Best Basashi in Kumamoto : 7 ร้านดังเมนูเนื้อม้าดิบในคุมาโมโตะ

คุมาโมโตะเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคคิวชู ประเทศญี่ปุ่น มีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอย่างปราสาทคุมาโมโตะ (Kumamoto Castle) และมีมาสคอตประจำจังหวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกอย่างคุมะมง (Kumamon) เจ้าหมีสีดำสุดน่ารักที่มีแก้มเป็นวงกลมสีแดง อีกทั้งยังอุดมไปด้วยด้วยธรรมชาติและผลผลิตทางการเกษตร ทำให้มีวัตถุดิบท้องถิ่นที่ขึ้นชื่อหลายอย่าง สำหรับอาหารที่ขึ้นชื่อและขาดไปไม่ได้เลย นั่นก็คือ เนื้อม้าดิบ (Basashi) เป็นเนื้อที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์และอุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย ครั้งนี้เลยมาแนะนำ 7 ร้านอาหารในคุมาโมโตะที่ขึ้นชื่อเมนูเนื้อม้าดิบ

7 ร้านดังเมนูอาหารจากเนื้อม้าดิบในคุมาโมโตะ 🥩

01 Kenzo

ภาพ : Instagram ymmotsu

มาเริ่มกันที่ร้านอาหารท้องถิ่นจากเนื้อม้า Kenzo เปิดกิจการมาตั้งแต่ ค.ศ. 2007 เป็นร้านที่ได้รับการอุดหนุนจากผู้คนมาอย่างยาวนาน ทั้งจากคนญี่ปุ่นเองและจากชาวต่างชาติ เมื่อพูดถึงเนื้อม้าคุณภาพดีก็ต้องนึกไปถึงเนื้อม้าลายหินอ่อน ซึ่งเป็นส่วนของเนื้อแดงที่มีไขมันแทรกอยู่จำนวนมากทำให้มีลักษณะคล้ายกับหินอ่อน มีความหวาน, นุ่มและลื่นคอ โดยร้านแห่งนี้ถือเป็นหนึ่งในร้านที่มีเนื้อม้าลายหินอ่อนคุณภาพดีที่สุดในคุมาโมโตะ

ภาพ : basashi-kenzo.com

เมื่อเดินเข้ามาในร้านก็จะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศร้านที่ดูมีความอบอุ่นเหมือนบ้าน มีทั้งที่นั่งแบบเคาน์เตอร์สำหรับนั่งคนเดียวและแบบโต๊ะชุดสำหรับหลายคน ประดับบริเวณเคาน์เตอร์ด้วยแจกันดอกไม้เล็กน้อย อีกทั้งยังมีตู้แช่โชว์วัตถุดิบที่จะเปลี่ยนไปในทุกวัน ทำให้ลูกค้าที่มานั่งกินอาหารที่เคาน์เตอร์สามารถเพลิดเพลินไปกับอาหารพร้อมชื่นชมวัตถุดิบเหล่านี้ไปพลางๆ ได้อีกด้วย

ภาพ : basashi-kenzo.com

เมนูแรกของร้านที่อยากนะนำคือ Basashi (2,310 เยน) ซาชิมิเนื้อม้าดิบลายหินอ่อนสุดพรีเมียม เนื้อสีแดงสดตัดกับสีขาวจากไขมันได้อย่างสวยงาม และตกแต่งจานด้วยผักหลากหลายชนิด เมื่อกัดเนื้อเข้าไปจะสัมผัสได้ถึงเนื้อที่นุ่มและมีความเหนียวกำลังดี มาพร้อมกับรสชาติหวานจากไขมันกระจายไปทั่วปาก

ภาพ : basashi-kenzo.com

สำหรับจานเรียกน้ำย่อยก็มี Sakura Natto (525 เยน) เนื้อม้าที่สดใหม่จะมีเนื้อสีออกชมพูสวยงาม จึงมักถูกเรียกว่า เนื้อซากุระ (Sakuraniku) หรือ ซากุระ นำเนื้อม้าสับละเอียดวางท็อปบนนัตโตะที่ผสมกับต้นหอมสไลซ์ ปิดท้ายด้วยการวางไข่แดงดิบลงบนเนื้ออีกที ก่อนกินเราจะต้องคลุกทุกอย่างให้เข้ากัน ทำให้เมื่อกินแล้วจะสัมผัสได้ถึงรสชาติของเนื้อม้า, ไข่แดงและรสชาติของนัตโตะที่มีความเข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ

02 Umaryori Tengoku

ภาพ : Instagram setmymind3

Umaryori Tengoku ร้านอาหารที่เสิร์ฟเฉพาะเมนูเนื้อม้าซึ่งดำเนินกิจการมาตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1990 ด้วยระยะเวลาที่ได้ก่อตั้งมาอย่างยาวนานทำให้ร้านมีวิธีการจัดเก็บและรูปแบบการหั่นเนื้อตามแบบเฉพาะของร้าน ส่งผลให้เนื้อม้าของที่นี่มีรสชาติอร่อยเป็นเอกลักษณ์ เคล็ดลับความอร่อยของร้านอีกอย่างมาจากข้าวคุณภาพดี อย่างข้าวฮิโนฮิคาริ (Hinohikari Rice) ข้าวมันวาวเหนียวนุ่ม อีกทั้งยังใช้พืชผักท้องถิ่นในการประกอบอาหาร

ภาพ : umaryouri.jp

ภายในร้านมีที่นั่งทั้งหมด 43 ที่นั่ง ตกแต่งภายในร้านแบบสไตล์ญี่ปุ่นพร้อมทั้งปูพื้นด้วยเสื่อทาทามิ ทำให้บรรยากาศดูเงียบสงบ มีทั้งที่นั่งแบบเคาน์เตอร์และแบบโต๊ะเก้าอี้ ที่นี่จะไม่มีห้องส่วนตัวไปซะทีเดียวแต่ทางร้านจะมีบริการให้ยืมใช้ฉากกั้น เพื่อสร้างพื้นที่ให้เราเหมือนได้ใช้ห้องส่วนตัว ทำให้ร้านนี้เหมาะกับทั้งการมากินคนเดียวและมาแบบกลุ่มหลายคน

ภาพ : Instagram seiya_komori

อาหารของที่นี่มีมากมายหลายเมนูทั้งสเต็กสันในและอาหารเมนูเนื้อม้าโอมากาเสะ แต่เมนูแรกที่อยากแนะนำจะเป็น Baniku Sashimi Rokushu Mori (5,000 เยน) เมนูซาชิมิเนื้อม้าดิบ 6 ส่วน เป็นเมนูที่ทำให้เราได้เพลิดเพลินไปกับรสชาติและเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกันของเนื้อแต่ละส่วนได้อย่างเต็มที่ ทั้งตับ, หัวใจ, ลิ้น, เนื้อซี่โครง และเนื้อส่วนหลังคอ

ภาพ : Instagram anchiko113

เมนูยอดนิยมของร้าน Uma Nigiri (2,300 เยน) นิกิริซูชิหน้าเนื้อม้า 1 จานประกอบด้วยซูชิทั้งหมด 3 ชิ้น ความพิเศษของนิกิริซูชิที่นี่คือ เนื้อที่ใช้วางบนก้อนข้าว โดยเนื้อที่ใช้จะเป็นเนื้อที่ได้หั่นเป็นชิ้นไม่หนาและไม่บางจนเกินไป หั่นแบบให้มีความยาวมากกว่าปกติ ทำให้สามารถลิ้มรสเนื้อม้ากับข้าวได้อย่างเต็มคำ ตกแต่งซูชิแต่ละชิ้นด้วยวาซาบิและต้นหอมหั่นเล็กน้อย มีทั้งแบบเนื้อแดงและแบบเนื้อลายหินอ่อน

03 Umazakura

ภาพ : Instagram umazakura_official

ถัดมาจะเป็น Umazakura ตั้งอยู่ภายในอาคารชั้น 3 ริมถนนกินซ่า (Ginza Street) ย่านการค้าชิโมโตริ (Shimotori Shopping Arcade) ร้านแห่งนี้จะมีอีกสาขาที่ตั้งอยู่ในย่านเดียวกันนี้ โดยห่างออกไปแค่ 150 เมตรเท่านั้น แต่สาขากินซ่าจะเป็นสาขาที่ใหญ่กว่าและจะเปิดขายทั้งมื้อกลางวันและมื้อเย็น (อีกสาขาเปิดแค่ตอนเย็น) เป็นร้านอาหารเนื้อม้าที่มีชื่อเสียงเรื่องบาซาชิ และอาหารเมนูเนื้อม้าดั้งเดิมอื่นๆ มีเมนูพิเศษที่ไม่เหมือนใครคือ เมนูเนื้อม้าที่เสิร์ฟคู่กับอูนิที่หลายๆ คนโปรดปราน

ภาพ : Instagram umazakura_official

ภายในร้านจะตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์น มีที่นั่งทั้งหมดสูงสุด 80 ที่นั่ง มีทั้งแบบเคาน์เตอร์ที่มาพร้อมกับเก้าอี้เบาะนิ่มๆ หันหน้าหากระจกใสของร้าน ทำให้มองเห็นวิวของย่านการค้าชิโมโตริอันครึกครื้นไปพร้อมกับการลิ้มรสอาหารได้ นอกจากนี้ก็จะมีที่นั่งแบบชุดโต๊ะเก้าอี้ทั่วไป และมีห้องอาหารแบบกึ่งส่วนตัว ไม่ว่าจะมาคนเดียวหรือมาแบบหลายคนก็สามารถมากินอาหารที่นี่ได้อย่างสบายใจ

ภาพ : Instagram umazakura_official

อาหารของที่นี่ก็จะมีหลายอย่างให้เลือก ทั้งแฮมเบิร์ก, บาซาชิ และอาหารแบบคอร์สชาบูชาบู แต่เมนูที่เราอยากแนะนำคือ Baniku Tataki (2,000 เยน) เป็นการนำเนื้อม้าไปผ่านความร้อนที่สูงมากๆ เพื่อให้ขอบนอกของเนื้อสุกและเกรียมเป็นสีน้ำตาล เนื้อจะสุกแค่ผิวนอกแต่ข้างในยังดิบอยู่ ทำให้รักษาความฉ่ำและรสชาติหวานๆ ของเนื้อไว้ในอาหารได้เป็นอย่างดี โดยจะนำเนื้อวางลงบนหัวไชเท้าฝอยตกแต่งด้วยใบชิโสะและเลมอนหั่นแว่น เสิร์ฟมาคู่กับซอสพอนสึรสเปรี้ยว

ภาพ : Instagram umazakura_official

เมนูที่สองจะเป็นเมนูสุดพิเศษ Baniku Gomadare Don Uninose (2,000 เยน) เป็นเมนูข้าวหน้าเนื้อม้าคลุกซอสงาและท็อปปิ้งด้วยอูนิ ข้าวที่ใช้จะเป็นข้าวที่คลุกเคล้าเข้ากับสาหร่ายมาก่อนแล้ว และเนื้อม้าจะเป็นเนื้อที่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ทรงลูกเต๋า วางทับด้วยอูนิที่มีเนื้อสัมผัสนุ่มละลายในปากรสชาติหวานปนเค็มกำลังดี ปิดท้ายด้วยการโรยสาหร่ายทับอีกครั้งเพื่อเพิ่มความหอม

04 Mutugoro

ภาพ : Twitter @mu_didi

ถัดมาเป็นร้านอาหารท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงโด่งดังในคุมาโมโตะ Mutugoro คัดสรรวัถตุดิบในท้องถิ่นมาใช้ในการประกอบอาหาร ทำให้ได้อาหารที่มีรสชาติอันเต็มไปด้วยกลิ่นอายท้องถิ่น แม้จะมีเมนูอาหารมากมาย แต่ทางร้านจะเน้นไปที่อาหารเมนูเนื้อม้าเป็นหลัก เนื้อม้าของร้านจะเป็นเนื้อที่ถูกคัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อม้าดิบลายหินอ่อนชั้นเยี่ยม ซึ่งจะแตกต่างไปจากของทั่วไปในตลาดหรือที่วางขายในซูเปอร์มาร์เก็ต อีกทั้งยังมีเมนูจากเนื้อส่วนอื่นๆ อีกมากมายทั้งจากเนื้อสันใน, เนื้อส่วนหลังคอ และจากเครื่องใน

ภาพ : Instagram e__gourmet

สไตล์การตกแต่งร้านจะเป็นสไตล์ญี่ปุ่น สิ่งที่ดูแปลกตาและสะดุดตามากคือ การประดับด้วยแขวนม่านและมีฉากกั้นระหว่างโต๊ะ ถือว่าเป็นจุดที่บ่งบอกว่าเราเข้ามาใน Mutugoro ไม่ผิดแน่ มีที่นั่งสองแบบคือแบบเคาน์เตอร์และแบบโต๊ะนั่งที่พื้นมีเบาะรองนั่งเตรียมไว้ให้ สำหรับคนที่ต้องการกินอาหารแบบส่วนตัวหรือเฉพาะกลุ่ม ทางร้านจะมีฉากสำหรับกั้นที่นั่งเพื่อแบ่งโซนให้ดูส่วนตัวมากขึ้น 

ภาพ : Instagram sawako2628

เมนูแรกที่อยากแนะนำคือ Shimofuri Basashi (2,640 เยน) บาซาชิเนื้อลายหินอ่อนสุดพิเศษของทางร้าน เนื้อเหนียวนุ่มเคี้ยวเพลิน มีรสชาติหวานนิดๆ จากส่วนของไขมัน เสิร์ฟมาพร้อมกับกระเทียมบด, ขิงขูด, ซอสโชยุเพื่อใช้เพิ่มรสชาติ ตกแต่งจานด้วยพืชผักสีเขียวและหอมใหญ่

ภาพ : Instagram labellelune425

เมนูถัดมา สเต็กเนื้อม้าสันใน Umahire Steak (3,850 เยน) ในบรรดาของเนื้อทั้งหมดเนื้อส่วนสันในจะเป็นเนื้อส่วนที่ติดมันน้อยมากจนถึงไม่ติดมัน ย่างโดยไม่ให้สุกมากเกินไป ทำให้ได้ลิ้มรสทั้งเนื้อส่วนที่สุกและส่วนที่ยังดิบภายใน อิ่มอร่อยไปกับสเต็กเนื้อม้าที่นุ่มและชุ่มฉ่ำซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเนื้อสันในและกลิ่นหอมจากการย่าง ภายในจานก็จะมีพืชผักนานาชนิดใส่เอาไว้ให้กินคู่กับสเต็กอีกด้วย

05 Kumamoto Horumon

ภาพ : Instagram kumahoru.sumiyaki

ร้านถัดมา Kumamoto Horumon ตั้งอยู่ในย่านการค้าใจกลางเมืองคุมาโมโตะ เป็นร้านโฮรุมงที่มีชื่อเสียงเรื่องเครื่องในสัตว์ เพราะ โฮรุมง เป็นคำที่คนญี่ปุ่นใช้เรียกเครื่องในสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นตับ, ไต, ไส้ และหัวใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องในหมู, วัวและม้า โดยร้านแห่งนี้จะมีเมนูที่ถือว่าเป็นเมนูยอดนิยมในยุคนี้ อย่างสตูว์เครื่องในม้า มีความชุ่มฉ่ำโปรตีนสูงและแคลอรีต่ํา แม้ว่าจะมีชื่อร้านที่สื่อไปถึงเครื่องในเพียงอย่างเดียวแต่ที่นี่ไม่ได้มีแค่เมนูเครื่องในเท่านั้น แต่จะมีเมนูจากเนื้อและส่วนอื่นๆ อีกหลายเมนู

ภาพ : kumamoto-icb.or.jp

ภายในร้านจะให้บรรยากาศเหมือนร้านปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น ทั้งการตกแต่งร้านและลักษณะของเฟอร์นิเจอร์ให้ความรู้สึกแบบร้านอาหารญี่ปุ่นดั้งเดิม มีโต๊ะที่มีเตาย่างถ่านสีขาวและปล่องดูดควันด้านบนสลับกันไปกับโต๊ะที่ไม่มีเตาย่าง มีทั้งที่นั่งแบบเคาน์เตอร์และแบบนั่งพื้นเรียงรายเข้าไปในร้าน

ภาพ : Twitter @take_i_noko

เมนูแรกที่น่าสนใจ Kyodo no Aji Basashi (1,800 เยน) อาหารชุดบาซาชิรสชาติแบบโลคอล ภายในเซ็ตจะประกอบไปด้วยข้าวสวย, บาซาชิส่วนเนื้อแดง ส่วนท้อง และส่วนหลังคอ, สตูว์เครื่องในม้า, อะลาคาร์ทเมนูเนื้อม้า และอาหารท้องถิ่นที่น่าสนใจอย่างคาราชิเรงกอง (Karashi Renkon) หรือรากบัวที่นำไปต้มและทอดสอดไส้มัสตาร์ดรสเผ็ดผสมมิโซะ เป็นเมนูที่ทำให้เราสามารถลิ้มรสอาหารขึ้นชื่อได้หลายอย่างมากๆ ในเซ็ตเดียว

ภาพ : kumamotohorumon.com

ของขึ้นชื่อของร้านที่ควรลองคือ เมนูเครื่องในย่าง Yakihorumon จะมีให้เลือกทั้งหมด 2 ส่วนคือ ลำไส้ใหญ่ (950 เยน) ที่เป็นเมนูยอดฮิตของร้านโดยจะมีสตูว์เครื่องในม้าแถมมาด้วย และส่วนปอด (550 เยน) ปอดสีแดงนุ่มละมุนลิ้น ย่างเนื้อบนเตาถ่านร้อนๆ ไม่ต้องให้สุกจนเกินไป มีรสชาติอร่อยและกลิ่นเป็นเอกลักษณ์จากการย่างบนเตาถ่าน และหากใครที่ไม่อยากกินเครื่องในทางร้านก็จะมี Yakiniku มีเนื้อม้าส่วนซี่โครง (1,400 เยน) และเนื้อส่วนแก้ม (250 เยน) ให้สั่งมากินอีกด้วย

06 Aoyagi

ภาพ : tabirai.net

ถึงคิวของ Aoyagi ร้านอาหารท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงมายาวนาน ร้านเก่าตั้งอยู่บริเวณปราสาทคุมาโมโตะ ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1949 ก่อนจะย้ายมายังที่ตั้งปัจจุบัน เนื่องจากได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในปี ค.ศ. 2016 ด้วยอายุที่ยาวนานของร้าน ทำให้เราสามารถลิ้มรสอาหารท้องถิ่นต้นตำรับของคุมาโมโตะได้ที่นี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารเมนูเนื้อม้าดิบ โดยร้านแห่งนี้จะเป็นร้านที่ใส่ใจรายละเอียดทุกขั้นตอนของการเตรียมอาหาร รวมไปถึงข้าวก็จะมีวิธีการเตรียมและการหุงที่พิถีพิถัน

ภาพ : Instagram keroppi._1970ภาพ : aoyagi.ne.jp

บรรยากาศภายในร้านจะตกแต่งด้วยสไตล์ตะวันตก เพราะเป็นที่สร้างขึ้นใหม่ไม่นานมาก แต่ก็ยังคงมีส่วนที่ผสมเข้ากับสไตล์ญี่ปุ่น อย่างต้นบอนไซ และกระถางดอกไม้ที่เป็นการจัดแบบอิเคบานะ (Ikebana) ตกแต่งร้านด้วยโทนสีทองทำให้ร้านดูหรูหรา มีที่นั่งแบบแบบเคาน์เตอร์ที่มีการตกแต่งผนังด้วยงานอาร์ตรูปภูเขานอกจากนี้ก็จะมีที่นั่งแบบชุดโต๊ะเก้าอี้ และมีห้องอาหารแบบส่วนตัวอีกด้วย

ภาพ : aoyagi.ne.jp

การเลือกใช้เนื้อของร้านจะเลือกตามความเหมาะสมที่สุดไปแต่ละเมนู บาซาชิจะมีการใช้เนื้อหลายส่วนแต่นิกิริซูชิหน้าเนื้อม้าจะใช้เนื้อส่วนที่เป็นเนื้อลายหินอ่อนซะส่วนใหญ่ เมนูแรกที่อยากแนะนำคือ Sakura Umakamori (5,800 เยน) บาซาชิจากเนื้อ 4 ส่วน ประกอบด้วยส่วนสันคอสีขาว, ตับ, เนื้อลายหินอ่อนและส่วนเนื้อแดงคุณภาพดี เสิร์ฟมาพร้อมกับกระเทียมบด, มิโซะและต้นหอม ตกแต่งจานด้วยใบชิโสะและเลมอนหั่นแว่น

ภาพ : aoyagi.ne.jp

อีกเมนูจะเป็น Tokujo Banigiri (550 เยน) เป็นเมนูซูชิ 1 ชิ้นที่จะใช้ส่วนเนื้อม้าลายหินอ่อนที่มีความหวานละลายในปากมาวางลงก้อนข้าวปั้นเหมือนซูชิทั่วไป และจะมี Banigiri Moriawase (2,400 เยน) เป็นเมนูซูชิ 6 ชิ้น โดยจะซูชิหน้าเนื้อที่แตกต่างกัน จะมีหน้าเนื้อลายหินอ่อน, เนื้อแดง, และแบบห่อสาหร่าย อย่างละ 2 ชิ้น

07 Batan Gyutan

ภาพ : kumamoto-icb.or.jp

ปิดท้ายด้วย Batan Gyutan ร้านอาหารจากเนื้อม้าและเนื้อวัวชื่อดังอีกร้านใกล้กับสถานีฮานาบาตะโจ เป็นร้านที่ขึ้นเรื่องอาหารเมนูลิ้นม้าซึ่งถือเป็นส่วนที่หาได้ยาก มีเมนูหลากหลายทั้งบาซาชิ, เมนูปิ้ง, เมนูย่าง, และเมนูสตูว์เครื่องใน อีกทั้งด้วยความที่ร้านมีชื่อเสียงทั้งเรื่องม้าและวัวทำให้มีเมนูอาหารจากเนื้อม้าและเนื้อวัวเสิร์ฟมาในจานเดียวกันอีกด้วย

ภาพ : Instagram batangyutanภาพ : mohey.jp

ภายในร้านตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์มผสมผสานกับสไตล์ญี่ปุ่น มีบรรยากาศเงียบสงบ ร้านมีทั้งหมดสองชั้น มีที่นั่งแบบเคาน์เตอร์, ที่นั่งแบบโต๊ะเก้าอี้และที่นั่งแบบนั่งพื้น เหมาะกับทั้งการใช้บริการคนเดียว, กลุ่มเล็กๆ ไปจนถึงกลุ่มใหญ่ ไม่ว่าจะมากี่คนก็หายห่วง เพราะทางร้านมีบริการจัดโต๊ะให้ตามจำนวนลูกค้าอีกด้วย

ภาพ : Instagram nananao.705

เมนูยอดนิยมของร้านก็คือ Umadon (1,280 เยน) ข้าวหน้าเนื้อม้าบดและไข่แดงดิบชามใหญ่ ตกแต่งจานด้วยต้นหอม, รากบัวและไข่หวานหั่นเป็นเส้นๆ เสิร์ฟพร้อมน้ำซุปโทโรโระ (Tororo) หรือซุปหัวมันนางาอิโมะ (Nagaimo), ซุปมิโซะ, สลัด และผักดอง เป็นเซ็ตที่เมื่อกินได้ครึ่งหนึ่งของชามแล้วต้องราดข้าวด้วยซุปโทโรโระ คล้ายๆ กับการเติมชาในการกินฮิตสึมาบุชินั่นเอง

ภาพ : Instagram batangyutan

เมนูสุดท้ายได้แก่ Basashi Goten Moriawase (4,158 เยน) เนื้อม้าดิบบาซาชิ 5 ส่วน อย่างเช่นเนื้อสดส่วนท้องติดมัน, เนื้อแดงสันในที่ติดมันน้อย และเนื้อสันคอสีขาว จัดเนื้อทุกส่วนลงในจานเดียวกันทั้งหมด มาพร้อมกับกระเทียมบดและผักสดท้องถิ่น อย่างเช่นแตงกวา, หัวแรดิชหั่นแว่น, แครอท และใบชิโสะ

การกินเนื้อม้าที่ปรุงสุกสำหรับคนไทยก็คงดูว่าแปลกมากๆ แล้ว แต่การกินเนื้อม้าดิบและเครื่องในม้าก็ยิ่งดูแปลกเข้าไปอีก ทำให้หลายคนอาจจะไม่กล้าลองกินเนื้อม้าดิบแน่นอน ในประเทศญี่ปุ่นการกินเนื้อม้าคือเรื่องธรรมดาที่เห็นได้ปกติทั่วไปและเป็นที่ยอมรับกันในเรื่องของรสชาติที่อร่อย เพราะฉะนั้นเราก็ควรลองกินดูสักครั้งเพื่อให้รู้ว่ามันอร่อยอย่างที่คนญี่ปุ่นว่ากันหรือเปล่า หากใครมีโอกาสมาเที่ยวที่คุมาโมโตะ ก็อย่าลืมแวะมาลิ้มรสเนื้อม้าดิบได้ที่ 7 ร้านที่เราได้รวบรวมมากันล่ะ