Hotel near Sakura in Kansai : 10 ที่พักคันไซใกล้ 5 จุดชมซากุระสุดอลังการ

10 ที่พัก คันไซใกล้ 5 จุดชม ซากุระ 🌸

ดอกซากุระ หนึ่งในสัญลักษณ์ของแดนอาทิตย์อุทัยที่หลายๆ คนรู้จัก ดอกไม้สีชมพูระเรื่ออันบอบบางและสวยงามที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาชมกับความงามยามที่ได้ผลิบานโดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นช่วงไฮซีซั่นสำหรับใครหลายคนที่คิดจะจัดทริปมาชม “ซากุระ” ดอกไม้ชื่อดังของญี่ปุ่นให้เห็นกับตา ไม่ใช่แค่ชาวต่างชาติแต่ที่ญี่ปุ่นเองก็มีกิจกรรมสุดฮิตอย่างการชมซากุระที่จะได้ใช้เวลาไปกับคนสำคัญอย่างครอบครัว เพื่อน หรือคนรัก ซึ่งจุดชมซากุระหลายๆ แห่งก็มีชื่อเสียงและความโดดเด่นที่แตกต่างกันไป วันนี้เราจะแนะนำทุกคนให้รู้จักกับ ที่พัก คันไซใกล้จุดชม ซากุระ ชื่อดัง 5 แห่ง ในจังหวัดเกียวโต โอซาก้า นารา เฮียวโงะ และชิกะ ที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรมและเมืองหลวงที่เก่าแก่ พร้อมกับสัมผัสบรรยากาศอันมีเสน่ห์ของแต่ละจังหวัดในแถบคันไซด้วย เราได้คัด 10 ที่พัก คันไซ สวยเน้นๆ มาให้ทุกคนได้ไปปักหมุดชม ซากุระ ที่นี่แล้ว

 

Kiyomizu-dera Temple | KYOTO

วัดคิโยมิสึ (Kiyomizu-dera Temple) หรือ วัดน้ำใส ที่นี่นักท่องเที่ยวชาวไทยมักนิยมไปเที่ยว ถือเป็นวัดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในจังหวัดเกียวโต และได้เป็นหนึ่งในมรดกโลก (UNESCO World Heritage Sites) ด้วย สิ่งก่อสร้างที่สำคัญของวัดนี้อยู่ที่ศาลาไม้ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา และรองรับด้วยเสาไม้ขนาดใหญ่จำนวนร้อยกว่าต้น โดยเฉพาะช่วงไฮซีซั่นอย่างฤดูใบไม้ผลิเมื่อมองจากศาลาไม้ลงไปที่ด้านล่างจะเห็นซากุระที่ผลิบานอยู่อย่างสวยงาม

 

01 Park Hyatt Kyoto

ภาพ: www.ikyu.com

Park Hyatt Kyoto โรงแรมที่พร้อมจะเผยให้เห็นถึงความสง่างามและคลาสสิกของเกียวโต เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของภูมิภาคคันไซ ด้วยความสงบและการตกแต่งอันเผยให้เห็นถึงเสน่ห์แบบดั้งเดิมของเมืองหลวงเก่า อีกทั้งวิวเมืองที่เต็มไปด้วยบ้านเรือนแบบญี่ปุ่น และศาลเจ้ารอบๆ โรงแรม ที่ยิ่งขับให้ความมีเสน่ห์แบบเกียวโตยิ่งเด่นชัดขึ้นอีก และที่สำคัญคือที่โรงแรมนี้สามารถเดินไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่างวัดคิโยมิสึได้ภายใน 13 นาที

ภาพ: www.ikyu.com

คอนเซ็ปต์ของทีนี่คือการสร้างเกสต์เฮาส์สุดหรูบนเนินเขา ประกอบด้วยห้องพักกว้างขวางและเงียบสงบจำนวน 70 ห้อง รวมถึงห้องสวีท 9 ห้อง เพื่อช่วงเวลาที่ผ่อนคลายและทุกห้องสามรถมองเเห็นวิวสวยๆจากในห้อง ไม่ว่าจะเป็นวิวระเบียงไม้ วิวเมืองหลวง และวิวไฮไลท์ของหอคอยยาซากะ (Yasaka Tower) วัดโฮคันจิ (Hokanji Temple) ที่ได้มองกี่ทีก็ไม่มีเบื่อเลย

ภาพ: www.ikyu.com

ห้องพักที่เราอยากจะแนะนำนั้นห้องแรกคือห้องเตียงแฝด ที่คุณสามารถเลือกวิวสวยๆ ได้ตามใจถึง 3 แบบด้วยกัน กับวิวสวน วิวระเบียง และแนะนำที่สุดคือวิวเมือง ซึ่งทุกห้องมีขนาด 45 ตร.ม. เท่ากันภายในห้องตกแต่งโทนสีเทาสว่าง เข้ากับบรรยากาศสงบๆ ของเกียวโต อีกทั้งภายในห้องยังปูพื้นด้วยพรมทำให้ภายในห้องมีความอบอุ่นอยู่ตลอดเวลา

ภาพ: www.ikyu.com

ต่อมาคือห้อง Higashiyama House ห้องพรีเมียมสวีทเป็นห้องหรูหราขนาด 90 ตร.ม. พร้อมห้องนั่งเล่นและห้องนอนแยกเป็นสัดส่วน และห้องน้ำพร้อมอ่างอาบน้ำสุดหรูหราด้วยการใช้กระเบื้องลายหินอ่อนปู การตกแต่งภายในของห้องสวีทซึ่งมองเห็นเมืองเกียวโตนั้นอิงตามแนวคิดในการชมเมืองจากมุมมองบนของย่านฮิกาชิยามะ และผสมผสานไม้ทาโมะ (Tamo) ที่มีกลิ่นหอมและเป็นวัสดุไม้ในท้องถิ่นที่จะทำให้คุณผ่อนคลายจนลืมความเหนื่อยล้าเลยทีเดียว

ภาพ: www.ikyu.com

และหากได้มีโอกาสเดินชมรอบๆ โรงแรม บอกได้เลยว่าบรรยากาศของที่นี่ไม่ใช่เล่นๆ เลย ด้วยความสวยงามของพื้นที่รอบๆ ทั้งสวนหินและจุดชมวิวตามชั้นต่างๆ ของโรงแรม ไม่ว่าจะยกกล้องขึ้นมาถ่ายมุมไหนก็ต้องหลงรักในความสวยงามนี้แน่นอน

 

02 The Hotel Seiryu Kyoto Kiyomiz

ภาพ: www.ikyu.com

The Hotel Seiryu Kyoto Kiyomizu ห่างจากวัดคิโยมิสึเพียงแค่ 13 นาที ตั้งอยู่บนเนินเขาอันร่มรื่นในย่านฮิกาชิยามะซึ่งมองเห็นเมืองเกียวโต และได้เพลิดเพลินไปกับการเข้าพักอย่างสะดวกสบายและผ่อนคลาย โดยจุดเริ่มต้นของโรงแรมแห่งนี้เกิดจากการสร้างจากโครงสร้างเดิมที่เป็นโรงเรียนตั้งแต่ปี ค.ศ. 1933 และมีการปรับปรุงอยู่เรื่อยๆ จนได้ถือกำเนิดขึ้นใหม่ในฐานะโรงแรมที่มีความสะดวกสบายทันสมัย ​​ในขณะเดียวกันก็สืบทอดการออกแบบที่โดดเด่นของสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมเช่นเดียวกัน

ภาพ: www.seiryukiyomizu.com

ภายนอกและภายในที่หลอมรวมการออกแบบแบบตะวันตกและญี่ปุ่นเข้าด้วยกัน ด้วยวิวที่สวยงามและทำเลที่สะดวกสำหรับการท่องเที่ยว รับรองได้การเข้าพักในโรงแรมแห่งนี้จะเป็นไปอย่างสะดวกสบายและผ่อนคลายสุดๆ ที่นี่มีห้องพักทั้งหมด 48 ห้อง ซึ่งไม่ว่าใครก็ต้องตื่นตากับห้องน้ำที่กว้างขวาง เตียงตัวใหญ่ และวิวสวยๆ จากห้องพักแต่ละห้อง

ภาพ: www.seiryukiyomizu.com

เริ่มที่ห้องแรกกับห้อง Standard King การตกแต่งภายในเป็นแบบเรียบง่ายและทันสมัย ​​โดยใช้สไตล์การตกแต่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะในญี่ปุ่น โดยยังคงรักษาเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมคลาสสิกให้ความผ่อนคลายในห้องที่สะดวกสบายและมีอุปกรณ์ใช้สอยพร้อมเตียงขนาดคิงไซส์ โซฟาและเก้าอี้

ภาพ: www.seiryukiyomizu.com

และกับอีกห้องได้แก่ห้อง Standard Corner King ห้องที่อยู่ติดกับหัวมุม ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มมากขึ้นอีกทั้งยังสามารถมองวิวได้แบบ 180 องศา มาพร้อมกับห้องน้ำสุดกว้างขวางและเตียงคิงไซส์ให้คุณได้นอนหลับอย่างสบายอารมณ์

ภาพ: www.seiryukiyomizu.com

นอกจากนี้ทางโรงแรมได้เตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในโรงแรมเพื่อบริการการเข้าพักของแขกของเราให้ได้เพลิดเพลินกับพื้นที่ที่มีคุณภาพและผ่อนคลาย เช่น ห้องอาบน้ำส่วนตัวและฟิตเนส ที่จะเยียวยาความเหนื่อยล้าจากการเดินทางของคุณและปลดปล่อยจิตใจและร่างกาย เลานจ์สำหรับแขกที่คุณสามารถผ่อนคลายในขณะที่เพลิดเพลินกับวิวของโรงแรม และระเบียงแบบเปิดโล่ง

 

Japan Mint Osaka | OSAKA

ภาพ: www.jnto.or.th

Japan Mint Osaka หรือ พิพิธภัณฑ์โรงกษาปณ์โอซาก้า เป็นที่รู้จักกันในเรื่องสถาปัตยกรรมวิกตอเรียนและนีโอเรอเนซองส์ที่โดดเด่นของตัวอาคาร ซึ่งที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยเมจิ ซึ่งเป็นเหมือสัญลักษณ์ของช่วงที่ญี่ปุ่นเริ่มเปิดรับวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามา นอกจากเรื่องของสถาปัตยกรรมแล้ว สิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาที่นี่คือ เทศกาลชมดอกซากุระที่จัดขึ้นทุกๆ ปี ด้วยต้นซากุระกว่า 350 ต้นที่แข่งกันผลิดอกอวดสายตานักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามา พร้อมกับความงามสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกที่ผสมกลมกลืนกันอย่างลงตัว ทำให้ที่นี่กลายเป็นอีก 1 แลนด์มาร์คในโอซาก้าเลยทีเดียว

 

03 Imperial Hotel Osaka

ภาพ: www.ikyu.com

เดินจากพิพิธภัณฑ์โรงกษาปณ์โอซาก้าเพียงแค่ 7 นาทีก็จะได้พบกับโรงแรม 5 ดาวสุดหรู ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโอคาวะ (Okawa River) กับโรงแรม Imperial Hotel Osaka ด้วยประวัติของโรงแรมที่มีมาอย่างยาวนานนับศตวรรษ อีกทั้งที่ตั้งใกล้ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย และการเดินทางที่สะดวก ทำให้โรงแรมแห่งนี้ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

ภาพ: www.imperialhotel.co.jp

Imperial Hotel Osaka เป็นโรงแรม 5 ดาวขนาดใหญ่ ภายในโรงแรมตกแต่งสวยงามมีอาณาบริเวณกว้างขวาง โดยเฉพาะบริเวณโถงสำหรับรับประทานอาหารที่เปิดเพดานสูงและล้อมด้วยกระจก ถือเป็นจุดชมวิวสวยๆ ของแม่น้ำโอคาวะและต้นไม้สีเขียวขจีที่เรียงรายเป็นทิวแถวได้อย่างดี บอกเลยว่าใครที่ได้มาที่โรงแรมแล้วไม่ได้เช็คอินตรงจุดนี้คือพลาดมาก

ภาพ: www.imperialhotel.co.jp

สำหรับห้องพักของทางโรงแรมมีให้เลือก 2 ระดับด้วยกัน ได้แก่ ระหว่างชั้น 7-18 คือระดับ Regular มีห้องให้เลือกอยู่ 3 ประเภท เริ่มต้นห้องแบบ Standard มีทั้งแบบเตียงคู่และเตียงเดี่ยว ภายในห้องตกแต่งด้วยโทนสีอ่อนดูอบอุ่น พร้อมหน้าต่างบานใหญ่มองเห็นวิวแม่น้ำโอคาวะสวยๆ ยิ่งตอนช่วงที่ดอกซากุระบานก็จะเห็นต้นซากุระเรียงรายเป็นแถวยาวริมแม่น้ำ บอกได้เลยว่าสวยฟินแน่นอน

ภาพ: www.imperialhotel.co.jp

และระหว่างชั้น 19-21 คือระดับ Imperial มีห้องทั้งหมด 4 ประเภท เริ่มต้นที่ห้อง Superior มีทั้งแบบเตียงคู่และเตียงเดี่ยวเช่นเดียวกัน และในทุกห้องนั้นมีสิ่งอำนวยความสะดวกสุดพรีเมียม ไม่ว่าจะเป็นชุดสบู่ยาสระผมครีมนวดผมแบรนด์ดัง ผ้าเช็ดตัว และชุดยูกาตะสำหรับใส่ภายในโรงแรมนั่นเอง

ภาพ: www.imperialhotel.co.jp

และด้วยในโรงแรมที่มีเนื้อที่รวมกว้างขวาง จึงมีพื้นที่สันทนาการให้บริการอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำในร่มขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยกระจกให้เห็นวิวได้แบบพาโนรามา ฟิตเนส สนามกอล์ฟ ร้านค้าต่างๆ และคลินิก สมกับคุณภาพของโรงแรม 5 ดาวที่ได้รับความไว้วางใจมาอย่างยาวนาน

 

04 Daiwa Royal Hotel D-City Osaka Higashitemma

ภาพ: www.daiwaroyalhotel.jp

และมาถึงโรงแรมดีไซน์เก๋มีสไตล์ ใครว่าไปญี่ปุ่นแล้วมีแต่โรงแรมสไตล์ญี่ปุ่น เราขอแนะนำโรงแรม D-City สุดแนวที่มาพร้อมกับคอนเซปต์ในการตกแต่งด้วยกลิ่นอายความเป็นแอฟริกัน ที่นี่ไม่ได้มีดีเพียงแค่การตกแต่งสวยๆ เท่านั้น แต่ยังอยู่บนทำเลที่เดินทางได้สะดวกสุดๆ เพราะห่างจากสถานีรถไฟแค่ 3 นาทีด้วยการเดินเท้าเท่านั้น นอกจากนี้ยังสามารถเดินถึงแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ได้แบบสบายๆ เช่น พิพิธภัณฑ์โรงกษาปณ์โอซาก้าโดยใช้เวลาเพียงแค่ 10 นาที

ภาพ: www.daiwaroyalhotel.jp

ภายในโรงแรมนั้นตกแต่งให้เป็นสไตล์แอฟริกันตั้งแต่ประตูทางเข้า ทางเดิน เคาท์เตอร์ เลานจ์ และตามผนังก็จะเต็มไปด้วยลวดลายและเครื่องประดับแบบแอฟริกันที่มาพร้อมกับสีสันอันสดใส ช่วงสร้างบรรยากาศให้กับผู้มาพักได้สัมผัสกับความเป็นแอฟริกันที่ควบคู่กับกับเฟอร์นิเจอร์ทรงโมเดิร์นได้เป็นอย่างดี

ภาพ: www.daiwaroyalhotel.jp

ภายในห้องพักเองก็น่ารักสดใสไม่แพ้กัน ด้วยการดีไซน์ลวดลายของวอลเปเปอร์และสไตล์การตกแต่งด้วยเครื่องประดับแบบแอฟริกันที่แตกต่างกันไปตามแต่ละห้องซึ่งเป็นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ที่แสดงถึงความใส่ใจของทางโรงแรมอย่างมาก เริ่มที่ห้อง Standard Twin ห้องเตียงคู่ ที่มีขนาดห้องกว้าง 17.4 ตร.ม. เข้าพักได้สูงสุด 2 คน

ภาพ: www.daiwaroyalhotel.jp

และอีกห้องที่มีพื้นที่กว้างขึ้นกับห้อง Superior Twin ด้วยการเพิ่มพื้นที่นั่งเล่นสบายๆ เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดเล็ก เพราะเข้าพักได้สูงสุด 3 คนด้วยกัน และเนื่องจากเป็นห้องที่อยู่ริม ภายในห้องจึงมีหน้าต่างรับแสงจากด้านนอกได้ในเวลากลางวัน ภายในห้องพักทุกห้องพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น ทีวี LCD 40 นิ้ว (ซูพีเรีย ทวิน 50 นิ้ว) เครื่องฟอกอากาศเพิ่มความชื้น ตู้เย็น ตู้นิรภัย ไดร์เป่าผมนาโนแคร์ (สำหรับห้องพัก Women Only)

ภาพ: www.daiwaroyalhotel.jp

นอกจากนี้ความพิเศษของทางโรงแรมคือมีบริการโซนห้องพักสำหรับสตรีเท่านั้นอยู่ด้วย ซึ่งจะแยกตั้งแต่ลิฟต์ที่เป็นทางขึ้น เพื่อให้คุณหมดห่วงเรื่องความปลอดภัยสำหรับสาวๆ ที่มาเที่ยวกันตามลำพัง เรียกได้ว่าถึงจะเป็นโรงแรมเล็กๆ แต่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพจริงๆ

 

05 Sakura Garden Hotel

ภาพ: www.daiwaroyalhotel.jp

ยังมีอีกหนึ่งโรงแรมที่ไม่ไกลไปจากพิพิธภัณฑ์โรงกษาปณ์โอซาก้าสักเท่าไร เพราะเดินถึงได้ภายใน 10 นาที อย่างโรงแรม Sakura Garden Hotel ซึ่งเป็นโรงแรมขนาดเล็กแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ตึกสีน้ำตาลสว่างตั้งอยู่บนทางแยกถนนดูเป็นเอกลักษณ์หาได้ไม่ยาก ด้วยความที่ถึงไม่ได้ติดแม่น้ำโอคาวะแต่ก็อยู่ในระยะที่เดินได้ บริเวณรอบๆ โรงแรมจึงค่อนข้างสงบเหมาะแก่การมาพักผ่อนจริงๆ

ภาพ: www.daiwaroyalhotel.jp

ภายในโรงแรมตกแต่งสไตล์วินเทจพร้อมกับไอเดียการจัดโซนถ่ายรูปเจ๋งๆ โดยการนำโมเดลของเหล่าซุปเปอร์ฮีโร่และเอเลี่ยนมาวางโชว์ รวมไปถึงรูปภาพตกแต่งสไตล์วินเทจอื่นๆ ที่ทำให้ได้บรรยากาศเท่ๆ ไปอีกแบบ แต่ในบริเวณล็อบบี้ก็ยังคงมีบริการที่สะดวกและครบครัน อย่างเช่นโซนรับแขก ซึ่งมีบริการ Welcome Drink ด้วย

ภาพ: www.daiwaroyalhotel.jp

ห้องพักของทางโรงแรมนั่นเริ่มตั้งแต่ห้องพักสำหรับคนเดียว แต่เราจะเริ่มแนะนำที่ห้องพักแบบ Double (ห้องเตียงเดี่ยว) และ Twin (ห้องเตียงคู่) ซึ่งสามารถเข้าพักได้สูงสุด 2 คน ด้วยขนาดห้องตั้งแต่ 21-28 ตร.ม. ให้ได้เลือกเข้าพักได้ตามความเหมาะสม

ภาพ: www.daiwaroyalhotel.jp

และอีก 1 ห้องซึ่งเป็นห้องพักที่ใหญ่ที่สุดในโรงแรม ด้วยพื้นที่ 36 ตร.ม. และเข้าพักได้สูงสุดถึง 5 คน กับห้อง Superior ซึ่งโดยปกติแล้วภายในห้องจะเป็นแบบเตียงคู่ และมีพื้นที่นั่งเล่นแยกเป็นสัดส่วนพร้อมห้องน้ำและห้องอาบน้ำในตัว แต่ในห้องนี้สามารถเสริมเตียงเพิ่มได้อีกถึง 2 เตียง ดังนั้นไม่ว่าจะมาแบบเป็นครอบครัว หรือแก๊งค์เพื่อนก็จะได้ใช้เวลาพักผ่อนร่วมกันในห้องพักที่กว้างขวางและสะดวกสบาย

ภาพ: www.daiwaroyalhotel.jp

นอกจากนี้ที่โรงแรมแห่งนี้ยังเปิดให้เข้าพักในระยะยาวได้ ไม่ว่าจะเป็นแบบรายสัปดาห์ หรือรายเดือน และที่โรงแรมก็มีโปรแกรมสำหรับผู้สนใจในการเข้ารับเทรนคุมอาหารลดน้ำหนัก หรือออกกำลังกายพร้อมเทรนด์เนอร์อีกด้วย ถือเป็นโปรแกรมที่น่าสนใจแต่สำหรับการมาเที่ยวที่โอซาก้าคงจะยาก เพราะของอร่อยล่อตาล่อใจอยู่ทั่วเมืองแบบนี้ใครจะไปทนไหว

 

Mukogawa Park | HYOGO

ภาพ: www.sandabiyori.com

ภาพที่เหมือนได้หลุดเข้าไปอยู่ในอนิเมะหรือภาพยนตร์รักใสๆสไตล์ญี่ปุ่นของ ริมแม่น้ำมุโค (Muko River) ใน สวนสาธารณะมุโคกาวะ (Mukogawa Park) จังหวัดเฮียวโงะ ด้วยต้นซากุระที่ปลูกเป็นแถวเรียงยาวกว่า 350 ต้นตลอดแนวแม่น้ำ ทำให้ได้บรรยากาศสวยๆ เหมาะแก่การไปปิกนิกนั่งชมซากุระกันเพลินๆ เพราะนอกจากบรรยากาศจะดีขนาดนี้แล้ว ริมแม่น้ำมุโคแห่งนี้ยังมีบริเวณสนามหญ้าด้านข้างที่กว้างมากกว่าจุดชมซากุระริมแม่น้ำที่อื่นๆ ในจังหวัดเฮียวโงะด้วยกันเสียอีก หมดห่วงเรื่องการนั่งชมซากุระแบบแออัดไปได้เลยล่ะ

 

06 Takarazuka Hotel

ภาพ: www.ikyu.com

อีก 1 โรงแรมที่จะพาคุณเข้าไปอยู่ในเทพนิยาย กับโรงแรม Takarazuka Hotel โรงแรมในเครือของโรงละครทาคาระซึกะ (Takarazuka Grand Theater) ด้วยตัวโรงแรมที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำมุโคและอยู่ห่างจากสวนมุโคกาวะไม่ถึง 700 เมตร บวกกับสถาปัตยกรรมของตัวอาคารที่มีความอลังการเหมือนปราสาทย่อส่วน ยิ่งเสริมให้โรงแรมนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศชวนฝันในโลกแฟนตาซีเสียจริงๆ

ภาพ: www.hankyu-hotel.com

พอเข้ามาถึงโถงภายในตัวอาคารยิ่งชวนตะลึงมากขึ้นไปอีก ด้วยสไตล์การตกแต่งแบบ Luxury โดยการใช้โคมระย้าและโทนสีขาวสะอาดตาดูหรูหราขั้นสุด ทั้งเครื่องเรือนและเฟอร์นิเจอร์ต่างๆที่เข้ากันได้ดีสุดๆ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าถ้าจะแต่งตัวเป็นเจ้าหญิงเจ้าชายแล้วเดินเข้ามาในโรงแรมก็คงจะไม่ใช่ภาพที่แปลกเท่าใดนัก

ภาพ: www.hankyu-hotel.com

สำหรับภายในห้องพักก็ยังคงความเรียบแต่หรูหรามีสไตล์ไว้ ห้องพักแบบแรกที่อยากจะแนะนำคือห้องแบบ Double ที่รองรับผู้เข้าพักสูงสุด 2 คน ภายในห้องมีเตียงคิงส์ไซส์ หันหน้าออกนอกหน้าต่างสามารถชมวิวแม่น้ำภายนอกได้ พร้อมทีวี LCD จอยักษ์ รอบๆ ห้องตกแต่งด้วยโทนสีฟ้า-ขาวสบายตา ชวนให้คุณพักผ่อนไปพร้อมกับความหรูหราแบบมีระดับ

ภาพ: www.hankyu-hotel.com

และห้องแบบต่อมาที่เราอยากจะแนะนำคือห้อง Exclusive Twin ห้องกว้างขนาด 43.9 ตร.ม. สามารถเข้าพักได้ถึง 3 คน (เตียงเสริม) และโซนห้องน้ำที่มีบริเวณแยกเป็นสัดเป็นส่วนกับห้องอาบน้ำ และที่พิเศษคือหน้าต่างบานใหญ่ที่รับแสงสวยๆ จากด้านนอกมาสร้างความสดใสให้บรรยากาศภายในห้อง บวกกับเตียงคู่ที่หันหน้าไปทางหน้าต่าง แอบกระซิบว่าถึงจะเป็นเตียงคู่แต่ขนาดของเตียงก็กว้างไม่ใช่เล่นๆ ให้คุณได้นอนหลับแบบสบายๆ เลย

ภาพ: www.hankyu-hotel.com

และที่ชอบที่สุดคือสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่มาพร้อมกับแบรนด์คุณภาพสุดพรีเมียมอย่างเช่นเครื่องฟอกอากาศ ไดร์เป่าผมไอออนลบ และผลิตภัณฑ์สบู่ ยาสระผมต่างๆ ที่แค่เห็นแพ็กเกจก็รู้สึกได้ถึงความพรีเมียมแล้ว

 

07 Hotel Wakamizu

ภาพ: www.ikyu.com

Hotel Wakamizu โรงแรมออนเซ็นชื่อดัง ที่ใช้น้ำพุร้อนจากทาคาระซึกะออนเซ็น (Takarazuka Onsen) แหล่งน้ำพุร้อนที่มีอายุเก่าแก่กว่า 700 ปี ที่พัก แห่งนี้มีชื่อเสียงว่าเป็นโรงแรมออนเซ็นที่มีชื่อเสียงที่สุดในแถบ คันไซ ที่พร้อมให้คุณได้คลายความเหนื่อยล้าไปบรรยากกาศชิลล์ๆ ของโรงแรมและวิวอันสวยงามริมแม่น้ำมุโค และจากโรงแรมยังสามารถเดินไปชม ซากุระ สวยๆ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่สวนสาธารณะมุโคกาวะได้ โดยใช้เวลาเพียงแค่ 14 นาที

ภาพ: www.ikyu.com

ที่โรงแรมแห่งนี้เป็นโรงแรมสไตล์ญี่ปุ่นที่ผสมผสานกับโครงสร้างสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกได้อย่างดี ด้วยการเลือกใช้ไม้สีอ่อนเป็นวัสดุตกแต่งภายในและเป็นเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในบ้านไม้ญี่ปุ่นหลังใหญ่ บริเวณล็อบบี้เปิดเพดานสูงให้ความรู้สึกโปร่งสบายพร้อมเป็นจุดนั่งชมวิวธรรมชาติริมแม่น้ำสบายตา พร้อมตกแต่งไฟสีส้มนวลทำให้แขกที่มาพักรู้สึกผ่อนคลายไปกับบรรยากาศสงบๆ ของโรงแรมได้ไม่ยาก

ภาพ: www.ikyu.com

ห้องพักเริ่มต้นแบบพื้นฐานของทางโรงแรมในห้องเตียงคู่สไตล์ตะวันตก ที่มีบริเวณห้องกว้างขวางถึง 24 ตร.ม. เข้าพักได้สูงสุด 2 คน ภายในห้องตกแต่งด้วยโทนสีน้ำตาลเรียบหรู มีโต๊ะเก้าอี้เข้าเซ็ตเฟอนิเจอร์ริมหน้าต่างบานใหญ่ให้ได้นั่งชมบรรยากาศริมแม่น้ำด้านนอกห้อง พร้อมห้องน้ำและอ่างอาบน้ำในตัว

ภาพ: www.ikyu.com

และอีกหนึ่งในห้องพักจากทั้งหมด 4 ห้องพักที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจของทางโรงแรม โดยห้องนี้มีชื่อว่า Fukuju ด้วยห้องสไตล์ญี่ปุ่นที่มีความกว้างถึง 12.5 เสื่อ หรือ 64 ตร.ม. แบ่งเป็นโซนห้องนอนบริเวณกว้างขวาง และพื้นที่นั่งเล่นริมระเบียง ทั้งยังมีห้องแต่ตัวและโซนที่พิเศษสุดๆ คือบ่อออนเซ็นกลางแจ้งแบบส่วนตัว ที่เปิดโล่งให้คุณดื่มด่ำทัศนียภาพจากชั้นบนสุดของโรงแรมที่เรียกได้ว่าโรแมนติกจนใครเห็นก็ต้องใจละลายแน่นอน และที่สำคัญคือห้องแบบนี้มีจำกัดแค่ 1 ห้องเท่านั้นเองด้วย ใครที่สนใจอย่าลืมเช็คและจองล่วงหน้าก่อนด้วยนะ

ภาพ: www.h-wakamizu.com

อีก 1 อีเวนท์สำคัญของทางโรงแรมที่ถือเป็นซิกเนเจอร์ของทางโรงแรมที่สาวๆ ต้องกรี๊ด กับการแช่บ่อออนเซ็นกุหลาบที่ทางโรงแรมคัดสรรมาอย่างดี และจะจัดให้ในทุกๆห้องอาบน้ำกว่า 400 ห้องในโรงแรม ด้วยน้ำพุร้อนชั้นดีจากทาคาระซึกะออนเซ็นมาเจอกับความหอมหวนของดอกกุหลาบนานาพันธุ์ที่นอกจากจะได้เก็บเป็นภาพสวยๆ ไว้ในความทรงจำแล้ว กลิ่นหอมๆ ของกุหลาบยังเป็นอโรมาเทอราพี ช่วยให้ได้ผ่อนคลายและนอนหลับสบายได้อีกด้วย แต่กิจกรรมนี้มีจัดเพียงแค่ช่วงเวลา 4 โมงเย็นจนถึง 4 ทุ่ม ในวันจันทร์และวันเสาร์เท่านั้นเองนะ ถ้าใครที่ได้ไปในช่วงเวลานี้ต้องห้ามพลาดแล้วล่ะ

 

MT. Yoshino | NARA

จุดชมซากุระอันโด่งดัง ที่รู้จักกันในนาม “หุบเขาสีชมพู” ถือเป็นภาพความสวยงามของภูเขาโยชิโนะที่พบเห็นได้ในช่วงเวลาตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมจนถึงปลายเดือนเมษายน ความพิเศษของภูเขาแห่งนี่คือสายพันธุ์ของซากุระที่เก่าแก่และมีหลากหลายถึง 200 สายพันธุ์ รวมกว่า 30,000 ต้น โดยภูเขานั้นจะมีพื้นที่ชมอยู่ 4 ระดับ ตั้งแต่พื้นที่เชิงเขา (Shimosenbon), พื้นที่กลางเขา (Nakasenbon), พื้นที่บนเขา (Kamisenbon), และพื้นที่ที่ลึกเข้าไปในเขา (Okusenbon) ซึ่งจุดที่อยากจะแนะนำคือบริเวณกลางเขาซึ่งเป็นบริเวณที่มีร้านค้า ที่พัก และเป็นบริเวณจัดเทศกาลชม ซากุระ อีกด้วย

 

08 Chikurin-in Gunpoen

ภาพ: www.ikyu.com

ท่ามกลางความงดงามจากธรรามชาติที่รายล้อมไปด้วยขุนเขาโยชิโนะ จังหวัดนารา ที่จะพาคุณหลีกหนีความวุ่นวายจากบรรยากาศในเมืองกับ ที่พัก สไตล์เรียวกังเก่าแก่ Chikurin-in ด้วยระยะห่างจาก ภูเขาโยชิโนะ (Mt. Yoshino) จุดชม ซากุระ สุดตระการตาที่เดินไปได้แค่ 17 นาที

ภาพ: www.ikyu.com

ด้วยเอกลักษณ์ของทางเรียวกัง ที่ถ่ายทอดถึงบรรยากาศแบบดั้งเดิมจากจังหวัดนารา อดีตเมืองหลวงอันเก่าแก่ของประเทศญี่ปุ่น ด้วยสถาปัตยกรรมไม้เป็นโครงสร้างหลักให้กลิ่นอายของประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน เมื่อเข้ามาที่เรียวกัง จะพบกับบรรยากาศการตกแต่งที่สวยงามโดยเฉพาะการใช้ภาพวาดพู่กันรวมไปถึงงานเขียนลายมือด้วยพู่กันที่จัดเรียงรายกันไป แต่ถึงจะเป็นสไตล์การตกแต่งแบบยุคเก่ายังเต็มไปด้วยความหรูหราและสะดวกสบาย

ภาพ: www.chikurin.co.jp

ห้องพักทั้งหมดของทางเรียวกังนั้นเป็นแบบญี่ปุ่น ซึ่งเราจะเริ่มแนะนำห้องแบบแรกที่ชื่อว่า Tonankyaku ซึ่งเป็นห้องขนาด 10 เสื่อ มีห้องน้ำและห้องอาบน้ำในตัว ภายในห้องจะมีพื้นที่นั่งเล่นตรงกลางซึ่งในตอนกลางคืนจะมีพนักงานมาให้บริการปูฟูกเป็นที่นอน และบริเวณที่นั่งชมวิวริมหน้าให้คุณได้ผ่อนคลายไปกับธรรมชาติรอบๆ โดยห้องสไตล์นี้สามารถเข้าพักได้สูงสุด 4 คน

ภาพ: www.chikurin.co.jp

และอีกหนึ่งห้องที่เราอยากแนะนำกับห้องพักพิเศษ Matsunoma ด้วยจุดเด่นของพื้นที่นั่งเล่นริมหน้าต่างบานใหญ่ที่จะทำให้คุณได้มองเห็นวิวสุดอลังการของขุนเขารอบๆ ได้แบบพาโนรามายิ่งถ้าได้มาในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่จะมีซากุระกำลังผลิบานสลับเรียงกับต้นไม้เขียวขจีแล้วล่ะก็โรแมนติกสุดๆ และขนาดห้องที่กว้างขวางแบ่งเป็นสัดเป็นส่วน สามารถเข้ากันได้สูงสุดถึง 5 คนกันเลยทีเดียว

ภาพ: www.chikurin.co.jp

นอกจากบรรยากาศสวยๆ ภายในอาคารแล้ว รอบๆ ของโรงแรมเองก็มีต้นซากุระปลูกอยู่ทั่ว เมื่อถึงช่วงฤดูใบไม้ผลิก็จะออกดอกสวยงามเต็มต้นให้คุณได้เก็บภาพสวยแบบไม่ต้องไปไหนไกล และจุดทีเด็ดที่เด่นสะดุดตาก็ต้องเป็นสวนขนาดใหญ่ที่ทางเรียวกังจัดไว้ เป็นเหมือนทะเลสาบขนาดย่อมๆ ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติเขียวขจีให้ได้มาถ่ายรูปเช็คอินกันแบบเลิศๆ

 

Kaizu Osaki Peninsula | SHIGA

หลายๆ คนคงคุ้นเคยกับภาพของทิวแถวต้นซากุระเรียงรายอยู่ตามสวนสาธาระณะบ้าง หรือริมถนนเลียบแม่น้ำบ้าง แต่ที่แหลมไคซุ โอซากิ (Kaizu Osaki Peninsula) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลสาบบิวะ (Lake Biwa) จะได้พบกับอุโมงค์ซากุระเรียงรายกันอยู่เลียบถนนริมทะเลสาบกว่า 800 ต้น และซากุระที่นี่ขึ้นชื่อว่าบานช้ากว่าพื้นที่ไหนๆ ในแถบคันไซ ได้ฟังทั้งเสียงสายลม เสียงคลื่นพัดกระทบชายฝั่ง แล้วยังได้ชมความงามของดอกซากุระที่แย้มงามผลิบาน คงถูกใจคนรักวิวทะเลสาบไม่ใช่น้อย

 

09 Okubiwako Makino Grand Park Hotel

ภาพ: www.gphotels.jp

โรงแรมและรีสอร์ทริมทะเลสาบบิวะ Grand Park Hotel ที่จะพาคุณมาเพลิดเพลินกับหาดทรายขาวสะอาดตา และทัศนียภาพกว้างไกลของทะเลสาบที่มีสีสันอีกทั้ง อีกทั้งยังอยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวสวยงามหลายแห่ง อย่างแหลมไคซุโอซากิที่ห่างออกไปเพียง 4 กม.ซึ่งสามารถปั่นจักรยานไปถึงได้ใน 10 นาที และกิจกรรมที่หลากหลายรอให้ทุกคนได้ไปสัมผัส

ภาพ: www.gphotels.jp

เข้ามาภายในโรงแรมจะเห็นการตกแต่งสูดน่ารัก ด้วยการใช้โทนสีฟ้าเข้ากับสีทะเลสาบ และสีน้ำตาลจากวัสดุไม้ที่เข้ากันเป็นอย่างดี เหมือนเป็นการผสมผสานกันระหว่างการตกแต่งสไตล์โมเดิร์นและวินเทจเข้าด้วยด้วยกัน โดยเฉพาะบรรยากาศในห้องรับประทานอาหารที่สามารถมองเห็นวิวของทะเลสาบบิวะได้แบบพาโนรามา ชวนให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับมื้ออาหารและทิวทัศน์อันงดงามของทะเลสาบจริงๆ

ภาพ: www.gphotels.jp

สำหรับห้องพักของทางโรงแรมที่ถึงแม้จะมีให้เลือกได้ไม่หลากหลายนักแต่ก็เต็มไปด้วยความใส่ใจในรายละเอียดและบรรยากาศของการตกแต่งด้วยไม้ โดยหลักๆ ห้องพักแบบธรรมดาของที่นี่จะมีทั้งแบบเตียงคู่และเตียงเดี่ยว และยังสามารถเลือกฝั่งของห้องพักได้ระหว่างห้องพักฝั่งวิวภูเขา กับห้องพักฝั่งวิวทะเลสาบ ซึ่งจะมีราคาที่แตกต่างนิดหน่อยสามารถเช็คได้ในเว็บไซต์

ภาพ: www.gphotels.jp

แต่ถึงห้องพักส่วนมากจะมีความคล้ายคลึงกันแล้ว ที่นี่ก็ยังมีห้องพักสำหรับครอบครัวหรือนักท่องเที่ยวที่มากันหลายคน (ไม่เกิน 5 คน) โดยห้องนี้จะอยู่ที่ชั้น 1 และสามารถเห็นวิวทะเลสาบได้ด้วยนะ

ภาพ: www.gphotels.jp

และนอกจากห้องพักในอาคารแล้ว ยังมีอีก 1 ตัวเลือกสำหรับแขกที่เข้ามาพัก คือที่พักแบบเต็นท์แกลมปิ้งที่น่ารักสวยงามและมีให้เลือกหลายรูปแบบเพื่อเหมาะกับความต้องการของลูกค้า อีกทั้งในแพ็กเกจพักแบบแกลมปิ้งยังมีเซ็ตบาร์บีคิวให้ได้มาปิ้งๆ ย่างๆ รับประทานกันแบบเอร็ดอร่อยอีกด้วยนะ

 

10 L’Hotel Du Lac

ภาพ: www.ikyu.com

ต่อมาที่โรงแรมและรีสอร์ทสุดทันสมัยไปกับ L’Hotel Du Lac ที่เก๋มาตั้งแต่ชื่อโรงแรม ด้วยพื้นที่ที่กว้างขวางพร้อมให้บริการกิจกรรมที่หลากหลายครบวงจรของโรงแรม และทิวทัศน์ที่ผสมผสานกันระหว่างวิวภูเขาสีเขียวขจีกับทะเลสาบบิวะสีฟ้าครามอย่างลงตัว เรียกได้ว่าเป็นอีก 1 โรงแรมคุณภาพที่มาพร้อมกับสะดวกสบายและบรรยากาศที่สวยงาม

ภาพ: www.lhotel-du-lac.com

ตัวอาคารของโรงแรมออกแบบเป็นสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ บนเนินเข้ามีการไล่ระดับชั้นตามความชันของเนินเขา ภายในตกแต่งสไตล์โมเดิร์นโทนสีดำตัดขาวดูเรียบหรู หน้าล็อบบี้เป็นโถงยกหลังคาสูงพร้อมติดกระจกมองเห็นวิวทะเลสาบด้านนอก สัมผัสได้ถึงความหรูหราและความทันสมัยได้ในเวลาเดียวกันเลยทีเดียว

ภาพ: www.ikyu.com

ห้องพักของที่นี่มีให้เลือก 3 รูปแบบได้แก่แบบ ห้องพักแบบ Standard ห้องสวีท และบ้านพักวิลล่า โดยเราจะแนะนำห้องพักแบบแรกคือ ห้องพักแบบ Standard ที่มีชื่อว่า Lakeview Theater เป็นห้องพักแบบเตียงคู่ และสิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือทะเลสาบบิวะที่ตัดกับสนามหญ้าสีเขียวขจี ซึ่งคุณสามารถมองเห็นได้จากหน้าต่างบานใหญ่ชวนให้ได้ผ่อนคลายสายตาและจิตใจ ภายในห้องพักกว้าง 40 ตร.ม. เข้าพักได้สูงสุด 2 คน

ภาพ: www.ikyu.com

และห้องสวีท ที่มีพื้นที่กว้าง 80 ตร.ม.แบ่งออกเป็นโซนห้องนั่งเล่นที่มีชุดโซฟา ทีวี LCD จอใหญ่ และโซนห้องนอนเตียงคู่กว้างขวาง นอกจากนี้ยังสามารถมองเห็นวิวทะเลสาบได้ผ่านกระจกบานใหญ่ พร้อมห้องน้ำขนาดใหญ่แยกกับห้องอาบน้ำ เข้าพักได้สูงสุด 2 คนเช่นเดียวกัน

ภาพ: www.lhotel-du-lac.com

ด้วยพื้นที่ภายในโรงแรมที่กว้างขวางทำให้คุณสามารถทำกิจกรรมได้อย่างหลากหลาย ทั้งสระว่ายน้ำกลางแจ้ง ห้องสมุดและล็อบบี้สำหรับนั่งพักผ่อน และสปาสุดหรูพร้อมให้บริการที่ถูกใจสาวๆ หลายคนแน่นอน หรือใครอยากออกไปชมทะเลสาบนอกรีสอร์ทก็สามารถเช่าจักรยานของทางรีสอร์ทได้เช่นเดียวกัน เห็นแบบนี้แล้วสายแอดแวนเจอร์ทั้งหลายต้องปักหมุดมาที่นี่ด่วนๆ

รายชื่อโรงแรมทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ ที่พักคันไซ แต่รับรองว่าใกล้จุดชมซากุระชื่อดังสวยๆ หลายแห่ง การเดินทางก็สะดวก ไม่ต้องเหนื่อยขึ้นรถหลายต่อให้เมื่อยแน่นอน ในอนาคตหากใครมีโอกาสไปเยือน ก็ลองดูลิสต์ที่พักเหล่านี้ไว้เป็นตัวเลือกในใจด้วยนะ