Tokyo Nominoichi : ฟลีมาร์เก็ตของเก่าแต่เก๋ที่ฉันคิดถึง
ฉันกลับไปโตเกียวล่าสุดเมื่อเดือนก่อน อากาศกำลังเย็นสบาย ใบไม้ก็กำลังเปลี่ยนสีไล่เฉด นอกจากนี้ยังเป็นช่วงที่มี “โตเกียวโนมิโนะอิจิ (Tokyo Nominoichi)” ฟลีมาร์เก็ตของเก่าที่ฉันชื่นชอบที่สุดพอดีอีกด้วย
Tokyo Nominoichi หรือ Tokyo Flea Market จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2012 มีปีละสองหน คือต้นปีช่วงฤดูใบไม้ผลิและปลายปีช่วงฤดูใบไม้ร่วง สถานที่และวันเวลาจะแตกต่างกันไปในแต่ละครั้ง อย่างครั้งที่ผ่านมาจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-17 พฤศจิกายน เสียค่าเข้า 1,000 เยน (ดูรายละเอียดงานครั้งต่อไปได้ที่ www.tokyonominoichi.com)
จุดเด่นของ “โตเกียวโนมิโนะอิจิ” สำหรับฉันคือคอนเซ็ปต์และบรรยากาศโดยรวมที่ไม่เหมือนกับฟลีมาร์เก็ตทั่วๆ ไป เพราะที่นี่มีทั้งของให้เลือกซื้อ อาหารและเครื่องดื่มให้เลือกชิม มีมินิคอนเสิร์ตให้เลือกดู มีเวิร์คช็อปให้เข้าร่วม (ไม่แปลกใจเลยที่ผู้คนหลั่งไหลมากันเยอะมาก) ซึ่งแน่นอนว่าร้านค้าที่มาเข้าร่วมต่างก็พากันคัดสินค้าดีไซน์สวยๆ งามๆ มาประชันกันกว่า 200 ร้าน ทำให้คนเดินเที่ยวอย่างฉันรู้สึกตื่นเต้นไปตลอด นั่นก็สวย นี่ก็น่ารัก โน่นก็เท่จัง โอ๊ย…อยากได้ไปหมด
คอนเซ็ปต์ของงานจะเปลี่ยนไปในแต่ละครั้ง ครั้งนี้ทางผู้จัดงานได้ตั้งหัวข้อขึ้นมาไว้ประมาณว่าเที่ยวรอบโลก 2 คืน 3 วัน โดยเลือกใช้สถานที่บริเวณ Dream Square ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Showa Kinen Koen (หรือ Showa Memorial Park) สวนสาธารณะขนาดใหญ่ชานเมืองโตเกียว เดินทางสะดวกเพราะอยู่ใกล้ๆ กับสถานี Tachikawa ที่สำคัญคือต้นไม้ใบไม้กำลังเปลี่ยนสีสวย ยิ่งทำให้การออกไปเดินเล่นนอกบ้านเพลิดเพลินยิ่งขึ้น
ภายในงานถูกแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ จัดกลุ่มข้าวของประเภทเดียวกันไว้ในบริเวณเดียวกัน เช่น เครื่องใช้ในบ้านในครัว เฟอร์นิเจอร์ ของใช้สำหรับเด็ก อาหารและเครื่องดื่ม หนังสือ ดอกไม้ต้นไม้ (ขนาดเล็ก)
ส่วนเวทีคอนเสิร์ตก็มีทั้งสำหรับผู้ใหญ่และเด็กเล็ก ทั้งร้านค้าและเวทีก็จะอยู่ภายในเต็นท์ เวลาดูคอนเสิร์ตก็ต้องนั่งบนสนามหญ้า เลยรู้สึกเหมือนว่าได้เที่ยวเล่นและช็อปปิ้งในจุดตั้งแคมป์ไปพร้อมๆ กัน
เท่าที่ฉันสังเกตเห็น แม้จะเป็นตลาดของเก่าแต่ข้าวของที่คัดมาส่วนใหญ่เรียกได้ว่าดูดีไม่มีโทรม โดยเฉพาะจานชามหรือชุดแก้วกาแฟที่เป็นแบรนด์จากประเทศกลุ่มสแกนดิเนเวียและยุโรปมีให้เลือกชมละลานตาในราคาที่โอเค (ไม่ต้องบินไปตามหาถึงประเทศเจ้าถิ่นเลยนะเนี่ย) แต่ก็มีสินค้าดีไซน์แบรนด์ฟินแลนด์ที่เป็นของใหม่ไม่ใช่ของวินเทจมาออกร้านด้วยละ
ในส่วนของหนังสือเก่า ก็มีทั้งหนังสือญี่ปุ่นและจากทางฝั่งยุโรป อย่างหนังสือภาษาต่างประเทศที่เห็นแล้วติดอกติดใจก็เป็นพวกที่มีภาพประกอบสวยๆ หรือกลุ่มหนังสือสำหรับเด็กเล็ก ส่วนหนังสือญี่ปุ่นมีความหลากหลายกว่าและฉันคิดว่าเป็นแนวที่คงจะถูกอกถูกใจคนที่มาเดินงานนี้ นอกจากนั้นก็มีแสตมป์ ฉลากจากขวดหรือกล่องไม้ขีดไฟ โปสต์การ์ด โปสเตอร์ สมุดโน้ต ที่เป็นของเก่าเก็บจริงๆ ไม่ได้มีขายตามห้างสรรพสินค้าทั่วไปให้ดูเป็นอาหารตาอาหารใจด้วย
ฉันลืมเล่าไปว่านี่ไม่ใช่การไปเที่ยวที่นี่ครั้งแรกของฉัน เพราะหลายปีก่อนรุ่นพี่เคยชวนฉันไปเดินเล่นและดูมินิคอนเสิร์ตด้วยกัน ความรู้สึกดีๆ ที่ยังหลงเหลืออยู่ในความทรงจำจากงานครั้งนั้นและครั้งต่อๆ มายังคงอยู่ และฉันก็ดีใจอย่างยิ่งที่จังหวะการไปเยือนญี่ปุ่นหนนี้ทำให้ฉันได้ไปพักผ่อนหย่อนใจกับฟลีมาร์เก็ตของเก่าแต่เก๋อีกครั้ง