เช่ารถขับที่ญี่ปุ่นไม่ยากอย่างที่คิด
ในยุคนี้ที่คนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นกันบ่อยขึ้น (เหมือนกับยุคก่อนหน้านี้ที่คนไทยนิยมไปเที่ยวฮ่องกงกัน) ข้อมูลก็หาง่ายขึ้นด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย การเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นจึงไม่ใช่เรื่องยาก ไกลตัว และราคาแพงแบบในอิมเมจที่คนไทยส่วนใหญ่เคยมีอีกต่อไป นอกจากจะเที่ยวโดยการร่วมกรุ๊ปทัวร์แล้ว หลายคนยังชอบความท้าทายด้วยการเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการใช้รถสาธารณะ อย่างรถไฟ รถบัส
และสำหรับคนที่เดินทางไปญี่ปุ่นมาหลายครั้งแล้ว การเดินทางด้วย “รถเช่า” ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีสำหรับการเดินทางออกต่างจังหวัดที่บางสถานที่ไม่มีรถไฟผ่าน เช่น ฮอกไกโด, โอกินาว่า เป็นต้น เราเองก็เป็นคนที่เดินทางไปทำงานที่ญี่ปุ่นบ่อย แต่ส่วนใหญ่จะอยู่แต่ในเมืองทำให้ไม่มีโอกาสเช่ารถขับเสียที ทั้งๆ ที่อยู่เมืองไทยก็ขับรถทุกวัน แน่นอนว่าขับรถแข็งแล้ว
จนกระทั่งได้มาทำรายการทาง Youtube ที่ชื่อ Let’s go Sis! (ไปค่ะซิส) ซึ่งคอนเซ็ปต์คือการเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเอง ทำให้มีโอกาสลองเช่ารถขับในญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาในทริปจังหวัดทตโตริค่ะ ซึ่งที่ญี่ปุ่นจะมีบริษัทเช่ารถอยู่หลายเจ้า ส่วนใหญ่จะมีบูธอยู่ในสนามบินตามสถานีรถไฟใหญ่ๆ หรืออยู่ในตึกที่อยู่ไม่ไกลมาก พอเดินทางมาถึงปุ๊บสามารถรับรถได้เลยทันที โดยสามารถติดต่อทางออนไลน์ เลือกรถแบบที่ชอบ และแพ็กเก็จเวลาเช่าที่เหมาะกับทริปนั้นๆ ไว้ก่อนได้
มีเพื่อนเราคนหนึ่ง เขามักจะเช่ารถขับแทบทุกครั้งที่ไปญี่ปุ่น เหตุผลคืออยากลองขับรถรุ่นใหม่ๆแปลกๆ ที่ไม่เข้าไทย ซึ่งบางทีเป็นรถหรูราคาแพง แต่สามารถลองขับได้ในราคาที่เอื้อมถึงที่ญี่ปุ่น สำหรับราคานั้นก็แล้วแต่รุ่นของรถยนต์ แต่เริ่มต้นที่ 6,000 เยน ก็สามารถเช่ารถรุ่นเล็กได้แล้วค่ะ
ก่อนที่จะไปเราก็เตรียมทำ “ใบขับขี่สากล” ไปก่อน การทำก็ง่ายมากเลยค่ะ แค่เอาใบขับขี่ไทยไปยื่นเรื่องที่กรมขนส่งพร้อมกับค่าธรรมเนียม 505 บาทเท่านั้น ไม่ถึง 10 นาทีก็เสร็จแล้ว รวดเร็วและบริการดีมากๆ ทำติดตัวไว้ก่อนออกเดินทางไปต่างประเทศก็ดีนะคะ
ตอนที่เรามาจับพวงมาลัยที่ญี่ปุ่นครั้งแรกนั้นก็แอบตื่นเต้นบ้าง เพราะกังวลว่าจะมีกฎระเบียบเยอะแล้วเผลอทำผิดไป แต่ด้วยความที่รถยนต์พวงมาลัยด้านขวาและถนนรถแล่นด้านเดียวกับเมืองไทย ทำให้มันง่ายมาก เหมือนกับขับที่บ้านเราเลย แถมยังง่ายกว่าด้วยซ้ำเพราะส่วนใหญ่ถนนดี เรียบ และที่สำคัญไม่มีมอเตอร์ไซค์ให้ต้องระวังด้วย
สิ่งที่ต้องระวังคือการจำกัดความเร็วเวลาขึ้นทางด่วน พยายามอย่าให้เกิน 80 กิโลเมตร ที่ญี่ปุ่น เวลาแล่นบนทางด่วนทุกคนที่อยู่บนรถต้องรัดเข็มขัดนิรภัยไม่เว้นคนนั่งเบาะหลัง ไม่อย่างนั้นคนขับจะโดนจับค่ะ สำหรับรถยนต์บางรุ่นจะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับการล้ำเส้นถนนด้วยค่ะ บางทีเราขับเพลินๆ กินเลนซ้ายขวานิดหน่อย ทับเส้นขอบทางสีขาวรถมันจะร้องเตือน ติ๊ดๆ เตือนสติว่าเธอทับเส้นอยู่นะ ซึ่งก็ดีเหมือนกัน เพราะเสียงมันทำให้เราตื่นตัวมากขึ้นด้วย
ข้อดีของการขับรถเที่ยวสำหรับเราหลักๆ เลยคือสามารถขนของได้เยอะ เรามักจะหอบสัมภาระเยอะไม่ว่าจะไปไหนก็ตาม การเอาของใช้ติดตัวไปได้เยอะๆ รวมถึงการขนกระเป๋าเดินทางไปได้ด้วยเนี่ย มันสะดวกมากเลยค่ะ คนที่เคยเดินทางในญี่ปุ่นน่าจะรู้ดีว่าเวลาข้ามเมืองด้วยรถไฟพร้อมกระเป๋าเดินทางนี่ ถึงมันจะสะดวก ควบคุมเวลาได้ แต่ก็เหนื่อยเวลาลากกระเป๋าเดินทางขึ้นลงรถและต้องมาลุ้นว่าจะมีที่วางกระเป๋าไหมอีก แต่ถ้าขับรถก็หมดปัญหานี้เลย แถมยังอยากแวะที่ไหนก็ได้ จะเข้าห้องน้ำก็จอดได้ทันที สะดวกมากๆ
ข้อเสียคือที่จอดราคาแพงนี่แหละ แพงกว่าเมืองไทยเยอะเลย โดยเฉพาะในตัวเมือง บางทีคิดเป็นหลัก 10 นาที ก็ต้องทำใจตรงนี้ แต่ถ้าไปหลายคนหารกันช่วยกันจ่ายก็โอเคนะ
สรุปแล้วประสบการณ์ขับรถเที่ยวในญี่ปุ่นของเราน่าประทับใจมาก จนตอนนี้ก็ได้ขับรถเที่ยวมา 2 ทริปแล้ว และคิดว่าจะมีอีกเรื่อยๆ แน่นอน ใครที่กำลังลังเลอยู่ว่าจะเช่ารถดีไหม ขอแนะนำให้ลองเถอะค่ะ โดยเฉพาะตอนที่ไปกันหลายๆ คน คุ้มค่าและสะดวกสบายแน่นอน
ผู้เริ่มต้นที่สนใจเช่ารถขับในญี่ปุ่น สามารถเช่ารถขับในญี่ปุ่นได้ที่ www.klook.com/th/car-rentals/