KANAKO | LOTA PRODUCT
สารบัญ
- Q. อะไรเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้คุณคะนะโกะมีความมุ่งมั่นในการสร้างผลงาน และช่วงชีวิตในวัยเด็กที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้างคะ
- Q. จุดเริ่มของการสร้างผลงานก็มาจากคุณพ่อและสถานที่ทำงานที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาตินี่เองนะคะ คุณคะนะโกะมีพี่น้องกี่คนคะ
- Q. เป็นอย่างนี้นี่เอง แล้วที่คุณคะนะโกะศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยศิลปะก็เพราะตามน้ำไปหรือเปล่าคะ
- Q. ฮ่ะๆๆ แต่คนๆ นั้นในตอนนี้ก็กลายเป็นนางแบบไปแล้วนะคะ ก็แสดงว่าชอบแฟชั่นมาแต่ไหนแต่ไรแล้วใช่ไหมคะ
- Q. ก็แสดงว่าเริ่มทำสิ่งที่ตัวเองชอบตั้งแต่ตอนนั้นมาเลยใช่ไหมคะ
- Q. แบรนด์ “LOTA PRODUCT” ของคุณคะนะโกะเริ่มขึ้นเมื่อไหร่และเป็นไปในแนวทางไหนคะ
- Q. อ๋อ เป็นอย่างนี้นี่เองเหรอคะ แต่ก่อนที่จะสร้างแบรนด์ขึ้นมา คุณคะนะโกะเคยทำงานอยู่ที่คลาสสอนทำเครื่องปั้นดินเผาที่เคยเรียนเป็นวิชาเอกใช่ไหมคะ
- Q. หากมีความรู้สึกหรือความสวยงามที่เป็นแบบญีปุ่นที่คุณคะนะโกะชื่นชอบอยู่ ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยค่ะ
- Q. พอได้พูดคุยกับคุณคะนะโกะแล้วก็รู้สึกสนุกเป็นอย่างมากเลยค่ะ อาจจะเป็นเพราะว่ารอบตัวคุณคะนะโกะมีแต่สิ่งที่ชอบอยู่มากมาย ถือเป็นเคล็ดลับในการทำให้อารมณ์ดีเลยนะคะ
- Q. แล้วสภาพแวดล้อมที่มีอยู่ในตอนนี้ได้ค้นเจอเรื่องสนุกมากขนาดไหนแล้วคะ
ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ เราได้เชิญเหล่าผู้สร้างสรรค์ที่มีบทบาทในด้านต่างๆ ระดับแถวหน้า มาพูดคุยเกี่ยวกับกิจกรรมและการรังสรรค์ผลงาน “คะนะโกะ (Kanako)” ผู้ที่หลายคนกำลังชื่นชอบและให้ความสนใจอยู่ ซึ่งนอกจากอาชีพหลักที่เธอทำอยู่ ไม่ว่าจะเป็นนางแบบหรือนักวาดภาพประกอบ (Illustrator) แล้ว เธอยังชอบครีเอทการใช้ชีวิตและการใช้พื้นที่ในการอยู่อาศัยอีกด้วย
คุณคะนะโกะยังมีอีกหลายบทบาท เช่น เป็นดีไซเนอร์ให้กับแบรนด์ผลงานของใช้กระจุกกระจิกของตัวเองภายใต้ชื่อ “LOTA PRODUCT” และยังวาดภาพประกอบปกหนังสือเกี่ยวกับอาหาร อีกทั้งยังเขียนหนังสือเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์และหนังสือที่มีเนื้อหาที่สามารถนำไปใช้ได้จริงอีกด้วย มุมมองที่เต็มไปด้วยความเป็นตัวของตัวเองผสานกับความเป็นธรรมชาติได้อย่างลงตัว ด้วยท่าทางการแสดงออกที่อ่อนโยนเรียบง่าย สัมผัสได้ อีกทั้งยังเป็นคุณแม่ลูกสอง จึงทำให้เป็นที่น่าจับตามอง ทั้งเรื่องงานบ้านที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์รวมถึงเรื่องการใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว
การพบปะพูดคุยกับคุณคะนะโกะในครั้งนี้ ทำให้เราได้เข้าใกล้เคล็ดลับการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ และการสร้างผลงาน “LOTA PRODUCT” ของเธอ
Q. อะไรเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้คุณคะนะโกะมีความมุ่งมั่นในการสร้างผลงาน และช่วงชีวิตในวัยเด็กที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้างคะ
คุณพ่อของฉันเป็นช่างย้อมสีผ้า บ้านเกิดอยู่ที่ จ.โทจิงิ ซึ่งที่บ้านก็เป็นทั้งบ้านแล้วก็โรงย้อมผ้าด้วย ดังนั้น
ที่บ้านฉันจึงมีเครื่องไม้เครื่องมือเต็มไปหมด คุณพ่อกับคุณแม่ก็เป็นประเภทที่ไม่ห้ามลูกไม่ว่าลูกอยากจะทำอะไร ก็จะปล่อยให้ลองทำดู ตอนเป็นเด็กฉันก็วาดรูปเล่นแล้วก็ประดิษฐ์ของอยู่ข้างๆ คุณพ่อตอนที่ท่านทำงาน ถ้าเบื่อก็จะออกไปเที่ยวเล่นที่ภูเขาบ้าง ตอนไปภูเขาก็ปีนต้นไม้เล่นบ้าง รู้สึกจะออกแนวเงียบๆ แต่แอคทีฟ คือมีทั้งสองอย่างรวมกันค่ะ โรงเรียนอนุบาลที่ไปเรียนก็มีภูเขาอยู่ สมัยก่อนโรงเรียนเป็นบ้านหลังใหญ่แล้วนำมาดัดแปลงเป็นโรงเรียนอนุบาล คุณลุงภารโรงก็จะตากบ๊วยไว้ แล้วพวกเราก็มักจะไปแอบกินบ๊วยกัน ฉันเติบโตมาจากสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยธรรมชาติมากเลยค่ะ
ที่ทำงานของคุณพ่อจะมีเคาน์เตอร์ทำงานเป็นโต๊ะยาวมีผ้าผืนใหญ่ปูไว้เพื่อทำซิลค์สกรีน และงานลงกาว รอบๆ ก็จะมีหม้อเยอะมากเอาไว้เพื่อใช้ต้มกาว “ฟุโนริ” สำหรับย้อมผ้าและบางครั้งก็ใช้ย้อมครามด้วยค่ะ ที่ทำงานก็เลยจะได้กลิ่นหลายๆ กลิ่นผสมกันไปหมดเลยค่ะ
แต่เดิมแล้วคุณพ่อเป็นช่างออกแบบลวดลายกิโมโนค่ะ แต่ยุคสมัยเปลี่ยนไปจึงทำให้กิโมโนขายได้ไม่ค่อยดีนัก ตอนนี้คุณพ่อได้ทำผลงานเกี่ยวกับฉากกั้น ผ้าม่านบังตาโนะเร็น และร่มกันแดด กำลังจัดแสดงงานของตัวเองด้วยค่ะ ในบางครั้งคุณพ่อก็จะเอางานที่ฉันออกแบบไปย้อมด้วยค่ะ ท่านก็เคยมาปรึกษาด้วยว่าจะทำอะไรดี
Q. จุดเริ่มของการสร้างผลงานก็มาจากคุณพ่อและสถานที่ทำงานที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาตินี่เองนะคะ คุณคะนะโกะมีพี่น้องกี่คนคะ
มีพี่น้อง 4 คนค่ะ ฉันเป็นลูกสาวคนที่สาม พี่น้องทุกคนเรียนมหาวิทยาลัยทางด้านศิลปะกันมาค่ะ แต่ว่าคงมีแต่ฉันคนเดียวมั้งคะที่ทำแบบนั้น งานของคุณพ่อก็ทำให้ฉันได้ไปต่างจังหวัดเป็นเพื่อนท่านอยู่บ่อยๆ ค่ะ
พี่สาวคนโตแต่งงานแล้วก็ไปอยู่ที่ปารีส ทำร้านเหล้าสไตล์ญี่ปุ่นชื่อ “TSUBAME” ค่ะ ที่ร้านก็จะมีเหล้าญี่ปุ่นและเบียร์ขวด เป็นร้านที่คนญี่ปุ่นเข้าไปแล้วรู้สึกผ่อนคลาย ส่วนเมนูก็จะมีไก่ทอดคะระอะเกะและ
หัวไชเท้าฝอยเคี่ยว อาหารกลางวันจะเป็นข้าวกล่องที่ทำใส่กล่องเบนโตะไม้ ครอบครัวเราคุยและตั้งเป้าหมายกันว่าจะไปจัดแสดงงานกันที่ปารีสค่ะ!!
Q. เป็นอย่างนี้นี่เอง แล้วที่คุณคะนะโกะศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยศิลปะก็เพราะตามน้ำไปหรือเปล่าคะ
ตอนเป็นเด็กฉันชอบเสื้อผ้ามากค่ะ ตอนที่อยู่โรงเรียนประถมก็จะเย็บกระโปรงกับเพื่อนที่ชอบเสื้อผ้าเหมือนกัน คุยกันว่า “พรุ่งนี้ใส่ไปเลยเนอะ” แล้วก็ใส่ไปที่โรงเรียนเลยค่ะ เคยเขียนไว้ด้วยนะคะ ว่าในอนาคตจะเข้าเรียนโรงเรียนสอนตัดเย็บเสื้อผ้า สมุดบันทึกตอนจบการศึกษาก็เขียนว่า ความใฝ่ฝันในอนาคต คืออยากเป็นดีไซเนอร์
ในตอนนั้น ยังไม่ทราบเลยค่ะว่าในโลกใบนี้ มีดีไซเนอร์อยู่มากมายหลายประเภท หากพูดถึงดีไซเนอร์ก็จะนึกถึงแต่ดีไซเนอร์แฟชั่น (หัวเราะ) แต่พออยู่ ม.ต้น ทุกๆ สัปดาห์ก็จะรอดูรายการทีวีที่มีชื่อว่า “Fashion Tsuushin” แล้วดูตอนที่ดีไซเนอร์เดินออกมาตอนท้ายโชว์ที่มีคนปรบมือให้ ก็คิดว่าไม่ไหวแน่ๆ เลิกดีกว่า (หัวเราะ)
Q. ฮ่ะๆๆ แต่คนๆ นั้นในตอนนี้ก็กลายเป็นนางแบบไปแล้วนะคะ ก็แสดงว่าชอบแฟชั่นมาแต่ไหนแต่ไรแล้วใช่ไหมคะ
ชอบตัดเย็บเสื้อผ้ามาตั้งแต่แรกแล้วล่ะค่ะ เคยอ่านวิธีตัดเย็บกางเกงชั้นในจากหนังสืองานฝีมือแล้วรู้สึกประทับใจก็เลยลองทำใส่เองบ้าง ขอจักรเย็บผ้าจากซานตาคลอสบ้าง ข้างบ้านเป็นร้านทำผ้าห่ม ฉันก็จะไปขอเศษผ้าที่ไม่ใช้แล้วจากร้านทำผ้าห่มเอามาทำหมอนค่ะ
Q. ก็แสดงว่าเริ่มทำสิ่งที่ตัวเองชอบตั้งแต่ตอนนั้นมาเลยใช่ไหมคะ
ใช่ค่ะ ถ้าอะไรที่ไม่มีก็จะเริ่มทำเองตั้งแต่ตอนนั้นมาเลยค่ะ ตอนเด็กๆ ชอบไปโฮมเซ็นเตอร์มากเลยค่ะ ตอนที่คุณพ่อไปซื้อเครื่องมือที่ใช้ในการทำงาน ฉันก็จะถือโอกาสติดตามไปด้วยและดูว่ามีอะไรที่พอจะใช้ได้บ้าง บางทีก็จะขอให้คุณพ่อพาไปที่ร้านขายกล่องพัสดุ และขอให้ซื้อถุงกระดาษเป็นมัดๆ ให้ แล้วก็นำของที่ตัวเองทำขึ้นมาใส่ลงไป รู้สึกว่าสิ่งที่ทำตอนเป็นเด็กกับที่ทำตอนนี้ก็ไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเท่าไรค่ะ
ในช่วงที่จะศึกษาต่อได้หาข้อมูลหลายๆ อย่าง ทำให้รู้ว่ามีมหาวิทยาลัยที่มีสาขาวิชาตัดเย็บเสื้อผ้า อีกอย่างพวกพี่สาวก็เรียนมหาวิทยาลัยศิลปะด้วย มหาวิทยาลัยศิลปะจึงเป็นตัวเลือกที่เด่นชัดขึ้นมาค่ะ แล้วก็ได้รับอิทธิพลจากคุณพ่ออีกด้วยค่ะ คุณลุงก็เป็นช่างปั้นนะคะ ตอนเด็กๆ เคยให้ฉันได้ลองทำงานปั้นดูด้วย ยังคิดเลยค่ะว่า “งานฝีมือนี่สนุกดี” ฉันจึงตัดสินใจเรียนต่อที่แผนกวิชาศิลปหัตถกรรมที่ Joshibi University of Art and Design ซึ่งพอเข้าไปแล้วก็ได้เรียนทั่วไปนะคะ แต่จากนั้นฉันก็เลือกเรียนวิชาเอกด้านงานปั้นค่ะ
และตอนเป็นนักศึกษาปีที่ 1 ในช่วงเดียวกันนั้น ก็ได้เริ่มงานเดินแบบโดยการชักชวนของแมวมองที่ชิบุยะค่ะ ตอนแรกยังคิดอยู่เลยค่ะว่าถ้าเล่าให้คุณพ่อคุณแม่ฟังก็อาจจะถูกห้ามไม่ให้ทำ แต่คุณพ่อคุณแม่กลับบอกว่า เวลานี้ไม่ใช่ว่าใครๆ ก็จะทำกันได้ ทำไมไม่ลองทำดูล่ะ
แล้วตั้งใจไว้ว่าพอเรียนจบจะแต่งงานช่วงนั้นเลย และประจวบเหมาะกับเป็นช่วงเวลาที่เบนเข็มจากงานเดินแบบพอดี ก็เลยได้ทำงานเป็นผู้ช่วยในคลาสงานปั้นค่ะ ทำงานได้ไม่นานก็เริ่มแพ้ท้อง แล้วก็ลาออกจากงานเต็มตัวเพื่อคลอดลูกเมื่อตอนอายุ 23 ค่ะ
ตัวอย่างงานภาพประกอบ
Q. แบรนด์ “LOTA PRODUCT” ของคุณคะนะโกะเริ่มขึ้นเมื่อไหร่และเป็นไปในแนวทางไหนคะ
เริ่มจากตอนที่เป็นแม่บ้านเต็มตัว วันๆ เอาแต่เลี้ยงลูก แล้วคิดว่ามันต้องไม่ใช่แค่แบบนี้สิ ก็เลยคิดอยากจะทำอะไรขึ้นมา เพราะหากไม่ทำอะไรจะรู้สึกว่าชีวิตตัวเองไม่สมดุลค่ะ พอคลอดลูกคนที่สองแล้ว ช่วงที่พอจะมีเวลาอยู่บ้างก็มีคนติดต่อถามเข้ามาว่า คุณ Aiba จาก LIFE* จะทำหนังสือเกี่ยวกับสูตรอาหาร สนใจวาดภาพประกอบไหม ตอนนั้นไม่มีประสบการณ์ด้านการวาดภาพประกอบเลยค่ะ ก็ทำไปด้วยความตื่นเต้น แต่งานก็ออกมาเป็นที่น่าพอใจสำหรับตัวเองด้วยค่ะ ก็ได้แรงบันดาลใจจากตอนนั้นบวกกับที่คิดไว้ว่าอยากทำอะไรสักอย่าง พอดีกับที่ผ้ากันเปื้อนน้ำลายของเด็กๆ ไม่พอใช้ จึงตั้งใจว่าจะทำผ้ากันเปื้อนผืนใหญ่ที่กันเปื้อนได้ไว้ใช้
จากความคิดที่ว่าอยากจะทำของที่ “ถ้ามีของแบบนั้นแล้ว ความคิดก็จะเป็นไปในทางบวก” จากนั้นตอนที่เลี้ยงลูก ตัวเองก็อยากจะผ่อนคลายบ้างจึงได้ทำเทียนจากขี้ผึ้งขึ้นมา คือแบรนด์ LOTA PRODUCT เป็นแบรนด์ที่เกิดขึ้นตอนที่เลี้ยงลูกแล้วคิดขึ้นมาว่า ถ้าหากมีของแบบนี้ด้วยก็คงจะดีไม่น้อย ก็เลยผลิตตามที่คิดขึ้นมาเลยค่ะ
Q. อ๋อ เป็นอย่างนี้นี่เองเหรอคะ แต่ก่อนที่จะสร้างแบรนด์ขึ้นมา คุณคะนะโกะเคยทำงานอยู่ที่คลาสสอนทำเครื่องปั้นดินเผาที่เคยเรียนเป็นวิชาเอกใช่ไหมคะ
ในอนาคตสิ่งที่อยากทำคือเครื่องปั้นดินเผานี่แหละค่ะ ก่อนหน้านี้ได้มีโอกาสทำเครื่องปั้นดินเผาหลังจากที่ไม่ได้ทำมานานแล้วด้วยค่ะ เพราะเคยปั้นมาอย่างเต็มที่อยู่ 3 ปีเต็ม ร่างกายก็เลยยังจำได้อยู่ค่ะ แต่อันอื่นจำแทบไม่ได้เลย ต้องรวบรวมสมาธิถึงจะจำความรู้สึกนั้นได้ ฉันตั้งเป้าในอนาคตเอาไว้ว่าถ้าแก่ตัวไปก็จะทำอันนี้แหละค่ะ
Q. หากมีความรู้สึกหรือความสวยงามที่เป็นแบบญีปุ่นที่คุณคะนะโกะชื่นชอบอยู่ ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยค่ะ
ความรู้สึกทางด้านสีสันของคนญี่ปุ่นนั้นยอดเยี่ยมจริงๆ ค่ะ ดังนั้นคนญี่ปุ่นจึงมีความสามารถที่จะนำสีนั้นมาทำใหม่ได้อีก การสัมผัสความรู้สึกของสีตามธรรมชาติก็เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น สีเหลืองอ่อน หรือหากเป็นในช่วงเดือนเมษายนก็จะเป็นสีเขียวอมเหลือง ที่แสดงให้เห็นถึงช่วงเวลาแตกยอดใหม่ ฉันคิดว่าคนญี่ปุ่นมีเซนส์ในการตั้งชื่อดีนะคะ สีเขียวอมเหลืองก็จะเป็นสีเขียวแบบเขียวอ่อนกับสีเหลืองมาผสมกันก็จะได้สีที่อ่อนลงไปอีก ฉันคิดว่าความคิดเรื่องสีแบบนี้ รวมถึงความรู้สึกในเรื่องสีของคนญี่ปุ่นนั้นยอดเยี่ยมมากเลยค่ะ
และหากพูดถึงเรื่องสีแล้วล่ะก็ ฉันก็ชอบสีสันของฝรั่งเศสด้วยค่ะ หนังสือเกี่ยวกับสีของฝรั่งเศสที่มีชื่อว่า “Cuisse de Nymph” มีที่เขียนไว้ว่า “สีชมพูอ่อน” เมื่อแปลเป็นภาษาญี่ปุ่นแล้วจะแปลว่าสี
“ขาอ่อนของนางฟ้า” ค่ะ แล้วก็ยังมีสีส้ม Hermes และสี Gitanes Blue แปลว่า “สีหน้าของคนป่วย
สีฟ้าที่น่าเบื่อ” คือเป็นการตั้งชื่อสีที่มีอารมณ์ขัน ตลกดีนะคะ
เตรียมตัวไว้ในทุกๆ วันเพื่อที่จะคว้า “สิ่งที่ใช่” มาให้ได้
ฉันคิดไว้แบบนี้และใช้ชีวิตแบบนี้อยู่ค่ะ
Q. พอได้พูดคุยกับคุณคะนะโกะแล้วก็รู้สึกสนุกเป็นอย่างมากเลยค่ะ อาจจะเป็นเพราะว่ารอบตัวคุณคะนะโกะมีแต่สิ่งที่ชอบอยู่มากมาย ถือเป็นเคล็ดลับในการทำให้อารมณ์ดีเลยนะคะ
อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้นะคะ ฉันจะชัดเจนในสิ่งที่ตัวเองชอบ แล้วก็คิดว่าจะสามารถค้นเจอในสิ่งที่น่าสนใจได้อีกมากขนาดไหนในสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ตอนนี้ ตอนฉันอายุ 18 ปี เคยนอนที่โรงพยาบาลอยู่ประมาณเดือนหนึ่งค่ะ ในตอนนั้นคิดว่าหากทำรอบๆ เตียงของฉันให้ดูเป็นห้องขึ้นมา การใช้ชีวิตอยู่ใน
โรงพยาบาลของฉันก็อาจจะสนุกขึ้นก็ได้ เลยให้พี่สาวไปเอาโปสเตอร์ที่ติดในห้องของฉันมาให้ แล้วพอติดแล้วก็ทำให้สภาพแวดล้อมในห้องก็เปลี่ยนไปเลยค่ะ อาจเป็นไปได้ว่าจากประสบการณ์ในครั้งนั้น ทำให้เป็นพื้นฐานชีวิตไปเลยก็เป็นได้ค่ะ
Q. แล้วสภาพแวดล้อมที่มีอยู่ในตอนนี้ได้ค้นเจอเรื่องสนุกมากขนาดไหนแล้วคะ
อีกอย่างคือ คิดว่าหากยึดติดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วขยับไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างมากค่ะ
การปล่อยวางบ้างก็ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งเลยนะคะ หากยึดติดและกำไว้แน่นแล้วละก็ มือก็จะไม่มีที่ว่างไม่สามารถไปจับหรือคว้าอย่างอื่นได้ เพราะคิดว่าหากลองปล่อยมือดู ก็น่าจะมีอีกหลายอย่างที่เข้ามาหา เตรียมตัวไว้ในทุกๆ วันเพื่อที่จะคว้า “สิ่งที่ใช่” มาให้ได้ ฉันคิดไว้แบบนี้และใช้ชีวิตแบบนี้อยู่ค่ะ
–
*หัวหน้าเชฟจากร้านอาหารอิตาเลียน “LIFE” ที่ตั้งอยู่เขตโยโยหงิ โตเกียว
–
> Kanako <
เกิดปี ค.ศ.1975 ที่จังหวัดโทจิงิ เริ่มต้นงานเดินแบบครั้งแรกขณะที่กำลังศึกษาอยู่ที่ Joshibi University Of Art And Design และในฐานะแม่คนหนึ่งที่เล็งเห็นการเพิ่มความสนุกให้กับการ
ใช้ชีวิตประจำวัน จึงสร้างแบรนด์ของกระจุกกระจิก “LOTA PRODUCT” ขึ้นในปี 2005 หลังจากนั้นก็เริ่มทำงานวาดภาพประกอบ เป็นที่จับตามองเรื่องการมีไลฟ์สไตล์ที่ให้ความสำคัญต่อความรู้สึกในการใช้ชีวิตแบบสบายๆ และยังมีผลงานเขียนอีกมากมาย เช่น“Kanako Life” (Wanibooks) , “Fudangi no Jiyuu Kenkyuu” (Shufu to Seikatsusha) Hare to Ke 12 kagetsu , “Watashi no Kisetsu no Tanoshimikata” (Takarashimasha) , “Zutto Suki na Mono Korekara no Mono Kokochi Ii Kurashi no Item 77 (KADOKAWA KAN)
Website: LOTA PRODUCT
Instagram: kanako-lotaproduct
–
ขอขอบคุณ
เว็บไซต์เผยแพร่อุตสาหกรรมญี่ปุ่น
http://realjapanproject.com/