Asakusa Checklist : รวมที่เที่ยวย่านอาซากุสะที่คัดมาแล้วว่าควรไป
สารบัญ
อาซากุสะ (Asakusa) เป็นชื่อย่านการค้าเก่าแก่ของกรุงโตเกียว ที่หากมีโอกาสได้ไป เที่ยว โตเกียวบ่อยๆ คงจะคุ้นเคยกันดี พอพูดถึงย่าน อาซากุสะ สถานที่ที่ผุดขึ้นมาเป็นอันดับแรกๆ คงเป็นวัดเซ็นโซจิ วัดโคมแดงใบยักษ์ที่เวลามีโอกาสได้ไปก็ต้องเก็บภาพกลับมาไว้เป็นที่ระลึก แต่จากการที่ฉันได้ไปขลุกตัวอยู่ที่นี่มาพอสมควร ก็พบว่าย่าน อาซากุสะ มีที่ เที่ยว น่าไปและน่าสนใจมากกว่านั้น อาหารการกินก็ดี มีร้านอร่อยที่เป็นตำนานให้เลือกอยู่มากมาย
ทริปนี้ก็เช่นเคย เราได้ตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นมาลงที่สนามบินนาริตะในราคาที่ดีมากผ่าน Traveloka เว็บไซต์จองตั๋วเครื่องบินสุดกิ๊บเก๋ ที่มีฟังก์ชันเปรียบเทียบราคาตั๋วของแต่ละสายการบินในราคาสุทธิ พูดง่ายๆ ว่าเราเป็นขาประจำเลยก็ยังได้ ฟังก์ชันล่าสุดที่เราอยากมาอัพเดทไม่ให้ตกเทรนด์คือ Online Check-in บริการเช็คอินออนไลน์ของสายการบินที่ร่วมบริการ*ผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ ซื้อพร้อมเช็คอินผ่านทราเวลโลก้าในแอปเดียวจบ ไม่ต้องเสียเวลาเข้าเว็บไซต์สายการบินไปเช็คอินให้วุ่นวายอีกต่อ จากผู้ใช้จริงยืนยันตรงนี้เลยว่าใช้ง่ายและสะดวกสุดๆ ทำให้เรามีเวลาเหลือก่อนขึ้นเครื่องอีกเยอะ เลยแอบมานั่งจดลิสต์ที่เที่ยวตามตรอกซอยของอาซากุสะให้ครบทุกซอกทุกมุม ใครที่สนใจสามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.traveloka.com/th-th/checkin
*สายการบินที่ร่วมบริการ: การบินไทย, ไทยสมายล์, ไทยไลอ้อนแอร์, การูด้าแอร์ไลน์
เอาเป็นว่าถ้ามาเที่ยวญี่ปุ่นมีแพลนสำรวจบริเวณย่านอาซากุสะ แล้วไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี ก็ตามลิสต์สถานที่กิน ช็อปปิ้ง เที่ยวเล่นต่อไปนี้มาเลย
Travel | ที่ เที่ยว น่าไปในย่าน อาซากุสะ
01 Sensoji Temple : วัดเซ็นโซจิ
เซ็นโซจิ เป็นวัดพุทธเก่าแก่ของกรุงโตเกียว ก่อตั้งในช่วงศตวรรษที่ 6 และแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 645 ถือเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียว คนไทยเรามักเรียกติดปากกันว่าวัดอาซากุสะ คนนิยมถ่ายรูปกับประตูคามินาริมงที่มีโคมไฟสีแดงใบโตห้อยอยู่ ซึ่งน่าจะเห็นภาพตามรีวิวท่องเที่ยวอยู่บ่อยๆ อันที่จริงใต้โคมไฟสีแดงมีภาพแกะสลักเทพเจ้ามังกรอยู่ เชื่อกันว่าหากได้ถ่ายรูปคู่กับเทพเจ้ามังกรนี้จะโชคดี
เดินเลาะถนนนากามิเสะไปจนสุดทางจะพบกับประตูโฮโซมง ทางเข้าอาคารหลักและเจดีย์ 5 แดง 5 ชั้นของวัดเซ็นโซจิ ผ่านประตูเข้ามาแล้วจะพบกับพื้นที่ล้างมือตามรูปแบบวัดทั่วไป แต่จะมีไฮไลท์คือกระถางธูปอันใหญ่ใจกลางวัด ที่จะส่งควันธูปกระจายไปทั่ว อย่าเพิ่งเดินหนีล่ะ เพราะเห็นคนส่วนใหญ่เดินเข้าไปพัดควันธูปเข้าใส่ตัว มารู้ทีหลังว่าเมื่อร่างกายคลุมไปด้วยควันของธูป เชื่อว่าจะช่วยเยียวยาโรคภัยไข้เจ็บที่มีอยู่ได้
Info
Sensoji Temple
Admission Fee: เข้าฟรี
Holiday: –
Website: http://www.senso-ji.jp/
02 Asakusa Culture Tourist Information Center : ศูนย์บริการท่องเที่ยวอาซากุสะ
ภาพ: สาโรช พระวงค์
ศูนย์บริการท่องเที่ยวอาซากุสะ ตึกสูง 8 ชั้นที่หลายคนมักมองข้ามเมื่อเดินทางมา เที่ยว ย่าน อาซากุสะ ความเก๋ของที่นี่คือตัวอาคารคล้ายกล่องดำหุ้มด้วยไม้ ออกแบบโดยสถาปนิกระดับโลก เคนโกะ คุมะ (Kengo Kuma) ดูโดดเด่นกว่าอาคารโดยรอบอย่างเห็นได้ชัด
ภาพ: สาโรช พระวงค์
ด้านในนอกจากจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวแล้ว ยังมีพื้นที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปได้ เช่น ห้องจัดแสดงนิทรรศการ, โถงที่มีโต๊ะเก้าอี้ ปลั๊ก ห้องน้ำ ให้นั่งพักเหนื่อย และร้านอาหารบนชั้น 8 ที่สามารถชมวิวโตเกียวจากมุมสูง จากตรงนี้มองเห็นแม่น้ำสุมิดะและโตเกียวสกายทรีด้วย
Info
Asakusa Culture Tourist Information Center
Admission Fee: เข้าฟรี
Hours: 9:00-20:00 น.
Holiday: –
03 Hanayashiki Amusement Park : สวนสนุกฮานายาชิกิ
สวนสนุกขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในเงียบๆ ในย่านอาซากุสะ เดินมาไม่กี่นาทีจากทั้งถนนช็อปปิ้งนิชิซันโด ถนนฮ็อปปี้ และวัดเซ็นโซจิ ที่อยากแนะนำให้ไปที่นี่ก็เพราะว่า ฮานายาชิกิเป็นสวนสนุกแห่งแรกของญี่ปุ่น เปิดทำการครั้งแรกในรูปแบบของ Flower Park ในปี ค.ศ. 1853 ช่วงปลายสมัยเอโดะ ชื่อของสวนสนุกก็มาจากเดิมที่เปิดเป็นสวนดอกไม้ Hana (ดอกไม้) และ Yashiki (คฤหาสน์) รวมเป็น Hanayashiki จนภายหลังได้มีการติดตั้งเครื่องเล่นขึ้นจนเป็นอย่างที่เห็นทุกวันนี้
ส่วนตัวฉันคิดว่าฮานายาชิกิดูเหมือนจะเป็นสวนสนุกที่ถูกใจและตอบโจทย์ของความการของเด็กๆ มากกว่า อาจเพราะเครื่องเล่นน่ารัก สีสันสดใส และไม่ได้หวาดเสียวจนทำให้รู้สึกเป็นอันตรายมากนัก มีเครื่องเล่นที่น่าสนใจคือ Roller Coaster ที่เก่าแก่สุดที่ยังเปิดให้เล่นอยู่ในญี่ปุ่น ซึ่งติดตั้งในปี ค.ศ. 1953 ลองนับเป็นปีนี่ก็ปาเข้าไปกว่า 63 ปีแล้ว ถ้ากำลังมองหาสถานที่สำหรับการใช้เวลาร่วมกันในโตเกียว สวนสนุกฮานายาชิกิก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่น่าสนใจ
Info
Hanayashiki Amusement Park
Admission Fee: อายุ 7-12 ปี 500 เยน, 13-64 ปี 1,000 เยน, 65 ปีขึ้นไป 500 เยน, ผู้ทุพพลภาพเข้าฟรี
※Free Ride Pass (ไม่รวมค่าเข้าสวนสนุก): อายุ 7-12 ปี 2,200 เยน, 13-64 ปี 2,500 เยน, 65 ปีขึ้นไป 2,000 เยน, ต่ำกว่า 6 ปี 2,000 เยน
※Ride Ticket (ไม่รวมค่าเข้าสวนสนุก): Regular Ticket 100 เยน/ใบ, Coupon Book 1,000 เยน/11 ใบ
Hours: 10:00-18:00 น. (ขึ้นอยู่กับฤดูกาลและสภาพอากาศ)
Holiday: –
Website: www.hanayashiki.net
04 Kappabashi Street : ถนนกัปปะบาชิ
กัปปะบาชิ ถูกขนานนามให้เป็น Kitchenware Town จึงเป็นที่รู้จักกันในหมู่คนที่ต้องการหาซื้อเครื่องครัวในโตเกียว จุดสังเกตคือจะมีตัวกัปปะสีเขียวมาสคอตทั้งเป็นภาพ หุ่น กระจายตัวอยู่ ถนนยาวประมาณ 800 เมตร เต็มไปด้วยร้านค้าที่จำหน่ายเครื่องครัว จาน ชาม หม้อ กระทะ มีด สินค้าเบ็ดเตล็ดมากมาย ฯลฯ ราว 100 กว่าร้าน
เท่าที่เดินเข้าร้านนู้นออกร้านนี้ พบว่าสินค้าที่วางจำหน่ายมีหลากราคาให้เลือกตอบโจทย์เงินในกระเป๋า สำหรับนักท่อง เที่ยว อาจจะเป็นเรื่องยากหน่อยที่จะมีแพลนไปช็อปเครื่องครัวกลับเมืองไทย ก็ยังมีสินค้าเบ็ดเตล็ดไอเดียเก๋ของญี่ปุ่นที่น่าซื้อกลับมาฝาก หรือไม่ก็ลองไปเดินเล่นซึมซับบรรยากาศ ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกกับการค้าเก่าแก่ของ อาซากุสะ ก็ได้
Info
Kappabashi Street
Hours: 9:00-17:00 น. (เวลาร้านเปิด-ปิดโดยประมาณ)
Holiday: –
Website: http://www.kappabashi.or.jp/
Eating | ของอร่อยต้องกินที่อาซากุสะ
05 Pelican Bread : ขนมปังเพลิแกน
เพลิแกนเป็นร้านขนมปังที่เพื่อนชาวญี่ปุ่นบอกกับฉันว่า ถ้ามา เที่ยว ย่าน อาซากุสะ ยังไงก็ต้องหาเวลาแวะมากิน ขนมปังหน้าตาธรรมดา แต่มีชื่อเสียงขนาดที่ว่าถ้าไม่จองล่วงหน้ามาก่อนก็อาจจะอดกินได้ มันจะอะไรขนาดนั้น เป็นความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในหัว ตัวร้านสังเกตไม่ยาก หน้าร้านมีผ้าใบกันสาดสีแดงสดสกรีนโลโก้รูปนกเพลิแกนไว้ที่มุมขวาล่าง ด้านในร้านก็ไม่ได้ตกแต่งหวือหวา มีขนมปังที่วางเรียงรายอยู่บนชั้นไม้ติดผนังคล้ายชั้นหนังสือ
Pelican เปิดทำการมาเป็นเวลายาวนานกว่า 77 ปี (ค.ศ. 1942) แต่เดิมก็มีขนมปังจำหน่ายหลายประเภทเช่นเดียวกับขนมปังอื่นๆ แต่ภายหลังเหลือเพียงขนมปังปอนด์และขนมปังก้อนเล็กเท่านั้น โชคยังดีที่วันนั้นยังพอมีขนมปังปอนด์ 1 แถวเหลือให้ฉันได้ลอง เนื้อขนมปังด้านนอกกรอบนิดหน่อย ส่วนเนื้อด้านในเหนียวและนุ่ม เป็นขนมปังธรรมดาที่รสชาติไม่ธรรมดาอย่างที่ได้ยินคำร่ำลือมาจริงๆ
Info
Pelican Bread
Hours: 8:00-17:00 น.
Holiday: วันอาทิตย์
Website: www.bakerpelican.com
06 Yonekyu : โยเนะคิว
สายเนื้อขอแนะนำ โยเนะคิว ร้านนาเบะเนื้อในตำนานของย่านอาซากุสะ ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1886 ฉันแอบคิดในใจว่าต้องอร่อยมากแน่ๆ ถึงกล้าขายแค่ กิวนาเบะ (Gyu-Nabe) เพียงเมนูเดียว ร้านตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม ตั้งแต่ธรรมเนียมการต้อนรับลูกค้าผู้มาเยือนด้วยการตีกลอง ผ่านพ้นประตูเข้าไปด้านในมีสวนหย่อมเล็กๆ แบบญี่ปุ่นอยู่บริเวณใจกลางร้าน
ที่นี่มีข้อจำกัดคือ ต้องสั่งอาหารขั้นต่ำ 1 ชุดต่อ 1 ท่าน (เป็นมารยาทในร้านอาหารแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น) ราคาขั้นต่ำอยู่ที่ 3,160 เยนต่อชุด พนักงานจะมาเสิร์ฟพร้อมปรุงอาหารบนเตานาเบะให้ด้วย เนื้อวัวคุณภาพดีจุ่มลงในไข่ไก่ญี่ปุ่นสดๆ ก็เป็นรสชาติที่อดยิ้มตามไม่ได้ คนรักการกินเนื้อ ต้องปักหมุดที่นี่ไว้เลย
Info
Yonekyu
Hours: 12:00-21:00 น.
Holiday: วันพุธ
07 Daikokuya Tempura : ไดโคคุยะ เทมปุระ
Daikokuya เป็นร้านอาหารประเภทที่คุณยายสามารถชวนหลานมานั่งกินด้วยกันได้อย่างไม่รู้สึกเบื่อ คำอธิบายร้านน่ารักๆ จากเว็บไซต์ของร้านเทมปุระและด้วยความที่เทมปุระเป็นของโปรดที่กินได้ไม่เบื่อสักที ก็ทำให้ฉันต้องปักหมุดเทมปุระร้านนี้และตั้งใจว่าต้องแวะไปกินให้ได้
ร้านตั้งอยู่ทางเดินแยกจากถนนนากามิเสะมานิดหน่อย ใกล้ๆ กับวัดเซนโซจิ ตัวร้านด้านนอกดูกลมกลืนกับวัด บรรยากาศผ่อนคลายเป็นกันเอง ของอร่อยที่ควรลองของร้านนี้คือ เทมปุระ และเมนูดังที่ทางร้านบอกกับเราว่าขายดีมากคือเมนูกินง่ายอย่าง เทนด้ง (Tendon) ซึ่งก็คือข้าวหน้าเทมปุระ โปะมาด้วยกุ้งตัวโตและปลาคิสุชุบแป้งทอด เสิร์ฟมาพร้อมผักดองและซุปอุ่นๆ สำหรับฉันคิดว่าตัวซอสเดี่ยวๆ รสชาติติดเค็มไปหน่อย แต่เนื้อกุ้งเด้งดีมาก พอกินพร้อมกับข้าวก็กลายเป็นว่ารสชาติกลมกล่อมพอดี ร้านนี้เป็นที่นิยมมาก ถ้าไปช่วงเที่ยงวันก็อาจจะต้องรอคิวนาน
Info
Daikokuya Tempura
Hours: 11:10-20:30 น. (วันเสาร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 11:30-21:00 น.)
Holiday: –
Website: www.tempura.co.jp
Note: ไม่รับบัตรเครดิต
08 Kamiya Bar : คะมิยะ บาร์
คะมิยะ บาร์ มีชื่อเสียงมานานนมในย่านอาซากุสะ เพราะเป็นบาร์แห่งแรกของญี่ปุ่น อาจไม่ใช่บาร์ที่ตกแต่งหรูหรหาทันสมัยอะไร คนส่วนใหญ่ที่เดินทางมาคือเหล่าซาลารี่แมนไม่ก็คนมีอายุหน่อยในชุดสูท ดูเข้ากับบรรยากาศวินเทจของบาร์โบราณแห่งนี้มาก
ที่นี่จำหน่ายทั้งอาหารและเครื่องดื่ม แม้ไม่ใช่สายแอลกอฮอลล์จ๋า ก็ยังสามารถมาที่นี่ได้ และไม่ต้องกังวลเรื่องภาษา เพราะที่ร้านมีตู้กระจกที่โชว์อาหารของปลอมเพื่อให้ง่ายต่อการสั่งอาหารของนักท่องเที่ยว แต่อุตส่าห์มาที่บาร์ทั้งที ขอแนะนำเมนูขึ้นชื่อของคะมิยะ เด็งกิ บรัน (Denki Bran) เครื่องดื่มแก้วเล็กๆ เห็นหลายโต๊ะชอบสั่งมาดื่มคู่กับเบียร์
Info
Kamiya Bar
Hours: 11:30-22:00 น.
Holiday: วันอังคาร
Website: http://www.kamiya-bar.com/
09 Hoppy Street : ถนนฮ็อปปี้
มีคนบอกว่าถ้าอยากสัมผัสไนท์ไลฟ์ของย่านอาซากุสะ ให้มาที่ถนนฮ็อปปี้ ถนนสายนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของวัดเซ็นโซจิ ตลอดสองข้างทางเป็นร้านอิซากายะ (ร้านกินดื่มสไตล์ญี่ปุ่น) มีจุดสังเกตเข้าใจง่ายๆ คือเต็นท์พลาสติกที่ใช้คลุมเพื่อกันอากาศหนาวในตอนกลางคืนเป็นเอกลักษณ์ที่น่าจดจำของถนนฮ็อปปี้เลย
ร้านค้าในถนนฮ็อปปี้เปิดทั้งกลางวันและกลางคืน มีที่นั่งทั้งแบบอินดอร์และเอาท์ดอร์ริมถนน แต่จะคึกคักมากในช่วงที่ฟ้ามืด ด้วยบรรยากาศที่เป็นกันเอง อาหารและเครื่องดื่มราคาไม่แพงมากถูกใจทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว ว่ากันว่าถ้ามาถึงที่นี่แล้วต้องชิม Hoppy เครื่องดื่มชื่อเดียวกับถนน รสชาติคล้ายเบียร์แต่มีแอลกอฮอลล์น้อยกว่า มักจะกินคู่กับโซจู
Info
Hoppy Street
Hours: 24 ชั่วโมง
Holiday: –
Shopping | ช็อปของฝากจากย่านอาซากุสะ
10 Nakamise Shopping Street : ถนนนากามิเสะ
ถนนที่คึกคักที่สุดในย่านอาซากุสะ ไม่ว่าจะเดินทางไปในฤดูกาลใด จะร้อน จะหนาว ที่นี่ก็จะคราคร่ำไปด้วยผู้คนเสมอ ถนนนากามิเสะก็คือถนนสายที่อยู่ระหว่างประตูคามินาริมง (Kaminarimon Gate) ที่มีโคมแดงใหญ่ห้อยอยู่ยาวไปจนถึงประตูโฮโซมง (Hozomon Gate) ทางเข้าอาคารหลักของวัดเซ็นโซจินั่นเอง
สินค้าที่จำหน่ายตลอดสองข้างทางยาวประมาณ 200 เมตรของถนนสายนี้ส่วนใหญ่จะเป็นอาหาร ขนมขบเคี้ยว และของที่ระลึกมากมาย เหมาะสำหรับการหาซื้อของฝาก ด้วยความที่คนเยอะมาก ร้านอาหารส่วนใหญ่ที่นี่จะไม่อนุญาตให้เดินไปกินไป เพราะถ้าเผลอไปโดนใครเข้าก็คงจะรู้สึกไม่ดี
Info
Nakamise Shopping Street
Hours: 10:00-17:00 น.
Holiday: –
Website: asakusa-nakamise.jp/e-index.html
11 Bunsendo : บุนเซ็นโด
มาญี่ปุ่นหลายรอบ สิ่งที่ฉันสังเกตเห็นบ่อยๆ และชอบมากคือมักจะมีร้านที่ตั้งใจจำหน่ายสินค้าเพียงอย่างเดียว ครั้งนี้ก็เช่นกันฉันพบร้านขายพัดโบราณแฮนด์เมดที่เปิดในย่านอาซากุสะมานานราว 120 ปีแล้ว ในร้านจำหน่ายพัดเพียงอย่างเดียว แต่มีให้เลือกหลากประเภท หลายลาย ทั้งพัดชนิดคลี่และไม่คลี่สำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน รวมถึงพัดสั่งทำพิเศษสำหรับใช้ในงานเทศกาล
ลูกค้าส่วนใหญ่ของร้านบุนเซ็นโดคือนักแสดง เช่น การแสดงคาบูกิ (ศิลปะการแสดงญี่ปุ่นโบราณที่มีอายุยาวนานกว่าหลายร้อยปี) ที่ต้องใช้พัดอย่างดีที่กรีดออกและเก็บเข้าได้อย่างรวดเร็วและลื่นไหลเท่านั้น หากลูกค้าตัดสินใจซื้อ ก็จะได้รับคำแนะนำการใช้และดูแลรักษาพัดอย่างดี พัดที่เราเลือกจะค่อยๆ ถูกบรรจุลงกล่องอย่างประณีต ฉันรู้สึกว่ามันเป็นความรักและใส่ใจที่เจ้าของมีต่อของสิ่งหนึ่งอย่างเต็มหัวใจ
Info
Bunsendo
Hours: 10:30-18:00 น.
Holiday: ทุกวันจันทร์ตั้งแต่วันที่ 20 เป็นต้นไปของทุกเดือน
Note: ไม่รับบัตรเครดิต
12 Asakusa Nishi-sando Shopping Street : ถนนช็อปปิ้งนิชิซันโด
ถนนช็อปปิ้งทางตะวันตกของวัดเซ็นโซจิ มีระยะทางประมาณ 150 เมตร ฉันว่าถนนสายนี้น่ารักตรงที่ทางเดินเป็นพื้นไม้ ได้ยินมาว่าถนนสายนี้ได้ไอเดียมาจาก Hanafuda เกมไพ่ดั้งเดิมของญี่ปุ่น ซึ่งบนไพ่จะเป็นภาพดอกไม้ ต้นไม้ ใบหญ้า และสัตว์ต่างๆ ตามแต่ฤดูกาลของญี่ปุ่น และประตูทางเข้าที่เป็นเอกลักษณ์ถูกรีโนเวทใหม่เมื่อปี ค.ศ. 2014
ฉันว่าที่นี่มีกลิ่นอายแบบงานเทศกาลญี่ปุ่น 2 ข้างทางมีร้านค้า ร้านอาหาร ของฝากสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม มีร้านให้ตักปลาแบบในงานวัดแถวบ้าน มีร้านเมลอนปังชื่อดังที่มาแล้วต้องลองอยู่ตรงปากประตูทางเข้าพอดี เห็นคนเช่าชุดยูกาตะใส่ถ่ายรูปกันที่นี่ เข้ากับบรรยากาศได้ดีทีเดียว
Info
Asakusa Nishi-sando Shopping Street
Hours: 11:00-15:00 น.
Holiday: –
Website: https://www.asakusaomatsuri.com/
Hostel | โฮสเทลย่านอาซากุสะแสนดีต่อใจ
13 Book and Bed Tokyo Asakusa : โฮสเทลบุ๊กแอนด์เบด สาขาอาซากุสะ
หนึ่งที่พักดีต่อใจในย่านอาซากุสะ ขอแนะนำให้รู้จักกับบุ๊กแอนด์เบดที่เรียกตัวเองว่า An Accomodation Bookshop ที่นี่เป็นเหมือนร้านหนังสือที่เปิดให้นอนค้างคืนได้ อันที่จริงมีหลายสาขาในโตเกียวและสาขาอื่นในญี่ปุ่น ได้แก่ โอซาก้าและฟุกุโอกะ บุ๊กแอนด์เบดมีขนาดเล็กใหญ่ต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่ แต่ที่แน่ๆ จุดร่วมของคือทุกสาขาคือมีเหล่าบรรดาหนังสือทั้งภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่นอัดแน่นเต็มพื้นที่
ฉันเคยพักที่บุ๊กแอนด์เบดสาขาอื่นอยู่เหมือนกัน เลยคิดว่าสาขาอาซากุสะค่อนข้างเล็ก แต่ก็มีพื้นที่ส่วนกลางและหนังสือเพียงพอต่อความต้องการ ถ้าไม่อยากออกไปไหนที่นี่ก็จำหน่ายเครื่องดื่มและขนมที่พออยู่ท้องด้วย บุ๊กแอนด์เบดไม่ใช่ที่พักที่ราคาถูกที่สุด แต่ดีต่อใจที่สุดสำหรับคนรักหนังสืออย่างฉัน Have a Book Night นะทุกคน
Info
Online Reservation: คลิกที่นี่เพื่อจอง Book and Bed Tokyo Asakusa
Website: bookandbedtokyo.com
Note: ไม่รับบัตรเครดิต
14 Bunka Hostel Tokyo : โฮสเทลบุนกะ โตเกียว
บุนกะเป็นโฮสเทลที่ตั้งใจให้เป็นมากกว่าที่พักยามค่ำคืน ออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมต่างๆ ของญี่ปุ่นที่แฝงอยู่ในชีวิตประจำวัน ผ่านเตียงนอน บาร์อิซากายะชั้นล่าง ระเบียง รวมถึงอาหารที่มีจำหน่ายภายในที่พัก ทำให้ผู้มาพักได้รู้สึกเหมือนใช้ชีวิตในญี่ปุ่นจริงๆ
ห้องพักมีให้เลือกทั้งแบบ Mixed/Female Domitory พักรวมเตียงสองชั้น, Single Domitory พักรวมแต่เป็นเตียงเดี่ยว และ Family Room ห้องเตียงสองชั้นสำหรับสี่คน แม้จะเป็นห้องพักรวมแต่ก็ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูงสไตล์คนญี่ปุ่น โดยจะให้ทางเข้าเตียงหันไปในทิศทางสลับกัน และชั้นล่างสุดมี Izakaya Bunka อิซากายะบาร์สไตล์ญี่ปุ่นเปิดโล่งให้ทั้งแขกผู้พักและใครก็ตามที่อาจเดินผ่านมาเจอได้มาทำความรู้จักและใช้เวลาร่วมกัน ผ่านเครื่องดื่มญี่ปุ่นรสชาติดี เช่น สาเก และอาหารวัตถุดิบท้องถิ่นตามฤดูกาล
Info
Online Reservation: คลิกที่นี่เพื่อจอง Bunka Hostel Tokyo
Website: https://bunkahostel.jp/
15 Khaosan Tokyo Samurai : โฮสเทลข้าวสาร โตเกียว ซามูไร
โฮสเทลชื่อไทยๆ ที่มีเรื่องราวเบื้องหลังคือเจ้าของเคยมาเที่ยวเมืองไทยแล้วชอบถนนข้าวสารมาก จึงนำมาทำเป็นคอนเซ็ปต์โรงแรม ฉันลองหาข้อมูลต่อและพบว่ามีสาขาที่ญี่ปุ่นถึง 6 สาขา แล้วก็ค่อนข้างมีชื่อเสียงอีกด้วย
แม้โฮสเทลจะชื่อไทยจ๋าแต่การออกแบบตกแต่งเป็นสไตล์ญี่ปุ่นโบราณ เช่น พื้นที่ส่วนกลางถูกทำให้เป็นห้องที่ปูด้วยเสื่อทาทามิกับโต๊ะญี่ปุ่นตัวเตี้ย โซนห้องพักที่นี่เรียกกันว่าแคปซูลก็ทำจากไม้มีให้เลือกถึง 9 ประเภท จะนอนเดี่ยว นอนคู่ แยกเพศ ก็มีให้บริกากร โฮสเทลสีโทนอุ่น ชวนให้รู้สึกเหมือนเดินในบ้านคนญี่ปุ่นสมัยก่อน
Info
Online Reservation: คลิกที่นี่เพื่อจอง Khaosan Tokyo Samurai
Website: samurai.khaosan-tokyo.com/th-th
การเดินทางไปอาซากุสะ
มีหลายเส้นทาง หลายสายรถไฟที่สามารถนั่งไปลงที่สถานีอาซากุสะได้ แต่วิธีการเดินทางที่จะบอกต่อไปนี้ คัดเฉพาะการเดินทางที่สะดวกมากสุด
จากสถานีอุเอโนะ (Ueno Station) ➝ นั่งรถไฟ Tokyo Metro Ginza Line (For Asakusa) ไปลงที่สถานีอาซากุสะ (Asakusa Station) ใช้เวลา 5 นาที (3 ป้าย)
จากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) ➝ นั่งรถไฟ JR Yamanote Line (For Ueno/ Ikebukuro) ไปลงที่สถานีคันดะ (Kanda Station) ใช้เวลา 2 นาที (1 ป้าย) จากนั้นให้เปลี่ยนไปนั่ง Tokyo Metro Ginza Line (For Asakusa) ไปลงที่สถานีอาซากุสะ (Asakusa Station) ใช้เวลา 10 นาที (6 ป้าย)
จากสถานีชินจูกุ (Shinjuku Station) ➝ นั่งรถไฟ Chuo Line ไปลงที่สถานีคันดะ (Kanda Station) ใช้เวลา 12 นาที (3 ป้าย) จากนั้นให้เปลี่ยนไปนั่ง Tokyo Metro Ginza Line (For Asakusa) ไปลงที่สถานีอาซากุสะ (Asakusa Station) ใช้เวลา 10 นาที (6 ป้าย)
จากสถานีกินซ่า (Ginza Station) ➝ นั่ง Tokyo Metro Ginza Line (For Asakusa) ไปลงที่สถานีอาซากุสะ (Asakusa Station) ใช้เวลา 17 นาที (10 ป้าย)
จากสถานีชิบูย่า (Shibuya Station) ➝ นั่ง Tokyo Metro Ginza Line (For Asakusa) ไปลงที่สถานีอาซากุสะ (Asakusa Station) ใช้เวลา 35 นาที (18 ป้าย)