ถ้าพูดถึงหน้าร้อนญี่ปุ่น คนส่วนใหญ่คงพอได้ยินกันมาบ้างว่ามันร้อนขนาดไหน เลยอาจจะทำให้หลายคนเลี่ยงไปเที่ยวในช่วงนี้ แต่ถึงยังไงก็มีสถานที่ท่องเที่ยวไว้คลายร้อนอยู่ไม่น้อยเช่นกัน ยิ่งถ้าพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติในญี่ปุ่นแล้วล่ะก็ ที่ภูมิภาคคันไซก็มีสถานที่น่าไปเที่ยวอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ทุ่งดอกไม้กลางหุบเขา, ป่าเขาที่จะพาไปสัมผัสอากาศเย็นท่ามกลางธรรมชาติ, หรือจะเป็นน้ำตกสถานที่ยอดฮิตประจำหน้าร้อน พูดมาขนาดนี้ก็เริ่มดูน่าสนใจกันแล้วใช่ไหมล่ะ วันนี้คิจิก็เลยอยากมานำเสนอ 9 สถานที่น่าไปเยือนในคันไซในช่วงหน้าร้อน เตรียมครีมกันแดดพร้อมแล้ว ก็ออกไปเที่ยวกันเถอะ !🌤️🍃

1. คุมาโนะโคโด (Kumano Kodo)

คุมาโนะโคโดเป็นสถานที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO  ให้เป็นแหล่งมรดกของโลกอีกทั้งคุมาโนะโคโดเป็นที่รู้จักกันในนาม “เส้นทางแสวงบุญ” เพราะจุดหมายปลายทางของคุมาโนะโคโดจะอยู่ที่ “คุมาโนะซันซัง” หรือ 3 ศาลเจ้าใหญ่ ได้แก่ ศาลเจ้าคุมาโนะฮงกู (Kumano Hongu  Taisha), ศาลเจ้าคุมาโนะฮายาตามะ (Kumano Hayatama Taisha), ศาลเจ้าคุมาโนะนะชิ (Kumano Nachi Taisha) และยังรวมวัดอีก 1 แห่ง นั่นก็คือ วัดเซกันโตจิ (Seiganto-ji) ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวไปนั้นอยู่ในจังหวัดวากายามะนั่นเอง

ภาพ : https://www.wakayama-kanko.or.jp/

ไฮไลท์ของที่นี่อยู่ที่เส้นทางไปยังศาลเจ้านี่แหละ เราสามารถเลือกตามใจเราได้เลยว่าอยากใช้เส้นทางไหน เอาที่เราคิดว่าเดินพอไหวจะดีที่สุด แต่ไม่ว่าเราจะเลือกเส้นทางไหนท้ายที่สุดแล้วเราก็จะได้รับชมทัศนียภาพอันสวยงามของคุมาโนะโคโดอยู่ดี เพราะแต่ละเส้นทางก็มีความโดดเด่นและเสน่ห์ที่แตกต่างกันไป เช่น Kumano Kodo – Nakahechi Daimon-saka Pilgrim Route เส้นทางนี้จะเหมาะกับคนที่อยากไปสักการะทั้งศาลเจ้าและวัดญี่ปุ่นพร้อมชมความสวยงามจากธรรมชาติของน้ำตกนะชิ (Nachi Falls) ไปในคราวเดียวกัน

ภาพ : https://www.wakayama-kanko.or.jp/

Info
Kumano Kodo
Location: เมืองนะชิคัตสึอุระ (Nachikatsuura) จังหวัดวากายามะ (Wakayama)
Hours: 7.00-17.00 น.
Holiday: วันหยุดไม่แน่นอน
Access: จากสถานี Kii-Katsuura Station นั่งรถบัส Kumano Gobo Nankai ไปสถานี Kumano Kodo (เที่ยวสุดท้าย 17.45 น.)
Website: https://www.wakayama-kanko.or.jp

2. พิพิธภัณฑ์สวนฮิเอะ (Garden Museum Hiei)

หลังจากที่อ่านชื่อสถานที่บางคนคงแอบสงสัยว่า เอ๊ะ เป็นสวนดอกไม้หรือพิพิธภัณฑ์กันแน่? แต่ความจริงแล้วที่นี่เป็นสวนดอกไม้ที่เป็นพิพิธภัณฑ์ เพราะแรงบันดาลใจในการเนรมิตสวนแห่งนี้มาจากภาพวาดของจิตรกรระดับโลกอย่าง โคลด์ โมเนต์ (Claude Monet), วินเซนต์ แวนโก๊ะ (Vincent Van Gogh), ปิแอร์ ออกุสต์ เรอนัวร์ (Pierre Auguste Renoir) และปอล เซซาน (Paul Cézanne) ให้ออกมาอยู่ตรงหน้าเราเหมือนกับเรากำลังชมภาพวาดของจิตรกรในพิพิธภัณฑ์ที่กำลังมีชีวิตอยู่เลยล่ะ

ภาพ : gardenmuseum_gardener

ดอกไม้ในสวนก็จะผลัดเปลี่ยนไปตามฤดูกาล (ปิดทำการในฤดูหนาว) และมีหลากหลายโซนไม่ว่าจะเป็น โซนสวนหอมที่มีดอกไม้หอม ๆ นานาพันธุ์, โซนร่มรื่นที่มีแสงอาทิตย์ลอดผ่านต้นไม้มาเล็กน้อย, โซนสวนบัวสายที่เมื่อข้ามสะพานเราจะได้เพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ของหนองน้ำที่มีบัวสาย, และเนินฟูจิที่มีดอกฟูจิห้อมล้อม นอกจากนี้ที่สวนแห่งนี้ยังมีจุดชมวิว, คาเฟ่, ร้านขายของที่ระลึกอีกด้วย อากาศบนภูเขาฮิเอะที่เย็นสบายทำให้ดอกกุหลาบของที่นี่จะบานตั้งแต่ต้นหน้าร้อนจนถึงปลายเดือนตุลาคมเลย

ภาพ : gardenmuseum_gardener

Info
Garden Museum Hiei
Location: เขตซาเคียว(Sakyo) จังหวัดเกียวโต (Kyoto)
Hours: วันทำการปกติ (ตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย.-31 ต.ค.) 10.00-17.30 น.(เข้าคนสุดท้ายเวลา 17.00 น.) 
Holiday: วันพฤหัสบดี 
Instagram: @gardenmuseum_gardener
Access: จากสถานีกระเช้าลอยฟ้าฮิเอะซันโจเดินประมาณ 20-25 นาทีถึงใจกลางสวน
Website: http://gmhiei.jp/

3. ฮิโระบุน (Hirobun)

ถ้าพูดถึงกลิ่นอายของความเป็นหน้าร้อนแล้วคนญี่ปุ่นอาจจะนึกถึง 川床 (Kawadoko) หรือก็คือการรับประทานอาหารริมน้ำสไตล์ญี่ปุ่น ถ้าอยากลองไปดูสักครั้งเราก็แนะนำที่นี่เลย “ฮิโระบุน (Hirobun)” เป็นร้านที่ขึ้นชื่อทั้งในเกียวโตและก็สำหรับนักท่องเที่ยวด้วย

ภาพ : kifunehirobun

ฮิโระบุนเป็นเรียวกังที่มีร้านอาหารอยู่ในตัว ตั้งอยู่ในเมืองเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า “คิบุเนะ (Kibune)” ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ศาลเจ้าคิฟุเนะที่คนญี่ปุ่นเชื่อกันว่าหากไปสักการะศาลเจ้าแห่งนี้จะช่วยเสริมดวงในเรื่องความรัก หลังจากอิ่มเอมใจและเหนื่อยจากการเดินทางแล้วเราก็ต้องเสริมทัพด้วยการไปนั่งหาอะไรกินชิล ๆ หน่อยใช่ไหมล่ะ

ภาพ : kifunehirobun

ถ้าพูดถึงเรียวกังแน่นอนว่าต้องนึกถึงความหรูหราสไตล์ญี่ปุ่น ที่นี่จึงมีอาหารแบบไคเซกิ (Kaiseki) หรือการเสิร์ฟอาหารฟูลคอร์สสไตล์ญี่ปุ่น นั่นคือ คาวาโดโกะ ไคเซกิ (Kawadoko Kaiseki) ราคาเริ่มต้น 10,890 เยน (ต้องจองล่วงหน้า) แต่ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไปหากเราอยากประหยัดงบที่นี่ก็มี นากาชิโซเมน (Nagashi somen) ราคา 2,000 เยน ซึ่งก็คือการรับประทานโซเมนที่ไหลมาตามรางไม้ไผ่ที่มีขายเฉพาะแค่หน้าร้อนเท่านั้น เพียงเท่านี้เราก็สามารถเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ของลำธารใสและเติมความสดชื่นในหน้าร้อนนี้ได้แล้ว

ภาพ : https://hirobun.co.jp/

Info
Hirobun
Location: เมืองคิบูเนะ (Kibune), จังหวัดเกียวโต (Kyoto)
Hours: กลางวัน 11.00-15.00 น. (เข้าได้ถึง 13.30 น.) เย็น 16.30-21.00 น. (เข้าได้ถึง 18.00 น.)
Holiday: วันหยุดไม่ปกติ (หยุดประจำวันพุธ และต้นปี)
Instagram: @kifunehirobun
Access: เดินจากศาลเจ้าคิฟุเนะโซน (Yui no Yashiro) ประมาณ 1 นาที
Website: https://hirobun.co.jp/

4. โอมิฮาจิมัง (Omihachiman)

 เมืองโอมิฮาจิมังเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดชิกะ และเป็นเมืองที่ตั้งอยูริมฝั่งทะเลสาบบิวะ ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งบ้านเรือนและโกดังของที่นี่ชาวบ้านช่วยกันบำรุงรักษาให้คงสภาพเดิมไว้มากที่สุด

ภาพ : https://www.omi8.com/omihachiman/suigo/

นอกจากความสวยงามแบบดั้งเดิมของบ้านเรือนที่นี่แล้ว ไฮไลท์ของที่นี่ยังมีบริการพายเรือทัวร์รอบเมืองที่มีทั้งเรือยนต์และเรือพายเลย ถ้าใครอยากสัมผัสบรรยากาศแบบพ่อค้าโอมิที่เดินทางไปค้าขายโดยการใช้เรือล่ะก็ เรือพายก็น่าสนใจไม่ใช่น้อยเลยนะ (มีคนพายให้นะ) ในส่วนของราคาก็จะแตกต่างไปตามแต่ละบริษัท ยิ่งเวลาทัวร์นานก็ยิ่งราคาสูงตามไปด้วย โดยระยะเวลาล่องเรืออยู่ที่ประมาณ 60-80 นาที แนะนำว่าถ้าไปกันหลายคนแบบเหมาลำจะคุ้มกว่า ในบางแพ็คเกจก็จะมาพร้อมกับเซ็ทเบนโตะด้วยนะ ใครอยากล่องเรือดื่มด่ำบรรยากาศสไตล์เมืองเก่าแบบชิล ๆ ในช่วงหน้าร้อนต้องที่นี่เลย

ภาพ : https://www.omi8.com/omihachiman/suigo/

Info
Suigo Meguri(Omihachiman)
Location: เมืองโอมิฮาจิมัง (Omihachiman), จังหวัดชิกะ (Shiga)
Hours: กลางวัน 11.00-15.00 น. (เข้าได้ถึง 13.30 น.) เย็น 16.30-21.00 น. (เข้าได้ถึง 18.00 น.)
Holiday: วันหยุดไม่ปกติ (วันหยุดประจำคือวันพุธ และต้นปี)
Access: นั่งรถเมล์มาลงป้ายด้านหน้าศาลเจ้าฮิมุเระฮาจิมังงุ (Himure Hachimangu Shrine) และเดินต่อประมาณ 10 นาที
Website: https://www.omi8.com/omihachiman/suigo/

5. โอคุบิวะโกะ พาร์คเวย์ (Okubiwako-Parkway)

สำหรับใครที่อยากเช่ารถขับเที่ยว เราขอแนะนำเส้นทางขับรถชมวิวธรรมชาติ โอคุบิวาโกะ พาร์คเวย์ (Okubiwako-Parkway) ซึ่งเป็นอีกมุมที่ทำให้เราได้เพลิดเพลินไปกับความงามของทะเลสาบบิวะตลอดทางขับรถ


ภาพ : https://www.biwako-visitors.jp/spot/detail/854/

โอคุบิวาโกะ พาร์คเวย์เป็นเส้นทางขับรถชมวิวธรรมชาติระยะทางกว่า 18.8 กม.เมื่อลัดเลาะไปตามทางเรื่อย ๆ เราจะได้ชื่นชมไปกับทิวทัศน์ของต้นซากุระเรียงรายอยู่ตามทาง รวมถึงทิวทัศน์ของเกาะชิคุบุ (Chikubu Island) และทะเลสาบบิวะที่สามารถหาดูได้แค่จากการนั่งรถที่นี่เท่านั้น ประหนึ่งทะเลสาบบิวะกำลังโอบล้อมเราอยู่เลยล่ะ นอกจากทางขับรถชมวิวแล้วเนี่ย ที่นี่ก็มีเส้นทางสำรวจธรรมชาติที่เหมาะกับคนชอบเดินเขาอีกด้วย

ภาพ : http://www.koti.jp/contents/park/index.html

Info
Okubiwako-Parkway
Location: เมืองนากาฮามะ (Nagahama), จังหวัดชิกะ (Shiga)
Hours: 8.00 น-18.00 น. (ทางเข้าปิด 17:00 น.)
Holiday: ไม่มีวันหยุด (ปิดให้บริการในฤดูหนาว)
Access: แนะนำให้ใช้เช่ารถยนต์ในการเดินทางเนื่องจากเป็นเส้นทางขับรถชมวิว
Website: http://www.koti.jp/contents/park/index.html

6. สวนพฤกษศาสตร์ร็อคโค (Rokko Alpine Botanical Garden)

สวนพฤกษศาสตร์ร็อคโคเป็นสวนพฤกษศาสตร์ที่ตั้งอยู่บนภูเขาร็อคโค แม้ว่าจะใช้เวลาเดินทางแค่ 30 นาที จากตัวเมืองโกเบ แต่เมื่อเราขึ้นกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนภูเขาเราจะสัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นของภูเขาร็อคโคอย่างน่าประหลาดใจเลยล่ะ

ภาพ : rokkoalpine

สวนพฤกษศาสตร์ที่นี่ตั้งอยู่ที่ระดับความสูงจากน้ำทะเล 865 เมตร ความหนาวเย็นของที่นี่จึงเทียบได้กับภูมิอากาศทางตอนใต้ของจังหวัดฮอกไกโดเลย ด้วยภูมิอากาศของภูเขาแห่งนี้ทางสวนจึงสามารถเพาะปลูกพืชเมืองหนาวได้ รวมไปถึงพืชท้องถิ่น และพืชจากภูเขาสูงต่าง ๆ อีกด้วย รวมทั้งสิ้นมากกว่า 1,500 สายพันธุ์ ใครที่อยากไปสัมผัสกับธรรมชาติพร้อมเพลิดเพลินไปกับการชมมวลดอกไม้ต้องที่นี่เลย

ภาพ : rokkoalpine

Info
Rokko Alpine Botanical Garden
Location: เมืองโกเบ (Kobe) จังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo) 
Hours: 10.00 น-17.00 น. (เปิดให้เข้ารอบสุดท้าย 16:30 น.) *อาจมีการขยายเวลาถ้าจัดอีเว้นท์
Holiday: ทุกวันพฤหัสบดีเดือนมี.ค.-เม.ย. และวันพฤหัสที่ 20 มิ.ย.-11ก.ค. (หยุดเฉพาะวันพฤหัสบดี) 
Instagram: @rokko_alpine_botanicalgarden
Access: นั่งรถบัสจากสถานีกระเช้าลอยฟ้าร็อคโคอาริมะไปยังสถานีสวนพฤกษศาสตร์ร็อคโค จากป้ายรถเดินประมาณ 1 นาที
Website: https://www.rokkosan.com/hana/

7. น้ำตกมิโน (Minoh Falls)

หลังจากไปเที่ยวชมสวนดอกไม้แล้วก็ต้องมาต่อกันที่น้ำตกเลย น้ำตกมิโนตั้งอยู่ในสวนสาธารณะมิโน (Minoh Park) จังหวัดโอซาก้า (Osaka) ถ้าเราเดินทางจากตัวเมืองเราสามารถเข้าชมน้ำตกสวย ๆ แบบนี้ เพียงใช้เวลาแค่ 30 นาทีเท่านั้น ธรรมชาติเนี่ยอยู่รอบตัวเราจริง ๆ

ภาพ : minohkoen_minohpark

ทิวทัศน์รอบ ๆ ก็จะห้อมล้อมไปด้วยภูเขาและต้นไม้ และระดับความสูงของน้ำตกที่น้ำไหลลงมาอยู่ที่ประมาณ 30 เมตร ถ้าเราอยู่ในระยะที่ใกล้พอเราจะสัมผัสได้ถึงละอองน้ำจากน้ำตกเลยล่ะ แม้ว่าช่วงที่คนจะนิยมไปเที่ยวกันมากที่สุดอาจจะเป็นฤดูใบไม้ร่วงเพราะใบไม้เปลี่ยนสีทำให้ทัศนียภาพรอบน้ำตกสวยมาก แต่ในหน้าร้อนใบไม้และป่าที่เขียวชอุ่มก็สวยไม้แพ้กันหรอกนะแถมยังเป็นที่คลายร้อนชั้นดีอีกด้วย

ภาพ : minohkoen_minohpark

Info
Minoh Falls
Location: เมืองมิโน (Minoh) จังหวัดโอซาก้า (Osaka) 
Hours: ไม่มีเวลาเปิด-ปิด
Holiday: ไม่มีวันหยุด
Instagram: @minohkoen_minohpark
Access: จากสถานีมิโนใช้เวลาเดินประมาณ 40 นาที(สวนสาธารณะห้ามยานพาหนะทุกชนิดเข้า)
Website: https://www.mino-park.jp/

8. หุบเขามิตะไร (Mitarai Valley)

หุบเขามิตะไรตั้งอยู่กลางในหมู่บ้านเทนคาวะ (Tenkawa) จังหวัดนารา (Nara) ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO ให้เป็นแหล่งมรดกของโลกจากทิวทัศน์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ เพราะไม่ว่าจะฤดูไหนที่นี่ก็จะสวยงามเสมอ

ภาพ : https://www.vill.tenkawa.nara.jp/tourism/

ทิวทัศน์ของหุบเขาแห่งนี้ระหว่างที่เราเดิน เราจะเห็นทางน้ำไหลผ่านทางไปเรื่อย ๆ ต้นไม้ป่าเขาสีเขียวชอุ่มกับภูเขาลึกที่ห้อมล้อมเราอยู่เป็นภาพที่หาดูได้ยาก นอกจากนี้ในระหว่างที่คุณกำลังเดินข้ามสะพานแขวนคุณสามารถมองเห็นน้ำตกที่ไหลผ่านหินก้อนใหญ่ที่กระจัดกระจายอยู่บนทางน้ำจากบนสะพานได้อีกด้วย แล้วน้ำของที่นี่ก็ยังเป็นสีมรกตด้วยนะ ถึงจะเดินไกลซักหน่อยแต่ได้อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ แล้วยังได้สัมผัสกับอากาศเย็นในหน้าร้อนได้อีก ฟินสุด ๆ

ภาพ : https://www.vill.tenkawa.nara.jp/tourism/

Info
Mitarai Valley
Location: เมืองโยชิโนะ (Yoshino) จังหวัดนารา (์Nara) 
Hours: ไม่มีเวลาเปิด-ปิด
Holiday: ไม่มีวันหยุด
Instagram: @tenkawa_official
Access: จากสถานีชิโมะอิมะจิอิขึ้นรถบัส Nara Kotsu ไปยังหมู่บ้านเทนคาวะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง
Website: https://www.vill.tenkawa.nara.jp/tourism/

9. รีสอร์ท Menard Aoyama

เดินทางมาถึงที่สุดท้ายกันแล้วกับรีสอร์ท Menard Aoyama ตั้งอยู่ในที่ราบสูงอาโอยามะของเมืองอิกะ(Iga) จังหวัดมิเอะ(Mie) และที่นี่ก็ที่พักหลากหลายแบบให้เราได้เลือกพัก กิจกรรมเวิร์คช็อปก็มีให้เราเลือกทำเยอะเหมือนกัน

ภาพ : https://www.menard.co.jp/resort/

รีสอร์ทแห่งนี้มีโซนต่าง ๆ มากมายให้เราเลือกใช้บริการไม่ว่าจะเป็นโซนห้องพัก ออนเซ็น สนามกอล์ฟ โซนเสริมความงาม และโซนที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่เลยก็ว่าได้นั่นก็คือ เฮิร์บการ์เด้น เป็นสวนดอกไม้ที่นอกจากความสวยงามและกลิ่นที่หอมแล้ว นอกจากนี้เรายังสามารถเพลิดเพลินไปกับการเก็บดอกไม้ได้อีก ถ้าเราไปช่วงหน้าร้อนนี้ดอกไม้ที่เราจะได้เจอก็คือ ลาเวนเดอร์นั่นเอง ถ้าได้ไปอยู่ท่ามกลางดอกเลเวนเดอร์คงรู้สึกผ่อนคลายไม่น้อยเลยทีเดียว

ภาพ : https://www.menard.co.jp/resort/

Info
Menard Aoyama Resort
Location: เมืองอิกะ (Iga) จังหวัดมิเอะ (์Mie) 
Hours: 9.00 น.-17.00 น.(แผนกต้อนรับปิดทำการเวลา 16.00 น.)
Holiday: ไม่มีวันหยุด
Access: จากสถานี Iga-Kobe ขึ้นรถบัสของรีสอร์ท ใช้เวลาประมาณ 35 นาที (ต้องจองที่พักหรืออาหารกับทางรีสอร์ทถึงจะสามารถขึ้นได้)
Website: https://www.menard.co.jp/resort/

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ