นแบบในหนังกันบ้าง
มาคราวนี้ ชิโนะบุ ยะกุชิ กลับมาพร้อมกับ ‘ครอบครัวต้องรอด’ Survival Family ซึ่งเข้าโรงในญี่ปุ่นไปเมื่อเดือนกุมภาที่ผ่านมา ดูเหมือนจะเพิ่มดีกรีความตลกร้ายขึ้นมาอีกหน่อย หลังจากที่หนังของพี่เขาห่างหายจากกลิ่นอายของ Black Comedy มาแสนนาน นับตั้งแต่งานหนังในช่วงแรกๆ อย่าง Down the Drain (1993), My Secret Cache (1997), Adrenalin Drive (1999) ก่อนที่จะเปลี่ยนแนวมาทำหนังตลกฟีลกู๊ดย่อยง่ายที่ขายดีมากกว่าอย่าง Water boy (2001), Swing Girls (2004)
‘ครอบครัวต้องรอด’ เป็นเรื่องราวของครอบครัวชนชั้นกลาง 4 ชีวิต ที่ต้องเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต เมื่อวันหนึ่งไฟฟ้าเกิดหายไปจากโลก ส่งผลให้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ต้องอาศัยไฟฟ้าดับวูบไปตามกัน อาหารและน้ำกลายเป็นของหายากและไม่สามารถแลกมาได้ด้วยสิ่งของมีค่า อุปสรรคเพียงเท่านี้ก็ถือว่ามากเกินพอที่จะทำให้สังคมปั่นป่วน สิ่งที่ต้องทำคือ back to origin เพื่อความอยู่รอด ทว่าไม่ใช่สำหรับตัวใครตัวมัน…
แต่ต้องไปกันให้รอดทั้งครอบครัว !
ได้เห็นพล็อตหนังแบบนี้ ทำให้อดไม่ได้ที่จะนึกไปถึงแนวหนังต้องรอดทั้งหลาย ที่ว่าด้วยเรื่องราวการเอาตัวรอดหลากวิธีในสังคมที่แหลกเหลว บรรยากาศที่ไม่น่าไว้วางใจต่างๆ นานาในการเอาชีวิตรอดของมนุษย์ ทว่าบรรยากาศในหนัง ‘ต้องรอด’ ฉบับยะกุชิ ดูจะผิดแผกไปจากบรรยากาศแบบหนังต้องรอดที่คุ้นตา ด้วยมุกตลกที่แทรกมาเป็นระยะทำให้หนังไม่ได้ดูเครียดเหมือนอย่างที่เคยทำกันมา ถึงขั้นหลุดขำในบางซีนเลยก็ยังมี แต่ถึงกระนั้นในบางจังหวะที่ต้องจริงจัง หนังก็ใส่อารมณ์กับคนดูอย่างอยู่หมัดจนเกือบปรับอารมณ์ไม่ทัน
Survival Family เป็นหนังสนุกดูเพลินสาระดีมีขำขันและเต็มไปด้วยไดอะล็อกที่แสนจะเรียบง่าย ทว่าในหลายๆ ประโยคก็แฝงความหมายลึกซึ้งที่ทำเอาคนดูรู้สึกกระอักกระอ่วนใจไปด้วยพร้อมกัน โดยเฉพาะประเด็นหนักๆ ที่ว่าด้วยสิ่งสำคัญที่มนุษย์อย่างเราควรคำนึง รวมไปถึงการพยายามทบทวนความหมายที่แท้ของคำว่า ‘ครอบครัว’ กับคนดูอีกครั้ง
ประเด็นสำคัญอาจไม่ได้อยู่ที่ว่าเราจะเจอกับอะไร แต่เราพร้อมที่จะเจอกับมันด้วยกันไหม
เพราะต่อให้โลกมืดหม่นลงขนาดไหน คงไม่ง่ายที่จะดับแสงแห่งกำลังใจจากคนในบ้านลงได้
http://survivalfamily.jp
電気がなくなったら家族は仲良くなる!? 映画『サバイバルファミリー』は電気がない極限の世界を描くちょっとブラックなロードムービー
ตัวอย่างหนัง
https://www.youtube.com/watch?v=rHgjhgnPxtE