สารบัญ

 

SRIRAJAH ROCKERS

(シーラジャーロッカーズ)

This is Your Turn

_

 

ที่ร้านดนตรีชื่อดังแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว เรามาถึงก่อนเวลานัดประมาณชั่วโมงหนึ่งได้ ระหว่างรอ เสียงเพลงในร้านดังออกมาข้างนอก ขณะที่วงศรีราชาร็อคเกอร์กำลังซาวนด์เช็กดังลอดประตูบานใหญ่ออกมา เราอดขยับขาเบาๆ ตามไม่ได้ ก็จังหวะมันช่างชวนเขย่ามากเกินไปน่ะสิ

สารภาพก่อนเลยว่า เท่าที่จำความได้ ดนตรีสไตล์เร็กเก้กับผู้เขียนนั้น ไม่ค่อยได้พบปะสังสรรค์กันเท่าไร แต่ก็เคยได้ยินชื่อของวงนี้มานานมาก “เราเริ่มทำอัลบั้มแรกตั้งแต่ปี 2003” วิน ชูจิตารมย์ นักร้องนำ และสมาชิกคนเดียวที่อยู่มาตั้งแต่เจนเนอเรชั่นแรก บอกอายุอานามของวงหลังจากที่ถามถึงช่วงเวลาที่พวกเขาทำอัลบั้มแรกในชีวิต

14 ปีกับการทำเพลงสไตล์เร็กเก้แบบศรีราชาร็อคเกอร์ คงการันตีได้ถึงความเข้มข้นชั้นดี ไม่ว่าจะเป็นความเข้มข้นของเนื้อหาในเพลง ความเข้มข้นของดนตรี หรือแม้กระทั่งความเข้มข้นเวลาที่พวกเขาเล่นสด ล่าสุดกับรางวัล 3 สาขา ที่ได้รับจากเวทีคมชัดลึกอวอร์ด ครั้งที่ 14 เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้แก่ “บันทึกเสียงยอดเยี่ยม” อัลบั้ม Organix (อัลบั้มนี้เขาขนเพลงไปมิกซ์ไกลถึงแดนอาทิตย์อุทัยทีเดียว) “ศิลปินกลุ่มยอดเยี่ยม” และ “เพลงยอดเยี่ยม” ได้แก่เพลง อย่าให้เด้ คงไม่ต้องพูดอะไรมากเกี่ยวกับวงนี้แล้ว แต่อยากให้ลองฟังเพลงของพวกเขามากกว่า เพราะถ้าลองฟังดีๆ คุณจะรู้เลยว่า ดนตรีเร็กเก้ช่างเรียบง่ายและสวยงามกว่าที่เราเห็นและเข้าใจ

 

 

Q. แนะนำสมาชิกในวงหน่อย

สมาชิกทั้งหมดตอนนี้มี 8 คนเป็นชุดใหญ่ ชุดเล็ก 6 คน ชุดเล็กจะไม่มีพวกเครื่องเป่าครับ ตอนนี้เป็น
เจเนอเรชั่นที่สาม เจนฯ แรกมีสมาชิกทั้งหมด 3 คน เป็นคนอำเภอศรีราชาหมดเลย แล้วพอมาเจนที่สอง ตอนเอนท์เข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยศิลปากร ก็ชวนเพื่อนที่มหาลัยมาเล่น พอเจนปัจจุบัน เพื่อนสมัยเจนสองก็แยกย้ายไปทำงานของตัวเอง เหลือผม (วิน) และมือคีย์บอร์ด (เจนสอง) สองคน สรุปคือมีผมที่อยู่ตั้งแต่เจนแรก

 

Q. Roots Lover Rock Reggae นิยามเร็กเก้ในแบบศรีราชาร็อคเกอร์

มันเป็นแนวดนตรี เร็กเก้มันจะแยกเป็นประเภทของมัน ก็จะมี Root Reggae, Lover Rock, Rocksteady และ Ska เร็กเก้มันจะมีหลายมู้ดครับ ของศรีราชาจะเป็น Roots Reggae เป็นเร็กเก้ที่หม่นๆ หน่อย แล้วก็มีความใสๆ เป็น Lover Rock เพลงเร็กเก้ที่มีความใสๆ หวานๆ เจี๊ยบๆ เนี่ย เขาจะเรียกว่า Lover Rock

 

Q. ที่มาของวงศรีราชาร็อคเกอร์

เราเล่นดนตรีกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม คือเราฟังเพลงกันมาทุกแบบ ตั้งแต่พังก์ยันเมทัล ฟังพังก์ เราก็ไปเจอเพลงที่มันเป็นสกาพังก์ แล้วก็ฟังสกา แล้วก็มาจบที่เร็กเก้ เราก็รวมตัวกันจริงจัง เจนแรกมีสามคนเป็นเพื่อนที่ชลบุรี เราก็เอาเพลงไปให้พี่แก็ป ทีโบนฟัง ให้ช่วยคอมเมนต์ให้

 

Q. ทำไมถึงต้องเป็นแก็ป ทีโบน

ตอนนั้นผมไปทำงานที่ร้านวิดีโอ Tsutaya แล้วเขามาเช่าวิดีโอที่ร้าน ผมก็ขอลายเซ็นเขา ก็ถามนั่นถามนี่ แล้วก็เลยเอาเพลงให้เขาฟัง หลังจากนั้น จนแกน่าจะเห็นความตั้งใจ เพราะทุกๆ ปิดเทอมเราจะทำเพลงไปส่ง จนได้ทำอัลบั้มแรกในปี 2003 แล้วก็มีพี่โหน่ง TPSM เข้ามาช่วยสนับสนุนอีกคนหนึ่ง ทำให้อัลบัมแรกของเราเกิดขึ้น

 

Q. ออกอัลบั้มมาทั้งหมดกี่อัลบั้มแล้ว

ถ้าเป็นอัลบั้มเต็มตอนนี้ก็มีทั้งหมด 3 อัลบั้ม แล้วก็มีอัลบั้มคอมพลิเลชั่นประมาณสองอัลบั้ม มีอัลบั้มที่ร่วมทำกับ… เกาหลีหนึ่งอัลบั้ม

 

 

Q. ความน่าสนใจของดนตรีแนวเร็กเก้

มันเป็นปัจเจกมากเลยนะ เพราะการที่เราชอบดนตรีแนวนี้ มันเป็นความชอบส่วนตัวจริงๆ มันตรงกับเคมีพวกเรา มันตรงกับวิถีชีวิต มันตรงกับจริตที่ไม่ค่อยรีบเท่าไร ทำอะไรช้าๆ

 

Q. แสดงว่าดนตรีเร็กเก้เป็นมากกว่าแนวดนตรี

ผมคิดว่ามันเป็นชีวิตเลยนะ เป็นแนวคิดการใช้ชีวิตด้วย เพลงที่ออกมามันก็เป็นเหมือนเพลงเพื่อชีวิตแหละ แต่แค่อยู่ในคราบของเร็กเก้ และเราก็ไม่ได้พูดถึงชีวิตแบบวงเพื่อชีวิต แต่เราพูดถึงมุมมองการใช้ชีวิตของวัยรุ่นว่ามันเป็นแบบนี้

 

Q. เพลงแต่ละเพลงคือชีวิตในแต่ละช่วงของวงด้วย

ใช่ครับ อย่างเพลงชุดแรก ก็จะเป็นเพลงที่ยังเรียนอยู่ในช่วงมหาวิทยาลัย มีความใสๆ ชุดนี้ก็จะพูดถึงการยึดติด ยึดติดกับสิ่งที่เราชอบ แต่พอเราโตขึ้น ก็จะรู้สึกว่าความยึดติดแม่งเป็นสิ่งที่ไม่ดีว่ะ อะไรแบบนี้ พอโตขึ้น มันก็ได้เจอคำตอบมากขึ้น คือชุดแรกกับชุดสองเป็นการเดินทางและหาประสบการณ์มากกว่า ผมไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือ แต่ชอบเที่ยว

 

Q. เน้นใช้ประสบการณ์จากที่เจอมามากกว่า

ใช่ๆ มันเรียลกว่า

 

Q. แล้วชุดที่สามล่ะ

โอ๊ย…ชุดสามเหรอ เป็นช่วงที่ผมบอบช้ำมาก ทำอะไรก็ไม่ประสบความสำเร็จ เพลงที่ออกมาก็เลยเป็นเพลงที่บอบช้ำและให้กำลังใจ เช่น เพลงเรืองแสง จะพูดถึงเรื่องราวที่ทุกอย่างแม่งเจ๊งแล้วนะ แต่ไม่เป็นไร เอาใหม่ …เมื่อตะวันยังไม่ดับลง ใจยังคงเรืองแสงอร่าม… อะไรอย่างนี้ครับ มันเหมือนจะน้ำเน่านะ แต่พออยู่ในช่วงนั้น มันจะอินครับ

 

Q. เนื้อเพลงของวงหลายๆ เพลงจะชอบพูดถึงเรื่องชีวิต มันเลยจะคล้ายเพลงเพื่อชีวิตหรือเปล่า

จริงๆ ไม่ใช่แบบนั้นเลย คือเพลงเร็กเก้เนี่ย ใครจะพูดถึงอะไรก็ได้ แล้วแต่วงเลยว่าจะพูดถึงอะไร อย่าง
จาไมก้า เขาอยากจะพูดถึงเรื่องเซ็กซ์ เขาก็พูด อย่างน้าบ๊อบมาร์เลย์ ก็จะพูดถึงการต่อสู้เพื่อสันติภาพ พูดถึงเรื่องการเมือง แล้วแต่คน บางคนก็พูดถึงความรักที่หวานเจี๊ยบไร้สาระก็มี ซึ่งเราก็ใส่บ้างในเพลง แต่ผมคิดว่าในประเทศไทยมันมีแต่เพลงรัก ผมเบื่อ ผมอยากพูดถึงเรื่องอื่นบ้าง

 

Q. นี่คือความเป็นศรีราชาร็อคเกอร์

ก็น่าจะใช่นะ พวกเราจะเน้นไปในเรื่องเนื้อหา เพราะดนตรีของพวกเรามันก็ฟังง่ายๆ อยู่แล้วครับ มีแค่สองคอร์ด ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนอยู่แล้ว

 

 

Q. อัลบั้มล่าสุด Oganix เห็นว่าไปผสมเสียง (มิกซ์) ที่ญี่ปุ่นด้วย

มันเป็นแผนระยะยาวที่ผมวางไว้ 7-8 ปีได้ ก็คือก่อนที่ผมจะฟังเพลงเร็กเก้ ผมไปฟังเพลงของวงญี่ปุ่นวงหนึ่ง ชื่อวง Dry & Heavy นับเป็นวงที่เป็นต้นแบบให้ผมหันมาสนใจเพลงเร็กเก้ที่เป็นโทนนี้ คือเร็กเก้มันจะมีหลายโทน ศรีราชาก็จะอีกแบบหนึ่ง ทีโบนก็จะอีกแบบหนึ่ง

แต่ว่า Dry & Heavy ก็จะเป็นโทนญี่ปุ่น เร็กเก้แบบเซนๆ น้อยๆ แต่เท่ ผมก็เลยคิดว่าในชุดล่าสุดนี้ ผมอยากให้คนที่มิกซ์ให้อัลบั้มของ Dry & Heavy มามิกซ์ให้ศรีราชาร็อคเกอร์ ซึ่งก็คือคุณนะโอะยุกิ ยูชิดะ (Naouki Yuchida) ผมก็เลยวางแผน เรียกว่าหาเรื่องให้ตัวเองได้รู้จักกับเขาดีกว่า โดยการชวนเขามาเล่นด้วยกันกับเราเมื่อสามสี่ปีที่แล้ว ซึ่งเขาช่วยเราเยอะมากเลยนะ เขาก็เห็นเราเป็นพี่เป็นน้องกันเลยช่วยเรา เพราะการไปมิกซ์เสียงที่ญี่ปุ่น มันมีค่าใช้จ่ายเยอะมาก เขาช่วยปรับราคาที่มันสูง ราคาที่เราไม่สามารถจับต้องได้ ให้เราสามารถที่จะพอทำได้ ตอนอัดเสียงเราอัดกันที่กรุงเทพฯ สตูดิโอที่สุขุมวิท 49 แล้วผมก็เดินทางไปมิกซ์คนเดียว

 

Q. ไปอยู่เมืองไหน

อยู่เมืองคะวะซะกิ จังหวัดคะนะงะวะครับ ห่างจากโตเกียวประมาณชั่วโมงกว่าๆ บ้านของยูชิดะจะอยู่ในโซนภูเขา ที่ราบสูง เรานั่งคุยกันเรื่องเพลง เขาก็ให้เราเล่าว่าเพลงนี้มันพูดถึงอะไร เขาอยากรู้ เขาก็เข้าใจแล้วมิกซ์มันออกมาในแบบที่เราอธิบายไป ซึ่งมันค่อนข้างเกินคาดด้วยนะ

 

Q. ไปอยู่มากี่วัน

ก็พอดีกับฟรีวีซ่าเลยครับ 15 วัน ไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย ทำงานตลอด คลุกตัวอยู่แต่ในบ้านคุณยูชิดะ

 

 

Q. ประทับใจอะไรในญี่ปุ่นบ้าง

ผมค่อนข้างประทับใจในเรื่องการทำงานของคนญี่ปุ่น ความตั้งใจในการทำงาน ความจดจ่ออยู่กับงาน ความมีสมาธิ ความจริงจัง คือมันคนละเรื่องกับคนไทย คนไทยจะแบบ เห้ย แป๊บหนึ่ง สบายๆ แต่คุณยูชิดะเนี่ย เขาจะมิกซ์เพลงเฉลี่ย 300-400 ครั้ง วันละเพลงๆ เขาเริ่มมิกซ์ตั้งแต่สิบโมงเช้าจนถึงตีสองตีสามทุกวัน ฟังซ้ำไปซ้ำมา

 

Q. มิวสิกวิดีโอตัวล่าสุด เพลง เติม ทำไมถึงเลือกถ่ายที่ญี่ปุ่น

เติมสำหรับผมมันอาจจะไม่ได้หมายถึงเติมอย่างนั้น เติมอย่างนี้ แต่หมายถึงการเติมประสบการณ์ ไปเจอเพื่อน การที่ได้ไปญี่ปุ่นสำหรับผมมันก็คือการได้ไปเติม อะไรแบบนี้ แต่ด้วยนัยยะลึกๆ แล้ว คืออยากให้คนที่ดู รู้ว่าซาวนด์ของเราน่ะ เราไปอยู่ตรงนี้มานะ มันก็เลยมีซาวนด์แบบนี้ มันจะมีความรู้สึกเย็นๆ หน่อย ญี่ปุ่นหน่อย คืออยากให้เห็นว่าเราไปมา (หัวเราะ) อวดหน่อย

 

Q. วงการเพลงที่ญี่ปุ่นเป็นยังไงบ้าง

ได้ไปเล่นตามร้านที่นั่นด้วย เล่นสามสี่ร้านกับคนญี่ปุ่น กับพวกแก๊งเร็กเก้ครับ แล้วก็แนวอื่นๆ หลายแนวด้วย ผมรู้สึกว่าดนตรีที่ญี่ปุ่นมันตกผลึกมาก ตกผลึกจนพัฒนาไปไกลมาก ทั้งวิธีคิด ทั้งสกิล ทั้งความตั้งใจ และความเอาจริงเอาจัง อย่างเร็กเก้ไทย ผมรู้สึกว่าตามหลังญี่ปุ่นอยู่สามสิบสี่สิบปีเลย ในแง่ความคิดนะ

 

Q. ไปเล่นที่ไหนมาบ้าง

ส่วนใหญ่เป็นร้านดนตรีเล็กๆ เล็กมาก อย่างบางร้าน สมมติว่าจะมีศิลปินคนหนึ่งมาเล่นดนตรีอะคูสติกใช่มั้ย ก็จะมีคนมาต่อแถวยาวมาก แล้วก็ไม่แซงกัน ซื้อบัตรเรียบร้อย ก็เข้าไปนั่งดูแบบ…ตั้งใจมาก แต่เอ็นจอยนะ เหมือนเป็นเรื่องซีเรียสอะ เพราะเขาให้ความเคารพในนักดนตรี อันนี้ถือว่าดีมากเลยนะ

 

 

Q. วงการเพลงไทยเปลี่ยนไปเยอะมาก วงศรีราชาร็อคเกอร์ปรับตัวยังไงบ้าง

ก็พยายามปรับตัว จนไม่ปรับตัวแล้ว เราเป็นทางของเราเนี่ยแหละ เพราะเราผ่านมาหมดแล้ว ทั้งการเข้าไปคุยกับค่ายเพลงใหญ่ๆ ทำงานร่วมกับองค์กรใหญ่ๆ ก็รู้สึกว่าเราไม่สามารถอยู่กับเขาได้จริงๆ แค่มีคอสตูมให้ผมก็รับไม่ได้แล้ว มีแผนกแต่งตัวให้เร็กเก้เนี่ยนะ

จริงอยู่ที่อาจจะดูดี แต่ผมไม่เชื่อ ผมไม่เชื่อในสไตล์ ก็เลยมาขายเองดีกว่า เพราะถ้าอยู่ในค่าย ก็ต้องถูกหัก 30% เวลาเล่นสด แล้วก็ต้องถูกหักค่าซีดีค่าแผ่นอีก นักดนตรีจะได้กี่บาท เราเลยรู้สึกว่าการที่เราจะเข้าไปอยู่ในระบบมันไม่เหมาะกับเรา เราออกมาทำเองขายเองดีกว่า น้อยๆ แต่ว่านานๆ มันแฮปปี้กว่า ดีกว่าที่ดังเปรี้ยงปร้างแล้วมันฉาบฉวย มันไม่สนุก

 

Q. ศิลปินเริ่มทำเพลงกันเองมากขึ้น

ผมว่าโคตรเห็นด้วย และเห็นดีเห็นงามด้วย เพราะถ้าเรามัวแต่ไปยืมจมูกใครหายใจอย่างนี้ มันก็จะทำให้คิดเองไม่เป็น พึ่งสื่อเยอะๆ พึ่งยอดวิว แทนที่เราจะไม่แคร์ตรงนั้นแล้วมาตั้งใจทำงานของเรา ผมว่านั่นแหละ ความสุขที่สุดของนักดนตรี หลังจากที่เราทำตรงนี้ได้แล้ว แล้วเราสามารถหาเงินโดยที่ไม่ต้องไปแบ่งกับ
องค์กรใดๆ ผมว่านั่นละคือกำไรที่จะได้

 

Q. ถ้าให้ศรีราชาร็อคเกอร์ทำเพลงที่ไม่ใช่แนวเร็กเก้ จะทำเพลงแนวไหน

หมอลำนะ พวกเราสนใจในหมอลำ แต่แต่ละคนในวงก็ชอบคนละแบบ ถ้าผมก็จะทำลูกกรุงเนอะ เรือนแพ อะไรแบบนี้ สำหรับผม ผมว่าดนตรีตอนนี้มันไปไกลเกินแล้ว เทคโนโลยีมันไปไกลจนไม่น่าสนใจสำหรับผมแล้ว การใช้เครื่องที่ใช้คนเล่นจริงๆ ไม่ได้ออกมาจากคอมพิวเตอร์ นั่นแหละมันคือการเล่นดนตรี ไม่ใช่ให้
หุ่นยนต์มาเล่นให้

 

 

Q. อนาคตของวง

ก็แค่ทำต่อไป แล้วก็ทำชุดใหม่ครับ ขายเองเหมือนเดิม ทำเองขายเองครับ

 

Q. ฝากผลงาน

ฝากอัลบั้มใหม่ อยากให้ลองฟัง เพราะมันเป็นซาวนด์ที่ถือว่าดีมาก อยากให้เป็นซาวนด์หนึ่งที่เป็นตัวแทนของเร็กเก้ได้ อยากให้ทุกคนลองฟัง เนื้อหาสาระก็จรรโลงจิตจรรโลงใจ ให้สติปัญญาความรู้ครับ อยากให้ลองฟังแต่อย่าคาดหวัง ส่วนเรื่องคอนเสิร์ตใหญ่ของวงก็กำลังคุยกันอยู่น่าจะต้นปีหน้า จัดกันเองครับ

 

_

ติดตามผลงานได้ที่:

Facebook: Srirajah Rockers
Instagram:  Srirajah Rockers
Youtube: Srirajah Rockers
Website: myspace.com/srirajahrockers

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ