Beautiful Night in Japan | ณ ยอดเขาที่มองเห็นดาวบนดิน | EP.2 Kobe

          สถานที่หนึ่งๆ สามารถสื่อความหมายได้มากมายให้รับรู้และสัมผัส ทั้งบรรยากาศ สังคม หรือแม้กระทั่งกลิ่นอายของวัฒนธรรม ฯลฯ เพื่อให้ผู้มาเยือนรับเอาความรู้สึกเหล่านั้นมาซึมซับ ยิ่งที่แห่งนั้นส่งผลต่อความรู้สึกมากเพียงใด ก็อาจจะกลายเป็นสถานที่ที่ตราตรึงใจไปตลอดกาล ซึ่งขอเดาว่าคุณสมบัติของสิ่งที่ได้กล่าวมานี้ หนึ่งในนั้นจะต้องมีดินแดนที่เรียกว่า ‘ญี่ปุ่น’ รวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน

          ญี่ปุ่นนี่เหมาะนำมาเขียนเป็นแบ็กกราวนด์บรรยายฉากโรแมนติกเสียจริง โดยเฉพาะตอนนี้ หากคุณได้มายืนอยู่ ณ จุดเดียวกับฉัน คุณแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยละ มันราวกับ..ยืนอยู่ท่ามกลางแสงหิ่งห้อยนับร้อยนับพันกำลังบินอยู่รอบๆ ตัวอย่างไรอย่างนั้น

          กำลังสงสัยอยู่ใช่ไหมล่ะคะ ว่าฉันกำลังพูดถึงอะไร ตอนนี้ฉันอยู่บนเขาลูกหนึ่งค่ะ ยืนอยู่ท่ามกลางความมืดมิด แต่ทว่าแสงนับล้านดวงที่ส่องประกายอยู่ด้านล่างกลับทำให้ราตรีนี้สว่างไสว…นึกออกหรือยังคะ

          ใช่แล้ว…ที่นี่คือ ‘จุดชมทิวทัศน์ยามค่ำคืน’ ของญี่ปุ่นค่ะ

          สายลมยามค่ำคืนของฤดูใบไม้ร่วงหอบเอาความเย็นมาสัมผัสแก้มเบาๆ แม้อากาศจะเย็นเล็กน้อย แต่ก็ไม่อาจทำให้ฉันละสายตาไปจากภาพตรงหน้าได้จริงๆ จะว่าไป การชมแสงไฟยามค่ำคืนเรียกได้ว่ากลายเป็นวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นไปแล้ว ไม่ว่าที่ไหนก็มีมุมให้ชมความงาม โดยส่วนตัวแล้วฉันชอบยืนชมที่ภูเขาในฤดูใบไม้ร่วง ไม่เพียงแค่แสงไฟที่ได้พบ แต่ยังรู้สึกอบอุ่นหัวใจที่ได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสี อร่ามทั่วทุกพื้นที่อีกด้วย

          ทริปนี้ฉันมาเพื่อซึมซับความงดงามจากจุดชมทิวทัศน์ยามค่ำคืนโดยเฉพาะ แน่นอนว่าที่ไหนๆ ก็สวยงาม แต่ถ้าฉันเลือกมาเพียงแค่ 3 แห่งที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น คุณสนใจบันทึกการเดินทางที่ฉันจะเล่าต่อไปนี้ไหมคะ

–

THE BEST 3 NIGHT VIEWS That can be seen, touched and felt

ชาวญี่ปุ่นให้ความสนใจเรื่องการชมทิวทัศน์ยามค่ำมาเกือบ 30 ปีแล้ว สำหรับพวกเขาคงเป็นเรื่องสามัญธรรมดา เพราะความงดงามซ่อนอยู่แทบทุกตารางพื้นที่ ทุกกิจกรรม ทุกการใช้ชีวิต แต่สำหรับฉันแล้ว กลับเป็นความพิเศษ เพราะแสงไฟจากจุดชมทิวทัศน์เหล่านี้ ไม่ได้เชื้อเชิญเพียงฉันให้มาทักทาย แต่ยังดึงดูดผู้คนมากมายจากทั่วโลกให้มาสัมผัส นั่นหมายความว่าเรื่องธรรมดาสามัญนี้ ส่องสว่างไปไกลกว่าเพียงแค่พื้นที่ในญี่ปุ่นแล้วสินะ…

—

KIKUSEIDAI l Kobe

โคมน้อยลอยน้ำนับล้านดวง

—

         โคเบะหรือโกเบ คือเมืองที่ตั้งอยู่บนเกาะฮนชู ภูมิภาคคันไซ หลายคนมักรู้จักโกเบในฐานะเมืองแห่งเนื้อวัว A5 แต่ขอเดาว่าคงมีบางคนที่ยังไม่รู้ (รวมถึงฉัน) ว่าโกเบคือเมืองสำคัญเมืองหนึ่งของจังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo) ด้วย

          อาจเป็นเพราะว่าสถานที่ท่องเที่ยวและของขึ้นชื่อมากมายมากระจุกกันอยู่ที่นี่ แถมยังมีการโปรโมตเป็นอย่างดี ส่งผลให้มีผู้หลั่งไหลเข้ามาเยี่ยมเยียนจนเลื่อยขาเก้าอี้ (ความดัง) ของเฮียวโงะลงได้
(คิดเองเออเองมาก)…กลับมาที่เรื่องจุดชมทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเมืองแห่งนี้ดีกว่า

          โกเบมีความน่ารักตรงที่เราสามารถขึ้นไปชมแสงไฟยามค่ำคืนได้ถึง 2 ที่ คือที่ภูเขามะยะ (Mt.Maya) และภูเขารกโกะ (Mt.Rokko) แต่ไม่ว่ามุมไหน ก็ได้เห็นความงดงามของแสงไฟเช่นกัน ครั้งนี้ฉันเลือกจุดชมทิวทัศน์บนภูเขามะยะ ที่เรียกว่า ‘คิคุเซได (Kikuseidai)’ แปลได้อย่างไพเราะว่า ‘เนินเขาเอื้อมคว้าดาว’ แถมยังได้รับฉายาว่า The Million Dollar Night View อีกแน่ะ ชักอยากรู้แล้วสิว่าจะสวยเทียบเท่าอิโมะวะได้ไหมนะ

          เรายังเดินทางด้วยรถประจำทางเช่นเดิม แต่วันนี้ฉันออกเดินทางเย็นกว่าปกติ ไปถึงก็คงมืดพอดี รถแล่นไปตามถนนอย่างที่เคยเคลื่อนที่เป็นกิจวัตร ไม่นานมากนักก็มาถึงสถานีมะยะ เคเบิล (Maya Cable Station) ที่นี่มีเคเบิลคาร์ 2 คัน 2 สี แดงกับเขียว ความน่ารักมันซ่อนอยู่ในนี้ ภูเขามะยะสูงถึง 700 เมตร สูงกว่าภูเขาใดๆ ในทริปนี้ ฉันนั่งเคเบิลคาร์ขึ้นไปยังจุดหมาย อยากรู้ว่ามองลงมาจะเห็นอะไรบ้าง

          การเดินตามแผนที่ไปยังจุดชมทิวทัศน์ไม่ใช่เรื่องยาก แต่สิ่งที่พบระหว่างทางกลับทำให้หัวใจเริ่มพองโต ตามทางเดินขนาดกว้างประมาณหัวไหล่ มีเมล็ดไฟสีฟ้าแซมเขียวเล็กๆปรากฏอยู่ หากนึกไม่ออก ลองจินตนาการเวลาคุณแหงนหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืน แล้วพบทางช้างเผือกสายยาวพาดผ่านท้องฟ้าดูสิคะ… นั่นละ ความรู้สึกเดียวกันเลย มิหนำซ้ำ ถนนสายนี้ยังปูทางไปสู่สิ่งที่อัศจรรย์ยิ่งขึ้นอีกด้วย เมื่อฉันเดินมาหยุดอยู่ ณ บริเวณหนึ่ง และได้เห็นภาพเบื้องหน้า เพียงเท่านี้ก็ลืมหายใจแล้ว

          ไกลออกไปสุดสายตาคืออ่าวโอซาก้าอันกว้างใหญ่ จากตรงนี้จะมองเห็นทั้งทิวทัศน์ของเมือง
โอซาก้า โกเบ และวะกะยะมะได้ในเวลาเดียวกัน ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังยืนคร่อมเส้นแบ่งเขตระหว่างสามพื้นที่ แม้เป็นจุดสิ้นสุดของจังหวัดหนึ่งแต่ก็ยังเป็นจุดเริ่มต้นของอีกจังหวัด

          เวลานี้เหมือนฉันมองเห็นกระทงนับล้านลอยอยู่ใกล้ฝั่งจากที่ห่างไกล หากกระทงมาลอยที่ญี่ปุ่น
ก็คงดูแปลกไม่เบา เอาเป็นว่าเหมือนโคมน้อยลอยส่องแสงระยิบระยับแทนก็แล้วกัน ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไม
ที่นี่ถึงมีชื่อเรียกเช่นนี้ อยากให้คุณมาเห็นด้วยตาตัวเองจริงๆ เพราะยิ่งมืด ก็ยิ่งเห็นแสงดาวชัดเจน

Kikuseidai INFO
ที่ตั้ง: Mayasan-cho Nada-ku, Kobe, Japan

ตารางเวลาเคเบิลคาร์ (ตามฤดูกาล)

ฤดูใบไม้ผลิ (20 มี.ค.-19 ก.ค.) / ฤดูใบไม้ร่วง (1 ก.ย.-31 ต.ค.)
เวลาทำการ: จ.-พฤ. 10:00-17:40 (รอบสุดท้าย 17:20), ส.-อา. และ Holiday 10:00-21:00 (รอบสุดท้าย 20:40)

ฤดูร้อน (20 ก.ค.-31 ส.ค.)
เวลาทำการ: 10:00-21:00 (รอบสุดท้าย 20:40)

ฤดูหนาว (1 พ.ย.-19 มี.ค.)
เวลาทำการ: จ.-พฤ. 10:00-17:40 (รอบสุดท้าย 17:20), ส.-อา. และ Holiday 10:00-20:00 (รอบสุดท้าย 19:40)

ค่าบริการ:

ขาเดียว เด็ก (อายุ 6-11 ปี) 220 เยน, ผู้ใหญ่ (อายุ 12 ปีขึ้นไป) 440 เยน
ไป-กลับ เด็ก (อายุ 6-11 ปี) 390 เยน, ผู้ใหญ่ (อายุ 12 ปีขึ้นไป) 770 เยน

－－－－－－－－－－－－－－－－－－－－－－－－－－－－

Find a Various: Night view in Kobe
สัมผัสบรรยากาศยามค่ำอื่นๆ ในโกเบ

－－－－－－－－－－－－－－－－－－－－－－－－－－－－

           โกเบคือได้รับการโหวตให้เป็นเมืองที่มีจุดชมทิวทัศน์ยามค่ำคืนสวยงามเป็นอันดับ 3 ของญี่ปุ่นในปีล่าสุด มีภูมิประเทศติดกับทะเลและภูเขา ด้วยสภาพพื้นที่ที่เอื้ออำนวยต่อการคมนาคมทางน้ำ ทำให้โกเบกลายเป็นเมืองท่าสำคัญอีกแห่งหนึ่งที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่าร้อยปี ปัจจุบันโกเบมีสถานที่ท่องเที่ยว รวมถึงจุดชมทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่คุณจะได้เห็นทั้งอาคารบ้านเรือนและบรรยากาศแม่น้ำอีกมายมาย ดึงดูดให้ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาจากทั่วทุกทิศ อาทิเช่น

〉Rokko Garden Terrace〈

          Rokko Garden Terrace อยู่บนภูเขารกโกะ เป็นอีกหนึ่งจุดชมทิวทัศน์แบบพาโนรามา จากตรงนี้คุณสามารถมองเห็นอ่าวโอซาก้าและเมืองโกเบได้เกือบ 360 องศา งดงามไม่แพ้จุดชมทิวทัศน์ที่คิคุเซได (Kikuseidai) บนภูเขามะยะเลย

          บริเวณใกล้เคียงยังมีร้านอาหารและร้านค้าให้เลือกซื้อของฝากสุดน่ารัก โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ทำจากน้ำผึ้งแท้บริสุทธิ์ ในส่วนของร้านอาหาร คุณสามารถชมบรรยากาศยามค่ำคืนขณะรับประทานอาหารไปพร้อมๆ กัน

Rokko Garden Terrace INFO

ที่ตั้ง: Kita Rokko, Rokkosan-cho, Nada-ku Kobe, Japan
เวลาเปิดปิด: 9:30-21:00 (อาจมีการเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล)

〉Tenran Observatory〈

          จุดชมทิวทัศน์แห่งนี้ตั้งอยู่บนภูเขารกโกะเช่นกัน เป็นอีกจุดที่ชาวญี่ปุ่นขนานนามให้ว่า 10 Million Dollar View หรือสุดยอดแห่งจุดชมทิวทัศน์ คุณจะได้เห็นแสงไฟนับล้านยามค่ำคืนของโกเบและอ่าว
โอซาก้า รวมถึงดินแดนอื่นๆ ที่มีแผ่นดินและผืนน้ำเชื่อมต่อกันที่อยู่ไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา

          บริเวณใกล้เคียงมีคาเฟ่พร้อมเสิร์ฟอาหารสไตล์ตะวันตก รวมถึงเครื่องดื่มทั่วไป แต่ที่พลาดไม่ได้คือเครื่องดื่มท้องถิ่นที่รกโกะภูมิใจนำเสนอผู้มาเยือนทุกคน

Tenran Observatory INFO

ที่ตั้ง: Kita Rokko, Rokkosan-cho, Nada-ku Kobe, Japan
เวลาเปิดปิดคาเฟ่: 11:00-20:30 (L.O. จ.-พฤ. 19:30, ศ.-อา. 20:00 / คาเฟ่ จ.-พฤ. 20:00)

〉Meriken Park〈

          สวนสาธารณะขนาดใหญ่ แลนด์มาร์กอีกแห่งหนึ่งที่เราสามารถชมไฟประดับตามอาคารจากที่ไกลๆ สะท้อนกับผืนน้ำของอ่าวโกเบ มีสถานที่สำคัญๆหลายแห่งตั้งอยู่ เช่น หอคอยโกเบ (Kobe Port Tower) ที่มีความสูง 108 เมตร และมี 5 ชั้น แต่ละชั้นแบ่งเป็นร้านอาหารและร้านขายของ ส่วนชั้นบนสุดคือจุดชมทิวทัศน์แบบ 360 องศา คุณจะได้สัมผัสความสวยงามจากไฟตามอาคารบ้านเรือนแบบใกล้ชิด หรือชมความงามของภูเขารกโกที่อยู่ไกลออกไปก็ได้เช่นกัน

          ใกล้กันนั้นคือพิพิธภัณฑ์ทางทะเล (Kobe Maritime Museum) พิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นเพื่อฉลองท่าเรือโกเบครบรอบ 120 ปี ซึ่งแสดงประวัติความเป็นมาของทะเล เรือ และท่าเรือแห่งนี้ และพิพิธภัณฑ์รถคาวาซากิ (Kawasaki Good Times World) ซึ่งจัดแสดงประวัติความเป็นมากว่าหนึ่งศตวรรษของอุตสาหกรรมคาวาซากิที่เริ่มก่อตั้งในโกเบมาจนถึงปัจจุบัน

Meriken Park INFO

ที่ตั้ง: Hatoba-cho, Chuo-ku, Kobe, Japan

เวลาทำการ

• หอคอยโกเบ
  มี.ค.-พ.ย. 9:00-21:00 (รอบสุดท้าย 20:30)
  ธ.ค.-ก.พ. 9:00-19:00 (รอบสุดท้าย 18:30)
  31 ธ.ค. 9:00-16:30
  1 ม.ค. 6:30-16:30 (เปิดให้เข้าชมพระอาทิตย์ขึ้นวันแรกของปี)
• พิพิธภัณฑ์
  10:00-17:00 (รอบสุดท้าย 16:30)
  **ปิดวันจันทร์ (หรือวันถัดไปหากวันจันทร์ตรงกับ Holiday) วันปีใหม่ (29 ธ.ค.-3 ม.ค.)

ค่าเข้าชม
หอคอยโกเบ: เด็ก 300 เยน ผู้ใหญ่ 700 เยน
พิพิธภัณฑ์ทางทะเล: เด็ก 200 เยน ผู้ใหญ่ 600 เยน
พิพิธภัณฑ์คาวาซากิ: (แบบกลุ่ม 15 คนขึ้นไป) เด็ก 220 เยน ผู้ใหญ่ 550 เยน / (แบบกลุ่ม 50 คนขึ้นไป) เด็ก 200 เยน ผู้ใหญ่ 500 เยน
ฯลฯ

(To be continuous: Beautiful Night in Japan EP.3 Nagasaki)

Note: ฤดูกาลกับแสงไฟ

          ความจริงแล้วเราสามารถชมบรรกาศยามค่ำคืนได้แทบทุกฤดูกาล เพียงแต่คุณจะได้สัมผัสความพิเศษที่แตกต่างกันออกไปเท่านั้นเอง นอกจากความสวยงามของแสงไฟแล้ว ในฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) คุณยังได้รับความอบอุ่นและความสดใสของดอกซากุระที่บานสะพรั่งไปทั่วทุกบริเวณ หากโชคดีขึ้นมาอีกนิด ได้มาสัมผัสยามซากุระใกล้ร่วงโรย คุณก็อาจจะได้พบกับ Sakura-Fubuki หรือพายุซากุระนั่นเอง (ลองจิ้มลิงค์ดู)

          ช่วงฤดูร้อน (มิถุนายน-สิงหาคม) แม้เป็นฤดูกาลอันแสนอบอ้าว เหงื่อพร้อมไหลตลอดเวลา แต่ช่วงเวลานี้แหละที่ท้องฟ้าแจ่มใส ในฤดูกาลนี้คุณยังได้ชมฮะนะบิหรือเทศกาลดอกไม้ไฟนับแสนดวงไปพร้อมๆกัน เรียกได้ว่านอกจากแสงสว่างพื้นดินแล้ว ก็ยังได้ชมความงดงามของ(ลูก)ไฟที่ส่องสว่างระยิบระยับบนท้องฟ้าอีกด้วย

          ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) หรือฤดูกาลที่เหล่าใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี แม้แต่ตามถนนหนทางในเมืองก็เหลืองอร่ามไปหมด อากาศในฤดูนี้จะเริ่มเย็นลงเล็กน้อย หากคุณเลือกชมทิวทัศน์ยามค่ำที่ภูเขา เราอยากแนะนำให้ไปช่วงใกล้ตะวันตกดิน เพราะนอกจากแสงไฟ คุณยังได้สัมผัสบรรยากาศที่ปกคลุมไปด้วยสีเหลืองอมแดงและน้ำตาลของภูเขาทั้งลูกด้วยเช่นกัน

          ฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) คนเหงา โสด และรักสันโดษก็ค้นพบความสุขได้ไม่แพ้คนมีคู่
เช่นกันนะคะ ในฤดูกาลนี้ นอกจากทั่วทุกพื้นที่จะมีเพียงสีขาวของหิมะ หรือต้นไม้ไร้ใบ (เพราะปลิวไปกับสายลมหลังหมดช่วงฤดูใบไม้ร่วงเสียแล้ว) แต่ญี่ปุ่นก็ไม่ทำให้จิตใจของผู้คนเหี่ยวตาม เพราะตามสถานที่สำคัญต่างๆจะประดับประดาไปด้วยแสงไฟ หรือที่หลายคนเรียกว่าอิลูมิเนชัน (Illumination) หลายหมื่นหลายแสนดวง บางแห่งยังเพิ่มลูกเล่นเข้าไปให้ผู้ชมรู้สึกตื่นเต้น ตื่นตาตื่นใจ ไปพร้อมๆกัน ยิ่งมองลงมาจากที่สูง แสงไฟประดับเหล่านี้ก็เป็นส่วนหนึ่งให้ทิวทัศน์ยามค่ำน่าชมยิ่งขึ้นไปอีก

－－－－－－－－－－－－－－－－－－－－－－－－－－－－

ขอขอบคุณคุณภาพจาก c Kobe Convention & Visitors Association
ขอขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก www.koberope.jp / www.rokkosan.com / www.kobe-maritime-museum.com / http://www.kobe-port-tower.com / https://www.feel-kobe.jp/explore/en.html
ขอขอบคุณวิดีโอจาก Discover Nippon