โจรกลับใจ ขโมยจักรยานไปแล้วแต่กลับเอามาคืน มีจดหมายน้อยๆ เขียนคำขอโทษพร้อมของกำนัลใส่ตะกร้ามาให้เจ้าทุกข์อีกด้วยนะคะ

 

ขอขอบคุณภาพจาก https://goo.gl/VvDyLp
ขอขอบคุณภาพจาก https://goo.gl/VvDyLp

 

เหตุเกิดที่มหานครโตเกียว เมืองที่ใครๆ ก็คิดว่าปลอดภัย เพราะขึ้นชื่อว่าประเทศญี่ปุ่น ประเทศที่มีความปลอดภัยค่อนข้างสูง คดีพวกฉกชิงวิ่งราวหรือลักเล็กขโมยน้อยแทบจะไม่มีให้เห็น

 

ขอขอบคุณภาพจาก https://goo.gl/mkTzs2

 

สถิติจากกราฟก็พอจะยืนยันได้ว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ปลอดภัยจริงๆนะคะ ตารางด้านบนนี้เป็นตารางแสดงอัตราการขโมยของแต่ละประเทศ เปรียบเทียบกัน 5 ประเทศ หมายเลข เรียงลำดับตามนี้

① อเมริกา  ② อังกฤษ  ③ ฝรั่งเศส  ④ เยอรมันนี   และ ⑤ ญี่ปุ่น

จากตาราง คอลัมน์ที่ 1 คือปี คอลัมน์ที่ 2 คือจำนวนคดีลักขโมย ซึ่งแยกย่อยออกเป็นอีก 3 คอลัมน์เล็กๆ ได้แก่ คดีขโมยย่องเบา คดีขโมยรถ และคดีลักขโมยอื่นๆ จากตัวเลขจะเห็นได้ว่า ญี่ปุ่นมีจำนวนการก่อคดีน้อยที่สุดเลยค่ะ และตัวเลขก็มีจำนวนลดลงในทุกๆปีอีกด้วย

ถึงอย่างนั้น คำว่า “แทบจะไม่มี” ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีเลยนะคะ หนึ่งในคดีขโมยจักรยานที่แสนจะน่ารักได้เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ โดยจอมโจรผู้น่ารักนายหนึ่ง ผู้ที่นำเรื่องราวอมยิ้มมาเผยแพร่ คือผู้ใช้ Twitter ไอดี @bercy23555 เล่าเหตุการณ์ว่า รถจักรยานของเขาได้ถูกนำกลับมาคืนหลังจากที่โดนขโมยไป นอกจากมันจะกลับมาจอดที่เดิมในสภาพเดิมแล้ว ยังมีจดหมายขอโทษแปะอยู่ที่จักรยาน ไม่ได้ขอโทษเปล่าแต่ในตะกร้าจักรยานก็พบแตงโมลูกใหญ่ลูกหนึ่งด้วยนะคะ (@_@!!) เนื้อหาจดหมายเขียนว่า

“ขอโทษจริงๆ ที่ฉันยืมรถจักรยานไปโดยไม่ได้ขอ ฉันเอาแตงโมมาให้นะ รับมันไว้ด้วยละ อ่อ..ถ้าแช่เย็นก่อนกิน จะอร่อยมาก! วันหน้า…ฉันอาจจะต้องยืมจักรยานปั่นไปทำงานพิเศษที่ร้านขายแตงโมอีก (ฮ่าๆๆ) ถ้ามายืมใหม่…ฉันจะเขียนโน้ตขอโทษไว้ละกัน ยังไงก็ขอโทษด้วยจริงๆ
ปล. อย่าลืมล็อกล้อด้วยล่ะ เดี๋ยวมีใครมาขโมยไป!”

แหม…พูดขอโทษวนไปวนมา แถมยังแสดงความเป็นห่วงเป็นใยจักรยานของเจ้าทุกข์อีก ว่าแต่…แตงโมในรูปนั้นลูกใหญ่มากเลยนะคะ แตงโมที่ญี่ปุ่นมีราคาแพงมาก ขนาดที่ผ่าขายเป็นชิ้นๆ ราคายังชิ้นละสามร้อยกว่าเยนเลย ลูกขนาดนี้อย่าได้พูดถึง…คุณโจรแน่ใจนะคะ ว่าไม่ได้ขโมยมาจากร้านที่ทำงานพิเศษ!

อย่างไรก็ดี ผิดก็ว่าไปตามผิด ขโมยของคนอื่นไปใช้ก็ถือว่าผิด แต่ถ้ารู้จักสำนึกก็น่าให้อภัยค่ะ

สำหรับคดีลักเล็กขโมยน้อยในญี่ปุ่นนั้น ทราบมั้ยคะว่า สิ่งที่โดนขโมยมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งคืออะไร อาจจะมีใครตอบถูกก็ได้นะคะ…จะเฉลยละนะ….คำตอบคือ ‘ชุดชั้นใน’ นั่นเอง

การขโมยจักรยานนั้น จะว่าไปแล้วก็มีเกิดขึ้นอยู่บ้าง เพราะที่ญี่ปุ่นมีคนใช้จักรยานกันเยอะมากๆ อาจเป็นเพราะสะดวก คล่องตัว และประหยัด แค่ใช้แรงปั่นไม่ต้องใช้น้ำมัน แถมราคาก็ไม่แพง โดยเฉพาะจักรยานธรรมดาทั่วไป แบบที่จอดตากแดดตากลมตามสถานี เย็นมาก็ขี่กลับบ้าน หรือจะเป็นจักรยานมือสองก็มีให้เลือกซื้อเหมือนกัน

ส่วนจักรยานราคาแพง จะเป็นพวกจักรยานเสือภูเขาหรือจักรยานคุณแม่บ้าน แบบที่มีเบาะนั่งของเด็กๆซ้อนท้าย บางคันซ้อนได้ 1 คน บางคันซ้อนได้ถึง 2 คน ราคาอยู่ที่ 100,000-190,000 เยน (30,000-60,000 บาท)

จากสถิติโจรขโมยจักรยานในญี่ปุ่นแบ่งเป็น 3 ประเภท ดังนี้ค่ะ

  1. ขโมยไปขาย
    โจรส่วนใหญ่มักฉายเดี่ยว เป้าหมายคือจักรยานราคาแพง เมื่อขโมยได้แล้วมักจะนำไปขายต่อในอินเทอร์เน็ต มีคดีที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ผู้เป็นเจ้าของจักรยานได้สืบค้นติดตามรถที่ถูกขโมยไป แล้วพบว่ามีการเปิดประมูลรถของตนในเว็บไซต์ จึงได้วางแผนกับตำรวจ ล่อซื้อแล้วจับกุมได้ในที่สุด เมื่อสอบสวนก็ได้ความว่า โจรรายนี้เคยก่อคดีขโมยจักรยานไปขายต่อมามากกว่า 1,500 คันแล้ว โอ้โฮ…ทำไปได้นะคะเนี่ย
  1. ขโมยไม่จริงจัง
    อย่างเช่น พวกนักเรียนมัธยมปลายที่บังเอิญเจอจักรยานไม่ได้ล็อคจอดอยู่ตามสถานีรถไฟหรือร้านสะดวกซื้อ ก็อาจจะเอาไปขี่เล่นเฉยๆ พอตกเย็นหรือขี่จนพอใจแล้วก็เอากลับมาจอดคืนที่เดิมบ้าง หรือไม่ก็จอดไว้ที่อื่นบ้าง เห็นว่าเป็นการเล่นสนุกๆ ไม่คิดว่านี่คือการขโมย
  1. ขโมยตอนเมา
    บางครั้งคนเมา ไร้สติ แต่รีบกลับบ้าน ก็จำจักรยานตัวเองไม่ค่อยได้ มิหนำซ้ำ เมาแล้วขี่ยังเฉียดไปโดนรถจักรยานผู้อื่นที่จอดไว้เสียหายอีก การขี่จักรยานผิดคันกลับบ้านแบบนี้ คิดว่าเป็นการขโมยจักรยานได้ไหมนะ …^^

สุดท้ายนี้ ถ้าเพื่อนๆ มีโอกาสขี่จักรยานในญี่ปุ่น ทางที่ดี ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ควรจอดจักรยานในที่จอดเสมอ พร้อมล็อกล้อให้เรียบร้อย ส่วนคุณโจรกลับใจ การมาขอโทษเพราะสำนึกที่ตนทำผิด สังคมก็พร้อมให้อภัยเสมอ แต่ไม่ต้องมายืมหรือขี่หายไปโดยไม่บอกกล่าวจะดีกว่านะคะ เราไม่ควรทำให้ใครเดือดร้อนนะคะ ซื้อไว้เป็นของตัวเองสักคันดีกว่า 🙂

 

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ