จากหนังสือการ์ตูนสุดคลาสสิคที่มียอดขายทั่วโลกมากกว่า 50 ล้านฉบับ สู่ภาพยนตร์แอนิเมชันฟอร์มร้อนกับการกลับมาอีกครั้งของ ซาเอบะ เรียว สุดยอดนักสืบพลัง Beep แห่งชินจูกุในรอบ 20 ปี ใน City Hunter The Movie : Shinjuku Private Eyes ซิตี้ฮันเตอร์ โคตรนักสืบชินจูกุ บี๊ป ซึ่งเข้าฉายในญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

 

City Hunter The Movie : Shinjuku Private Eyes ซิตี้ฮันเตอร์ โคตรนักสืบชินจูกุ บี๊ป

 

เรื่องราวอันแสนวุ่นวายที่เกิดขึ้นภายในย่านชินจูกุในยุคปัจจุบัน ผ่านตัวละคร ซาเอบะ เรียว เป็นมือปืนและนักสืบเอกชนที่ทำงานในเขตชินจูกุ เขามีทักษะการยิงปืนที่เก่งฉกาจพอๆ กับความตื่นตัวทางเพศต่อสาวๆ จนมักถูกคู่หูของเขา มากิมุระ คาโอริ สั่งสอนด้วยค้อนยักษ์ 100 ตัน ครั้งนี้พวกเขาต้องรับหน้าที่คุ้มกันผู้ว่าจ้างสาวสวย ชินโด ไอ จากกลุ่มโจรก่อการร้ายที่หมายปองความลับบางอย่างที่เชื่อมโยงกับแผนการร้ายที่จะส่งผลต่อทุกคนในเมืองแห่งนี้ ขณะเดียวกัน คาโอริก็พบกับเพื่อนสมัยเด็ก มิคุนิ ชินจิ ซึ่งเขาก็กลายเป็นศัตรูหัวใจของซาเอบะ เรียว และอาจเกี่ยวข้องกับแผนก่อการร้ายครั้งนี้

 

ซาเอบะ เรียว City Hunter The Shinjuku Private Eyes

ซาเอบะ เรียว ถูกคู่หูของเขา มากิมุระ คาโอริ สั่งสอนด้วยค้อนยักษ์ 100 ตัน

 

หนึ่งในแฟนมังงะจากเว็บไซต์ J-Town.net กล่าวว่า แฟนของอนิเมชั่นเรื่องนี้ควรไปดูที่ชินจูกุ หลังออกจากโรงภาพยนตร์ พวกเขาควรลองออกไปเดินสำรวจสถานที่ต่าง ๆ ที่ปรากฏบนภาพยนตร์ หนึ่งในสิ่งที่แตกต่างจากความเป็นจริงอย่างมากคือ สถานีรถบัสด่วนพิเศษชินจูกุ (Shinjuku Expressway Bus Terminal) ซึ่งมีความสำคัญสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ เพราะผู้ที่ต้องการขอความช่วยเหลือจากซิตี้ฮันเตอร์ พวกเขาจะต้องทิ้งข้อความพร้อมรหัสลับ “XYZ” เอาไว้ภายในสถานีแห่งนี้ ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นแฟนพันธุ์แท้ของซิตี้ฮันเตอร์ คุณก็จะไม่มีทางเห็นสถานีแห่งนี้ในมังงะหรืออนิเมะของมันมาก่อนอย่างแน่นอน เพราะว่าสถานีแห่งนี้พึ่งจะเปิดให้ใช้บริการในปีค.ศ. 2016 ที่ผ่านมานี่เอง

 

Shinjuku Private Eyes

 

ยังมีสถานที่อื่นๆ ที่ยังไม่เคยปรากฏในมังงะมาก่อน เพราะในช่วงยุค 80 ย่านชินจูกุเป็นไม่กี่แห่งในโตเกียวที่แทบไม่มีตึกสูงเลย ในยุคนั้นตึกสูงเพียงตึกเดียวเป็นตึกของบริษัท ซมโปะ ประกันภัย ส่วนตึกอาคารสำนักงานบริหารมหานครโตเกียวนั้นพึ่งจะสร้างเสร็จในปี 1991 ตึกอาคารเอ็นทีทีโดโคโมโยะโยะงิก็พึ่งจะสร้างเสร็จในปีค.ศ. 2000 ส่วนตึกที่เป็นจุดถ่ายรูปอย่างโหมด กะกุเอ็น โคคูน ทาวเวอร์ ก็พึ่งจะสร้างเสร็จในปี 2006 ตึกที่เป็นแลนด์มาร์คสำคัญในย่านชินจูกุเหล่านี้ล้วนมีปรากฏใน “City Hunter: Shinjuku Private Eyes” ทั้งสิ้น

 

City Hunter The Movie Shinjuku Private Eyes

 

นอกจากตึกอาคารแล้ว คุณก็จะได้เห็น สวนชินจูกุเงียวเอน ย่านโกลเด้นไกที่เป็นสถานที่โปรดสำหรับนักเที่ยวกลางคืน และรูปปั้นก็อดซิลล่าที่ตั้งอยู่ในโรงภาพยนตร์โทโฮย่านคาบูกิโจที่คุณจะได้เห็นในฉากแอคชั่นสำคัญของหนัง ซึ่งมันเป็นรูปปั้นที่พึ่งจะสร้างเสร็จในปีค.ศ. 2015 ที่ผ่านมานี้เอง

 

City Hunter Shinjuku Private Eyes

 

“City Hunter: Shinjuku Private Eyes” กำกับโดย เคนจิ โคดามะ เขียนบทโดย โยอิจิ คาโต้ (Aikatsu!, Yo-kai Watch) ออกแบบตัวละครโดย คุมิโกะ ทากาฮาชิ (Birdy the Mighty, Card Captor Sakura) และแต่งเพลงโดย ทาคุ อิวาซากิ (Gurren Lagann) สร้างโดยสตูดิโอ Sunrise เพลง “Get Wild” ซึ่งเป็นเพลงปิดของอนิเมะซีรีย์ได้ถูกนำมาใช้อีกครั้งเป็นเพลงปิดภาพยนตร์  ด้านทีมพากย์ของซิตี้ฮันเตอร์เป็นทีมเดียวกันกับที่เคยพากย์อนิเมชั่น อากิระ คามิยะ พากย์ในบท ซาเอบะ เรียว, คาซูเอะ อิคุระ พากย์ในบท มากิมุระ คาโอริ, ฮารุมิ อิชชิริวไซ (หรือ โยโกะ อาซากามิ) พากย์ในบท โนงามิ ซาเอโกะ, เทชโช เกนดะ พากย์ในบท อุมิโบซึ และ มามิ โคยามะ พากย์ในบท มิกิ

แล้วพบกับซาเอบะ เรียว สุดยอดนักสืบพลัง Beep อีกครั้ง 12 กันยายนนี้ ในโรงภาพยนตร์

 

ตัวอย่างภาพยนตร์

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ