WALDEN ยินดีที่ได้รู้จัก
คุณมีเพื่อนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจถึงแม้จะไม่ต้องพูดคุยอะไรกันก็ตามบ้างไหม เพื่อนประเภทที่ไม่ต้องพยายามเข้าอกเข้าใจ หรือยิงมุกใส่ตลอดเวลา แต่กลับใช้เวลาด้วยแล้วรู้สึกดี
สำหรับเรา เพื่อนแบบที่ว่านี้อยู่ได้ในหลายรูปแบบ ไม่ใช่เฉพาะแค่บุคคล แต่บางครั้งก็อยู่ในรูปแบบเสียงเพลง สิ่งของ อาหารที่ได้กิน หรือแม้กระทั่งสถานที่ที่ได้ไป และเพื่อนที่เราอยากเล่าให้ฟังในครั้งนี้มีชื่อว่า Walden Café & Bar ขอเรียกง่ายๆ ว่า Walden ละกัน
ถ้าจะให้เปรียบ Walden เป็นคน เขาก็น่าจะเป็นคนญี่ปุ่นเรียบๆ อารมณ์เย็นๆ มีเซนส์แต่งตัวกำลังดีไม่รกตา ชอบฟังเพลงอิตาเลียน บางทีก็แจ๊สบ้าง บลูส์บ้าง ที่ไม่ใช่แนวเรานักหรอกแต่ก็ลื่นหูดี เราได้รู้จัก Walden ครั้งแรกหลังจากที่เพิ่งประสาทเสียมาจากอีกบาร์อึกทึกหนึ่งที่ไม่ไกลกัน และครั้งแรกนั้นเองที่ถึงแม้ Walden จะรับรู้ว่าเราน่าจะกำลังอารมณ์ขุ่นมัวอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้พยายามจะทำเป็นเข้าใจหรือปลอบประโลมอะไรให้เกินเหตุ แค่ส่งยิ้มต้อนรับให้อย่างเรียบง่ายและไม่รีบร้อนที่จะยัดเยียดเครื่องดื่มหรือบทสนทนาให้เรา อืม…เข้าท่าแฮะ เพื่อนใหม่ Walden น่าจะคลิกกับเราได้ดีทีเดียว
เราพลิกดูเมนูดริงก์ที่มีเพียงหน้าเดียวของบาร์ญี่ปุ่นขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่นี้ใต้แสงไฟสลัวๆ บนเก้าอี้ตัวใหญ่นุ่มแต่พนักพิงหลังตรงเป๊ะ ลิสต์เครื่องดื่มที่แสนจะเบสิก เราสั่งเหล้าบ๊วย ‘โคะมะซะ โนะ อุเมะชุ’ (Komasa No Umeshu) เพราะหลังจากเจอประสบการณ์ขมๆ มาก่อนหน้า นาทีนี้ต้องขออะไรเปรี้ยวหวานมาช่วยยกระดับจิตใจ อุเมะชุของที่นี่ก็อาจไม่ได้แตกต่างหรือพิเศษไปกว่าบาร์อื่น แต่ที่ได้ใจกว่าแน่ๆคือการนำเสนอ
แค่ Walden เลือกที่จะใช้น้ำแข็งกลมเกลี้ยงก้อนโตเพียงก้อนเดียว แยกมาในแก้วต่างหากทั้งหมด 3 ใบ ได้แก่ เหล้าบ๊วย-น้ำแข็ง-น้ำเปล่า ไม่ยากแต่ดูแล้วก็รู้ว่าตั้งใจ ทำให้เหล้าบ๊วยธรรมดาๆ แก้วนี้ดีต่อใจมากมาย มากไปกว่านั้น ยังเป็นการเปิดโอกาสให้คนที่นิยมแบบผสมน้ำมากน้อยแค่ไหน ได้จัดการ DIY ดริงก์ด้วยตัวเอง
ส่วน Glenfiddich with Apple & Soda อีกแก้วนั้นมีแอปเปิลฝานวางเรียงกันอย่างประณีตบนปากแก้ว ทำให้เราจิบดริงก์พร้อมละเลียดกัดแอปเปิลไปพร้อมกันเพลินๆ เสริมความหอมสดชื่นและหวานเปรี้ยวนิดๆ ยังไม่นับถั่วและข้าวอบกรอบแบบญี่ปุ่นที่เสิร์ฟให้ลูกค้าแต่ละคนเพื่อแกล้มคู่ดริงก์อีกนะ เรามอง Walden ไว้ไม่ผิดจริงๆ
ค่ำคืนนั้นของพวกเรากับ Walden ผ่านไปอย่างเชื่องช้าและเบาสบาย คุยกันบ้าง ฟังเพลงบ้าง พลางจิบเครื่องดื่มตรงหน้าในบรรยากาศละมุนละไม เคล้าไปด้วยเสียงหัวเราะที่นานๆจะลอยมาสักครั้งของโต๊ะกลุ่มคนญี่ปุ่นที่ดริงก์กันอยู่ก่อนหน้า โมเมนต์นั้นราวกับว่าเราไม่ได้อยู่ใจกลางกรุงเทพ แต่ก็ไม่เชิงใช่ในโตเกียว คล้ายกับว่าเรากำลังนั่งอยู่กลางระหว่างบรรทัดตัวหนังสือของมูราคามิ อ้อยอิ่งและไม่ชัดเจน แต่ก็ไม่รู้สึกอึดอัดอะไร (หรือเพราะพวกเราดื่มกันไปหลายแก้วแล้ว?)
ไม่แน่นะ…ในวันที่เราต่างอยากเอ็นจอยความเบาๆ และเพียงแค่แอบฟังเสียงหัวเราะของคนร่วมบาร์ผ่านพนักพิงสูงแกล้มเครื่องดื่มในมือก็แฮปปี้แล้ว เราอาจได้เจอกันผ่านเพื่อนที่ชื่อ Walden นี้ก็เป็นได้ 🙂