Perfect Vacation in South Kyushu : พักร้อนพักร่างที่คุมาโมโตะ มิยาซากิ คาโกชิม่า 3 จังหวัดใต้สุดเกาะคิวชู

10 สถานที่ในแถบตอนใต้ของ เกาะคิวชู ที่ไม่ควรพลาด

เกาะคิวชู (Kyushu) เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของญี่ปุ่นรองจากฮอกไกโดและฮอนชู และเป็นที่ตั้งของ 6 จังหวัดที่มีพื้นที่กว้างขวางและมีเกาะเล็กเกาะน้อยมากมาย จุดที่นักท่องเที่ยวไทยอย่างเราต้องดีใจมากๆ นั่นก็คือสภาพอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี ช่วงที่หนาวสุดๆ อุณหภูมิก็ไม่หนาวถึงขนาดติดลบ

3 จังหวัดที่อยู่ใต้สุดของเกาะอย่างคุมาโมโตะ มิยาซากิ และคาโกชิม่านั้นเป็นแหล่งรวมสถานที่ท่องเที่ยวอันซีนที่เต็มไปด้วยกิจกรรมเอ็กซ์คลูซีฟมากมาย อีกทั้งไม่ต้องเบียดเสียดกับผู้คน เหมาะสำหรับคนที่อยากพักกายพักใจ ให้ธรรมชาติและความเรียบง่ายบำบัด จะสายชิลล์หรือสายลุยก็มีให้เลือกตอบโจทย์ทุกความต้องการ เราได้คัดเอา 10 สถานที่ใน เกาะคิวชู ตอนใต้มาแนะนำให้ทุกคนได้ตัดสินใจ เผื่อทริปญี่ปุ่นครั้งต่อไปอาจประทับใจกว่าที่คาด

01 ศาลเจ้าคามิชิกิมิ คุมาโนะอิมาสึ (Kamishikimi Kumanoimasu Shrine)

ที่แรกอยู่ที่จังหวัดคุมาโมโตะ ขอเอาใจสายมูเตลูหรือใครก็ตามที่ต้องการที่พึ่งทางใจ ที่นี่ก็คือ ศาลเจ้าคามิชิกิมิ คุมาโนะอิมาสึ แม้ชื่อจะยาวมากแต่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้มีความพิเศษมากมาย ยิ่งถ้ารู้ที่มาที่ไปของศาลเจ้าที่โอบล้อมด้วยป่าสนแห่งนี้ก็จะยิ่งรู้สึกว่าคุ้มต่อการมาเยือน

โคมไฟหินเรียงรายกว่า 100 ต้นนำทางสู่ตัวศาลเจ้า แลดูลึกลับเหมือนประตูมิติที่พาเราสู่โลกอีกใบหนึ่ง

ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่บูชาเทพอิซานางิ อิซานามิ และท่านโชกุนใหญ่อิวากิมิมาแต่โบราณ ว่ากันว่าหากมาขอพรที่นี่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่คาดหวังไว้

ด้านหลังของศาลเจ้ามีหินทะลุขนาดใหญ่กว่า 10 เมตรที่มีชื่อว่า อุเกโตอิวะ (Ugetoiwa) ซึ่งเชื่อว่าหากเดินลอดและอธิษฐานไปด้วยจะทำให้ความปรารถนาเป็นจริง และมีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ประจำศาลเจ้าที่ชื่อว่าต้นนางิ (Nagi) ซึ่งพ้องเสียงกับคำที่แปลว่า “คลื่นลมสงบ” อีกทั้งใบของต้นนางิยังมีลักษณะเด่นตรงจะฉีกใบในแนวตั้งได้ง่ายมาก แต่ถ้าจะฉีกในแนวนอนต้องออกแรงเยอะ อีกทั้งเป็นไม้มงคลที่เชื่อกันในเรื่องการผูกดวงชะตา จึงนิยมนำมาใช้ในพิธีแต่งงานมาแต่โบราณ ช่วยให้สายสัมพันธ์ของคู่บ่าวสาวจะไม่แยกขาดกันเหมือนใบ Nagi นั่นเอง นอกจากนี้ยังเป็นไม้มงคลที่ช่วยส่งเสริมให้ทำมาค้าขึ้นอีกด้วย

02 ร้านสินค้าแฮนด์เมด ยามาโนเตะ (Yamanote)

สินค้าจิปาถะหรือของกระจุกกระจิกแฮนด์เมดน่ารักๆ ต่างก็สร้างรอยยิ้มให้คนที่พบเห็น ยิ่งถ้าเป็นงานฝีมือโลคอลที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของวัฒนธรรมพื้นบ้านก็ยิ่งสร้างความทรงจำดีๆ ที่น่าประทับใจได้ยิ่งกว่า ขอแนะนำยามาโนเตะ ร้านเล็กๆ ในเมืองยามากะ (Yamaga) จังหวัดคุมาโมโตะ

พื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยสินค้าทำมือที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟลายฉลุ ภาชนะ เครื่องจักสาน พัด ร่ม ฯลฯ ล้วนแต่เป็นงานฝีมือจากศิลปินในท้องถิ่น

ที่สตูดิโอ Yamaga Toro Nakamura Seisakujo ซึ่งอยู่ติดกัน ผู้ที่สนใจสามารถเข้าคลาสเวิร์คช็อปทำโคมไฟลายฉลุจากกระดาษญี่ปุ่นซึ่งเป็นงานหัตถกรรมพื้นบ้านที่ตกทอดกันมายาวนาน แม้จะใช้วัสดุและอุปกรณ์เพียงไม่กี่ชิ้น แต่ต้องอาศัยฝีมือและความใจเย็นอย่างมากเพื่อให้ทำออกมาได้สวยงาม

ไม่ไกลจากที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์โคมไฟยามากะ (Yamaga Lanterns Folk Crafts Museum) แม้จะเป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆ แต่มีโคมไฟสวยๆ จัดแสดงอยู่มากมาย

03 ถนนบุเซ็นไคโด (Buzen Kaido)

จุดที่แนะนำลำดับต่อมายังคงอยู่ที่เมืองยามากะนั่นก็คือถนนบุเซ็นไคโด สถานที่ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศย้อนยุค ไม่ว่าจะโรงงานผลิตหัวเชื้อโคจิ (เชื้อราที่ใช้ทำสาเกและซุปญี่ปุ่น) ร้านชำ รวมถึงสถาปัตยกรรมเก่าแก่ เหมือนกับได้ย้อนเวลาไปในสมัยเอโดะจนถึงสมัยเมจิ

ถ้าจะให้มาเดินชมโน่นนี่เฉยๆ ก็ดูจะธรรมดาเกินไป ขอแนะนำให้ใช้บริการรถลากที่ชายหนุ่มชาวคุมาโมโตะจะทำหน้าที่ไกด์พร้อมลากพาเราไปชมจุดต่างๆ ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานที่สำคัญประจำเมืองยามากะ เช่น โรงละครยาจิโยะซะ (Yachiyo-za) ที่ได้รับการบันทึกให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของญี่ปุ่น

นอกจากนี้หนุ่มรถลากยังจะพาไปชมซากุระยุ (Sakura-yu) โรงอาบน้ำสาธารณะเก่าแก่ประจำเมืองยามากะ รวมถึงร้านขายของฝากหรือจุดลับๆ ที่รู้กันเฉพาะคนท้องถิ่นอีกด้วย ซึ่งถ้าเดินหาเองก็อาจจะไม่เจอแบบนี้

04 ภัตตาคารอาหารญี่ปุ่น นากามุระ (Nakamura)

ได้ว่าคืนความสุขให้กระเพาะน้อยๆ ของเราด้วยอาหารดีๆ สไตล์คิวชูตอนใต้ที่ร้านอาหารญี่ปุ่น นากามุระ ซึ่งมีเมนูดังเป็นอาหารประเภทไคเซกิ (คอร์สอาหารญี่ปุ่นที่เสิร์ฟเป็นจานเล็กๆ ทีละจาน) 

ร่มเงาไม้ที่สาดส่องผ่านบานกระจกเข้ามาในตัวร้านให้ความรู้สึกร่มเย็นและสงบ การตกแต่งภายในร้านใช้วัสดุไม้เป็นหลัก ออกแบบดูเรียบหรูชวนให้สบายตาสบายใจ

ทางร้านเลือกใช้วัตถุดิบชั้นดีประจำฤดูกาล ไม่ว่าจะปลา ผัก หรือเครื่องปรุงต่างๆ สำหรับใครที่คิดว่าเมนูแบบไคเซกิจะหนักหน่วงจนเกินไป ยังมียังมีเซ็ตกลางวันน่าลิ้มลองอย่างเซ็ตโซบะ เซ็ตมุกิโทโระ (มันชนิดหนึ่งที่นำมาทำให้หนืด)

ต้องระวังไว้ว่าหากไปใช้บริการในวันเสาร์-อาทิตย์หรือตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์ ทางร้านขอสงวนสิทธิ์ให้บริการเฉพาะเมนูไคเซกิเท่านั้น

05 เฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวชมภูเขาไฟอะโสะ (Mount Aso Helicopter Ride)

นั่งเฮลิคอปเตอร์อาจเป็นฝันที่ไม่กล้าฝัน แต่ใครหลายคนก็แอบฝัน ถ้าฝันนั้นจะเป็นจริงก็ไม่ควรหยุดแค่การนั่งเฮลิคอปเตอร์แล้วดูวิวอะไรก็ได้ เพราะที่สวนสัตว์อะโสะคัดดลีย์โดมิเนียน (Aso Cuddly Dominion) มีบริการเช่าเฮลิคอปเตอร์เหมาลำเพื่อชมวิวสวยๆ ที่น้อยคนจะได้เห็น

เฮลิคอปเตอร์ลำนี้จะพาไปชมสถานที่สวยๆ จากมุมสูงในแถบภูเขาไฟอะโสะ ไม่ว่าจะเป็นทุ่งหญ้าคุสะเซนริ (Kusasenri), ปากปล่องภูเขาไฟอะโสะ, กรวยภูเขาไฟโคเมะสึกะ (Komezuka) และเขา 5 ลูกแห่งอะโสะ

ด้วยระดับความสูงที่พอเหมาะ ไม่ได้อยู่ไกลเหมือนเครื่องบิน ทำให้มองเห็นรายละเอียดได้มากขึ้น โดยเฉพาะปากปล่องภูเขาไฟอะโสะที่กำลังปะทุอยู่นั้น มีโอกาสได้เห็นในระยะใกล้ชิดแบบนี้ได้น้อยมากๆ ถ้าไม่ได้นั่งเฮลิคอปเตอร์ อย่างไรก็ตามเส้นทางบินหรือสถานที่ที่จะได้ชมอาจเปลี่ยนแปลงตามสภาพอากาศ แนะนำให้โทรศัพท์ติดต่อล่วงหน้าเพื่อความแน่ใจ

เฮลิคอปเตอร์แบบเช่าเหมาลำ สามารถใช้บริการได้ 20 นาทีโดยจุผู้โดยสารได้สูงสุด 3 ท่าน ไม่รวมคนขับ

06 เมืองปราสาทโอบิ (Obi Castle Town)

เปลี่ยนบรรยากาศมาสัมผัสฟีลลิ่งของตึกรามบ้านช่องที่อยู่รอบปราสาทญี่ปุ่นกันดูบ้างกับโอบิ (Obi) เมืองปราสาทที่ตั้งอยู่ในเมืองนิจินัน (Nichinan) จังหวัดมิยาซากิ จุดท่องเที่ยวอันซีนที่คนรักปราสาทสวยกับน้ำใสๆ ต้องประทับใจ

ย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยไทโชจนถึงเมจิรวมกว่า 280 ปี ปราสาทโอบิสร้างขึ้นจากหิน 51,000 ก้อนใช้เป็นฐานที่มั่นของตระกูลอิโต ผู้มีอิทธิพลในแถบนี้ มีจุดที่น่าสนใจหลายจุด อาทิ ประตูใหญ่ Ote-mon บ้านพัก Matsuo-no-Maru ด้วยไม้สนซีดาร์ซึ่งเป็นวัสดุไม้ขึ้นชื่อของโอบิ

ด้านในเขตปราสาทมีอาคารจัดแสดงเอกสารทางประวัติศาสตร์ มีสนต้นสูงให้ความร่มรื่น บรรยากาศเงียบสงบ เดินเล่นได้อย่างสบายใจ

ด้านนอกปราสาทเรียงรายไปด้วยบ้านเรือนที่ยังคงสวยงามราวกับเวลาถูกหยุดไว้มาเนิ่นนาน คูน้ำใสสะอาดเห็นปลาคาร์ปสีขาว-ส้มว่ายน้ำอย่างมีความสุข

07 โรงแรมบ่อน้ำพุร้อนนาสึนะ โอบิ (Nazuna Obi Onsen Resort)

เที่ยวดี กินดีแล้ว ก็ต้องนอนพักที่โรงแรมดีๆ เช่นกัน นาสึนะ โอบิคือหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุด โรงแรมสไตล์รีสอร์ทแห่งนี้เพิ่งเปิดมาไม่นาน ตั้งอยู่ในย่านโอบิ (Obi) ซึ่งได้รับการขนานนามว่า “ เกียวโตน้อยแห่ง เกาะคิวชู ” โดยพลิกโฉมบ้านซามูไรเก่าแก่กว่า 140 ปีให้กลายเป็นห้องพักหรู 5 ห้องที่มาพร้อมบ่อออนเซ็นส่วนตัวในตัว

ออนเซ็นของโรงแรมแห่งนี้ไม่ได้ใช้น้ำอุ่นทั่วไป แต่ใช้น้ำพุร้อนธรรมชาติที่สูบมาจากบ่อน้ำพุร้อนคิตาโกะ (Kitago Hot Spring) จากในเมืองนิจินัน (Nichinan) นั่นหมายความว่าไม่ต้องไปแช่รวมกับคนอื่น ก็ได้แช่น้ำพุร้อนของแท้คุณภาพดีสบายๆ

นอกจากนี้ทางโรงแรมยังใส่ลูกเล่นเข้าไปในห้องพักแต่ละห้อง ตั้งแต่การตั้งชื่อห้องและตกแต่งตามสัญลักษณ์หรือสิ่งสำคัญที่มีความเกี่ยวโยงกับย่านโอบิ เช่น ห้อง HONMURASAKI (สีม่วงธรรมชาติ) ตกแต่งในโทนสีม่วงที่ย้อมจากพืชธรรมชาติ ซึ่งเป็นสีประจำโอบิ หรือห้อง DAIDAI (สีส้ม) ตกแต่งในสีโทนส้มซึ่งมีที่มาจากผลไม้ตระกูลส้มที่เป็นของขึ้นชื่อจากเมืองนิจินัน เป็นต้น

ทว่าทั้งขนาดและการตกแต่งของห้องพักแต่ละห้องค่อนข้างแตกต่างกัน ราคาและจำนวนผู้ที่เข้าพักได้สูงสุดของแต่ละห้องจึงไม่เท่ากัน แต่ไม่ว่าจะจองห้องไหนก็มั่นใจได้ว่าห้องของเราไม่ซ้ำกับคนอื่นแน่ๆ

08 บ้านพักตากอากาศกลางป่า เทนกูโนะโมริ (Tenku no Mori)

เทนกูโนะโมริ อีกหนึ่งที่พักซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการความสงบและเป็นส่วนตัวขั้นสุด ตั้งอยู่ในเมืองคิริชิมะ (Kirishima) จังหวัดคาโกชิม่า บนพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลขนาดเท่า 13 โตเกียวโดม แต่มีวิลล่าพร้อมออนเซ็นส่วนตัวอยู่เพียง 5 หลังเท่านั้น แต่ละหลังอยู่ห่างกันมากจนรู้สึกถึงความเป็นส่วนตัวมากๆ

ชื่อของบ้านพักตากอากาศแห่งนี้แปลความได้ว่า “ป่าแห่งนภากาศ” ราวกับเป็นป่าร่มรื่นที่อยู่ในสรวงสวรรค์อย่างไงอย่างงั้น เจ้าของคือคุณทาจิมะ ทาเทโอะ ซึ่งเขาเปิดบ้านพักให้นักเดินทางทุกคนที่อยากสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่กับความหรูหราท่ามกลางธรรมชาติมาแล้วกว่า 25 ปี

การได้ใช้เวลาส่วนตัวเงียบๆ ท่ามกลางธรรมชาติสวยๆ อาจทำให้เราได้คิดทบทวนสิ่งที่ผ่านมา หรือวางแผนทำอะไรต่อในอนาคต นอกจากจะได้พักกายพักใจแล้ว การพักที่นี่อาจจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นชีวิตใหม่ก็เป็นได้

09 สวนเซ็นกันเอน (Sengan-en)

เมื่อนึกถึงสวนที่มีบรรยากาศดี วิวสวยเป็นอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น สวนเซ็นกันเอนที่จังหวัดคาโกชิม่าก็คือหนึ่งในนั้น สวนแห่งนี้เป็นที่รู้จักในฐานะบ้านพักตากอากาศของตระกูลชิมิสึผู้ครองแคว้นแถบนี้ในอดีต

หากได้มาเยี่ยมเยือนสวนเซ็นกันเอนสักครั้งจะไม่แปลกใจว่าทำไมสวนแห่งนี้ถึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของคาโกชิม่า ด้วยทิวทัศน์ของภูเขาไฟซากุระจิมะประกอบกับความสวยงามของสถาปัตยกรรมและพรรณไม้ในสวนทำให้ดูสวยไม่เหมือนที่ไหน นอกจากนี้ยังมีเรือนพำนักของท่านโชกุน ร้านอาหาร และร้านขายของฝากครบครันในที่เดียว

พื้นที่ติดกับสวนยังมีพิพิธภัณฑ์โชโกะ ชูเคซัง (Shoko Shuseikan Museum) ที่ได้รับการบันทึกให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ซึ่งมีเอกสารเกี่ยวกับตระกูลชิมาสึจัดแสดงให้ได้ศึกษากัน นอกจากนี้ยังมีโรงงานผลิตเครื่องแก้ว Satsuma Kiriko สินค้าขึ้นชื่อของคาโกชิม่าที่เปิดให้เข้าชมกระบวนการผลิต รวมไปถึงคาเฟ่ที่เปิดให้เรียนชงชาแบบญี่ปุ่นที่นอกจากจะหอมกลิ่นชาเขียว ขนมหวานแสนอร่อย ยังได้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศสวยๆ อีกด้วย

10 พิพิธภัณฑ์ซากุระจิมะ (Sakurajima Museum)

ปิดท้ายความยิ่งใหญ่ของซากุระจิมะ (Sakurajima) เกาะที่ตั้งของภูเขาไฟชื่อดังในจังหวัดคาโกชิม่า ในแต่ละปีนักท่องเที่ยวกว่า 2 ล้านคนจากทั่วทุกมุมโลกต่างเดินทางมายังเกาะแห่งนี้เพื่อชมภูเขาไฟลูกโตที่ยังดับไม่สนิท ซึ่งทางศูนย์แนะนำนักท่องเที่ยวซากุระจิมะ (Sakurajima Visitor Center) ได้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ซากุระจิมะขึ้นโดยใช้ตัวเกาะซากุระจิมะนี้เองให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งขนาดใหญ่

ผู้ที่มาเยือนเกาะซากุระจิมะจะได้เรียนรู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์และข้อมูลทางธรณีวิทยาที่น่าสนใจมากมาย นอกจากนี้ยังมีทัวร์พร้อมไกด์ที่จะพาไปชมหินลาวาอย่างปลอดภัยและใกล้ชิด

นอกจากความรู้ที่ได้แล้ว ยังมีความผ่อนคลายดีๆ อย่างบ่อน้ำร้อนสำหรับแช่เท้าคลายเมื่อย และยังจะได้ตื่นตาไปกับวิวของเมืองคาโกชิม่าที่มองเห็นจากบนเกาะซากุระจิมะอีกด้วย